ใบหน้าที่ไร้รอยยิ้ม ถูกปกคลุมด้วยอาการหอบเหนื่อย
"หน่อย"หญิงสาววัยสามสิบกลางๆรูปร่างท้วม เตี้ย กระเตงลูกชายหกวัยขวบเดินเหินอย่างลำบากเวียนว่อนไปทั่ว เคียงข้างชายหนุ่มสูงกว่าร้อยแปดสิบเซนต์ หัวเถิก ผิวขาว รอยยิ้มมีเสน่ห์ อย่าง
"แหลม" สามีคู่ชีวิตที่คบหากันมาตั้งแต่เรียนมัธยมปลายเป็นภาพที่ชินตาของคนละเวกนั้น การที่ต้องกระเตงลูกชายไปทุกที่เป็นความลำบากอย่างนึงที่ทั้งสองเผชิญอย่างเลี่ยงไม่ได้ ดาวน์ซินโดรม คืออาการที่เกาะกินร่างกายของหนุ่มน้อยและเกาะกินสภาวะจิตใจของผู้เป็นพ่อแม่
ดาวน์ซินโดรมคือภาวะผิดปกติทางพันธุกรรมที่เกิดจากการมีโครโมโซม 21 เกินมาทั้งอันหรือบางส่วน ผู้ป่วยส่วนใหญ่จะมีพัฒนาการล่าช้า มีใบหน้าเป็นลักษณะเฉพาะ และมีความพิการทางสติปัญญาระดับเล็กน้อยถึงปานกลาง
หมออธิบายให้ทั้งคู่ฟังเมื่อวันที่เด็กชายคลอดมาดูโลก เก้าสิบเก้าเปอร์เซ็นต์คือผิดปกติทางสมอง แปดสิบเปอร์เซนต์จะกล้ามเนื้ออ่อนเพลีย เจ็ดสิบห้าเปอร์เซนต์เอ็นจะอ่อน ยุ่ยง่าย สี่สิบเปอร์เซ็นหัวใจผิดปกติ สามสิบห้าเปอร์เซ็นต์ตาเข แต่ลูกของเค้าทั้งสองมีทุกอาการที่กล่าวมา หูของทั้งสองเกือบจะแทบไม่ได้ยินคำอธิบายของหมอผู้ทำคลอด สายตาจับจ้องไปที่ลูกชายหัวแก้วหัวแหวน จะสนใจทำไมเพราะหน้าที่อย่างเดียวของทั้งสองคือรักเด็กน้อยให้
"สุดใจ"
"สุดใจ"ถูกเลี้ยงมาท่ามกลางฐานะปานกลางของทั้งคู่ พวกเขาทำงานเทศบาลรับใช้ประชาชน เงินเดือนที่แสนน้อยนิดนักเมื่อเทียบกับงานและภาระของประชาชน ทำงานแทบเส้นตัวแทบตาย สายตัวแทบขาด ก็ยังมิวายโดนประณามว่าเสียข้าวสุกและเบี้ยอากร ความต้องการนับแสนของประชากรในเขตเมืองระดมพรั่งพรูอย่างหาที่สิ้นสุดไม่ได้ ไขว่ขว้าสิ่งที่ตนต้องการ เหยียบย่ำศักดิ์ศรีของเหล่าข้าราชการอย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาในยุคใดมาก่อน คำประกาศกล้าที่แสดงแสนยานุภาพว่า
"พวกเจ้าคือข้าราษฎร"กู่ก้องพร้อมเรียกร้องมากมาย เอ่ยอ้างว่าตนเสียอากรเข้ารัฐ ยัดเยียดความต่ำในศักดินา จนพวกตนไม่มีที่ยืนนอกกลุ่มสถาบัน
ไม่เป็นไร หน่อยกับแหลมมักยิ้มแย้มเสมอเมื่อตนต้องเดินมาต้อนขับ รับใช้ หน้าที่ที่ตนรักและผลตอบแทนที่มีค่าที่สุดคือรอยยิ้มของประชาชน
ความสุขใจอย่างมากก่อเกิดเมื่อได้รับใช้ตาสีตาสา ความอ่อนน้อมที่กล่าวเรียวพวกเธอว่า "เจ้านาย"และลงท้ายด้วยคำว่า"ขอบคุณ"ดังก้องให้กำลังใจไว้ต่อสู่กับกลุ่มเด็กเจนเอ๊กซ์ตอนปลายจนถึงเจนวายตอนกลางที่ ซุ่มแต่จะจับผิด การละเล่นที่เปลี่ยนความหมายของคำว่า แชร์ จาก"แบ่งปัน"ให้กลายเป็น"ทำลาย" ประณามความผิดเล็กน้อยที่ถือว่าเป็นการหย่อนใจ
