Eden สวรรค์คนบาป เป็นหนังที่ "ได้รับแรงบันดาลใจจากปากคำของผู้รอดชีวิต" เกี่ยวกับการหาทางช่วยมนุษยชาติจากการทำลายตนเอง ดูแล้วก็น่ากลัวนะที่ทำให้เห็นว่า คนเราตระหนักถึงปัญหานี้ตั้งแต่ช่วงปี 1930 นู่นน..แล้ว +++1929 หลังจากสงครามโลกครั้งที่ 1 เศรษฐกิจโลกล่มสลาย ลัทธิฟาสซิสต์กำลังแพร่กระจาย ประชาชนต้องการวิธีแก้ไขปัญหาอย่างยิ่ง+++ เนื้อเรื่องดำเนินอยู่บนเกาะๆหนึ่งกับผู้คน 3 กลุ่มคือ (มันเปรียบเหมือนกับโลกฉบับย่อ)
1) หมอ ฟรีดริช ริตเตอร์ และแฟนชื่อ โดรา สเตรา คู่นี้ก็มีอะไรกันตามประสาชายหญิงแต่เธอบอก
“เธอไม่ใช่ภรรยาเขา การแต่งงานเป็นเรื่องน่ารังเกียจสำหรับเธอ” สองคนนี้คือคนกลุ่มแรกที่มาอยู่บนเกาะเป็นผู้มีชื่อเสียงระดับนึงเลยในสมัยนั้น ภารกิจของหมอคือ เขียนปรัชญาใหม่โดยสิ้นเชิงเพื่อหาทางช่วยมนุษยชาติจากตัวของมันเอง เป็นทฤษฎีใหม่ในการสร้างอนาคตให้แก่มวลมนุษยชาติ ผมให้เป็นตัวแทนของพวกมีความรู้ปัญญาชนที่มีความเห็นแก่ตัวสูง คงเพราะหลงตัวเองว่าเก่งกว่าคนอื่น ไม่อยากจะช่วยอะไรคนอื่นเลยทั้งๆที่มาอยู่ก่อน
อย่างนางเอกขอให้หมอช่วยทำคลอดแต่ไม่ช่วย หมอบอก
การมีลูกมีครอบครัวเป็นเรื่องไร้สาระ ฉันไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของโลกนั้นอีกต่อไปและฉันก็ไม่ใช่หมออีกต่อไป
2) ครอบครัวนางเอก มีสามีและลูกชาย ตอนหลังก็มีลูกอีก1คนเกิดบนเกาะ ตามหมอมาอยู่บนเกาะ เพราะลูกชายไม่สบาย ค่ารักษาแพง ไม่ไหวท่ามกลางปัญหาเศรษกิจแบบนั้น เลยลองหาชีวิตที่ดีกว่า พวกเขาได้ติดตามและรู้เรื่องราวของหมอจากข่าว,จากmagazine คือนานๆทีก็จะมีเรือมาเอาจดหมายของหมอที่กล่องไปรษณีย์บนเกาะ
ให้ครอบครัวนี้เป็นตัวแทนของประชาชนทั่วไปที่ไม่ได้มักใหญ่ใฝ่สูงแค่พอให้ครอบครัวมีกิน มีน้ำใจช่วยเหลือผู้อื่น เหลือก็แบ่งปัน
มีฉากนึงที่นางเอกกำลังเขียนจดหมายถึงแม่
"ฉันรู้ว่าแม่ต้องคิดว่าฉันบ้า บางทีฉันอาจจะบ้าจริงๆ ก็ได้ หรือบางทีโลกอาจกลายเป็นสถานที่ที่บ้าคลั่งและ สิ่งเดียวที่ควรทำคือการหนีจากมัน"
