แชร์ประสบการณ์คนร้ายในผ้าเหลืองค่ะ

เรื่องมันเกิดจากกำลังจะไป ตจว และโทรศัพท์หล่นก่อนขึ้นรถ เมื่อวัน เสาร์ที่18 เมษายน ที่หน้าปากซอยบ้าน
เมื่อติดตามผ่านระบบ Find I Phone ของเครื่องญาติที่ไปด้วยกัน พบพิกัดที่วัดแถวบ้าน โดยเครื่องยังไม่ได้ปิดสัญญาณ เมื่อไปถึงวัดแล้วพยายามกดเรียกผ่านระบบ Find I phone ไปยังเครื่องที่หายไป ปรากฏว่า คนร้ายได้ทำการปิดเครื่อง ทางเพชรได้รอเพื่อสอบถามผู้ต้องสงสัยคาดการณ์เบื้องต้นว่าน่าจะเป็นลูกศิษย์ที่วัดเนื่องจากสัญญาณไปหยุดอยู่ที่กุฏิของพระในวัด และได้มีพระและผู้ที่อาศัยอยู่ภายในชุมชนหลังวัดออกมาสอบถามเหตุการณ์หลายคน

เมื่อไม่พบ จึงได้เดินทางไป ตจว. และคาดการณ์เอาไว้ว่าจะกลับมาแจ้งความดำเนินคดี โดยที่ยังไม่ได้ทำซิมโทรศัพท์ใหม่ เผื่อคนร้ายเปิดเครื่องโทรศัพท์ ระบบ iclound จะทำการแจ้งเข้ามาที่เครื่องที่เรากดตามหากันทันที ซึ่งได้ฝากคุณพ่อที่มี ipad ช่วยติดตามจากทางนี้ด้วย แต่ก็ยังใช้มือถือเครื่องอื่นคอยเช็คตลอดว่าได้มีการเปิดเครื่องหรือไม่

ประมาณบ่ายโมงวันเกิดเหตุคุณพ่อได้ค้นพบสัญญาณจากเครื่องที่หายไปและพิกัดยังโชว์สถานที่วัดที่เดิมตำแหน่งเดิม จึงได้เดินทางมาที่วัดและรีบสอบถามพระที่อยู่ในละแวกนั้น คนร้ายไหวตัวทันและรีบปิดเครื่องอีกครั้งทำให้สัญญาณหายไปเนื่องจากคุณพ่อไม่ทราบระบบการทำงานของ Find i phone ว่าสามารถเรียกให้เครื่องที่หายไปส่งเสียงออกมาได้เมื่อเครื่องที่ใช้ตามหาอยู่ในบริเวณใกล้เคียง จึงไม่สามารถหาเครื่องเจอได้ก่อนสัญญาณขาดหายไป

หลังจากนั้นคุณพ่อได้ดำเนินการขอดูกล้องวงจรปิดของหน้าหมู่บ้านจุดที่หล่นหาย และหมู่บ้านใกล้เคียงเทียบกับเวลาที่เครื่องหายไป พบว่า เมื่อดิฉันขึ้นรถออกไปแล้ว หลังจากนั้นมีพระเดินมา 1 รูปผ่านจุดที่เกิดเหตุ แต่เดินย้อนกลับไปทำลักษณะก้มลงเก็บสิ่งของ และมีสิ่งของสีดำติดมือขึ้นมา จึงได้เดินทางไปหมู่บ้านข้างเคียงขอดภาพกล้อมวงจรปิดที่มีภาพต่อจากหมู่บ้านดิฉัน ก็ได้ภาพคนร้ายที่มีความชัดเจนของรูปหน้าหลังจากนั้นทางคุณพ่อได้รีบนำหลักฐานตัวนี้ไปแจ้งเจ้าอาวาสของวัดที่พิกัดสุดท้ายแสดงอยู่ ทางวัดได้มีการสอบถามโดยเรียกพระหลายๆ รูปที่อยู่ในบริเวณนั้นๆมาดูคลิปว่ามีลักษณะเหมือนท่านใด ทุกท่านก็ลงความเห็นว่าเหมือนพระรูปหนึ่งในวัดมีความคล้าย 80-90%
ทางเจ้าอาวาสจึงของสอบถามพระรูปนี้ก่อน ทางดังนั้นจึงยังขอให้อย่าพึ่งแจ้งความเพราะอาจจะเป็นการเก็บมาและคืนก็เป็นได้ (คุณพ่อได้รอตามที่ท่าเจ้าอาวาสบอก แต่ก็วิเคราะห์ว่า ถ้าเป้นพระท่านนี้จริงวันนั้นที่มาตามหา ท่านก็ออกมาดู คนก็ออกมาดูเยอะแยะ ทำไมไม่เอามาคืนหละ แบบนี้มันส่อเจตนาไม่ดีแล้ว)