ทุกบ่อน้ำมีปลาเน่า ทุกยุ้งข้าวมีรอยแทะหนู แต่ความความตรงดิ่งในการทำงานของทั้งหน่อยและแหลมเป็นที่เชื่อได้เสมอ และความไม่พอก็เชื่อถือได้เช่นกัน ปากกัดตีนถีบ คงไม่เกินไปนักสำหรับการดิ้นรนของทั้งคู่ ภาระเลี้ยงดูเด็กพิเศษเดือนละเกินกึ่งนึงของรายได้ กอรปกับการต้องส่งเสียค่าหน้าตาสังคม รถวีออสขาวขุ่น บ้าน และส่งพ่อแม่ของทั้งคู่ บีบรัดให้ทั้งคู่ต้องทำอาชีพเสริม
ขายตรงคืออาชีพเสริมที่สุจริตที่ก่อความคล่องตัวให้ทั้งคู่ บ่อยครั้งที่ทั้งคู่ถือสินค้าคุณภาพดีมากมายไปบรรยายสรรพคุณให้แก่เพื่อนร่วมงาน มีทั้งช่วยเหลือสนับสนุน และเบ๊บ้าบ่ายเบี่ยง หลีกเลี่ยงก็มิใช่น้อย แต่ไม่เป็นไรเมื่อมองหน้า
"สุดใจ"อะไรๆที่เป็นอุปสรรคก็มิอาจทำให้ทั้งคู่ล้าลงได้
"อย่ากินดินนะ!!!" สุดใจคุ้ยเขี่ยดินก่อนกำเข้าปากเป็นก้อนๆอย่างไร้เดียงสา หน่อยวิ่งเข้าไปปรามสุดใจและดึงตัวออกมาจากพื้นดินใต้ต้นมะยมใกล้ช๊อปสินค้าขายตรงที่ตนเองเป็นสมาชิกอยู่
"ลุงชัยฝากดูสุดใจด้วยสิ เดี๋ยวหนูเข้าไปสั่งของด้านในก่อนไม่อยากเอาสุดใจเข้าไปด้วยเดี๋ยวทำของพังอีก" หน่อยไหว้วาน รปภ. เพื่อดูแลลูกชายก่อนหายลับไปเลือกสินค้าโปรโมชั่นล่อใจเพื่อไปจำหน่ายต่อแก่ดาวน์ไลน์
ลุงชัยเป็นคนที่สุดใจไว้ใจเพียงไม่กี่คน อาการก้าวร้าว เอะอะโวยวายของสุดใจไม่เคยได้ก่อเกิดแก่ลุงชัย สายตาอ่อนโยนและท่าทางเข้าใจของเขาทำให้สุดใจยิ้มได้เสมอเมื่อมาเยือนช๊อปแห่งนี้ สุดใจนั่งมองหน้าลุงชัย ตาที่เขและเหม่อลอยคล้ายจะไม่รู้เรื่องราว แต่ในแว่บนึงกลับมีปฏิกิริยาตอบสนองที่ชัดเจน เป็นที่น่าเอ็นดูและสงสารคลุกเคลือบกันอย่างประหลาด
"ช่วงนี้ สุดใจไม่ค่อยสบายเลยลุง เผลอทีไรเป็นต้องไปหยิบดินหรือโน่นนี่มากินเสมอ ผมละเป็นห่วง" แหลมยืนพูดคุยกับลุงชัยหลังเลือกซื้อของเสร็จแล้วออกมารอหน่อยที่กำลังจ่ายเงินข้างนอก โดยที่จับสุดใจใส่ไว้ในรถเข็นเพื่อลดภาระแบกอุ้ม
"เด็กกำลังซน ถึงจะไม่สมบูรณ์แต่เขาก็เป็นเด็ก ดูแลดีๆอย่าให้คลาดสายตาละ"ลุงชัยพูดด้วยความเป็นห่วง
"ตอนเย็นคงได้ไปหาหมออีก"แหลมถอนหายใจพร้อมอุ้มสุดใจก่อนกล่าวลาลุงชัยเมื่อหน่อยเดินออกมา
ต้องยอมรับว่าความเหนื่อย ความล้า ทั้งจากหน้าที่การงาน ภาระค่าใช้จ่าย และ สุดใจที่นับวันจะแรงเยอะและยากที่จะควบคุมก่อความเสียหายแก่สรรพางค์ร่างกาย หลายครั้งทั้งสองนอนหลับโดยที่ไม่รู้ตัวทันทีที่ถึงเตียง และมีบางครั้งที่สายน้ำหลั่งออกมาจากตาที่เศร้าหมองก่อนนอนหลับกองลงไปทั้งสามพ่อแม่ลูก
"ลิ้นหัวใจดีขึ้นนะครับไม่มีอาการแทรกซ้อน การตอบสนองมีแนวโน้มที่ดีตาม ฝากฝึกเด็กให้หัดพูดนะครับ ผมว่าอีกไม่นานเด็กอาจจะพูดได้บางคำ แต่ที่น่าเป็นห่วง เด็กมีอาการที่ควบคุมการกินตนเองไม่ได้นะครับ อย่าพยายามเอาอะไรให้เด็กถือและดูแลเด็กอย่างใกล้ชิด" หมอผู้ดูแลสุดใจมาตั้งแต่เด็กๆกล่าวเตือนให้แหลมระวังระวัง วันนี้หน่อยไม่ได้มาด้วยเพราะติดสาธิตสินค้าให้สมาชิกดาวน์ไลน์
"ผมแนะนำให้หาพี่เลี้ยงที่สามารถดูแลเขาได้ตลอดหรือมากกว่านี้ จากผลเอ๊กเรย์ชี้ได้ว่ากระเพาะของเขามีสิ่งแปลกปลอมอยู่"หมอเริ่มทำหน้าจริงจังมากขึ้น
"ครับ"แหลมตอบได้เพียงแค่นี้
"อ้อ ผมเอายาสีฟันด้วยนะสองหลอด กับวิตามินซี กระปุกนึง"หมอสั่งสินค้ากับแหลม(เชื่อว่าหมอช่วยอุดหนุนเพราะสงสารหลายครั้งที่เอาไปแจกจ่ายมากกว่าใช้เอง)
"ครับ"แหลมรับออร์เดอร์
"แม่เอ้ย หมอให้เราหาคนมาดูแลลูกให้ดีกว่านี้ถ้าเราไม่มีเวลา"แหลมกล่าวพลางเอามือก่ายหน้าผาก "เอาเงินที่ไหนละ คงต้องหอบเอาสุดใจตะลอนไปขายของด้วยละ ทำเท่าที่ทำได้ละพ่อเอ้ย"หน่อยพูดโดยที่สุดใจนอนในอ้อมกอด พลางเอาหัวโน้มไปอิงไหล่สามีด้วยสายตาที่เหม่อลอย
"เอ๊าๆ "เสียงผู้คนในช๊อปสินค้าทักท้วงเมื่อสุดใจไปจับราวเหล็กกั้นทางเดินเขย่าไปมาอย่างสนุกสนาน ลุงชัยรีบวิ่งไปดู แป๊ปเดียวสุดใจก็คว้าเศษกระดาษเข้าปากเคี้ยวและกลืนอย่างรวดเร็ว หน่อยวิ่งมาพยายามเอาออกแต่ก็ช้าไป หน่อยมองหน้าลุงชัยแบบเคืองๆ ลุงชัยยิ้มแหยะๆ แต่ด้วยหน้าที่แล้ว หน่อยก็เข้าใจและอุ้มลูกน้อยไว้ในอ้อมกอดก่อนไปเลือกสินค้า
วัฏจักรเวียนหมุนไปซ้ำๆ ความเหนื่อยล้าท้อแท้เวียนเปลี่ยนไปมากบ้างน้อยบ้างแต่ไม่เคยมีสักนาทีที่เลือนหาย แต่ก็ไม่มีสักนาทีเช่นกันที่ทั้งสองจะหยุดเดิน การเติบโตของธุรกิจขายตรงเริ่มก่อเค้าความมั่นคง ระดับขั้นทางสายงานที่ถูกเทียบแทนชื่อด้วยอัญมณีต่างๆเริ่มสร้างมูลค่า ความฝันที่สวยงามในชีวิตที่อยู่บน"แพสซีฟ อินคัม"ที่โด่งดังกำลังก่อเค้า ความหวังยังเดินต่อไป
"อ้า... สุดใจ มาให้อาอุ้มมา "เพื่อนนักธุรกิจค้าตรงเข้ามาสวมกอดสุดใจ เด็กน้อยมีอาการเซื่องซึงอย่างเห็นได้ชัด ท้องป่องผิดปกติ ตาเขๆของสุดใจลอยๆ "น้องเป็นไร!!!"เสียงตกใจออกจากปากผู้อุ้ม หน่อยและแหลมทิ้งสิ่งของที่เลือกซื้อวิ่งเข้ามาหาสุดใจ "ตายละเป็นอะไรไปลูก" แหลมคว้าลูกชายหอบกระเตงขึ้นรถหน่อยตามมาติดๆ สีหน้าของเด็กน้อย ซีดเผือก พ่อแม่ก็ไม่ต่าง ความห่วงใจสะท้อนออกมาอย่างชัดเจนทั้งสองหอบลูกขึ้นรถวีออสคู่ใจ ลุงชัยขออนุญาติผู้จัดการช๊อปออกไปดูดำแดงสุดใจด้วย ผู้จัดการพยักพเยิดรับคำอนุญาตเคลือบความสงสาร
