เราไม่รู้จะระบายกับใครได้ คนรอบข้างชอบตอบกลับว่าเราบ้า เราก็ยอมรับนะเราคงจะบ้า แต่เรารู้สึกแย่มากๆ เราไม่อยากเป็นแบบนี้รู้สึกแบบนี้ไปจนถึงวันที่เราคิดสั้นและทำจริงอีก
เมื่อครั้งตอนเป็นเด็ก ถ้าจำไม่ผิดช่วงป.6 เราจำไม่ได้ว่าเราโดนที่บ้านดุเรื่องอะไร ครั้งนั้นเราร้องไห้จนชามือชาเท้าและมือเท้าจีบในที่สุดก็พาไปรพ.
ต่อมาตอนอยู่ชั้นม.3 เราก็ถูกดุว่าจากพ่อ เราก็คิดแต่ว่าอยากตาย เรากินพาราไป1กระปุก กี่เม็ดไม่ได้นับค่ะ กินเสร็จก็ร้องไห้ แม่มาเจอก็บอกแม่ เลยได้กินไข่ไก่สดๆตอกใส่ปากไปเยอะมากๆเพื่อให้อ้วกออกมา แต่ก็ออกมาไม่เท่าไหร่ ถูกส่งตัวไปล้างท้องที่รพ. ทรมานมากตอนถูกใส่สายเข้าจมูกลงคอไปในท้องเพื่อล้างท้อง จำได้ไม่ลืม (แต่ถามว่ากลัวไหม ก็ไม่กลัวนะคะ)
พอมาตอนม.6 ก็เครียดเรื่องจะเข้ามหาลัย ก็แอบไปหาจิตแพทย์เอง รู้สึกเครียก หดหู่ อยากฆ่าตัวตายอีกก็เลยต้องขอพบหมอ หมอขอให้พาพ่อแม่มาด้วย พอไปบอกก็ถูกตำหนิว่าหาเรื่องบ้าง เรียกร้องความสนใจบ้าง จบการไปพบหมอครั้งที่สามแล้วก็ไม่ไปอีกเลย ตอนนั้นได้ยาจากหมอมา ให้กินก่อนนอน กินแล้วหลับสบายดี ทีนี้ก็ถนุถนอมรักษายาอย่างดีค่ะ ไม่กิน รอวันไหนท้อใจเสียใจค่อยกิน จะได้หลับไปเลย เหมือนรู้สึกดีได้เร่งเวลาให้ผ่านพ้นไปวันๆ เคยมีช่วงรู้สึกแย่มากหน่อยกินไป 5เม็ด หลับตื่นๆเหมือนคนละเมอ. พอสร่างจริงๆคือ เพิ่งรู้ตัวหลับไปเกิอบ5วัน ในช่วงนั้นตื่นมากินน้ำแล้วอาบน้ำบ้างเข้าห้องน้ำบ้างแล้วนอนต่อเหมือนคนละเมอน่ะค่ะ
จากนั้นก็ช่วงเข้ามหาลัย แอบหาซื้อยาแบบนี้ได้เองก็เอาไว้กินตอนแย่างเร่งเวลาให้ผ่านพ้นค่ะ เวลากินแล้วสบายใจดี เผื่อฟลุคตายก็คิดเอาเองว่าคงหลับตายไปเลย ไม่ทรมานอะไรดี ช่วงนั้นกินบ่อยค่ะ
คือเราพื้นฐานครอบครัวเหมือนจะดี พ่อแม่มีครบครอบครัวใหญ่ แต่อบอุ่นจนร้อนมั้งคะ ไม่สนิทกับพี่น้อง มีอะไรพูดคุยบอกพ่อแม่พี่น้องไม่ได้ เพราะเค้าไม่ฟัง เค้าตั้งกำแพงไว้รอเลยว่าเรื่องพวกนี้ไร้สาระ เรื่องทีสาระคือการทำมาหากินของพ่อแม่และเรียนให้เก่งๆคือสิ่งที่ลูกต้องทำเท่านั้น เรื่องเพื่อนก็ไร้สาระ เรื่องดูหนังฟังเพลงดาราก็บ้าบอห้ามพูดถึงห้ามสนใจ คืออะไรๆก็ไม่ดี มีปัญหาคับอกคับใจก็พูดไม่ได้ไม่รุ้จะคุยกับใครเลยค่ะ ก็เลยเหมือนตัวคนเดียว น้อยใจก็กินยาแล้วนอน มีนเหมือนไม่มีความสุขไม่มีความรักความอบอุ่น นี่เป็นปมในใจเรามากๆค่ะ โหยหามาตั้งแต่เด็กจนถึงตอนนี้สามสิบกว่าก็ยังโหยหา (ไม่เคยได้กอดพ่อกอดแม่ ดีใจเสียใจก็ต้องนิ่งๆค่ะ ถูกห้ามนั่นห้ามนี่ห้ามทุกสิ่ง แม้ทางบ้านจะมีเงินไม่ขาดเหลืออะไร แต่ก็รู้สึกว่าในใจขาดและโหยหาตลอดค่ะ)
