ถึงคุณพ่อคุณแม่ที่มีลูกเรียนจบใหม่ และน้องๆที่จบใหม่กำลังจะไปสมัครงาน

ทำงานสาย HRมา 10ปี  แต่ตำแหน่งงานปัจจุบันของเราทำหลายหน้าที่ รวมทั้งงาน HRด้วย เพราะเปลี่ยนมาทำ บ.เล็กๆ พนักงาน1คน ทำหลายอย่าง

ไม่ได้บอกว่าตัวเองทำถูกหรือดีกว่าคนอื่นนะคะ เป็นแค่มุมๆหนึ่งจากประสบการณ์ทั้งหมดเท่านั้น
สไตล์การทำงานเราของเรา เวลาที่รับสมัครพนักงาน  ถ้าหากมีคนเข้ามากรอกใบสมัครด้วยตัวเอง เรามักจะสังเกตบุคลิกตั้งแต่เดินเข้ามา การแต่งตัว ทั้งการนั่ง การพูด คือจะสังเกตตลอด แต่ไม่ให้เขารู้ตัวนะ
และมักจะสัมภาษณ์ผู้สมัครเบื้องต้นเกี่ยวกับเรื่องทั่วๆไปเพื่อเป็นการคัดกรองใบสมัคร ก่อนที่จะส่งให้หัวหน้างานคัดเลือกอีกที  พร้อมกับให้ข้อมูลของบริษัทที่ผู้สมัครควรรู้ด้วย  จะได้ให้เขาทบทวนดูว่า อยากทำงานกับเราจริงๆหรือเปล่า

ผู้สมัครส่วนใหญ่ก็มาคนเดียว  

และบางคนก็จะมีผู้ติดตามมาด้วยซึ่งที่จริงก็ไม่ใช่เรื่องผิด  แต่ส่วนตัวก็แอบคิดว่าผู้สมัครบางคน(ไม่ได้บอกว่าทุกคนนะคะ) ไม่มีความมั่นใจในตัวเอง แต่เราก็ไม่ได้นำมาเป็นอคติอะไร สามารถมองข้ามได้
แต่สิ่งที่คิดว่าไม่ควรทำ คือผู้ติดตาม  ซึ่งส่วนมากจะเป็นคุณพ่อคุณแม่  มาคอยประกบลูก คอยบอกให้ทำนั่น เขียนนี่ตลอดเวลา  เตรียมเอกสารประกอบการสมัครแทนลูก  บางคนถึงกับเขียนคร่อมเอกสารแทน คือให้ลูกรอเซ็นชื่ออย่างเดียว
นั่นยังไม่เท่าไหร่  แต่สิ่งที่เรารับไม่ค่อยได้คือ  พอถึงขั้นตอนการพูดคุยกันเบื้องต้น คุณพ่อคุณแม่ก็มานั่งคุยข้างลูก  ถามคำถาม และตอบคำถามแทนลูก  บางคนก็พรีเซ้นท์คุณสมบัติแทนลูกว่า  “ลูกแม่เป็นเด็กดี ขยันเรียน เข้ากับคนอื่นง่าย บลาๆๆ”   เราเองก็จะพยายามยิงคำถามไปที่ผู้สมัคร แต่ผู้สมัครก็ได้แต่ถามคำตอบคำ  นอกนั้นพ่อแม่พูดแทน
“.....เอ่อ....คือ  ไม่ได้พาลูกมาสมัครเรียนนะคะคุณแม่”  เราคิดในใจ

พ่อแม่บางคน(มีส่วนน้อย)ก็หนักว่านั้น  คือ พรีเซ้นท์เกี่ยวกับตัวเองด้วย ว่าทำงานที่ไหน ตำแหน่งอะไร  ประมาณว่าจะการันตีว่า เป็นครอบครัวที่มีคุณภาพ  อะไรประมาณนั้นหรือเปล่า    ประเภทที่โทรมาจิกยิกๆถามว่าเมื่อไหร่จะเรียกลูกฉัน  อย่างนี้ก็มี
ถามว่าพื้นฐานครอบครัวเกี่ยวไหม  มันก็มีส่วนนะแต่น้อยมากๆๆ    99.99% มันอยู่ที่ตัวผู้สมัครมากกว่า

เข้าใจว่าเป็นความรักและเป็นห่วงลูก จึงต้องใส่ใจทุกรายละเอียดแต่ละขั้นตอน เพราะไม่ต้องการให้เกิดความผิดพลาด  แต่เราคิดว่า  น่าจะปล่อยให้ลูกได้ลองผิดลองถูกเองมากกว่า  เพราะสุดท้ายแล้ว  พอลูกได้งานทำ และเข้าไปอยู่ในที่ทำงาน คุณพ่อคุณแม่ไม่สามารถเข้าไปแก้ปัญหาแทนลูกได้ เหมือนตอนอยู่ในโรงเรียน  และการกระทำแบบนี้ จะเป็นการตัดโอกาสของลูกซะมากกว่า  อย่างแรกเลย คือโอากสที่จะได้เรียนรู้  แย่กว่านั้นก็คือโอกาสที่จะได้งานนั่นแหละค่ะ
ถ้าหากครั้งนี้ มีอะไรบางอย่างผิดพลาด แล้วไม่ได้งานทำ  ลูกคุณจะค่อยๆเรียนรู้เองว่าในครั้งต่อไปเขาต้องปรับปรุง  เพิ่มเติมอะไรเข้าไปบ้าง  ขยันหา ขยันเรียนรู้  เดี๋ยวก็ได้งานเอง  เพราะเราก็เห็นมีเด็กจบใหม่มากมายที่เขาสามารถเดินทางไปสมัครงานได้ด้วยตัวเอง และยังได้งานอีกด้วย

เราก็ไม่ทราบนะคะว่า HR ที่อื่น มีสไตล์การทำงานอย่างไร   นี่เป็นส่วนที่เกิดจากประสบการณ์ และมุมมองของเรา  อยากนำมาแชร์ให้ผู้ที่กำลังจะสมัครงาน หรือพาลูกหลานไปสมัครงาน ลองพิจารณาดูค่ะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่