หลังจากที่เจ้าอาวาสได้สอบถามพระรูปนี้แล้ว ท่านได้ให้การปฏิเสธว่าไม่ได้ใช้ iphone ไม่รู้เรื่องโทรศัพท์หาย พอทางเจ้าอาวาสวัดแจ้งข้อแก้ต่างมา คุณพ่อก็ได้มีการพูดคุยกับทางพระรูปนี้ ท่านก็ให้การปฏิเสธเหมือนที่แจ้งกับทางเจ้าอาวาสวัด

ในวันที่ 19 เมษายน เมื่อดิฉันกลับมาจาก ตจว. ก็ได้ไปที่วัดเพื่อขอพบท่านเจ้าอาวาสอีกครั้ง ท่านแจ้งว่าได้ทำการเรียกมาสอบถามอีกครั้งพร้อมเปิดคลิปให้ท่านดู ท่านก็ยังให้การปฏิเสธว่าไม่ใช่ท่านเหมือนเดิม ทางเจ้าอาวาสก็ขอให้เราอย่าพึ่งแจ้งความและให้ท่านได้เรียกพระรูปนี้มาสอบถามอีกครั้ง และหากยังปฏิเสธก็ให้เราแจ้งความได้เลย   

ในวันที่ 20 เมษายน คุณพ่อได้ออกไปดักรอพระรูปนี้ที่หน้าปากซอยบ้านในตอนเช้า และเห็นท่านนั่งซ้อนมอเตอร์ไซต์ผ่านไป ก็ได้ทำการรอเพราะยังไงก็ต้องกลับมาที่วัดอีกครั้ง เมื่อผ่านหน้าปากซอยอีกครั้งจึงได้ขี่รถตามไปปรากฏว่าเป็นพระที่วัดดังกล่าวและเข้าไปในกุฏิที่พิกัดเครื่องแสดงอยู่เมื่อวันก่อน หลังจากนั้นได้ถามคนขี่มอเตอร์ไซต์ที่ไปส่งพระท่านนั้นและได้เรียกเพื่อสอบถามพร้อมเอาคลิปให้ดูว่าคนในคลิปใช่พระที่ขี่ไปส่งเมื่อกี้หรือป่าว ปรากฏว่า ใช่ ก็เลยทำการแจ้งไปกับทางเจ้าอาวาสว่าได้ออกไปดูและพบพระท่านนี้ที่มีรูปหน้า บาตรพระ และท่าทางคล้ายคนในคลิป เพื่อยืนยันตัวบุคคล พอท่านเจ้าอาวาสได้สอบถามพระรูปนี้อีกครั้ง พระรูปนี้ได้แจ้งกลับมาว่าพอจะมีพระที่หน้าตารูปร่างคล้ายท่านอยู่ในวัดที่เลยจากวัดนี้ไปอีก ขอเวลาให้ท่านหาหลักฐานมายืนยันหน่อย ทางเจ้าอาวาสก็ได้ให้เวลาพระท่านนี้อีก 1 วัน โดยที่แจ้งทางดิฉันและคุณพ่อเช่นกัน
โดยท่านเจ้าอาวาสขอให้รอถึงพรุ่งนี้ (วันที่ 21 เมษายน 58) หากยังไม่รับสารภาพยินดีให้ทางเพชรแจ้งความดำเนินคดีตามหลักฐานและกฎหมายได้เลย