ที่โรงพยาบาลสุดใจถูกหามเข้าฉุกเฉินเพื่อล้างท้องหลังจากหมอพิจารณาอาการว่ามีสิ่งแปลกปลอมอยู่ในกระเพาะ หน่อยกับแหลมกุมมือกันอย่าเศร้าสลด ลุงชัยยืนอยู่เคียงข้างอย่างห่วงใจ พยายามนึกว่าเพลาใดหนอที่เขาทั้งสองพลั้งเผลอให้หนูน้อยเอาอะไรเข้าปาก เช่นเดิมที่น้ำตาถูกกลั่นออกจากดวงตาของหน่อย กรรมอันใดหนอที่ตนเคยก่อช่างมาลงกับหนูมันเจ็บลึกจน"สุดใจ"
สามวันที่สุดใจได้รับการรักษาล้างท้องและให้น้ำเกลือในห้องพิเศษหน่อยกับแหลมเที่ยวเวียนวัดพลัดเปลี่ยนลางานเพื่อมาดูแล ทุกอย่างเริ่มดูดีสุดใจเดินเหินและเริ่มทำลายข้าวของได้เป็นการส่อว่าเขากลับมาเกือบจะปกติเท่าที่เขาจะทำได้ ลุงชัย เพื่อนที่ทำงาน และสมาชิกธุรกิจขายตรงแวะเวียนมาเยี่ยมให้กำลังใจ ทั้งสองเริ่มมีรอยยิ้ม
แต่ความเหนื่อยล้าเกาะกุมหัวใจอีกครั้ง เมื่อค่าใช้จ่ายถูกเขียนเป็นรายการมาให้ทั้งคู่ได้เห็น ภาระถูกโยนมาใส่อีกครั้ง อีกครั้ง อีกครั้ง
"ผมเตือนหลายครั้งแล้วนะว่าการดูแลเด็กพิเศษแบบสุดใจมันสำคัญและละเอียดอ่อนแค่ไหน คุณอาจไม่โชคดีแบบคราวนี้นะครับ"หมอเริ่มเสียงแข็งใส่ทั้งคู่ ก่อนจะแนะนำอีกสองสามอย่างเพื่อให้การดูแลเด็กน้อยสุดใจดียิ่งขึ้น
ทั้งคู่นำสุดใจออกจากโรงพยาบาล ขึ้นรถเก๋งวีออสคันเก่า สุดใจถูกนำไปวางที่เบาะด้านหลังแล้วปิดประตู หน่อยยืนตรงประตูที่เปิดอ้า แหลมก็นิ่งเช่นกันฝั่งประตูคนขับ ทั้งสองมองหน้ากัน สูดหายใจเข้าเต็มปอดก่อนปล่อยออกมาเสียงดังจนได้ยินเสียงถอนหายใจของกันและกัน พยักหน้าเบาๆก่อนย่างกรายเข้าในรถ ปิดประตูเบาจนแทบจะไม่ได้ยิน ความเงียบกลืนกินบรรยากาศอย่างน่าพรั่นพรึง แหลมค่อยเหยียบคันเร่งเคลื่อนที่ออกจากที่จอดรถ มือหน่อยกุมมือแหลมไว้ ทำหน้านิ่งดวงตาเหม่อลายไปด้านหน้าแต่แววตาหายลับไปกับความมืด
"แม่"
เสียงเรียกจากสุดใจทำเอาทั้งคู่อึ้ง แหลมชะลอรถที่กำลังขับ
หน่อยหันไปมอง สุดใจ นี่คือคำพูดแรกที่มีความหมายออกจากปากสุดใจ
น้ำตาหน่อยไหลเป็นทาง เอื้อมมือนึงไปลูบที่หัวหนูน้อย
แหลมบีบมือหน่อยอีกข้างอย่างหนักแน่นเขย่าเบาๆ
หน้ายังนิ่งไม่สื่ออารมณ์ ข่มความรู้สึกเอ่อล้น
"มะ ...มะ...แม่" สุดใจพูดอีกครั้งอย่างทุลักทุเล
....
ทั้งคู่ยังอยู่ในภวังค์แห่งความเงียบ
...
แหลมบีบมือหน่อยแรงขึ้น
"เราเลือกแล้วนะแม่" แหลมพูดอย่างสงบ
หน่อยน้ำตาอาบแก้มกัดฟันไม่ให้มีเสียงของ
ความเศร้าโศกออกมาสู่ภายนอก
.....
.....