ครั้งนึงตอนปีสอง เลิกกับแฟน พ่อแม่ไม่เคยรู้ว่ามีแฟนนะคะ รู้ทีก็ตอนเลิกเลยค่ะ เสียใจมากไม่อยากไปเรียน อยากตายอีกค่ะ ก็เลยกินยาอีก แต่งันนั้นแม่มาหาพอดี เหมือนช่วยชีวิต แม่พูดแค่ว่า ไม่อยากเรียนก็กลับบ้านกัน แค่นั้นค่ะเหมือนทุกอย่างในชีวิตถูกปลดออก ครั้งแรกที่เหมือนมีคนเข้าใจ คำสั้นๆคำเดียวจบเลยค่ะ ไม่อยากตายแล้ว ไม่กลับบ้านแล้วจะกลับมาเรียนตั้งใจเรียน พันธนาการในใจเหมือนถูกปลด ถูกเลิกถูกทิ้งก็ไม่อาจทำอะไรเราได้ค่ะในตอนนั้น หมดเลยค่ะ ชีวิตสดใสทันตา ทุกอย่างคลี่คลายอย่างง่ายดาย
ผ่านมาอีกสี่ห้าปี ที่ไม่เคยพึ่งยานอนหลับ ไม่เคยคิดฆ่าตัวตาย ชีวิตมีความสุขตามประสาไปวันๆ จบตรีก็ต่อโท เรียนโทมีเพื่อนมีความสุขค่ะ ตอนนั้นก็พบแฟนคนปัจจุบัน ก็คบมาเรื่อยๆ ลุ่มๆดอนๆตามประสาวันรุ่น จนมาถึงการสร้างครอบครัว ก็ดีค่ะ แฟนเราปากหนักไม่บอกรักไม่เอาใจแบบจ๊ะจ๋า แต่ดูก็ตามใจไม่ค่อยขัดใจดี การกระทำทำให้รู้สึกว่ารักและเสียสละเพื่อเราพอสมควรค่ะ ชีวิตช่วงนี้ก็วนกลับมาถึงอาการอยากตายอีกแล้ว ตอนนั้นมีลูกคนแรกราวๆขวบนิดๆ ชีวิตครอบครัวเริ่มลำบากเพราะปัญหาเรื้อรังจากหนี้ของพ่อแฟนตกทอดถึงแฟนเราต้องแก้ไขในบางจุด ชีวิตที่ต้นทุนต่ำเลยต่ำลงไปอีก พอทำงานหนักเวลาไม่มี บวกกับการไม่ค่อยพูดทำให้มีปัญหาในใจที่ไม่เข้าใจกันสะสมมาตลอด เราก็อยากตายอีกแล้ว คือมีปัญหาอะไรหน่อยเจอปัญหานิดนึงน้อยใจก็อยากตายอีก แต่เพราะมีลูกเราก็กินยานอนหลับแบบที่เคยกินไม่ได้ ได้แต่ร้องไห้จนมือเท้าจะจีบ แฟนพอจะรู้บ้างก็คุยกันทีนึงเหมือนเคลียร์ใจก็จบไป แล้วก็วนมาแบบนี้อีกเรื่อยๆเป็นระยะๆ ประมาณปีละครั้งสองปีครั้ง
มาถึงตอนนี้ เรามีลูกสองคน ทุกครั้งที่มีปัญหา หากเป็นปัญหาระหว่างเรากับแฟน หรือเวลาลูกดื้อมากๆ เราก็คิดฆ่าตัวตายทุกครั้ง
สังเกตว่าเราจะอ่อนไหวกับปัญหาในครอบครัวมากๆค่ะ แล้วเราก็มักจะเป็นคนโมโหง่ายมากๆ จุดเดือดต่ำมากๆ ระเบิดง่ายแต่จบไว
แต่หากปัญหานั้นใหญ่ ไม่มีคนลงหรือไม่ลงง่ายเราจะกลายเป็นคนหนีเก็บตัวและคิดหาทางฆ่าตัวตายทุกครั้ง จากคนพูดมากๆก็จะเงียบไม่อยากพบปะใครพูดคุยกับใครทั้งนั้น อยากตายอย่างเดียว ได้ยินเสียงลูกก็เฉยชาไปเป็นชม. กว่าจะสงบสติได้คือ ต้องร้องไห้คนเดียวจนเหมือนหมดแรงก่อน
