เรารักกันมาก คบกันมาก็4-5ปีได้ ผ่านอะไรด้วยกันมาเยอะ เขาทำให้เรามีเหตุการณ์ครั้งแรกร่วมกันหลายๆอย่าง เช่น เรายังไม่เคยไปเที่ยวภาคเหนือ เขาก็พาเราไปเชียงรายเป็นครั้งแรกในชีวิต ก้อคิดอยู่นะถ้าไม่มีเขาก้อไม่รู้เมื่อไรจะได้มาเทียวภาคเหนือ เรา2คนนั่งรถทัวร์ไปเชียงใหม่ด้วยกันทั้งๆที่ไม่รู้เลยว่าต้องเริ่มจากตรงไหนก่อน พาเรานั่งเครื่องบินเป็นครั้งแรก มีหลายๆอย่างที่แบบว่าเกิดมายังไม่เคยไป ยังไม่เคยทำ ยังไม่เคยกิน ล่าสุดนี่เราก้อไปเที่ยวทะเลใต้ด้วยกันซึ่งเราทั้งคู่ยังไม่เคยไปเลย มันเป็นความฝันเลยที่เราจะไปเหยียบทะเลใต้ ไปถ่ายรูปกับหินเรือใบ สิมิลันนั่นเอง แต่เราก้อทำได้ ไปมาด้วยกัน
เราทั้งคู่มีโครงการจะแต่งงานกันประมาณปลายปีหน้า ซึ่งมีการให้ผู้ใหญ่มาคุยสู่ขอ ตกลงค่าสินสอดเรียบร้อยแล้ว อะไรๆเหมือนจะดี แต่ปัญหาก็เกิดขึ้น เมื่อมีความต่างของทั่ง2ครอบครัว คือครอบครัวเราจะเป็นแบบบ้านๆ ลูกทุ่งๆ ตามแบบคนต่างจังหวัด ญาติพี่น้องเยอะ คนบ้านใกล้เรือนเคียงรู้จักกันหมดแต่ชีวิตครอบครัวของเขาคือคนสังคมเมือง ไม่มีญาติพี่น้อง ตัวคนเดียว ญาติมิตรตัดขาดหมด เขาสามารถใช้ชีวิตอยู่ได้โดยไม่ต้องพึ่งพาใคร แม่ไปอยู่เมืองนอก
ถ้าเราสองคนอยู่ด้วยกันช่องว่างตรงนี้ก้อไม่เคยมีปัญหาอะไร แต่เมื่อเราต้องวางแผนจัดงานแต่งงาน ปัญหาตรงนี้ก็เกิดขึ้นมาทันที ด้วยความที่คนเปนคนต่างจังหวัด การจัดงานแต่งจริงๆก็ไม่มีอะไรมากมาย เช้าแต่งที่บ้านจัดงานที่บ้าน เวลากินเลี้ยงก็ไปกินอีกที่ อาจจะเป็นลานกว้างๆ สนามกีฬา รึหอประชุมโรงเรียนอาหารการกินก็อาหารไทยทำกันเอง คนช่วยงานเยอะญาติพี่น้องเยอะแยะ ตอนกินเลี้ยงก้อหาโต๊ะจีนเอา แต่นี้ก้อโอเคแล้ว แต่นี่มันไม่โอเคสำหรับฝ่ายชาย เพราะฝ่ายชายต้องการจัดงานโรงแรม ต้องการจัดงานเล็กๆแต่ทุกอย่างต้องออกมาดูดี ด้วยเหตุผลที่ว่า แม่อยู่เมืองนอกไม่ชอบอากาศร้อนและแฟนแม่เป็นต่างชาติ อีกอย่างเขาบอกว่าสถานที่บ้านเราไม่สามารถจัดงานแต่งได้ บ้านเก่า ทรุดโทรม เลี้ยงหมาหลายตัว แม่เขาไม่ชอบหมา ด้วยความต่างตรงนี้ก็เลยเกิดเป็นปัญหา คือเราตกลงเรื่องการจัดงานไม่ได้ คุยเรื่องนี้ทีไรก็ต้องทะเลาะกันทุกที เพราะเขาต้องการคุยเรื่องงาน วางแผนการจัดงานกันแค่2คนเรา แต่เราก็อยากให้ที่บ้านรับรู้ ช่วยกันตัดสินใจ ตัวเราเองก็ไม่สามารถตัดสินใจอะไรได้ และก็จบลงด้วยคำพูดเขาที่ว่า ถ้าปัญหามันเยอะมาก อย่างนั้นก็ไม่ต้องแต่ง แล้วต่อจากนี้ก้อให้เราคิดเองว่าเราจะคบกันต่อหรือว่าจะเลิกก้อได้
ตอนนี้เราสับสนมาก ไม่รู้จะเอายังไงกะชีวิตดี รักก็รักมาก แต่งงานก็อยากแต่ง ซึ่งมันก้อเปนความฝันของผู้หญิงหลายๆคนอยู่แล้ว อีกอย่างถ้านึกถึงคนที่เป็นพ่อเป็นแม่แล้วมีลูกสาว เขาก็ต้องอยากเห็นลูกแต่งงานเป็นฝั่งเปนฝาจริงมั้ย และถ้าเราอยู่กินกันไปโดยที่ไม่ได้แต่งงานกัน พ่อแม่จะรับได้มั้ย
เราควรทำยังไงดี?