ปล่อยให้เด็กน้อยสุดใจ
ฉีกกระดาษกัดกินอย่างเพลิดเพลิน
ร่วมพูดคุยแลกเปลี่ยนติชมกันนะครับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ร่วมพูดคุยแลกเปลี่ยนติชมกันนะครับ เต็มที่เลยครับ
จะกรุณาอย่างสูงครับหากตีประเด็นดังนี้
1. อะไรที่ท่านคิดว่าดีแล้วในงานชิ้นนี้
2. อะไรที่ท่านคิดว่าควรปรับปรุง
3. เทคนิคการเขียนอะไรที่น่าจะทำให้งานชิ้นนี้ดีกว่าเดิม
4. ตรงไหนที่ควรตัด ตรงไหนที่ควรเพิ่ม
5. อื่นๆ
เพื่อการพัฒนาของเด็กหัดเขียนคนนึงครับ ขอบคุณครับ
"ทางเลือก" (เรื่องสั้น)
ใบหน้าที่ไร้รอยยิ้ม ถูกปกคลุมด้วยอาการหอบเหนื่อย"หน่อย"หญิงสาววัยสามสิบกลางๆรูปร่างท้วม เตี้ย กระเตงลูกชายหกวัยขวบเดินเหินอย่างลำบากเวียนว่อนไปทั่ว เคียงข้างชายหนุ่มสูงกว่าร้อยแปดสิบเซนต์ หัวเถิก ผิวขาว รอยยิ้มมีเสน่ห์ อย่าง "แหลม" สามีคู่ชีวิตที่คบหากันมาตั้งแต่เรียนมัธยมปลายเป็นภาพที่ชินตาของคนละเวกนั้น การที่ต้องกระเตงลูกชายไปทุกที่เป็นความลำบากอย่างนึงที่ทั้งสองเผชิญอย่างเลี่ยงไม่ได้ ดาวน์ซินโดรม คืออาการที่เกาะกินร่างกายของหนุ่มน้อยและเกาะกินสภาวะจิตใจของผู้เป็นพ่อแม่
ดาวน์ซินโดรมคือภาวะผิดปกติทางพันธุกรรมที่เกิดจากการมีโครโมโซม 21 เกินมาทั้งอันหรือบางส่วน ผู้ป่วยส่วนใหญ่จะมีพัฒนาการล่าช้า มีใบหน้าเป็นลักษณะเฉพาะ และมีความพิการทางสติปัญญาระดับเล็กน้อยถึงปานกลาง
หมออธิบายให้ทั้งคู่ฟังเมื่อวันที่เด็กชายคลอดมาดูโลก เก้าสิบเก้าเปอร์เซ็นต์คือผิดปกติทางสมอง แปดสิบเปอร์เซนต์จะกล้ามเนื้ออ่อนเพลีย เจ็ดสิบห้าเปอร์เซนต์เอ็นจะอ่อน ยุ่ยง่าย สี่สิบเปอร์เซ็นหัวใจผิดปกติ สามสิบห้าเปอร์เซ็นต์ตาเข แต่ลูกของเค้าทั้งสองมีทุกอาการที่กล่าวมา หูของทั้งสองเกือบจะแทบไม่ได้ยินคำอธิบายของหมอผู้ทำคลอด สายตาจับจ้องไปที่ลูกชายหัวแก้วหัวแหวน จะสนใจทำไมเพราะหน้าที่อย่างเดียวของทั้งสองคือรักเด็กน้อยให้"สุดใจ"
"สุดใจ"ถูกเลี้ยงมาท่ามกลางฐานะปานกลางของทั้งคู่ พวกเขาทำงานเทศบาลรับใช้ประชาชน เงินเดือนที่แสนน้อยนิดนักเมื่อเทียบกับงานและภาระของประชาชน ทำงานแทบเส้นตัวแทบตาย สายตัวแทบขาด ก็ยังมิวายโดนประณามว่าเสียข้าวสุกและเบี้ยอากร ความต้องการนับแสนของประชากรในเขตเมืองระดมพรั่งพรูอย่างหาที่สิ้นสุดไม่ได้ ไขว่ขว้าสิ่งที่ตนต้องการ เหยียบย่ำศักดิ์ศรีของเหล่าข้าราชการอย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาในยุคใดมาก่อน คำประกาศกล้าที่แสดงแสนยานุภาพว่า"พวกเจ้าคือข้าราษฎร"กู่ก้องพร้อมเรียกร้องมากมาย เอ่ยอ้างว่าตนเสียอากรเข้ารัฐ ยัดเยียดความต่ำในศักดินา จนพวกตนไม่มีที่ยืนนอกกลุ่มสถาบัน