3) ตัวนางร้าย บารอนเนส อโลอิส แวร์บอร์น-โดการ์เนอร์-บอสเกต์ เธอมาเพื่อสร้างโรงแรมที่มีราคาแพงที่สุดในโลก สำหรับเศรษฐีเท่านั้น เธอคือตัวปัญหาใหญ่เลย ให้เป็นตัวแทนของกลุ่มนายทุนใหญ่พวกวัตถุนิยม ล่อลวงอำพรางด้วยวัตถุ,แสงสีเสียงผ่านสื่อโฆษณาชวนเชื่อต่างๆ ให้ผู้คนมาซื้อ,มาใช้เพื่อตัวเองจะได้รวยๆๆๆๆ เธอมีผู้ชาย2คนเลย ใช้เสน่ห์เธอทำให้ผู้ชายหลงยอมทำต่างๆ แล้วตอนหลังยังจะพยายามยั่วยวนล่อลวงเจ้าของHollywoodที่แวะมาที่เกาะอีกคนด้วย เธอก็สร้างภาพเก่ง เอาหยดน้ำมาทำน้ำตาเพื่อให้ดูเป็นคนอ่อนไหว,เอาของขโมยเขามาๆเลี้ยงเขา ทั้งโหดร้าย ไม่ช่วยนางเอกที่ร้องดังลั่นขณะกำลังคลอดลูกอยู่คนเดียวและกำลังโดนหมาป่ารุมทำร้ายจนเกือบตายพร้อมลูก
กลุ่มทุนใหญ่นี่มันเป็นปัญหามานานมากกกแล้วเนอะ แต่เพราะทำอะไรพวกเขาไม่ค่อยได้ เพราะหลายคนก็ต้องการเงินจากพวกเขาแค่เพื่อพออยู่พอกิน ก็เลยมีแต่สร้างปัญหาหนักขึ้นๆๆๆ จนปัจจุบันนี้ โลกร้อน ฝุ่นพิษ ฯลฯ ทำร้าย ทำลายทรัพยากรธรรมชาติมากมายเพื่อสนองกิเลสอันไม่รู้จักพอ
คือดูหนังแล้วมันทำให้เห็นปัญหาเดิมๆ วนเวียนซ้ำซากของมนุษย์จนหนักขึ้นๆๆๆ สร้างปัญหาต่างๆให้กับตัวเองและคนร่วมโลก ซึ่งถ้ารู้จักคิดและ/หรือเอาธรรมะมาช่วยมันก็จะช่วยให้สังคมน่าอยู่ขึ้น เช่น
A อย่าเห็นแก่ตัวกันเกินไป รู้จักช่วยเหลือกัน ทางธรรมก็มีสอนว่า “เมตตาค้ำจุนโลก” คนเราจริงๆแล้ว ปัจจัย 4 ก็พอเพียงแล้วแต่เพราะยังมีกิเลสอยู่ก็เลยต้องการมากกว่าปัจจัย4 ซึ่งถ้ามันไม่ไปทำให้ใครเดือดร้อน (ทั้งตัวเองด้วย) ก็Ok เช่น มีเงินก็ซื้อ ไม่ได้ไปขโมย ไม่ได้ไปกู้หนี้ยืมสินจนจ่ายคืนไม่ไหว ก็Ok แต่ปัจจุบันนี้มันคงต้องระวังมากขึ้นเพราะมีเรื่องโลกร้อน ปัญหาสิ่งแวดล้อม ก็ต้องระวังเรื่องการทำลายสิ่งแวดล้อมเพื่อเอามาสนองกิเลสที่ไม่รู้จักพอด้วย ถ้าซื้อใช้เพื่อจำเป็น ก็Ok
