[CR] มนุษย์เงินเดือนหมดไฟ หนีไปพักใจ..ที่..วังเวียง

เคยแต่ตามอ่านอย่างเดียวมาตลอด แต่ครั้งนี้เพื่อนยุ ว่าควรแชร์เรื่องของตัวเองบ้าง แต่มันเป็นบันทึกการเดินทางเสียมากกว่าจะเป็นรีวิว
แต่เมื่อทนแรงยุไม่ไหว ก็เลยเกิดกระทู้นี้ขึ้น และก่อนจะเริ่ม ขอเข้ารูปแบบของพันทิปสักหน่อย

"นี่คือกระทู้แรกของเรา" ฮ่าๆ ออกตัวแบบนี้รู้สึกสบายใจขึ้น อ่านแล้วไม่ชอบด่าได้นะ..แต่อย่าแรง..เดี๋ยวร้องไห้




เอาละ..เริ่ม



มนุษย์เงินเดือนคนนึง ทำงานเช้า กลับบ้านค่ำ ๆ เหมือนคนทั่วไป เงินเดือนมีพอแค่ค่าใช้จ่ายในแต่ละเดือน..

ปฎิเสธการเดินทางด้วยข้ออ้างเรื่องของเวลา..และเรื่องของเงิน

ในวันนึง มีคำถามกับตัวเองจะเป็นแบบนี้ต่อไปเรื่อย ๆ หรอ..เริ่มทบทวนสิ่งต่าง ๆ ตอนนี้เรารู้แล้ว เรากำลังติดกับ “กับดักชีวิต”

แล้วจะทำไงเล่าในเมื่อท้องยังหิว..รายจ่ายยังรอ..

สิ่งที่ทำได้คงทำได้เพียง เติมเชื้อฟืน เติมไฟ ให้ชีวิต “ทริปนี้จึงเกิดขึ้น”


ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด..

นาฬิกาปลุก บอกเวลา ตอนนี้ 3.30 น.  เอื้อมมือไปปิด และเด้งตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว ไม่มีอิดออด อย่างเช่นทุกวันของการทำงานที่ผ่านมา แม้จะนอนได้เพียงแค่ไม่กี่ชั่วโมง ย้อนไปเมื่อคืน ตอนประมาณเที่ยงคืน ยังสาละวนกับการจัดกระเป๋าใบโต เตรียมพร้อมสำหรับการผจญภัยในวันรุ่งขึ้น เพียงแค่คิดรอยยิ้มก็ปรากฎเบา ๆ บนหน้า พรุ่งนี้ต้องสนุกแน่เลย  ตอนนี้เวลาผ่านไปแล้วครึ่งชั่วโมง เป้ถูกแบกขึ้นมาบนหลังออกจากบ้านด้วยความตื่นเต้น ความสนุกกำลังรออยู่  การเดินทางครั้งนี้ดูจะตื่นเต้นเป็นพิเศษเพราะตั้งแต่เรียนจบและเริ่มทำงานมักมีข้ออ้างกับคำว่าไม่มีเวลา และการเดินทางไกลขนาดนี้ถือเป็นโบนัสของชีวิตครั้งแรกเลยก็ว่าได้ เลยอดไม่ได้ที่จะกระปรี้กระเปร่าเป็นพิเศษ  เดินจนถึงหน้าปากซอยรอแท็กซี่ ยัง ยัง ยังไม่มีวี่แวว เดินไปเรื่อย ๆ ถึงแม้ว่าในใจเริ่มร้อนรน ดูจากเวลาจะเช็คอินไม่ทันซะแล้ว แต่กำลังใจยังดีก็เดินต่อไป  และแล้วเหมือนมีน้ำทิพย์มาชะโลมใจ  แท็กซี่มาแล้วรับด้วย ไม่ไปส่งรถ ไม่ไปเติมแก๊ส ได้ขึ้นรถแล้วจ๊ะ

“พี่คะ ดอนเมืองค่ะ”

“ ไปครับ”


ผ่านไปไม่ถึง 20 นาที ตอนนี้ ถึงสนามบินแล้ว กำลังต่อแถวเช็คอิน ซึ่งแถวค่อนข้างยาวมาก.. ระหว่างต่อแถวรอ อยู่นานทีเดียวเชียว สายตาเหลือบไปเห็น อีกแถวเดี๋ยวนะป้ายด้านหน้าเคาน์เตอร์นั้นเขียนว่าเช็คอินอุดรเที่ยวบิน  05.55 น. ตายแล้วคุณพระฉันมาทำอะไรอยู่แถวนี้เกือบชั่วโมงเปลี่ยนแถวอย่างฉับไว และไม่ถึง 10 นาที ก็ได้เช็คอินเรียบร้อย ตอนนี้นั่งรออยู่หน้าเกตแล้วอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า การผจญภัยของฉันก็จะเริ่มขึ้น