ไม่เป็นไร หน่อยกับแหลมมักยิ้มแย้มเสมอเมื่อตนต้องเดินมาต้อนขับ รับใช้ หน้าที่ที่ตนรักและผลตอบแทนที่มีค่าที่สุดคือรอยยิ้มของประชาชน
ความสุขใจอย่างมากก่อเกิดเมื่อได้รับใช้ตาสีตาสา ความอ่อนน้อมที่กล่าวเรียวพวกเธอว่า "เจ้านาย"และลงท้ายด้วยคำว่า"ขอบคุณ"ดังก้องให้กำลังใจไว้ต่อสู่กับกลุ่มเด็กเจนเอ๊กซ์ตอนปลายจนถึงเจนวายตอนกลางที่ ซุ่มแต่จะจับผิด การละเล่นที่เปลี่ยนความหมายของคำว่า แชร์ จาก"แบ่งปัน"ให้กลายเป็น"ทำลาย" ประณามความผิดเล็กน้อยที่ถือว่าเป็นการหย่อนใจ
ทุกบ่อน้ำมีปลาเน่า ทุกยุ้งข้าวมีรอยแทะหนู แต่ความความตรงดิ่งในการทำงานของทั้งหน่อยและแหลมเป็นที่เชื่อได้เสมอ และความไม่พอก็เชื่อถือได้เช่นกัน ปากกัดตีนถีบ คงไม่เกินไปนักสำหรับการดิ้นรนของทั้งคู่ ภาระเลี้ยงดูเด็กพิเศษเดือนละเกินกึ่งนึงของรายได้ กอรปกับการต้องส่งเสียค่าหน้าตาสังคม รถวีออสขาวขุ่น บ้าน และส่งพ่อแม่ของทั้งคู่ บีบรัดให้ทั้งคู่ต้องทำอาชีพเสริม
ขายตรงคืออาชีพเสริมที่สุจริตที่ก่อความคล่องตัวให้ทั้งคู่ บ่อยครั้งที่ทั้งคู่ถือสินค้าคุณภาพดีมากมายไปบรรยายสรรพคุณให้แก่เพื่อนร่วมงาน มีทั้งช่วยเหลือสนับสนุน และเบ๊บ้าบ่ายเบี่ยง หลีกเลี่ยงก็มิใช่น้อย แต่ไม่เป็นไรเมื่อมองหน้า"สุดใจ"อะไรๆที่เป็นอุปสรรคก็มิอาจทำให้ทั้งคู่ล้าลงได้
"อย่ากินดินนะ!!!" สุดใจคุ้ยเขี่ยดินก่อนกำเข้าปากเป็นก้อนๆอย่างไร้เดียงสา หน่อยวิ่งเข้าไปปรามสุดใจและดึงตัวออกมาจากพื้นดินใต้ต้นมะยมใกล้ช๊อปสินค้าขายตรงที่ตนเองเป็นสมาชิกอยู่ "ลุงชัยฝากดูสุดใจด้วยสิ เดี๋ยวหนูเข้าไปสั่งของด้านในก่อนไม่อยากเอาสุดใจเข้าไปด้วยเดี๋ยวทำของพังอีก" หน่อยไหว้วาน รปภ. เพื่อดูแลลูกชายก่อนหายลับไปเลือกสินค้าโปรโมชั่นล่อใจเพื่อไปจำหน่ายต่อแก่ดาวน์ไลน์
ลุงชัยเป็นคนที่สุดใจไว้ใจเพียงไม่กี่คน อาการก้าวร้าว เอะอะโวยวายของสุดใจไม่เคยได้ก่อเกิดแก่ลุงชัย สายตาอ่อนโยนและท่าทางเข้าใจของเขาทำให้สุดใจยิ้มได้เสมอเมื่อมาเยือนช๊อปแห่งนี้ สุดใจนั่งมองหน้าลุงชัย ตาที่เขและเหม่อลอยคล้ายจะไม่รู้เรื่องราว แต่ในแว่บนึงกลับมีปฏิกิริยาตอบสนองที่ชัดเจน เป็นที่น่าเอ็นดูและสงสารคลุกเคลือบกันอย่างประหลาด
"ช่วงนี้ สุดใจไม่ค่อยสบายเลยลุง เผลอทีไรเป็นต้องไปหยิบดินหรือโน่นนี่มากินเสมอ ผมละเป็นห่วง" แหลมยืนพูดคุยกับลุงชัยหลังเลือกซื้อของเสร็จแล้วออกมารอหน่อยที่กำลังจ่ายเงินข้างนอก โดยที่จับสุดใจใส่ไว้ในรถเข็นเพื่อลดภาระแบกอุ้ม"เด็กกำลังซน ถึงจะไม่สมบูรณ์แต่เขาก็เป็นเด็ก ดูแลดีๆอย่าให้คลาดสายตาละ"ลุงชัยพูดด้วยความเป็นห่วง "ตอนเย็นคงได้ไปหาหมออีก"แหลมถอนหายใจพร้อมอุ้มสุดใจก่อนกล่าวลาลุงชัยเมื่อหน่อยเดินออกมา