B รู้จักเรียนรู้โทษของกาม(กามคุณ5) จะได้รู้จัก"พอ"บ้าง ทางธรรมก็มีสอนไว้ เช่น มันไม่อิ่มเดี๋ยวก็อยากอีก, ได้มาแล้วก็ต้องคอยระวังรักษาคอยเป็นห่วง, ได้/เสพถึงจุดนึงก็ต้องหยุด ไม่งั้นจะทำร้ายตัวเองได้ เช่นเล่นมือถือมากไปก็แย่, ใจคอยกระวนกระวาย(เพราะอยากได้อยากมีอีก) ฯลฯ กามทั้งหลายมีคุณน้อยแต่โทษมาก และมันก็เกี่ยวกับการมอง/การเห็นตามความเป็นจริง (ทางธรรมมีคำที่เกี่ยวข้องว่า”วิปัสสนา”) หลายๆสิ่งถ้าไม่ทุกสิ่งมันก็มีทั้งข้อดีข้อเสีย แต่ก็โฆษณาแต่ที่ดีๆ ที่ไม่ดีก็ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นไม่บอก จะได้บริโภคกันเยอะๆ ปัญหาทุกวันนี้เลยหนักเลย
C การแก้ปัญหาโดยใช้กำลังความรุนแรง ในหนังสุดท้ายก็ฆ่ากันตาย ปัญหาจริงๆมันก็ต้องแก้ด้วยปัญญาด้วยเหตุด้วยผลแค่นั้นเป็นหลักๆเลย หาสาเหตุ/รากของปัญหา แล้วใช้ปัญญาแก้ที่สาเหตุ แก้ที่รากของปัญหา การใช้กำลังความรุนแรงแก้ปัญหา ปัญหามันก็แก้ไม่ได้จริงๆ แถมก็ได้ความรุนแรงกลับมาอีก สังคมบ้านเราก็คงเป็นตัวอย่างที่ดี ข่าวความรุนแรงมีเป็นปรกติ
D ในหนัง หมอพูดถึงประชาธิปไตยว่า
“ประชาธิปไตยที่ไม่ได้ถูกกำหนดโดยเงินทองแต่ด้วยอำนาจทางจิตใจ”
เราควรพยายามช่วยกันสร้างสังคมที่ขับเคลื่อนด้วยปัญญามีเมตตาต่อกัน ไม่ใช่ขับเคลื่อนด้วยอำนาจและผลประโยชน์แย่งชิงอย่างทุกวันนี้ การเมืองที่หมดหวัง!!
E การเลือกข้าง ในหนังทั้งตัวหมอและตัวนางร้ายก็พยายามสร้างความแตกแยกให้กับอีก 2ฝ่าย (อย่างที่บอกเรื่องนี้มี 3กลุ่ม) เพื่อจะได้มาเลือกข้างตัวเอง ดูเหมือนเป็น 1 ในสัญชาติญาณของมนุษย์เราเลยมั๊งนี้ ทุกวันนี้ก็ยังพยายามใช้วิธีนี้กันอยู่ เลือกข้าง แบ่งแยก แตกแยก ทั้งๆที่เราอยู่ในบ้านเดียวกันโลกเดียวกันแท้ๆ
F ในตอนเริ่มต้นหนัง หมอกำลังครุ่นคิด “จุดประสงค์ที่แท้จริงของชีวิตคืออะไร? ความเจ็บปวด
เราเรียนรู้ความจริงผ่านความเจ็บปวด และผ่านความจริงเราจะบรรลุถึงความรอด” ในหนังเรื่อง Lucy ที่นางเอกโดนให้ยาเสพติดแต่กลายเป็นทำให้เธอมีพลังพิเศษใช้สมองได้เต็มร้อย นางเอกก็พูดคล้ายๆนี้กับหัวหน้าแกงค์ขณะที่เธอเอามีดแทงทะลุมือเขาทั้ง2ข้าง ...
เราเรียนรู้ความจริงผ่านความเจ็บปวด...
