แบ่งปันประสบการณ์ ความเชื่อ เรื่องกรรม เกี่ยวกับเเมว (โปรดพิจารณาตามดุลพินิจ)

แบ่งปันประสบการณ์ ความเชื่อ เรื่องกรรม เกี่ยวกับเเมว (โปรดพิจารณาตามดุลพินิจ)
 
เป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นจริงเเล้วอยากแบ่งปันค่ะ
เน้นว่า
เเล้วเเต่ดุลพิจนิจเเต่ละท่าน
ผู้เขียน
หวังเพียงเจตนาให้ท่านผู้อ่าน ละเว้นบาปกรรม
 
สมัยเมื่อประมาณสัก
30 กว่าปีก่อนค่ะ
บ้านของผู้เขียนอยู่ในพื้นที่ชนบทในภาคกลาง

บ้านจะติดกับพื้นที่รกร้างว่างเปล่า
ข้างบ้านเป็นป่า
ซึ่งก็จะมีสัตว์อาศัยอยู่
หนึ่งในนั้น ที่เป็นเหตุการณ์สำคัญคือเเมวค่ะ
 
ในวันนึง
มีเเมว มาขโมยของกินในบ้าน
ทำให้พ่อของผู้เขียน
เกิดความโมโห
พอจับเเมวตัวนั้นได้
จึงใช้เชือกปอมัดขาด้านหลังเเมวเอาไว้กับโต๊ะ
เเต่เเมวก็พยายามดิ้นหนี
จนสุดท้ายเชือกขาด
ในส่วนของเเมวมีปมเชือกที่รัดติดขาไปด้วย
 
หลังจากเวลาผ่านไปสักระยะ

วันนึงเเมวตัวนั้นซมซานกลับมาที่บ้านอีก
พร้อมขาหลังที่เน่าจากการถูกเชือกรัดขาไว้
 
พ่อของผู้เขียนเมื่อเห็นเหตุการณ์
ท่านเล่าว่า
น้ำตาก็ไหลอายเเก้ม
คิดว่าได้สร้างกรรมหนักกับมันเเล้ว
ท่านหาข้าวปลาอาหารให้มันกิน
เเล้วก้มกราบอโหสิกรรมต่อมัน
คำพูดที่ท่านพูดไว้คือ
ขอโทษเเละขอให้กลับมาเกิดเป็นลูก
หากเกิดมาเป็นลูกสาว
จะเลี้ยงดูอย่างดีเพื่อชดใช้กรรมที่ได้ทำลงไป
ไม่นานหลังจากนั้นเเมวตัวนั้นก็สิ้นใจลง
 
หลังจากนั้นผ่านมาไม่กี่เดือน

เเม่ของผู้เขียนก็ตั้งครรภ์อย่างน่าประหลาด
ทั้งที่....อยู่กันกับพ่อผู้เขียนมานานนับ
10 ปี
เเต่ไม่มีลูก
 
หลังจากเเม่คลอดผู้เขียน
ขาข้างนึงก็มีรอยปมเชือกรัดคล้ายปาน
เเล้วมีเท้าข้างนั้นเเค่
4 นิ้ว เหมือนอุ้งขาหลังเหมือนเเมว
โชคดีที่ผู้เขียนมีร่างกายในส่วนอื่นปกติ
เเล้วในวัยเด็กคือไม่ยอมเดิน
เหมือนเด็กทั่วไป
 
จนเเม่ต้องไปบนเเล้วถวายเป็นลูกของหลวงปู่
จึงเริ่มเดินได้ไกล้เคียงคนปกติ
เเต่จะมีลักษณะการเดินเหมือนคนเจ็บขาเล็กน้อย
 
พอผู้เขียนเข้าสู่วัยเด็ก
ทางครอบครัวก็เริ่มมีอยู่มีกินมากขึ้น
จากที่ทำนาทำไร่ไม่ได้ข้าวก็เริ่มมีเงินเก็บซื้อที่ทางได้

หลายสิ่งหลายอย่างครอบครัวดีขึ้นมาก
อย่างน่าประหลาด
 
ในช่วงวัยเด็กผู้เขียนถูกเพื่อนล้อ
เเละอายกับความที่เรา
ไม่เหมือนคนปกติ
 
เเต่สิ่งที่ทำให้ผู้เขียนเข้มเเข็งมาก
คือครอบครัว
พ่อได้ชดเชยทุกอย่าง
เหมือนที่เคยสัญญากับเเมวตัวนั้นไว้
 
ผู้เขียนยอมรับว่าความอายในตอนเด็ก
กลายเป็นการยอมรับความจริงในตอนที่เราโตขึ้น
ยอมรับในความจริงสิ่งที่เราเป็น
 
เมื่อเราขาดสิ่งหนึ่ง ธรรมชาติอาจชดเชยด้วยสิ่งหนึ่ง
โชคดีที่ผู้เขียนมีครอบครัวที่สร้างจิตใจที่เข้มเเข็ง
ปัจจุบันผู้เขียนมีหน้าที่การงานที่ดี ครอบครัวที่ดี เเละ มีคู่ชีวิตที่ดี เเละมีความสุข

สุดท้าย
ผู้เขียนไม่อาจยืนยันได้ว่า ความเชื่อ ของผู้เขียนถูกต้องหรือไม่
ผู้เขียนใช่เเมวตัวนั้นจริง หรือไม่
 
เเต่สิ่งหนึ่งคือ คิดว่าเรื่องเล่านี้จะเป็น ธรรมทานเเก่ผู้ได้อ่าน
ได้เกรงกลัวต่อบาปต่อไป
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่