“ขอต้อนรับสู่สนามบินนานาชาติ อุดรธานี”  รอกระเป๋าไม่นานมากนัก ตอนนี้ก็พร้อมออกเดินทาง เดินไปซื้อตั๋วรถ ลิมมูซีน ราคา 80 บาท ส่งตรงถึง ขนส่งจังหวัดอุดร  เดินเข้าไปหันซ้ายจะเจอทันที อินเตอร์บัส ที่จะพาเราข้ามฟากข้ามประเทศ ไปวังเวียง ราคาตั๋วปกติจะ อยู่ที่ 320 บาท แต่ถ้าวันหยุดจะบวก 5 บาท เวลาซื้อต้องนำพาสปอร์ตไปด้วย เสร็จสรรพรอรถออก ค่อนข้างตรงเวลาที่ 8.30 น. ทำการบ้านมาพอสมควร หาข้อมูลไว้พอใช้ได้ เพราะฉะนั้น หาของรองท้องด้วยเพราะรถจะวิ่งนานมาก จะจอดเพียงหนึ่งครั้งเท่านั้น เป็นเพิงขายของราคาใช้ได้เลยเพราะฉะนั้นเตรียมไปจะเซฟได้อีกนิดหน่อย

มิตรภาพใหม่เกิดขึ้นกับการเดินทางเสมอ อันนี้น่าจะจริง มันเป็นเรื่องบังเอิญมาก ๆ ก่อนมาก็หาข้อมูล อ่านกระทู้ในพันทิป จนไปเจอกระทู้หนึ่ง โพสต์ว่าจะเดินทางมาคนเดียว เพราะเพื่อนเบี้ยว ก็ตั้งใจไว้ก่อนแล้ว ถ้าเจอคนมาคนเดียว จะเข้าไปทัก และ ตอนนี้เราเจอแล้ว พูดคุยทำความรู้จักกันเล็กน้อย ก่อนแยกย้ายกันขึ้นรถ ซึ่งก็เป็นคันเดียวกัน (รถไปวังเวียง จากอุดร มีคันเดียว วันละหนึ่งรอบเท่านั้น)

ล้อหมุน ออกจากขนส่งแล้ว เพียงไม่นานเท่าไหร่ก็ถึง จุดตรวจคนเข้าเมืองแถวยาวเหยียดแต่รอไม่นานเท่าไหร่นัก ทุกคนก็พร้อมบนรถ ตอนนี้เรากำลังข้ามแม่น้ำโขง กำลังจะหมดดินแดนไทยชั่วแว้บเดียวเราก็มาอยู่ฝั่งลาวแล้ว ที่ฝั่งนี้เจอมนุษย์ป้าในตำนานกลุ่มหนึ่งกระจายกำลังลงพื้นที่ พยายามแซงคิว ได้ยินเสียงแกโวยวายอยู่สักพัก และเสียงคนพูดกันเป็นระยะ ๆ ว่าต่อแถวด้วยค่ะ จึงมั่นใจว่าป้า ๆ กลุ่มนั้นเป็นคนไทยแน่นอน สิ้นเสียงสุดท้ายหันกลับมาที่แถวตัวเอง คุณพระ..!!  ป้าแกมาอยู่ข้างหน้าตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่เนื่องด้วยว่าวันนี้อารมณ์ดีมาก จึงสะกิดเบา ๆ บอกป้าว่าเขาเข้าแถวกันอยู่นะคะ เรื่องก็จบลงง่าย ๆ เพียงแค่นั้น เพราะคนข้างหลังอีกหลายคนเพ่งสายตาส่งกระแสจิต ป้าจึงกลับเข้าไปต่อท้ายแถวใหม่อีกครั้ง ซึ่งถ้าแกไม่แซงมาแก๊งค์ป้า ๆ นี้จะทำเรื่องเสร็จ และไม่ต้องไปต่อแถวใหม่แล้วแท้ ๆ

ถนนหนทางดีอยู่เพียงไม่นาน ตอนแรกนึกว่าเขาทำถนน แต่…ไม่ใช่แล้วแหละ เป็นแบบนี้ทั้งทาง ขรุขระ  เวลาผ่านเกือบ 6 ชั่วโมงจุดพักรถแล้ว เดินลงไปสำรวจสักหน่อย มาม่าคัพ คิดเป็นเงินไทยตกที่ประมาณ 40 บาท  ตัดสินใจซื้อไวไว กินแห้ง ๆ เล่นดีกว่า โดนไป 20 บาท โหดไหมละ หลังจากนี้เราจะต้องขึ้นเขากันละ เริ่มตื่นเต้นกับวิวรอบข้างมองเพลิน ๆ ดี แต่อีกนานทีเดียวกว่าเราจะไปถึงที่หมาย

ก้มมองดูนาฬิกา 16.30 น. เรามาถึงวังเวียงแล้ว จากจุดที่จอดรถจะมีรถไปส่งเราถึงในเมืองวังเวียง แต่เดี๋ยวนะ นั่งมาทั้งวันแล้ว อยากลงเดินเพราะจากที่อ่านมา เขาว่าเดินได้ หันไปเจอเพื่อนใหม่ที่มาจากพันทิป พยักหน้าใส่กัน หงึก ๆ ก็ยกเป้ขึ้นหลังเดินลงจากรถ ตัดสินใจเดินเข้าเมือง สิ่งแรกที่เห็นเมื่อมาถึงที่นี้นอกจากภูเขาหินใหญ่ตระหง่าน ก็คือ บอลลูน อดไม่ได้ที่จะหยิบ กล้องไอโฟน 4s มาแชะ เก็บภาพสักหน่อย