คือถ้าอิงทางธรรม คนที่เคยปฏิบัติธรรม คงจะแทบทั้งนั้นหลายๆสำนัก/วัด ที่พระท่านบอกเราให้อดทนต่อความเจ็บปวดจากการนั่งสมาธินานๆ ซึ่งบางคนที่ทน ทนๆๆๆๆๆ จนถึงจุดนึงอาจได้พบประสบการณ์ที่น่าสนใจ เจอความจริงขึ้นไปอีกระดับนึง
เขียนไปเขียนมามันยาวมากแล้ว
ถ้าสรุปสั้นๆปัญหาของคนก็เพราะ เห็นแก่ตัว โลภ โกรธ หลง(หลงตัวเองหลงอำนาจ...) ถ้ายังห่างไกลศีลไกลธรรม ปัญหาของมนุษย์ก็จะมากขึ้นๆๆๆ
วิเคราะห์หนัง Eden สวรรค์คนบาป อิงเรื่องจริงการหาทางช่วยมนุษย์ชาติ
1) หมอ ฟรีดริช ริตเตอร์ และแฟนชื่อ โดรา สเตรา คู่นี้ก็มีอะไรกันตามประสาชายหญิงแต่เธอบอก “เธอไม่ใช่ภรรยาเขา การแต่งงานเป็นเรื่องน่ารังเกียจสำหรับเธอ” สองคนนี้คือคนกลุ่มแรกที่มาอยู่บนเกาะเป็นผู้มีชื่อเสียงระดับนึงเลยในสมัยนั้น ภารกิจของหมอคือ เขียนปรัชญาใหม่โดยสิ้นเชิงเพื่อหาทางช่วยมนุษยชาติจากตัวของมันเอง เป็นทฤษฎีใหม่ในการสร้างอนาคตให้แก่มวลมนุษยชาติ ผมให้เป็นตัวแทนของพวกมีความรู้ปัญญาชนที่มีความเห็นแก่ตัวสูง คงเพราะหลงตัวเองว่าเก่งกว่าคนอื่น ไม่อยากจะช่วยอะไรคนอื่นเลยทั้งๆที่มาอยู่ก่อน
อย่างนางเอกขอให้หมอช่วยทำคลอดแต่ไม่ช่วย หมอบอก การมีลูกมีครอบครัวเป็นเรื่องไร้สาระ ฉันไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของโลกนั้นอีกต่อไปและฉันก็ไม่ใช่หมออีกต่อไป
2) ครอบครัวนางเอก มีสามีและลูกชาย ตอนหลังก็มีลูกอีก1คนเกิดบนเกาะ ตามหมอมาอยู่บนเกาะ เพราะลูกชายไม่สบาย ค่ารักษาแพง ไม่ไหวท่ามกลางปัญหาเศรษกิจแบบนั้น เลยลองหาชีวิตที่ดีกว่า พวกเขาได้ติดตามและรู้เรื่องราวของหมอจากข่าว,จากmagazine คือนานๆทีก็จะมีเรือมาเอาจดหมายของหมอที่กล่องไปรษณีย์บนเกาะ
ให้ครอบครัวนี้เป็นตัวแทนของประชาชนทั่วไปที่ไม่ได้มักใหญ่ใฝ่สูงแค่พอให้ครอบครัวมีกิน มีน้ำใจช่วยเหลือผู้อื่น เหลือก็แบ่งปัน
มีฉากนึงที่นางเอกกำลังเขียนจดหมายถึงแม่ "ฉันรู้ว่าแม่ต้องคิดว่าฉันบ้า บางทีฉันอาจจะบ้าจริงๆ ก็ได้ หรือบางทีโลกอาจกลายเป็นสถานที่ที่บ้าคลั่งและ สิ่งเดียวที่ควรทำคือการหนีจากมัน"
