[CR] Bridge of Spies: เมื่อหลักการและมนุษยธรรม ถูกทดสอบด้วยกระแสชาตินิยม

ดูหนังดูละคร แล้วย้อนดูบ้านเรา...
Bridge of Spies หนังที่ดูแล้วประทับใจจนต้องขอเขียนถึง

เมื่อหลักการและมนุษยธรรมของคนคนหนึ่งถูกทดสอบด้วยกระแสอันเชี่ยวกรากของชาตินิยม

เรื่องเกิดในยุคสงครามเย็นระหว่างอเมริกากับรัสเซีย ที่ความเกลียดและกลัวคอมมิวนิสต์เป็นส่วนหนึงของชีวิตปกติ เป็นส่วนหนึ่งของบทเรียนในโรงเรียน ตั้งแต่เด็กชั้นประถม บรรยากาศนี้ไม่เฉพาะในอเมริกา คนไทยที่โตมาในยุคนั้นย่อมจำได้ดี

พระเอก ทอมแฮงค์ แสดงเป็น เจมส์ โดโนแวน ทนายความที่ถูกโยนให้ทำหน้าที่ทนายจำเลยให้กับสายลับรัสเซียที่ถูกอเมริกาจับได้ คดีที่กำหนดผลแพ้ให้ตั้งแต่ในมุ้ง

เรื่องนี้บอกเราอีกครั้งว่า งานใดก็ตาม แม้แต่เรื่องที่ดูเหมือนจะต้องแพ้ตั้งแต่ยังไม่เริ่มต้น เมื่อมาอยู่ในมือของคนเก่งคนดี ก็ยังสามารถทำให้เกิดผลที่แตกต่างได้อย่างมากมายมหาศาล

ท่ามกลางกระแสการประณามจากเพื่อนร่วมชาติ จุดยืนของโดโนแวนยังคงมั่นคง สายลับที่ทำงานและภักดีต่อชาติของตน ควรแล้วหรือที่จะต้องถูกโทษประหาร
นอกจากต่อสู้ในประเด็นดังกล่าวแล้ว โดโนแวนยังเดินหน้ายื่นร้องต่อศาลสูงเพื่อโต้แย้งในประเด็นที่ศาลใช้หลักฐานที่ FBI ยึดมาโดยไม่มีหมายค้นตามรัฐธรรมนูญ

โดโนแวนมุ่งมั่นที่จะชี้ประเด็นที่ว่า ประเทศของเขาจะผ่านบททดสอบ ในการธำรงไว้ซึ่งหลักการ ที่ประชาชนของตนเชื่อและพร่ำบอกมาเสมอว่าเป็นจุดแข็งของประเทศ ได้หรือไม่

หนังเต็มไปด้วยบทพูดคมลึกหลายต่อหลายตอน ที่ตัดสินไม่ได้ว่าชอบตรงไหนที่สุด หนึ่งในนั้นคือตอนที่โดโนแวนบอกกับหัวหน้าว่าจะนำเรื่องขึ้นสู่ศาลสูง และอีกฝ่ายตกตะลึงและพูดว่า นี่มันสายลับรัสเซียศัตรูของชาตินะ(โว้ย)

ระหว่างการธำรงไว้ซึ่งหลักการ กับ แรงกดดันชาตินิยมจากเพื่อนร่วมชาติ หนังเรื่องนี้ทำให้เรานึกถึงซีรีส์เรื่อง 24 ตอนที่พระเอก แจ๊ค บาวเออร์ กับประธานาธิบดีสหรัฐ ต้องถูกบังคับให้เลือก ระหว่าง สันติภาพ หรือ ความยุติธรรม (Peace or Justice) ที่ทำให้คนดูอย่างเราอึ้งไปหลายวัน

แต่ที่ใกล้ตัวและมีพลังมากไปกว่านั้น หนังทำให้เรานึกถึง ประเด็นปัญหาผู้อพยพโรฮิงญาในบ้านเราเมื่อไม่นานนี้ (ช่างนึกมาได้)

เมื่อความเมตตาและมนุษยธรรมของคน ถูกทดสอบด้วยกระแสอันเชี่ยวกรากของชาตินิยม

ถ้าอเมริกาคือประเทศที่ประชาชนเชื่อมั่น พร่ำสอนและชื่นชมในความมีหลักการของตน ประเทศไทยก็คงเป็นประเทศที่ประชาชนเชื่อมั่นและภูมิใจในความมีเมตตากรุณาของตนเช่นกัน
ยังไม่ต้องพูดถึงภาพพจน์สยามเมืองยิ้มที่เราภูมิใจหนักหนา และเมืองไทยเมืองแห่งบวรพุทธศาสนา  

แต่แล้วเราทุกคนก็ถูกทดสอบด้วยกรณีโรงฮิงญา

ดูเหมือนว่า เมื่อสิ่งนั้นเกิดกับเราเอง การมองในมุมของอีกฝ่าย มันไม่ง่ายเลย เมื่อเทียบกับที่เราดูเหตุการณ์ในฐานะคนดูหนัง  และยิ่งไม่ง่าย เมื่อเราอินอยู่ในสถานการณ์นั้น พร้อมกับครอบครัว เพื่อนฝูง สังคม และสื่อมากมายรอบตัว ที่โหมกระแสชาตินิยมอย่างที่แทบไม่เคยเห็นมาก่อน มากจนสำนึกเล็กๆในใจของเรายากที่จะต้านทาน  และมันยิ่งไม่ง่าย เมื่อเราไม่สามารถคาดเดาถึงตอนจบที่ดีได้ เหมือนกับเวลาที่เราดูหนัง

Bridge of Spies สร้างจากเรื่องจริงช่วงปี ค.ศ. 1957-1962 และตัวละครหลักทุกคนมีตัวตนอยู่จริง
ชื่อสินค้า:   ฺBridge of Spies
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่