เพื่อนบ้านเห็นแก่ตัว กับปัญหาโลกแตก

สวัสดีค่ะ นี่เป็นกระทู้แรกของเราขออภัยหากเนื้อหาผิดพลาดหรือวกวน
-------------------------------------------------------------------------------------------------------

    ขอเกริ่นก่อนนะคะว่าบ้านที่เราอยู่เป็นหมู่บ้านจัดสรร ย้ายมาอยู่ตั้งแต่19ปีที่แล้ว(ตั้งแต่เกิด) โดยโซนที่อาศัยเป็นบ้านเดี่ยวทั้งซอยค่ะ ขนาดของบ้านแต่ละหลังก็จะไม่แตกต่างกันมากยกเว้นบ้านเรากับบ้านข้างๆ(ที่ไม่ใช่บ้านเจ้าปัญหานะคะ) จะกินพื้นที่สองหลังเนื่องจากซื้อที่ดินสองโฉนดมาสร้างเป็นบ้านเดี่ยวหลังเดียวโดยบ้านเราจะมีสองบ้านเลขที่

    เหตุการณ์นี้เริ่มมาตั้งแต่3-4ปีที่แล้ว เจ้าของบ้านข้างๆเรา(บ้านเจ้าปัญหา)ได้ย้ายออกไปเนื่องจากโดนธนาคารยึด ทำให้มีครอบครัวย้ายเข้ามาอยู่ใหม่หลังจากนั้นไม่นาน เขาเข้ามารีโนเวทบ้านเป็นระยะ ต่อเติมห้องทำงานตรงส่วนที่จอดรถ ทำให้จากที่จอดรถได้สองคันเหลือเพียงคันเดียว และตัดต้นสน ทำสวนเอาต้นไม้ใหม่มาลง ไม่นานก็ย้ายเข้ามาอยู่ค่ะ โดยจำนวนคนที่เข้ามาอาศัยนี่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆจนเราเองก็ตกใจ ทั้งคนแก่ คนหนุ่ม ไปจนถึงครอบครัวที่มีลูกๆถึงสองครอบครัว ซึ่งต้องขอบอกก่อนเลยว่าบ้านเขาจะมีขนาดค่อนข้างเล็กเกือบที่สุดของซอยเลยก็ว่าได้แต่คนอาศัยเกินสิบค่ะช่วงนั้น ตอนนั้นก็รู้มาว่าพวกเขาเป็นกลุ่มเพื่อนที่ทำธุรกิจร่วมกัน คือเกี่ยวกับรับเหมาก่อสร้าง เป็นนายหน้า บลาๆ แรกๆที่มาอยู่นี่จัดปาร์ตี้เปิดคาราโอเกะทุกคืน ย้ำนะคะว่า “ทุกคืน” ซึ่งคนบ้านเราก็บ่นๆกันพ่อเราเค้าแก่แล้วก็นอนไม่ค่อยจะหลับ คนแถวนี้ก็ทนๆกันไปคิดว่าจะไม่นาน สุดท้ายนึกขึ้นได้ก็ปาไปเป็นเดือนละค่ะ ทั้งเสียงเบสที่ทะลุกำแพงเข้ามาในทุกๆห้องของบ้านเรา เสียงคนคุยกัน เสียงหัวเราะ มันเยอะแยะมาก ผัวเมียทะเลาะกันก็มีนะคะช่วงนั้น เราก็อดทนสิคะ!