ต้องยอมรับว่าความเหนื่อย ความล้า ทั้งจากหน้าที่การงาน ภาระค่าใช้จ่าย และ สุดใจที่นับวันจะแรงเยอะและยากที่จะควบคุมก่อความเสียหายแก่สรรพางค์ร่างกาย หลายครั้งทั้งสองนอนหลับโดยที่ไม่รู้ตัวทันทีที่ถึงเตียง และมีบางครั้งที่สายน้ำหลั่งออกมาจากตาที่เศร้าหมองก่อนนอนหลับกองลงไปทั้งสามพ่อแม่ลูก
"ลิ้นหัวใจดีขึ้นนะครับไม่มีอาการแทรกซ้อน การตอบสนองมีแนวโน้มที่ดีตาม ฝากฝึกเด็กให้หัดพูดนะครับ ผมว่าอีกไม่นานเด็กอาจจะพูดได้บางคำ แต่ที่น่าเป็นห่วง เด็กมีอาการที่ควบคุมการกินตนเองไม่ได้นะครับ อย่าพยายามเอาอะไรให้เด็กถือและดูแลเด็กอย่างใกล้ชิด" หมอผู้ดูแลสุดใจมาตั้งแต่เด็กๆกล่าวเตือนให้แหลมระวังระวัง วันนี้หน่อยไม่ได้มาด้วยเพราะติดสาธิตสินค้าให้สมาชิกดาวน์ไลน์ "ผมแนะนำให้หาพี่เลี้ยงที่สามารถดูแลเขาได้ตลอดหรือมากกว่านี้ จากผลเอ๊กเรย์ชี้ได้ว่ากระเพาะของเขามีสิ่งแปลกปลอมอยู่"หมอเริ่มทำหน้าจริงจังมากขึ้น"ครับ"แหลมตอบได้เพียงแค่นี้ "อ้อ ผมเอายาสีฟันด้วยนะสองหลอด กับวิตามินซี กระปุกนึง"หมอสั่งสินค้ากับแหลม(เชื่อว่าหมอช่วยอุดหนุนเพราะสงสารหลายครั้งที่เอาไปแจกจ่ายมากกว่าใช้เอง)"ครับ"แหลมรับออร์เดอร์
"แม่เอ้ย หมอให้เราหาคนมาดูแลลูกให้ดีกว่านี้ถ้าเราไม่มีเวลา"แหลมกล่าวพลางเอามือก่ายหน้าผาก "เอาเงินที่ไหนละ คงต้องหอบเอาสุดใจตะลอนไปขายของด้วยละ ทำเท่าที่ทำได้ละพ่อเอ้ย"หน่อยพูดโดยที่สุดใจนอนในอ้อมกอด พลางเอาหัวโน้มไปอิงไหล่สามีด้วยสายตาที่เหม่อลอย
"เอ๊าๆ "เสียงผู้คนในช๊อปสินค้าทักท้วงเมื่อสุดใจไปจับราวเหล็กกั้นทางเดินเขย่าไปมาอย่างสนุกสนาน ลุงชัยรีบวิ่งไปดู แป๊ปเดียวสุดใจก็คว้าเศษกระดาษเข้าปากเคี้ยวและกลืนอย่างรวดเร็ว หน่อยวิ่งมาพยายามเอาออกแต่ก็ช้าไป หน่อยมองหน้าลุงชัยแบบเคืองๆ ลุงชัยยิ้มแหยะๆ แต่ด้วยหน้าที่แล้ว หน่อยก็เข้าใจและอุ้มลูกน้อยไว้ในอ้อมกอดก่อนไปเลือกสินค้า
วัฏจักรเวียนหมุนไปซ้ำๆ ความเหนื่อยล้าท้อแท้เวียนเปลี่ยนไปมากบ้างน้อยบ้างแต่ไม่เคยมีสักนาทีที่เลือนหาย แต่ก็ไม่มีสักนาทีเช่นกันที่ทั้งสองจะหยุดเดิน การเติบโตของธุรกิจขายตรงเริ่มก่อเค้าความมั่นคง ระดับขั้นทางสายงานที่ถูกเทียบแทนชื่อด้วยอัญมณีต่างๆเริ่มสร้างมูลค่า ความฝันที่สวยงามในชีวิตที่อยู่บน"แพสซีฟ อินคัม"ที่โด่งดังกำลังก่อเค้า ความหวังยังเดินต่อไป
"อ้า... สุดใจ มาให้อาอุ้มมา "เพื่อนนักธุรกิจค้าตรงเข้ามาสวมกอดสุดใจ เด็กน้อยมีอาการเซื่องซึงอย่างเห็นได้ชัด ท้องป่องผิดปกติ ตาเขๆของสุดใจลอยๆ "น้องเป็นไร!!!"เสียงตกใจออกจากปากผู้อุ้ม หน่อยและแหลมทิ้งสิ่งของที่เลือกซื้อวิ่งเข้ามาหาสุดใจ "ตายละเป็นอะไรไปลูก" แหลมคว้าลูกชายหอบกระเตงขึ้นรถหน่อยตามมาติดๆ สีหน้าของเด็กน้อย ซีดเผือก พ่อแม่ก็ไม่ต่าง ความห่วงใจสะท้อนออกมาอย่างชัดเจนทั้งสองหอบลูกขึ้นรถวีออสคู่ใจ ลุงชัยขออนุญาติผู้จัดการช๊อปออกไปดูดำแดงสุดใจด้วย ผู้จัดการพยักพเยิดรับคำอนุญาตเคลือบความสงสาร
