คืองี้ค่ะ เราเคยเป็นเพื่อนท่านตอนม.ต้น ตอนนั้นก็ทราบแหล่ะค่ะว่าท่านชอบเราตั้งแต่ม.1แล้ว พอเรารู้สึกได้อย่างนั้นเราก็เริ่มห่างๆ
ถ้าเขาตามก็จะเลี่ยงๆไปทางอื่น จนทำให้เราก็ไปชอบเพื่อนในห้องอีกคนเพราะเหตุจากมีแข่งว่ายน้ำกีฬาสี ห้องเรามี 3 คนที่ลงแข่งก็เลยไปซ้อมด้วยกัน เขาคอยตามเราตลอด เราเลยไปหาเพื่อนอีกคน สุดท้ายเราชอบกันกับคนนั้นซะเลย (รักแรก รักยาวนาน สุดท้ายไม่ได้เป็นแฟนกัน unlucky in love ตลอด แว้ก! นอกเรื่อง) ก็ไม่ได้ใส่ใจจนลืมเขาไป
เวลาผ่านมา 12 ปีจนถึงวันนี้เราไม่สนิทกันนะคะ นานๆเขาจะทักแชทหรือกดไลค์บ้าง แต่ก็เรื่อยๆค่ะ ตอนนี้ท่านบวชเป็นพระค่ะ ก็ถามไถ่เรื่องกฐินกัน (ด้วยการแชท) แล้วท่านก็บอกว่านั่งสมาธิแล้วนิมิตเห็นว่าเราจะเจ็บป่วยในอนาคต (เราเชื่อเรื่องกรรม มีโอกาสศึกษาธรรมะบ้างพอตัว) เราจึงให้ท่านเล่าๆไป ก็รับฟังไว้ ไม่ได้อะไร ท่านอาจจะเป็นห่วงเรามากไปหรือเปล่าเลยนึกถึงเราแบบนี้ เราจึงนึกได้ว่าเราอยากอโหสิกรรมท่าน จึงได้ชวนสนทนาเรื่องกรรม เราก็บอกท่านว่าเราทราบนะ ว่าท่านเคยคิดอะไรกับเรา จากนั้นก็เขียนขออโหสิกรรมท่านไป
ท่านก็อ้ำอึ้งค่ะ เลยพูดตรงๆอีกครั้งว่าท่านเคยชอบเราใช่ไหม เราไม่ได้คิดไปเองนะ ท่านตอบว่า "ตอนนี้อาตมายังบวชอยู่ก็พูดคำนี้ออกมาไม่ได้ อาตมาไม่ได้มุสานะ ถ้าจะตอบว่าเคยคิดเช่นนั้นจริงๆ จะพอมีโอกาสสานไมตรีนี้ในอนาคตไหม" (ท่านจะสึกในต้นปีหน้าค่ะ) เราจึงตอบกลับว่า "ก็ตอบตรงๆนะคะ ว่าคงเป็นไปไม่ได้ ขอโทษด้วยนะคะที่ทำให้ต้องหมองใจ เราทราบมาตั้งแต่ ม.1 แล้วล่ะ หากเรามีใจให้ท่านบ้างเราคงตอบไมตรีนี้เช่นกัน" อะไรทำนองนี้ค่ะ จากนั้นก็ค่อยๆจบบทสนทนาลง
ขำก็ขำ คิดมากก็คิดมาก ตอนนี้ก็เฉยๆละ
เลยขอถามความเห็นท่านอื่นว่า บาปมั้ยคะที่เป็นเหตุทำให้พระต้องมีจิตขุ่นมัว (บาปแหงๆ) โอ๊ย กุมขมับ
ปล. ท่านเป็นคน อวบ เตี้ย ดำ เป็นสิว เรียนไม่ค่อยเก่ง ส่วนอีกคนนั้นก็ตรงข้ามน่ะค่ะ แฮ่ๆ ^^
ถึงตรงนี้แล้วก็พอจะเข้าใจเรานะ ว่าทำไมถึงปฏิเสธไปแต่แรก กรรมนั้นพาคนมาเจอกัน กรรมนั้นกำหนดทุกสิ่ง
แม้การที่ได้รักใคร พบใคร อกหัก สมหวัง ล้วนเป็นผลของกรรมทั้งสิ้น