    จนกระทั่งเรื่องที่เป็นประเด็นก็มาถึงค่ะ คือเนื่องจากบ้านเขาทำธุรกิจทำให้มักจะมีคนเข้ามาติดต่องานเรื่อยๆ ช่วงนั้นยังปรับตัวไม่ได้ค่ะ งงมากทำไมรถใครมาจอดหน้าบ้านเป็นสิบๆ เคยหลงดีใจนะคะนึกว่าญาติมา(เผื่อได้ซองเล็กซองน้อย) 55555555 ไม่ใช่ค่ะ มีแต่เพื่อนร่วมงาน ลูกค้า คนงาน(เวลารถคนงานมาจอดจะจอดหน้าบ้านเราทุกครั้งโดยที่คนงานจำนวนนึงจะนั่งอยู่ท้ายกระบะ เราไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือเปล่าแต่พวกเขามักจะมองเข้ามาในบ้าน แล้วคือบ้านเรามีแต่ผู้หญิงเราเองก็กลัวไง ไม่เคยออกจากบ้านเลยถ้าไม่ได้จะไปไหน) ซึ่งเราก็ไม่เข้าใจค่ะว่าเขารู้อยู่แล้วว่าธุรกิจของตัวเองมันมีขอบเขตขนาดไหน ต้องทำอะไรบ้าง เดือดร้อนคนอื่นไหม รวมถึงสมาชิกในบ้านก็เยอะ แต่ละคู่ดันมีรถส่วนตัวอีก และมันไม่ใช่แค่เรื่องจอดรถน่ะสิคะ ช่วงแรกๆนี่เขานั่งเจียรเหล็กกันตั้งแต่7โมงไม่เว้นแม้วันหยุดและวันหยุดนขัตฤกษ์เลย ซึ่งข้อนี้มันควรรู้สำนึกอยู่แล้วว่าคนอื่นมันเดือดร้อนแน่นอน นี่มันหมู่บ้านจัดสรรที่มากสุดก็แค่เปิดร้านมินิมาร์ทไม่ก็ร้านข้าวแกง(โซนตึกแถว) แต่กลับมาเปิดกิจการก่อสร้างในแถบนี้ เพราะต้องบอกก่อนเลยว่าก่อนหน้านี้คนในซอยอยู่กันอย่างสงบสุขมากๆ ไม่มีการเบียดเบียนกันใดๆทั้งสิ้น นอกจากเรื่องเสียงดังจากการก่อสร้างแล้ว ความที่บ้านเขาประกอบด้วยหลายครอบครัว ทำให้ในทุกๆวันเสียงจะดังและวุ่นวายมากกก ทั้งคนทะเลาะกัน แม่จับลูกอาบน้ำ ตะโกนด่าลูก ตีลูก คือมันดังมากจนช่วงนั้นคนแถวนี้อยู่กันไม่ได้เลย ต้องโผล่ออกไปดูว่าเขาฆ่าลูกตายไปหรือยัง คือมันฟังดูโหดร้ายมากจริงๆ เด็กก็ร้องไห้เสียงดังทุกวัน ยิ่งโตก็ยิ่งเถียงกันมากขึ้นหนักขึ้นจนเราก็ชินไป

    มีอยู่ครั้งนึงพวกเขาจัดปาร์ตี้กันตอนกลางคืน(หรือจะเรียกว่ากลางดึกก็ได้ ช่วงนั้นตีสองเรานอนเขายังไม่เลิกก๊งเหล้ากันเลย) รถจอดยาวเกือบทั้งซอย โอเค ตอนนั้นเราก็เข้าใจนะเขามาอยู่ใหม่ก็ต้องมีงานเลี้ยง งานบุญเป็นธรรมดา แต่คือด้วยความที่บ้านเราค่อนข้างยาวเลยทำให้มีรถมาจอดไว้หลายคัน หนึ่งในนั้นดันมาจอดปิดประตูทางเข้าออก ทำให้พ่อเราเอารถเข้าบ้านไม่ได้ต้องไปจอดหน้าบ้านคนอื่น ยิ่งไปกว่านั้นเจ้าของบ้านหลังนั้นที่เป็นที่เลื่องลือกันอยู่แล้วว่าแกดุมากๆ แกเป็นคนจีนเลยพูดจาค่อนข้างห้วนและดัง(แต่แกไม่ได้เลวร้ายอะไรนะ) แกออกมาโวยพ่อเราว่าให้ไปจอดรถที่อื่นได้ไหมเขาไม่ชอบ พวกข้างบ้านก็หันมามองกันนะ ขนาดบ้านตรงข้ามยังเปิดประตูบ้านออกมาดู แต่พวกเขาก็หัวเราะเฮฮากันต่อ คือไม่มีสามัญสำนึกเลย ตอนนั้นแหละที่คนบ้านเราหมดความอดทนเริ่มรู้สึกว่าถูกเบียดเบียนอย่างแท้จริง จะมาพูดเรื่องน้ำใจก็ไม่ถูกมันเห็นแก่ตัวเกินไป