3) ตัวนางร้าย บารอนเนส อโลอิส แวร์บอร์น-โดการ์เนอร์-บอสเกต์ เธอมาเพื่อสร้างโรงแรมที่มีราคาแพงที่สุดในโลก สำหรับเศรษฐีเท่านั้น เธอคือตัวปัญหาใหญ่เลย ให้เป็นตัวแทนของกลุ่มนายทุนใหญ่พวกวัตถุนิยม ล่อลวงอำพรางด้วยวัตถุ,แสงสีเสียงผ่านสื่อโฆษณาชวนเชื่อต่างๆ ให้ผู้คนมาซื้อ,มาใช้เพื่อตัวเองจะได้รวยๆๆๆๆ เธอมีผู้ชาย2คนเลย ใช้เสน่ห์เธอทำให้ผู้ชายหลงยอมทำต่างๆ แล้วตอนหลังยังจะพยายามยั่วยวนล่อลวงเจ้าของHollywoodที่แวะมาที่เกาะอีกคนด้วย เธอก็สร้างภาพเก่ง เอาหยดน้ำมาทำน้ำตาเพื่อให้ดูเป็นคนอ่อนไหว,เอาของขโมยเขามาๆเลี้ยงเขา ทั้งโหดร้าย ไม่ช่วยนางเอกที่ร้องดังลั่นขณะกำลังคลอดลูกอยู่คนเดียวและกำลังโดนหมาป่ารุมทำร้ายจนเกือบตายพร้อมลูก
กลุ่มทุนใหญ่นี่มันเป็นปัญหามานานมากกกแล้วเนอะ แต่เพราะทำอะไรพวกเขาไม่ค่อยได้ เพราะหลายคนก็ต้องการเงินจากพวกเขาแค่เพื่อพออยู่พอกิน ก็เลยมีแต่สร้างปัญหาหนักขึ้นๆๆๆ จนปัจจุบันนี้ โลกร้อน ฝุ่นพิษ ฯลฯ ทำร้าย ทำลายทรัพยากรธรรมชาติมากมายเพื่อสนองกิเลสอันไม่รู้จักพอ
คือดูหนังแล้วมันทำให้เห็นปัญหาเดิมๆ วนเวียนซ้ำซากของมนุษย์จนหนักขึ้นๆๆๆ สร้างปัญหาต่างๆให้กับตัวเองและคนร่วมโลก ซึ่งถ้ารู้จักคิดและ/หรือเอาธรรมะมาช่วยมันก็จะช่วยให้สังคมน่าอยู่ขึ้น เช่น
A อย่าเห็นแก่ตัวกันเกินไป รู้จักช่วยเหลือกัน ทางธรรมก็มีสอนว่า “เมตตาค้ำจุนโลก” คนเราจริงๆแล้ว ปัจจัย 4 ก็พอเพียงแล้วแต่เพราะยังมีกิเลสอยู่ก็เลยต้องการมากกว่าปัจจัย4 ซึ่งถ้ามันไม่ไปทำให้ใครเดือดร้อน (ทั้งตัวเองด้วย) ก็Ok เช่น มีเงินก็ซื้อ ไม่ได้ไปขโมย ไม่ได้ไปกู้หนี้ยืมสินจนจ่ายคืนไม่ไหว ก็Ok แต่ปัจจุบันนี้มันคงต้องระวังมากขึ้นเพราะมีเรื่องโลกร้อน ปัญหาสิ่งแวดล้อม ก็ต้องระวังเรื่องการทำลายสิ่งแวดล้อมเพื่อเอามาสนองกิเลสที่ไม่รู้จักพอด้วย ถ้าซื้อใช้เพื่อจำเป็น ก็Ok
B รู้จักเรียนรู้โทษของกาม(กามคุณ5) จะได้รู้จัก"พอ"บ้าง ทางธรรมก็มีสอนไว้ เช่น มันไม่อิ่มเดี๋ยวก็อยากอีก, ได้มาแล้วก็ต้องคอยระวังรักษาคอยเป็นห่วง, ได้/เสพถึงจุดนึงก็ต้องหยุด ไม่งั้นจะทำร้ายตัวเองได้ เช่นเล่นมือถือมากไปก็แย่, ใจคอยกระวนกระวาย(เพราะอยากได้อยากมีอีก) ฯลฯ กามทั้งหลายมีคุณน้อยแต่โทษมาก และมันก็เกี่ยวกับการมอง/การเห็นตามความเป็นจริง (ทางธรรมมีคำที่เกี่ยวข้องว่า”วิปัสสนา”) หลายๆสิ่งถ้าไม่ทุกสิ่งมันก็มีทั้งข้อดีข้อเสีย แต่ก็โฆษณาแต่ที่ดีๆ ที่ไม่ดีก็ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นไม่บอก จะได้บริโภคกันเยอะๆ ปัญหาทุกวันนี้เลยหนักเลย