แต่หลังจากกลับมาจากทำงานในวันที่ 20 เมษายน คุณพ่อได้เดินทางไปที่วัดเพื่อพบกับพระรูปนี้ พอพูดคุยกัน พระท่านได้ให้การปฏิเสธเช่นเดิมและแจ้งว่าจะหาหลักฐานภาพของพระหน้าเหมือนท่านมาอ้างอิงเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ แต่คุณพ่อและเพชรได้แจ้งกลับไปว่า “เราได้ตามสัญญาณโทรศัพท์จนมาหยุดที่ตรงนี้ และเมื่อวันที่เกิดเหตุได้มีการเปิดเครื่องอีกครั้งก็ยังเป็นพิกัดเดิมคือบริเวณกุฏิของท่าน ดังนั้น ไม่สามารถอ้างอิงว่าเป็นพระวัดอื่นได้W
ทางพระรูปนี้ได้ตอบกลับมาว่า “หลักฐานไม่มี ของไม่ได้อยู่ที่อาตมา โยมจะทำไรได้”
คุณพ่อก็แจ้งไปว่า “ถึงของไม่ได้อยู่ที่ท่านแต่ในเมื่อหลักฐานทุกอย่างแสดงว่าท่านเป็นคนเก็บมา ดังนั้นท่านก็ต้องรับผิดชอบ หากท่านเอามาคืนให้ไม่ได้ก็ต้องใช้เงินในราคาค่าโทรศัพท์ 25,000 บาท (อันนี้เป็นราคาประมาณการนะค่ะ) หรือไม่ก็จะไปแจ้งความแล้วนะ”
พระท่านเมื่อได้ยินดังนี้น้ำเสียงก็เริ่มเปลี่ยนไปและตอบกลับมาว่า “อาตมาเก็บโทรศัพท์ได้เครื่องหนึ่ง แต่อาตมาให้เด็กที่ขับมอเตอร์ไซต์ไปแล้ว ของไม่ได้อยู่ที่อาตมา”
คุณพ่อก็แจ้งกลับไปว่า “ท่านก็ไปเอากลับมาสิ เอามาคืน ตามเด็กนั้นมา เพราะของไม่ใช่ของของท่าน ท่านเอาไปให้คนอื่นได้ไง ถ้าท่านตามไม่ได้ก็ต้องแจ้งความ”
ทางพระรูปนี้เมื่อได้ฟังก็ตอบกลับมาว่า .ให้อาตมาเสียเงิน 25,000 เอาอาตมาเข้าคุกเลยดีกว่า คุกอาตมาก็เคยอยู่มาแล้ว อาตมาไม่สนใจหลอก ตอนนี้อาตมาก็ตามหาตัวเด็กคนนั้นอยู่เหมือนกัน คงเป็นพรุ่งนี้ไม่เกิน 9 โมงเช้า”
ทางคุณพ่อได้ยินดังนั้นก็เดินออกมาจากตรงนั้น และเข้าไปแจ้งเรื่องที่ได้พูดคุยกับพระท่านนี้ในกุฏิเจ้าอาวาสว่าได้มีการยอมรับว่าเป็นผู้เก็บไปและให้คนอื่นไปแล้ว
ท่านเจ้าอาวาสก็สงสัยมากว่าทำไมทางเราถึงเข้าไปคุยอย่างนั้น แล้วท่านก็ถามอีกว่าเราได้มีการอัดคลิปเสียงอะไรไว้ไหม ซึ่งทางเราก็ยอมรับไปว่าไม่ได้อัดเอาไว้ ซึ่งก็เสียใจที่ไม่ได้อัด แล้วทางเจ้าอาวาสก็แจ้งว่าจะเรียกมาคุยอีกครั้งพรุ่งนี้หากยังไม่ได้ของคืนก็แจ้งความได้เลย
และเจ้าอาวาสยังเล่าเพิ่มอีกว่า พระรูปนี้ได้เคยบวชที่วัดนี้และเกิดการบันดาลโทสะกับคู่กรณี และคู่กรณีไม่ยอมความทำให้สึกและติดคุกอยู่ปีกว่า พอออกมาก็มาขอบวชที่วัดนี้อีกครั้ง ทางเจ้าอาวาสไม่ยินยอมจึงได้เดินทางไปบวชที่วัดใกล้เคียง และขอย้ายกลับมาจำวัดที่นี้ ซึ่งเจ้าอาวาสเห็นว่า น่าจะกลับตัวได้แล้วจึงอนุญาตให้กลับมาได้ ก็ไม่คิดว่าจะมีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้น