    หลังจากนั้นแม่เราจะคอยออกไปบอกทุกครั้งว่าไปจอดที่อื่นได้ไหม(ระหว่างช่วงซอยของโซนบ้านเราจะมีที่ว่างไว้สำหรับรถจอดได้สองคันทุกๆซอย) เขาก็ไม่ได้พูดอะไรนะมาขยับรถออกไปง่ายๆเหมือนเข้าใจว่ามันไม่ถูกต้อง แต่กลายเป็นว่าบอกทีก็มาขยับไปที จนตอนหลังแม่เราขี้เกียจบอกแล้วก็เลยไปยืนรดน้ำ(หลังคารถมัน)ต้นไม้หน้าบ้านจนเขาต้องมาขยับรถออกไปประจำ หลังจากตอนนั้นแม่เราก็ไปทำงานที่อื่นทำให้ไม่ได้กลับบ้าน พวกเขาก็เลยยิ่งกล้ามาจอดหน้าบ้านเราทุกวัน คือแต่ละครั้งที่ไปบอกส่วนมากจะบอกกับเจ้าของบ้าน ซึ่งในหลายครั้งก็มีแขกบ้านเขามาจอดด้วย คือวนเวียนไปมาตลอด รถเข้าๆออกๆเสียงดังปึงปัง บางทีสตาร์ทรถทิ้งไว้ให้ควันลอยเข้ามาในบ้านอีก จะมาทำไม่รู้ไม่ชี้ก็คงไม่ได้ เพราะแขกก็แขกของคุณจะไม่รับผิดชอบนี่มันไม่เกินไปหรอ คือเป็นเด็กหรอต้องให้คอยบอกคอยเตือนทุกครั้งเราว่ามันไม่ใช่แล้ว และด้วยความที่หน้าบ้านเราปลูกต้นไม้ใหญ่อยู่สองต้น(กลางบ้านกับฝั่งบ้านเขา) ก็ยิ่งทำให้พวกเขาชอบเอารถมาจอดใต้ร่มเงาอยู่เรื่อยๆ บางทีมาจอดคันเดียวนะแต่จอดกลางบ้านเราเลย คงกลัวรถโดนแดดมั้ง(จอดไว้บ้านสิ) แม่เรายังเคยถึงกับออกไปตะโกนถามว่ามาหาใครคะอยู่หลายทีพวกคนงานก็ตีหน้ามึนแล้วเดินเข้าบ้านข้างๆเราไปเฉยๆ  ซึ่งแต่ก่อนด้วยความที่อากาศมันร้อนบ้านเราเลยมักจะปิดประตูหน้าไว้เพื่อที่ไอแดดจะได้ไม่เข้าบ้านเพราะไม่ได้ติดแอร์ ก็เลยยิ่งทำให้พวกเขามักง่ายยิ่งขึ้น จนเดี๋ยวนี้เช้าเราตื่นต้องเปิดประตูหน้าไว้ กลางวันแดดร้อนก็ต้องทน(ตัวบ้านเราค่อนไปทางหน้าบ้านเกือบติดรั้ว หลังบ้านเป็นสนามหญ้า) ทำให้ทั้งไอแดดทั้งแสงสะท้อนกระจกรถนี่ถาโถม เวลาเราออกไปยืนมองเขาก็เห็นนะแต่ก็ไม่ได้เกิดความเกรงอกเกรงใจไรขึ้นมาหรอก วนเวียนมาจอดทุกวันจนเราจำยี่ห้อรถไม่ได้แล้ว มีตั้งแต่ซูซูกิยันเบ๊นซ์เลย