C การแก้ปัญหาโดยใช้กำลังความรุนแรง ในหนังสุดท้ายก็ฆ่ากันตาย ปัญหาจริงๆมันก็ต้องแก้ด้วยปัญญาด้วยเหตุด้วยผลแค่นั้นเป็นหลักๆเลย หาสาเหตุ/รากของปัญหา แล้วใช้ปัญญาแก้ที่สาเหตุ แก้ที่รากของปัญหา การใช้กำลังความรุนแรงแก้ปัญหา ปัญหามันก็แก้ไม่ได้จริงๆ แถมก็ได้ความรุนแรงกลับมาอีก สังคมบ้านเราก็คงเป็นตัวอย่างที่ดี ข่าวความรุนแรงมีเป็นปรกติ
D ในหนัง หมอพูดถึงประชาธิปไตยว่า “ประชาธิปไตยที่ไม่ได้ถูกกำหนดโดยเงินทองแต่ด้วยอำนาจทางจิตใจ”
เราควรพยายามช่วยกันสร้างสังคมที่ขับเคลื่อนด้วยปัญญามีเมตตาต่อกัน ไม่ใช่ขับเคลื่อนด้วยอำนาจและผลประโยชน์แย่งชิงอย่างทุกวันนี้ การเมืองที่หมดหวัง!!
E การเลือกข้าง ในหนังทั้งตัวหมอและตัวนางร้ายก็พยายามสร้างความแตกแยกให้กับอีก 2ฝ่าย (อย่างที่บอกเรื่องนี้มี 3กลุ่ม) เพื่อจะได้มาเลือกข้างตัวเอง ดูเหมือนเป็น 1 ในสัญชาติญาณของมนุษย์เราเลยมั๊งนี้ ทุกวันนี้ก็ยังพยายามใช้วิธีนี้กันอยู่ เลือกข้าง แบ่งแยก แตกแยก ทั้งๆที่เราอยู่ในบ้านเดียวกันโลกเดียวกันแท้ๆ
F ในตอนเริ่มต้นหนัง หมอกำลังครุ่นคิด “จุดประสงค์ที่แท้จริงของชีวิตคืออะไร? ความเจ็บปวด เราเรียนรู้ความจริงผ่านความเจ็บปวด และผ่านความจริงเราจะบรรลุถึงความรอด” ในหนังเรื่อง Lucy ที่นางเอกโดนให้ยาเสพติดแต่กลายเป็นทำให้เธอมีพลังพิเศษใช้สมองได้เต็มร้อย นางเอกก็พูดคล้ายๆนี้กับหัวหน้าแกงค์ขณะที่เธอเอามีดแทงทะลุมือเขาทั้ง2ข้าง ...เราเรียนรู้ความจริงผ่านความเจ็บปวด...
คือถ้าอิงทางธรรม คนที่เคยปฏิบัติธรรม คงจะแทบทั้งนั้นหลายๆสำนัก/วัด ที่พระท่านบอกเราให้อดทนต่อความเจ็บปวดจากการนั่งสมาธินานๆ ซึ่งบางคนที่ทน ทนๆๆๆๆๆ จนถึงจุดนึงอาจได้พบประสบการณ์ที่น่าสนใจ เจอความจริงขึ้นไปอีกระดับนึง
เขียนไปเขียนมามันยาวมากแล้ว ถ้าสรุปสั้นๆปัญหาของคนก็เพราะ เห็นแก่ตัว โลภ โกรธ หลง(หลงตัวเองหลงอำนาจ...) ถ้ายังห่างไกลศีลไกลธรรม ปัญหาของมนุษย์ก็จะมากขึ้นๆๆๆ