รักกันแทบตาย แต่ไลฟ์สไตล์ไม่ตรงกัน สุดท้ายจะทำอย่างไร?
เราทั้งคู่มีโครงการจะแต่งงานกันประมาณปลายปีหน้า ซึ่งมีการให้ผู้ใหญ่มาคุยสู่ขอ ตกลงค่าสินสอดเรียบร้อยแล้ว อะไรๆเหมือนจะดี แต่ปัญหาก็เกิดขึ้น เมื่อมีความต่างของทั่ง2ครอบครัว คือครอบครัวเราจะเป็นแบบบ้านๆ ลูกทุ่งๆ ตามแบบคนต่างจังหวัด ญาติพี่น้องเยอะ คนบ้านใกล้เรือนเคียงรู้จักกันหมดแต่ชีวิตครอบครัวของเขาคือคนสังคมเมือง ไม่มีญาติพี่น้อง ตัวคนเดียว ญาติมิตรตัดขาดหมด เขาสามารถใช้ชีวิตอยู่ได้โดยไม่ต้องพึ่งพาใคร แม่ไปอยู่เมืองนอก
ถ้าเราสองคนอยู่ด้วยกันช่องว่างตรงนี้ก้อไม่เคยมีปัญหาอะไร แต่เมื่อเราต้องวางแผนจัดงานแต่งงาน ปัญหาตรงนี้ก็เกิดขึ้นมาทันที ด้วยความที่คนเปนคนต่างจังหวัด การจัดงานแต่งจริงๆก็ไม่มีอะไรมากมาย เช้าแต่งที่บ้านจัดงานที่บ้าน เวลากินเลี้ยงก็ไปกินอีกที่ อาจจะเป็นลานกว้างๆ สนามกีฬา รึหอประชุมโรงเรียนอาหารการกินก็อาหารไทยทำกันเอง คนช่วยงานเยอะญาติพี่น้องเยอะแยะ ตอนกินเลี้ยงก้อหาโต๊ะจีนเอา แต่นี้ก้อโอเคแล้ว แต่นี่มันไม่โอเคสำหรับฝ่ายชาย เพราะฝ่ายชายต้องการจัดงานโรงแรม ต้องการจัดงานเล็กๆแต่ทุกอย่างต้องออกมาดูดี ด้วยเหตุผลที่ว่า แม่อยู่เมืองนอกไม่ชอบอากาศร้อนและแฟนแม่เป็นต่างชาติ อีกอย่างเขาบอกว่าสถานที่บ้านเราไม่สามารถจัดงานแต่งได้ บ้านเก่า ทรุดโทรม เลี้ยงหมาหลายตัว แม่เขาไม่ชอบหมา ด้วยความต่างตรงนี้ก็เลยเกิดเป็นปัญหา คือเราตกลงเรื่องการจัดงานไม่ได้ คุยเรื่องนี้ทีไรก็ต้องทะเลาะกันทุกที เพราะเขาต้องการคุยเรื่องงาน วางแผนการจัดงานกันแค่2คนเรา แต่เราก็อยากให้ที่บ้านรับรู้ ช่วยกันตัดสินใจ ตัวเราเองก็ไม่สามารถตัดสินใจอะไรได้ และก็จบลงด้วยคำพูดเขาที่ว่า ถ้าปัญหามันเยอะมาก อย่างนั้นก็ไม่ต้องแต่ง แล้วต่อจากนี้ก้อให้เราคิดเองว่าเราจะคบกันต่อหรือว่าจะเลิกก้อได้
ตอนนี้เราสับสนมาก ไม่รู้จะเอายังไงกะชีวิตดี รักก็รักมาก แต่งงานก็อยากแต่ง ซึ่งมันก้อเปนความฝันของผู้หญิงหลายๆคนอยู่แล้ว อีกอย่างถ้านึกถึงคนที่เป็นพ่อเป็นแม่แล้วมีลูกสาว เขาก็ต้องอยากเห็นลูกแต่งงานเป็นฝั่งเปนฝาจริงมั้ย และถ้าเราอยู่กินกันไปโดยที่ไม่ได้แต่งงานกัน พ่อแม่จะรับได้มั้ย
เราควรทำยังไงดี?