    พอแม่เรากลับมาบ้านทีก็บอกที บอกทั้งคนผู้หญิงแล้วก็ผู้ชาย คือทุกคนด้านได้อายอดมากๆ ช่วง2-3ปีหลัง ก็เหมือนธุรกิจจะขยับขยายค่ะ เนื่องจากบ้านตรงข้ามเราย้ายออก(ไม่รู้เพราะบ้านหลังนี้หรือเปล่า) ทำให้พวกเขาซื้อต่อบ้านหลังนั้นและเข้าไปอาศัยอยู่ แต่ก็เหมือนเดิมค่ะ แม้ว่าจะมีบ้านตั้งสองหลังคือข้างบ้านเราและตรงข้ามเรา เขาก็ยังจอดรถหน้าบ้านเราอยู่ดี หลังจากนั้นอีกไม่นาน บ้านถัดจากพวกเขาก็ย้ายออกอีกหลัง ทำให้พวกเขาส่วนหนึ่ง(หรือคนรู้จัก)ไปซื้อต่อและอาศัยอยู่บ้านหลังนั้นด้วย ทำให้ปัจจุบันพวกเขามีพื้นที่บ้านอยู่3หลังด้วยกัน คือบ้านเดิม บ้านเยื้องๆกับบ้านเดิม(ตรงข้ามเรา) และบ้านถัดจากหลังของเขาอีกด้าน ดูเหมือนเราจะมีความหวังใช่ไหมคะ คุณคิดผิดค่ะ แขกไปใครมาหรือแม้แต่พวกเขาเองก็ยังเอารถมาจอดไว้หน้าบ้านเราเหมือนเคย ทุกคนอาจจะคิดนะว่าคนบ้านเราใจดำ ขี้งก แต่พวกเขามันเกินไปจริงๆ ในบ้านตัวเองมีแทบไม่เคยจอด มาจอดไว้ข้างนอกซึ่งก็ลามมากลางบ้านเราทุกที เวลาแขกเขามาก็มาจอดไว้บ้านเรามันน่าโมโหไหม อยู่มา19ปีนอกจากบ้านไหนจัดขึ้นบ้านใหม่นี่ก็ไม่เคยมีใครมาเสียมารยาทแบบนี้เลยจริงๆ

    แล้วไม่นานบ้านตรงข้ามเรากับบ้านเดิมของพวกเขาเหมือนจะมีปัญหาอะไรกันสักอย่าง ทำให้บ้านตรงข้ามเราย้ายออกไปแต่จะกลับมาอาทิตย์ละครั้งโดยที่ทั้งสองหลังไม่มีการมองหน้าสบตาพูดคุยกันอีก เราก็เกือบดีใจน่ะสิว่าช่วงที่พวกเขาไม่อยู่ คนบ้านข้างๆเราจะไปจอดรถที่ฝั่งนั้นแทน

    สรุปก็หน้าบ้านเราอีกตามเคยค่าา สงสัยผีในต้นไม้หน้าบ้านเราต้องไปบอกดวงบอกโชคไรสักอย่างในฝันเขาแน่ๆ ดูจะติดใจเป็นพิเศษ

    และแล้วล่าสุด เรื่องก็มาพีคตรงที่บ้านเราได้หมาตัวใหม่มันยังเด็กมากเลยเห่าหอนเก่งไปตามประสา มีอยู่วันนึงพ่อเราเล่าให้ฟังว่าเจ้าของบ้านข้างๆเอากิ่งไม้มาปาใส่ หลังจากนั้นหมาเราเลยเห่าแต่บ้านหลังนี้หลังเดียว จนกระทั่งกลางดึกวันนึงเขาเรียกพี่สาวเราไปบอกว่าหมาเราชอบเห่าตอนกลางคืน ลูกเขาชอบตื่นเพราะเสียงหมาเรานี้แหละ เรากับพี่เราก็งงๆเพราะไม่เคยตื่นเพราะเสียงหมาเห่าเลยจริงๆ แต่ก็บอกเขาไปว่าขอโทษและจะคอยดุมัน แล้วเหมือนเขาดื่มมาด้วยตอนแรกเขาก็บ่นๆเฉยๆต่อมาก็เริ่มเหมือนด่า บอกให้เราเคารพสิทธิส่วนบุคคลหน่อย เลี้ยงหมาก็ช่วยดูแลด้วยถ้ามันไม่เลิกเห่าเขาจะยิงทิ้ง ตอนนั้นเรากับพี่เราเงิบมากไปต่อไม่ถูก มาขู่ยิงกันซึ่งๆหน้างี้เลยหรอ คือเราเพิ่งรู้ครั้งแรกเลยว่าหมาเราเห่ากลางดึกขนาดนั้นมันต้องมาพูดกันขนาดนั้นเลยหรอคะ เพราะที่ผ่านมาเราไม่เคยล่วงเกินอะไรเลยอย่างน้อยก็น่าจะบอกกันดีๆแต่เขาคงเห็นว่าพวกเราเป็นเด็กเพราะเราก็ขอโทษรับปากเขาไปแล้ว หลังจากนั้นเวลาหมาเราเห่าไม่ว่าจะเห่าใบไม้ มอเตอร์ไซค์ คนงานหรือแขก(บ้านเขา) เราก็ออกไปดุหมด พ่อเราก็ออกไปตีเพราะกลัวเขามายิงหมาเราจริงๆถึงแม้ว่าเราจะไม่รู้ว่าเขามีปืนจริงๆหรือเปล่า จนช่วงนึงหมาเราโดนรถทับขาหักเราเลยเอามาเลี้ยงในบ้าน ทุกวันนี้มันเลยเลิกเห่าไปเลยเหมือนมันลืมว่าเคยกลัวคนข้างบ้านเราไปแล้ว

    ตอนนั้นอีกใจเราก็คิดนะว่ากล้าพูดเรื่องเคารพสิทธิส่วนบุคคลออกมาได้ยังไง พูดจาเหมือนคนมีความคิดแต่การกระทำมันไม่ใช่เลย ในขณะที่หมาเราพัฒนาแต่การกระทำของเขาเองยังเหมือนเดิม ทุกวันนี้แม่เราต้องคอยฝากคนแถวบ้านเราที่พอจะคุยกับข้างบ้านเรารู้เรื่องไปบอกเขาให้จอดรถที่อื่น เขาก็ยังจอดทั้งๆที่เคยขู่เราขนาดนั้นแต่กลับมาพึ่งพาเราทางอ้อม ไม่มีความละอายเลยหรือยังไง

    เราเลยอยากถามเพื่อนๆว่าที่บ้านเราเป็นแบบนี้มันผิดไหม แล้วเราพอจะทำอะไรได้บ้าง ทั้งเรื่องคนงาน เรื่องการรถจอด มลพิษ เราเข้าใจดีว่าถนนในหมู่บ้านเป็นถนนส่วนบุคคล ลูกบ้านสามารถใช้สิทธิกับมันได้ แต่ในกรณีนี้มันรวมถึงการเบียดเบียนและความเดือดร้อนที่เราได้รับ หรือเราต้องทนและคอยเตือนเขาต่อไปเรื่อยๆคะ?


    ขอบคุณสำหรับคำตอบล่วงหน้าค่ะ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่