ความรู้สึกคือเหมือนตัวคนเดียวในโลกค่ะ พูดคุยกับใครก็ไม่มีคนเข้าใจ เราเหมือนคนสองบุคลิก ปกติจะลั้ลลา แต่โกรธง่ายกับคนใกล้ชิดเท่านั้นค่ะ
เรารู้สึกแย่มากๆ เราไม่อยากรู้สึกและคิดกับตัวเองแบบนี้อีก เราไม่อยากให้สิ่งเหล่านี้ถ่ายทอดซึมซับไปถึงลูก เพราะตอนนี้ลูกเริ่มโต บางอย่างเราคิดว่าเค้าได้จากเราไป เช่นอารมณ์โมโหที่รุนแรงและเกรี้ยวกราด ขึ้นง่ายมากๆเป็นต้น
เรารู้วิธีแก้ ทฤษฎีปฏิบัติ แต่เราทำไม่ได้สักที เราคงอ่อนแอมาก หน่อมแน้มมาก และทุกคนั้งที่คิดแบบนี้คือเรามันเห่ยมากอยากตายอีกแล้ว (คิดวิธีตายสารพัดลงมือสำเร็จบ้างไม่สำเร็จบ้างที่ไม่ได้ลงรายละเอียดส่วนนึงนะคะ) เราอยากพบหมอแต่ถูกคนในบ้านตำหนิมองว่าเราไร้สาระ ขึ้นๆลงๆแบบนี้ตลอดเลย
ใครที่มีความรู้สึกแบบเราบ้างไหมคะ เราอยากแก้ไขอยากมีคนเข้าใจโดยเฉพาะคนใกล้ชิด แต่ถ้าเราพูดไปเองทีไรมันจบลงที่การตำหนิและเย้ยหยันเป็นเรื่องตลก
เราอยากอยู่กับลูกนายๆ เรารักลูกมาก แต่ทำไมทุกครั้งที่มีปัญหาเราไม่เคยอยากรับฟังเหตุผลใดๆเลย เรารู้อย่างเดียวคืออยากปลดปล่อยความรู้สึกนี้ไปสักทีค่ะ.
ทุกครั้งที่ชีวิตมีปัญหา มีแต่ความคิดว่าอยากตายๆตั้งแต่อายุ 10กว่าจนตอนนี้30กว่าแล้วค่ะ
เมื่อครั้งตอนเป็นเด็ก ถ้าจำไม่ผิดช่วงป.6 เราจำไม่ได้ว่าเราโดนที่บ้านดุเรื่องอะไร ครั้งนั้นเราร้องไห้จนชามือชาเท้าและมือเท้าจีบในที่สุดก็พาไปรพ.
ต่อมาตอนอยู่ชั้นม.3 เราก็ถูกดุว่าจากพ่อ เราก็คิดแต่ว่าอยากตาย เรากินพาราไป1กระปุก กี่เม็ดไม่ได้นับค่ะ กินเสร็จก็ร้องไห้ แม่มาเจอก็บอกแม่ เลยได้กินไข่ไก่สดๆตอกใส่ปากไปเยอะมากๆเพื่อให้อ้วกออกมา แต่ก็ออกมาไม่เท่าไหร่ ถูกส่งตัวไปล้างท้องที่รพ. ทรมานมากตอนถูกใส่สายเข้าจมูกลงคอไปในท้องเพื่อล้างท้อง จำได้ไม่ลืม (แต่ถามว่ากลัวไหม ก็ไม่กลัวนะคะ)
พอมาตอนม.6 ก็เครียดเรื่องจะเข้ามหาลัย ก็แอบไปหาจิตแพทย์เอง รู้สึกเครียก หดหู่ อยากฆ่าตัวตายอีกก็เลยต้องขอพบหมอ หมอขอให้พาพ่อแม่มาด้วย พอไปบอกก็ถูกตำหนิว่าหาเรื่องบ้าง เรียกร้องความสนใจบ้าง จบการไปพบหมอครั้งที่สามแล้วก็ไม่ไปอีกเลย ตอนนั้นได้ยาจากหมอมา ให้กินก่อนนอน กินแล้วหลับสบายดี ทีนี้ก็ถนุถนอมรักษายาอย่างดีค่ะ ไม่กิน รอวันไหนท้อใจเสียใจค่อยกิน จะได้หลับไปเลย เหมือนรู้สึกดีได้เร่งเวลาให้ผ่านพ้นไปวันๆ เคยมีช่วงรู้สึกแย่มากหน่อยกินไป 5เม็ด หลับตื่นๆเหมือนคนละเมอ. พอสร่างจริงๆคือ เพิ่งรู้ตัวหลับไปเกิอบ5วัน ในช่วงนั้นตื่นมากินน้ำแล้วอาบน้ำบ้างเข้าห้องน้ำบ้างแล้วนอนต่อเหมือนคนละเมอน่ะค่ะ