ที่โรงพยาบาลสุดใจถูกหามเข้าฉุกเฉินเพื่อล้างท้องหลังจากหมอพิจารณาอาการว่ามีสิ่งแปลกปลอมอยู่ในกระเพาะ หน่อยกับแหลมกุมมือกันอย่าเศร้าสลด ลุงชัยยืนอยู่เคียงข้างอย่างห่วงใจ พยายามนึกว่าเพลาใดหนอที่เขาทั้งสองพลั้งเผลอให้หนูน้อยเอาอะไรเข้าปาก เช่นเดิมที่น้ำตาถูกกลั่นออกจากดวงตาของหน่อย กรรมอันใดหนอที่ตนเคยก่อช่างมาลงกับหนูมันเจ็บลึกจน"สุดใจ"
สามวันที่สุดใจได้รับการรักษาล้างท้องและให้น้ำเกลือในห้องพิเศษหน่อยกับแหลมเที่ยวเวียนวัดพลัดเปลี่ยนลางานเพื่อมาดูแล ทุกอย่างเริ่มดูดีสุดใจเดินเหินและเริ่มทำลายข้าวของได้เป็นการส่อว่าเขากลับมาเกือบจะปกติเท่าที่เขาจะทำได้ ลุงชัย เพื่อนที่ทำงาน และสมาชิกธุรกิจขายตรงแวะเวียนมาเยี่ยมให้กำลังใจ ทั้งสองเริ่มมีรอยยิ้ม
แต่ความเหนื่อยล้าเกาะกุมหัวใจอีกครั้ง เมื่อค่าใช้จ่ายถูกเขียนเป็นรายการมาให้ทั้งคู่ได้เห็น ภาระถูกโยนมาใส่อีกครั้ง อีกครั้ง อีกครั้ง
"ผมเตือนหลายครั้งแล้วนะว่าการดูแลเด็กพิเศษแบบสุดใจมันสำคัญและละเอียดอ่อนแค่ไหน คุณอาจไม่โชคดีแบบคราวนี้นะครับ"หมอเริ่มเสียงแข็งใส่ทั้งคู่ ก่อนจะแนะนำอีกสองสามอย่างเพื่อให้การดูแลเด็กน้อยสุดใจดียิ่งขึ้น
ทั้งคู่นำสุดใจออกจากโรงพยาบาล ขึ้นรถเก๋งวีออสคันเก่า สุดใจถูกนำไปวางที่เบาะด้านหลังแล้วปิดประตู หน่อยยืนตรงประตูที่เปิดอ้า แหลมก็นิ่งเช่นกันฝั่งประตูคนขับ ทั้งสองมองหน้ากัน สูดหายใจเข้าเต็มปอดก่อนปล่อยออกมาเสียงดังจนได้ยินเสียงถอนหายใจของกันและกัน พยักหน้าเบาๆก่อนย่างกรายเข้าในรถ ปิดประตูเบาจนแทบจะไม่ได้ยิน ความเงียบกลืนกินบรรยากาศอย่างน่าพรั่นพรึง แหลมค่อยเหยียบคันเร่งเคลื่อนที่ออกจากที่จอดรถ มือหน่อยกุมมือแหลมไว้ ทำหน้านิ่งดวงตาเหม่อลายไปด้านหน้าแต่แววตาหายลับไปกับความมืด
เสียงเรียกจากสุดใจทำเอาทั้งคู่อึ้ง แหลมชะลอรถที่กำลังขับ
หน่อยหันไปมอง สุดใจ นี่คือคำพูดแรกที่มีความหมายออกจากปากสุดใจ
น้ำตาหน่อยไหลเป็นทาง เอื้อมมือนึงไปลูบที่หัวหนูน้อย
แหลมบีบมือหน่อยอีกข้างอย่างหนักแน่นเขย่าเบาๆ
หน้ายังนิ่งไม่สื่ออารมณ์ ข่มความรู้สึกเอ่อล้น
"มะ ...มะ...แม่" สุดใจพูดอีกครั้งอย่างทุลักทุเล
....
ทั้งคู่ยังอยู่ในภวังค์แห่งความเงียบ
...
แหลมบีบมือหน่อยแรงขึ้น
"เราเลือกแล้วนะแม่" แหลมพูดอย่างสงบ
หน่อยน้ำตาอาบแก้มกัดฟันไม่ให้มีเสียงของ
ความเศร้าโศกออกมาสู่ภายนอก
.....
.....
ปล่อยให้เด็กน้อยสุดใจ
ฉีกกระดาษกัดกินอย่างเพลิดเพลิน
ร่วมพูดคุยแลกเปลี่ยนติชมกันนะครับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้