เดินถามทาง หาที่พัก ถนนลูกรังเหมือนที่นั่งรถผ่านมา บางจุด มีน้ำขัง แต่ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้น มันกลายเป็นเรื่องสนุกเสียทุกอย่าง คงเพราะอารมณ์ดี ฮา ๆ เดินเลี้ยวผิดเลี้ยวถูก  และที่น่าตื่นเต้นเป็นที่สุด ที่พักที่จองไว้นั้น ก่อนหน้านั้นมันมีสะพานข้ามไป แต่บัดเดี๋ยวนี้สะพานหายไปแล้ว ไปพร้อมกับช่วงหน้าน้ำหลากที่ผ่านมา ถามคนแถวนั้นได้ความว่าให้โทรไปทางรีสอร์ทจะมีเรือจักรมารับ แต่เราไม่มีโทรศัพท์ไงยืนโบกไม้โบกมืออยู่พักใหญ่  มีเรือจักรลำน้อยลอยข้ามน้ำมาจนที่ถึงที่เรายืนรอ



ด้วยท้องเรือที่ตื้นเขิน และขนคนจนเต็มลำ ตอนนี้น้ำกับขอบเรือปริ่มเสมอกัน น้ำเย็น ๆ ปะทะกับหลังมือเรื่อย ๆ ระหว่างลอยลำอยู่กลางลำน้ำซอง ตื่นเต้นแต่สนุกดี



บ้านพักที่เราได้ เป็นคนละหลังกับที่จองไว้เพราะด้านหลังที่เราจองช่วงนี้เขาปิดให้บริการเพราะสะพานไม่มี เลยให้พักได้เฉพาะโซนริมน้ำ สบายสิ ได้ห้องดีกว่าที่จองไว้มากมาย วิวชนะเลิศสุด ๆ ด้านหลังเป็นภูเขาหินสูงใหญ่ ด้านหน้าเป็นวิวลำน้ำซอง บ้านที่เราพัก เป็นที่พักใหม่เพิ่งสร้างได้ไม่นานเป็นคล้าย ๆ บ้านทรงไทยยกสูง กระจกเกือบรอบทิศทาง ห้องน้ำกว้างสุด ๆ แถมมีกระจกไว้ให้มองวิวภูเขาอีกด้วย สิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ทีวี เคเบิ้ล ตู้เย็น เครื่องทำน้ำอุ่น และแอร์ แต่ สุดท้าย เราไม่ได้ใช้อะไรเลยนอกจากที่ทำน้ำอุ่น

ถึงเวลาลาดตระเวณ ออกเดินสำรวจทุกตรอกซอกซอย และแอบไปดูที่พักของคืนวันพรุ่งนี้ด้วย ด้วยบรรยากาศสบาย ๆ และด้านนอกผู้คนยังไม่มากมายเท่าไหร่นัก จากที่สอบถามพูดคุยคนที่จะครึกครื้นช่วงดึก ตอนนี้ก็ขอชิลล์กับบรรยากาศตรงหน้าก่อนก็แล้วกันนั่งจิบเบียร์ลาว ซึ่งราคาถูกกว่ามาม่าคัพที่เรากินอย่างชื่นใจ ทุกอย่าง ๆ มันดีมากสำหรับตัวเรา  ถึงเวลาต้องไปซากุระบาร์ มาถึงวังเวียงไม่แวะไปเดี๋ยวจะหาว่ามาไม่ถึง เอาสักหน่อยสิ เป็นอีกร้านที่เดินมาสำรวจเมื่อตอนเย็น ร้านเป็นเพิง และมีชั้นยกระดับอยู่กลางร้านไว้ให้ขาแด๊นช์ขึ้นโชว์สเต็ป หมายมั่นปั้นมือเป็นอย่างดีว่าจะขึ้นไปโชว์สเต็ปเต้นแบบไทยสไตล์ซะหน่อย แต่ตอนนี้คุณพระ ร้านเต็มและเวทีเต็ม



ดื่มด่ำบรรยากาศอยู่สักพักกลับที่พักดีกว่า เพราะที่พักเราเซอร์ไวเวอร์พอสมควร ถ้าโซเซมากอาจจะตกเรือได้ แต่ยังแอบซื้อติดไม้ติดมือ กลับมากรึ๊บอีกนิดหน่อย พอถึงที่พัก ทุก ๆ หลังก็นั่งชิลล์กันอยู่หน้าบ้าน และทุก ๆ หลังเป็นคนไทย พูดคุยกันอย่างสนุกสนาน ใครมาก่อนก็แนะนำ ใครเพิ่งมาถึงเช่นเราก็มีเรื่องสอบถามพูดคุยแลกเปลี่ยนกัน ตอนนี้ถึงเวลานอนซะแล้ว กู๊ดไนท์ฝันดี
ชื่อสินค้า:   วังเวียง >> เวียงจันทน์
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่