จากนั้นก็ช่วงเข้ามหาลัย แอบหาซื้อยาแบบนี้ได้เองก็เอาไว้กินตอนแย่างเร่งเวลาให้ผ่านพ้นค่ะ เวลากินแล้วสบายใจดี เผื่อฟลุคตายก็คิดเอาเองว่าคงหลับตายไปเลย ไม่ทรมานอะไรดี ช่วงนั้นกินบ่อยค่ะ
คือเราพื้นฐานครอบครัวเหมือนจะดี พ่อแม่มีครบครอบครัวใหญ่ แต่อบอุ่นจนร้อนมั้งคะ ไม่สนิทกับพี่น้อง มีอะไรพูดคุยบอกพ่อแม่พี่น้องไม่ได้ เพราะเค้าไม่ฟัง เค้าตั้งกำแพงไว้รอเลยว่าเรื่องพวกนี้ไร้สาระ เรื่องทีสาระคือการทำมาหากินของพ่อแม่และเรียนให้เก่งๆคือสิ่งที่ลูกต้องทำเท่านั้น เรื่องเพื่อนก็ไร้สาระ เรื่องดูหนังฟังเพลงดาราก็บ้าบอห้ามพูดถึงห้ามสนใจ คืออะไรๆก็ไม่ดี มีปัญหาคับอกคับใจก็พูดไม่ได้ไม่รุ้จะคุยกับใครเลยค่ะ ก็เลยเหมือนตัวคนเดียว น้อยใจก็กินยาแล้วนอน มีนเหมือนไม่มีความสุขไม่มีความรักความอบอุ่น นี่เป็นปมในใจเรามากๆค่ะ โหยหามาตั้งแต่เด็กจนถึงตอนนี้สามสิบกว่าก็ยังโหยหา (ไม่เคยได้กอดพ่อกอดแม่ ดีใจเสียใจก็ต้องนิ่งๆค่ะ ถูกห้ามนั่นห้ามนี่ห้ามทุกสิ่ง แม้ทางบ้านจะมีเงินไม่ขาดเหลืออะไร แต่ก็รู้สึกว่าในใจขาดและโหยหาตลอดค่ะ)
ครั้งนึงตอนปีสอง เลิกกับแฟน พ่อแม่ไม่เคยรู้ว่ามีแฟนนะคะ รู้ทีก็ตอนเลิกเลยค่ะ เสียใจมากไม่อยากไปเรียน อยากตายอีกค่ะ ก็เลยกินยาอีก แต่งันนั้นแม่มาหาพอดี เหมือนช่วยชีวิต แม่พูดแค่ว่า ไม่อยากเรียนก็กลับบ้านกัน แค่นั้นค่ะเหมือนทุกอย่างในชีวิตถูกปลดออก ครั้งแรกที่เหมือนมีคนเข้าใจ คำสั้นๆคำเดียวจบเลยค่ะ ไม่อยากตายแล้ว ไม่กลับบ้านแล้วจะกลับมาเรียนตั้งใจเรียน พันธนาการในใจเหมือนถูกปลด ถูกเลิกถูกทิ้งก็ไม่อาจทำอะไรเราได้ค่ะในตอนนั้น หมดเลยค่ะ ชีวิตสดใสทันตา ทุกอย่างคลี่คลายอย่างง่ายดาย
ผ่านมาอีกสี่ห้าปี ที่ไม่เคยพึ่งยานอนหลับ ไม่เคยคิดฆ่าตัวตาย ชีวิตมีความสุขตามประสาไปวันๆ จบตรีก็ต่อโท เรียนโทมีเพื่อนมีความสุขค่ะ ตอนนั้นก็พบแฟนคนปัจจุบัน ก็คบมาเรื่อยๆ ลุ่มๆดอนๆตามประสาวันรุ่น จนมาถึงการสร้างครอบครัว ก็ดีค่ะ แฟนเราปากหนักไม่บอกรักไม่เอาใจแบบจ๊ะจ๋า แต่ดูก็ตามใจไม่ค่อยขัดใจดี การกระทำทำให้รู้สึกว่ารักและเสียสละเพื่อเราพอสมควรค่ะ ชีวิตช่วงนี้ก็วนกลับมาถึงอาการอยากตายอีกแล้ว ตอนนั้นมีลูกคนแรกราวๆขวบนิดๆ ชีวิตครอบครัวเริ่มลำบากเพราะปัญหาเรื้อรังจากหนี้ของพ่อแฟนตกทอดถึงแฟนเราต้องแก้ไขในบางจุด ชีวิตที่ต้นทุนต่ำเลยต่ำลงไปอีก พอทำงานหนักเวลาไม่มี บวกกับการไม่ค่อยพูดทำให้มีปัญหาในใจที่ไม่เข้าใจกันสะสมมาตลอด เราก็อยากตายอีกแล้ว คือมีปัญหาอะไรหน่อยเจอปัญหานิดนึงน้อยใจก็อยากตายอีก แต่เพราะมีลูกเราก็กินยานอนหลับแบบที่เคยกินไม่ได้ ได้แต่ร้องไห้จนมือเท้าจะจีบ แฟนพอจะรู้บ้างก็คุยกันทีนึงเหมือนเคลียร์ใจก็จบไป แล้วก็วนมาแบบนี้อีกเรื่อยๆเป็นระยะๆ ประมาณปีละครั้งสองปีครั้ง
มาถึงตอนนี้ เรามีลูกสองคน ทุกครั้งที่มีปัญหา หากเป็นปัญหาระหว่างเรากับแฟน หรือเวลาลูกดื้อมากๆ เราก็คิดฆ่าตัวตายทุกครั้ง
สังเกตว่าเราจะอ่อนไหวกับปัญหาในครอบครัวมากๆค่ะ แล้วเราก็มักจะเป็นคนโมโหง่ายมากๆ จุดเดือดต่ำมากๆ ระเบิดง่ายแต่จบไว
แต่หากปัญหานั้นใหญ่ ไม่มีคนลงหรือไม่ลงง่ายเราจะกลายเป็นคนหนีเก็บตัวและคิดหาทางฆ่าตัวตายทุกครั้ง จากคนพูดมากๆก็จะเงียบไม่อยากพบปะใครพูดคุยกับใครทั้งนั้น อยากตายอย่างเดียว ได้ยินเสียงลูกก็เฉยชาไปเป็นชม. กว่าจะสงบสติได้คือ ต้องร้องไห้คนเดียวจนเหมือนหมดแรงก่อน
ความรู้สึกคือเหมือนตัวคนเดียวในโลกค่ะ พูดคุยกับใครก็ไม่มีคนเข้าใจ เราเหมือนคนสองบุคลิก ปกติจะลั้ลลา แต่โกรธง่ายกับคนใกล้ชิดเท่านั้นค่ะ
เรารู้สึกแย่มากๆ เราไม่อยากรู้สึกและคิดกับตัวเองแบบนี้อีก เราไม่อยากให้สิ่งเหล่านี้ถ่ายทอดซึมซับไปถึงลูก เพราะตอนนี้ลูกเริ่มโต บางอย่างเราคิดว่าเค้าได้จากเราไป เช่นอารมณ์โมโหที่รุนแรงและเกรี้ยวกราด ขึ้นง่ายมากๆเป็นต้น
เรารู้วิธีแก้ ทฤษฎีปฏิบัติ แต่เราทำไม่ได้สักที เราคงอ่อนแอมาก หน่อมแน้มมาก และทุกคนั้งที่คิดแบบนี้คือเรามันเห่ยมากอยากตายอีกแล้ว (คิดวิธีตายสารพัดลงมือสำเร็จบ้างไม่สำเร็จบ้างที่ไม่ได้ลงรายละเอียดส่วนนึงนะคะ) เราอยากพบหมอแต่ถูกคนในบ้านตำหนิมองว่าเราไร้สาระ ขึ้นๆลงๆแบบนี้ตลอดเลย
ใครที่มีความรู้สึกแบบเราบ้างไหมคะ เราอยากแก้ไขอยากมีคนเข้าใจโดยเฉพาะคนใกล้ชิด แต่ถ้าเราพูดไปเองทีไรมันจบลงที่การตำหนิและเย้ยหยันเป็นเรื่องตลก
เราอยากอยู่กับลูกนายๆ เรารักลูกมาก แต่ทำไมทุกครั้งที่มีปัญหาเราไม่เคยอยากรับฟังเหตุผลใดๆเลย เรารู้อย่างเดียวคืออยากปลดปล่อยความรู้สึกนี้ไปสักทีค่ะ.