ทางดิฉันได้มีการสอบถามเบื่องต้นไปทางโรงพักในพื้นที่และเล่าเหตุการณ์ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจฟังเพื่อสอบถามการดำเนินคดี ทางเจ้าหน้าที่ก็ได้มีการตำหนิว่าทำไมไม่แจ้งความตั้งแต่หายเลย แล้วรีบตามสัญญาณไป ทางตำรวจจะได้เข้าไปค้นพื้นที่นั้น ทางเพชรก็ตอบไปว่า ทางวัดขอเวลาในการจัดการภายในก่อนค่ะ แล้วถ้าหากหลังจากนี้ดิฉันจะแจ้งความต้องทำยังไงบ้าง ทางเจ้าหน้าที่ก็แจ้งว่า ให้ขอข้อมูลชื่อสกุล ที่อยู่ตามบัตรประชาชนของพระท่านนั้น และเอาหลังฐานมาแจ้งความ ทาง ตร. จะออกหมายจับทันที

ซึ่งดิฉันก็กำลังเตรียมไฟล์ต่างๆ พร้อมปริ้นรูปภาพเหตุการณ์เผื่อข้อสรุปในที่ 21 เมษายน นี้ไม่เป็นในทางที่ดี คงต้องแจ้งความ

เมื่อได้มีการขอภาพจากกล้องวงจรปิดของชุมชนในการตามหาตัวคนร้าย ทางหัวหน้าชุมชนจึงสอบถามความคืบหน้าของเรื่อง เพื่อจะได้ไปเล่าเป็นกรณีศึกษาและประโยชน์จากโครงการติดกล้องวงจรปิด ทางเราได้เล่าให้กับคนในหมู่บ้านที่ช่วยกันตามหาในวันเกิดเหตุฟังตลอด และลงความเห็นว่ายังไม่ควรแจ้งผู้นำชุมชนเพราะถ้าเรื่องมันจบดีเรื่องก็ออกมาสวย อาจจะแต่งเรื่องว่าตามและพระท่านเก็บได้และรอคืนเจ้าของ แต่หากจบไม่สวยทางวัดเสื่อมเสียทันที เพราะมันคือชื่อเสียงของทางวัดแต่หากทำผิดจริงก็ยินดีให้ทางเราดำเนินการตามกฎหมายเช่นกัน เพราะแค่นี้ท่านก็คิดว่าทางวัดเสื่อเสียจากเหตุการณ์นี้มากเกินพอแล้ว ดังนั้นทางเราจึงยังไม่แจ้งผู้นำชุมชนไปค่ะ

แต่เรื่องนี้แม้จะไม่ใช่เรื่องใหญ่โต แต่กลายเป็นว่าคนในละแวกที่หมู่บ้านและละแวกวัดทราบกันไวมาก เพราะพฤติกรรมของพระรูปนี้ด้วย ที่ท่านออกมายืนดูในเช้าวันที่เราไปตามหาโทรศัพท์กันถึงหน้ากุฏิ ท่านก็ออกมายืนมอง แต่ท่านก็ไม่เอาออกมาคืน ทางเจ้าอาวาสก็ได้ให้โอกาสหลายครั้งก็ยังไม่ยอมรับ จนสุดท้ายต้องจนด้วยหลักฐาน

หลังจากนั้นดิฉันและคุณพ่อก็ได้มาพูดคุยกันถึงเหตุการณน่าจะเป็นหากได้รับของคืนแต่ของเสียหายไม่สามารถใช้งานได้ทางเราจะทำเช่นไร ดิฉันก็คิดว่าคงเป็นเรื่องสุดวิสัยจริงๆ แก้ไขอะไรไม่ได้ แต่หากจะไปเรียกร้องก็ต้องดูว่าทำได้มากแค่ไหน
ในเช้าวันที่ 21 เมษายน ปรากฏว่ามีคนนำโทรศัพท์มาคืนค่ะ เมื่อเช็คแล้วเครื่องบิ่นไปหลายจุดและไม่สามารถเปิดเครื่องได้ จึงได้รีบไปที่วัดและพบเจ้าอาวาสเพื่อแจ้งถึงเหตุการณ์ และขอให้มอบชื่อพระท่านนี้เพื่อไปดำเนินคดีเรียกค่าเสียหาย ทางเจ้าอาวาสก็ได้มอบชื่อทางธรรมมาให้ ซึ่งบอกกับเราว่า ชื่อ-สกุล จริงตามบัตรประชาชน ทางวัดไม่มีเพราะไม่ได้บวชกับทางวัด(อันนี้สงสัยมากอีกจุดนึงว่าทำไมท่านไม่มี)
หลังจากนั้นก็ไปโรงพักเลยค่ะ แจ้งความ เอาหลักฐานให้ร้อยเวรดูทั้งหมด พร้อมเล่าเรื่องที่เกิดขึ้น ทางตำรวจได้มีการไปเชิญตัวพระรูปนี้มาที่โรงพักเพื่อสอบปากคำ

พอพระมาถึง ตำรวจก็ซักถามเรื่องราวจากทั้งสองฝ่าย แต่พระก็พูดจาวกไปวนมา ตอนแรกบอกไม่เอาไป มาตอนหลังบอกเอาไป แต่เอาไปให้คนอื่น  และบอกตำรวจไปว่าที่โทรศัพท์พัง มันคงพังตั้งแต่ตอนดิฉันทำหล่น ดิฉันก็แย้งไปทันทีว่า โทรศํพท์ดิฉันใส่เครสยาง ตกยังไงก็ไม่เป็นรอยบิ่นขนาดนั้น แล้วยังเครื่องพังอีก มันเป็นไปไม่ได้ โดยตำรวจก็เสริมขึ้นมาว่า ถ้าเค้าตามพิกัดไปได้ยันกุฏิท่าน เครื่องมันไม่ได้พังตอนหล่นลงมาหลอก
พระก็เริ่มโมโห เมื่อพยายามแก้ต่างยังไงก็ไม่สำเร็จ เพราะทางตำรวจก็อิงหลักฐานที่ดิฉันมอบให้ ภาพทั้งพิกัดต่างๆ ภาพกล้องวงจรปิด คลิปวีดีโอ เป็นพระรูปนี้ทั้งหมด พระก็ไม่ยินยอมชดใช้เงินตามที่ดิฉันเรียกร้องไป โดยพูดเสียงดังว่า บิณฑบาตรได้วันละ 20-30 บาท จะไปเอาเงินที่ไหนมาใช้คืน ผ่อนคืนได้ไหมหล่ะ ไม่งั้นก็แจ้งความติดคุกไปเลย ไม่มีเงินให้!!

ตำรวจก็ให้กลับไปและแจ้งความเลยค่ะ ตามนี้





หลังจากพระกลับไป ตำรวจก็เล่าว่า พระรูปนี้เคยก่อคดีทำร้ายร่างกายมาก่อน และคราวนั้นตำรวจท่านนี้เป็นผู้ดำเนินคดี การจะแจ้งความข้อหาลักทรัพย์มันก็ได้ แต่เอาคนแบบนี้เข้าคุกไปมันมีประโยชน์อะไร ตำรวจขอเวลาหน่อย โดยบอกว่ามีวิธีจัดการกับคนแบบนี้

หลังจากนั้นดิฉันก็ตามข่าวเรื่องคดีกับร้อยเวรตลอด โดยทางร้อยเวรก็ดำเนินการไปตามกระบวนการสืบสวน แต่ดิฉันเริ่มติดต่อร้อยเวรไม่ได้ตั้งแต่เดือน มิ.ย. 58 ที่ผ่านมา โดยโทรไปก็ไม่รับสายหลายครั้ง ไม่ติดต่อกลับ ไลน์ไปก็ไม่อ่าน ไม่ตอบ ติดต่อไปที่โรงพัก เจ้าหน้าที่ก็ไม่ให้ความร่วมมือในการประสานงานโดยให้ทางเราติดต่อกับร้อยเวรทางเบอร์มือถือโดยตรงเท่านั้น




โดยดิฉันเห็นพระรูปนี้ออกเดินทุกเช้ามีคนใส่บาตรกราบไหว้ให้ศีลให้พร เป็นปกติทุกวัน ดิฉันสงสัยมากว่า
1. ทำไมเจ้าอาวาสยังปล่อยให้อาศัยอยู่ในวัด
2. ตำรวจหายไปไหน และคดีคืบหน้าไปถึงไหนแล้ว
3. คนที่ไปกราบไหว้จะได้บุญจริงเหรอ

หากมีการพิมพ์ผิดก็ขออภัยค่ะ
ปล. รูปต่างๆของคนร้ายและเหตุการณ์ ไม่ได้เอาติดตัวมาค่ะ หากท่านใดสนใจกลับไปบ้านแล้วจะเอามาลงให้ดูน่ะค่ะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่