>>> กมฺมุนา วตฺตตีโลโก สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม
ทำพระอกหักบาปมั้ยคะ
ถ้าเขาตามก็จะเลี่ยงๆไปทางอื่น จนทำให้เราก็ไปชอบเพื่อนในห้องอีกคนเพราะเหตุจากมีแข่งว่ายน้ำกีฬาสี ห้องเรามี 3 คนที่ลงแข่งก็เลยไปซ้อมด้วยกัน เขาคอยตามเราตลอด เราเลยไปหาเพื่อนอีกคน สุดท้ายเราชอบกันกับคนนั้นซะเลย (รักแรก รักยาวนาน สุดท้ายไม่ได้เป็นแฟนกัน unlucky in love ตลอด แว้ก! นอกเรื่อง) ก็ไม่ได้ใส่ใจจนลืมเขาไป
เวลาผ่านมา 12 ปีจนถึงวันนี้เราไม่สนิทกันนะคะ นานๆเขาจะทักแชทหรือกดไลค์บ้าง แต่ก็เรื่อยๆค่ะ ตอนนี้ท่านบวชเป็นพระค่ะ ก็ถามไถ่เรื่องกฐินกัน (ด้วยการแชท) แล้วท่านก็บอกว่านั่งสมาธิแล้วนิมิตเห็นว่าเราจะเจ็บป่วยในอนาคต (เราเชื่อเรื่องกรรม มีโอกาสศึกษาธรรมะบ้างพอตัว) เราจึงให้ท่านเล่าๆไป ก็รับฟังไว้ ไม่ได้อะไร ท่านอาจจะเป็นห่วงเรามากไปหรือเปล่าเลยนึกถึงเราแบบนี้ เราจึงนึกได้ว่าเราอยากอโหสิกรรมท่าน จึงได้ชวนสนทนาเรื่องกรรม เราก็บอกท่านว่าเราทราบนะ ว่าท่านเคยคิดอะไรกับเรา จากนั้นก็เขียนขออโหสิกรรมท่านไป
ท่านก็อ้ำอึ้งค่ะ เลยพูดตรงๆอีกครั้งว่าท่านเคยชอบเราใช่ไหม เราไม่ได้คิดไปเองนะ ท่านตอบว่า "ตอนนี้อาตมายังบวชอยู่ก็พูดคำนี้ออกมาไม่ได้ อาตมาไม่ได้มุสานะ ถ้าจะตอบว่าเคยคิดเช่นนั้นจริงๆ จะพอมีโอกาสสานไมตรีนี้ในอนาคตไหม" (ท่านจะสึกในต้นปีหน้าค่ะ) เราจึงตอบกลับว่า "ก็ตอบตรงๆนะคะ ว่าคงเป็นไปไม่ได้ ขอโทษด้วยนะคะที่ทำให้ต้องหมองใจ เราทราบมาตั้งแต่ ม.1 แล้วล่ะ หากเรามีใจให้ท่านบ้างเราคงตอบไมตรีนี้เช่นกัน" อะไรทำนองนี้ค่ะ จากนั้นก็ค่อยๆจบบทสนทนาลง
ขำก็ขำ คิดมากก็คิดมาก ตอนนี้ก็เฉยๆละ
เลยขอถามความเห็นท่านอื่นว่า บาปมั้ยคะที่เป็นเหตุทำให้พระต้องมีจิตขุ่นมัว (บาปแหงๆ) โอ๊ย กุมขมับ
ปล. ท่านเป็นคน อวบ เตี้ย ดำ เป็นสิว เรียนไม่ค่อยเก่ง ส่วนอีกคนนั้นก็ตรงข้ามน่ะค่ะ แฮ่ๆ ^^
ถึงตรงนี้แล้วก็พอจะเข้าใจเรานะ ว่าทำไมถึงปฏิเสธไปแต่แรก กรรมนั้นพาคนมาเจอกัน กรรมนั้นกำหนดทุกสิ่ง
แม้การที่ได้รักใคร พบใคร อกหัก สมหวัง ล้วนเป็นผลของกรรมทั้งสิ้น
>>> กมฺมุนา วตฺตตีโลโก สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม