The Change is Love เปลี่ยนรักสลับยุค ตอนที่ 1.1

กระทู้คำถาม
Chapter  01 Change "เปลี่ยน"
    *ปีนี้คงเป็นปี1994สินะ ถ้าผมจำมันไม่ผิด ผมชื่อ"อิชิกาว่า นาโอกิ" นาโอกิที่แปลว่าเที่ยงตรง ผมเป็นนักเรียน ม.ปลายชั้นปีที่ 3 ธรรมดาคนนึง ผลการเรียนก็โดดเด่นพอใช้ได้ รั้งที่สุดท้ายไว้ตลอด ฮาๆ ๆ มันคงเป็นพรสรรค์ของผมที่ใครก็ทำไม่ได้(ผมมีคติที่ว่า เรียนไม่ต้องกิจกรรมก็พอ เห็นผมไม่เอาไหนแบบนี้ผมก็เป็นท็อปนักกีฬาบาสของโรงเรียนเชียวนะ) ต่างจากเธอคนนั้น "ยามาซากิ โทโมะ" โทโมะที่แผลว่าฉลาด. ซึ่งก็ฉลาดสมชื่อ เธอสอบได้ที่ 1 ทุกชั้นปี ตั้งแต่ ม.ต้น ผมรู้จักเธอมานานถ้านับปีนี้ก็น่าจะ6ปี แล้วมั้ง จะเรียกว่าชอบก็คงไม่ผิดเพราะเธอทั้งสวยและฉลาด ผมยาวตรงสีดำเข้ม ติดกิ๊ฟรูปตัวอะไรซักอย่างนึง ผมว่านั้นก็คือเสน่ห์ของเธอนะ ผมคอยสืบข่าวของเธออยู่ตลอด เธอไม่เคยมีแฟนเรย ผมก็รู้สึกแปลกใจปนกับแอบดีใจ ผมคิดเล่นๆว่าเธอรอผมรึเปล่า อาจจะฟังดูบ้าบอ แต่ มันทำให้ผมมีความสุข ฮ่า ฮ่า  เราเรียนโรงเดียวกันตั้งแต่ ม.ต้น จน ม.ปลายแล้ว แต่เราไม่มีวาสนาได้ห้องเดียวกันเรย เธอเรียนอยู่ห้อง A ส่วนผมก็ไม่ต้องพูดถึง ผมอยู่ห้อง C. ผมมักจะเดินผ่านหน้าห้องA เป็นประจำเพราะเป็นทางผ่านลงไปชั้น 1 เพื่อไปโรงอาหาร หรือกลับบ้าน เวลาผมเดินผ่านผมจะชอบมองไปในห้องของเธอ โต๊ะของเธอจะอยู่ติดกับหน้าต่าง ผมเห็นเธอชอบมองออกไปทางหน้าต่าง แล้วมีลมพัดเบาๆใส่ที่เธอ ผมของเธอปลิวไสว อย่างช้าๆ ภาพนั้นติดตาผมมาโดยตลอด เธอเป็นที่รักของเพื่อนๆ และคุณครูทุกคน. และเป็นที่รักของผมด้วย (ผมหมายถึงเป็นคนที่ผมรักนะ) ฮ่า ๆ ๆ กลับมาที่เรื่องของผมดีกว่า ผมเป็นพวกนั่งท้ายห้อง มีเรื่องชกต่อยเป็นประจำ ส่วนเรื่องเพื่อนหน่ะหรอ ผมไม่มีหรอก มีแต่เพื่อนในเวลาทำงานเท่านั้น เพื่อนสนิทผมไม่มีหรอก ผมอาจจะเกเรแต่เรื่องงานผมก็ส่งอยู่นะ ผมอยู่กับแม่ที่บ้านหลังเล็กๆหลังนึงส่วนคุณแม่ผมก็เป็นแม่บ้าน เพราะพ่อผมไปทำงานที่ต่างประเทศแทบจะไม่ได้กลับบ้าน แต่เขาก็ส่งเงินมาให้ทุกเดือน ทำไมแม่ผมไม่ทำงานนะหรอ? คงเป็นเพราะผมเกเรไง มีเรื่องชกต่อยตลอด ตั้งแต่ ม.ต้น แม่ผมเรยออกมาเพื่อดูแลผมและชี้ทางผม ผมรักท่านนะ ท่านเป็นคนที่ยิ้มสวยที่สุดในสายตาของผม แต่เวลาผมทำผิดมา แม่ผมเปลี่ยนโหมดทันที เหมือนพวกยันเดเระ เรย อ่อ! ผมลืมบอกนะผมมีน้องสาวคนนึงอยู่ชั้น ม ปลายปี 1 ชื่อ ไอ เป็นคนที่แก๋นมาก แต่เวลาผมทำผิดเธอก็จะช่วยเหลือผมตลอด แต่ส่วนมากจะจู้จี้ซะมากกว่า นี่แหละครอบครัวเล็กๆของผม


          *ปี 2014 ผมชื่อ "คาซามิ คิโยชิ" คิโยชิที่แปลว่า "บริสุทธิ์" ผมเป็นนักเรียนชั้น ม.ปลายปีที่ 2 ถ้าพูดถึงตัวผมคงไม่มีอะไรมาก เพราะผมไม่ได้มีดีอะไรเท่าไหร่ ผมใส่ใจแต่เรื่องเรียนอย่างเดียว เพราะพ่อแม่คาดหวังไว้ที่ผมจะต้องให้เป็นหมอ. แต่นั้นเป็นสิ่งที่ผมไม่ชอบเรยและไม่คิดอยากจะเป็น เป็นเพราะอะไรหน่ะหรอที่ทำให้ผมไม่อยากเป็น? คงเป็นเพราะถ้าผมรักษาคนๆนึงไม่รอด ผมคงเสียใจตลอดชีวิตแน่ แต่ลองคิดดูนะ ถ้าผมรักษาไม่ได้ซัก10คน ผมจะเป็นยังไง? ไม่บ้าเรยหรอ. นั้นคือเหตุผลที่ผมไม่อยากเป็นหมอ. คุณพ่อกับคุณแม่ผมทั้งคู่ทำงานหนักตลอดไม่มีเวลาให้ผม ปล่อยให้ผมอยู่บ้านหลังใหญ่คนเดียวมาเกือบ17ปีได้แล้ว มีแค่แม่บ้านกับพ่อบ้านไม่กี่คน พ่อแม่ผมจะส่งผมเรียนพิเศษตลอด ทุกครั้งที่ปิดเทอม ไม่เคยจะให้ผมได้อยู่บ้านเรย. แต่ไม่เป็นไร ผมคงชินแล้วหล่ะ พ่อผมบอกเสมอว่าคนจะจดจำแค่ที่ 1 เท่านั้น ผมก็เรยตั้งใจสอบและตั้งใจอ่านหนังสือ จนได้ที่ 1 มาตลอดตั้งแต่ประถม. ถ้าพูดถึงอันดับผมไม่ได้สนใจใครเรย ยกเว้นเธอคนนึงที่สอบได้ที่ 2รองจากผมมาตลอด เธอชื่อ"ซูซูกิ โยชิโกะ" โยชิโกะที่แปลว่าเด็กดี.  ผมว่าเป็นชื่อที่ดีนะ เข้ากับเธอดี เธอเป็นคนเก่งและขยันมากๆ ผมอยู่ห้องเดียวกับเธอมาตั้งแต่ ม.ปลายปีที่ 1 เธอเป็นคนสวย หน้าตาจิ้มลิ้ม ปากกระจับเล็ก และจมูกเล็กๆของเธอ และผมที่ยาวตรงสีดำออกแดงเข้มๆของเธอ มันทำให้ผมหลงไหลเธอมาโดยตลอด เธอเป็นที่หมายปองของคนทุกระดับชั้นปี ตั้งแต่รุ่นพี่ยันรุ่นน้อง แต่เธอก็ปฎิเสธคนอื่นมาโดยตลอด ผมก็ไม่ทราบเหตุผลเหมือนกันว่าทำไม. แต่ที่แน่ๆ หน้าตาเธอเหมือนคนอมทุกข์ตลอดเวลา เธอไม่เคยยิ้มให้ผมเห็นเท่าไหร่ เพื่อนเธอก็ไม่ค่อยมี แต่ยังไงมันก็ไม่เกี่ยวกับเหตุผลที่ผมชอบเธอ ผมแค่อยากจะเป็นคนที่ช่วยเธอ ช่วยแบ่งเบาทุกข์ของเธอ. อยากทำให้เธอยิ้ม ซักนิดก็ยังดี นั้นคือเหตุผลที่ผมชอบและสนใจเธอ อ่อ ผมลืมพูดถึงใครบางคน ผมมีเพื่อนคนนึง ชื่อ ยามาดะ จิน เป็นเพื่อนที่ผมสนิทและรักมากที่สุด เค้าจะคอยปกป้องผมเสมอตั้งแต่เด็กแล้ว ผมก็เหมือนสมองที่ไม่มีความแข็งแกร่งอะไร ส่วนจินนั้นจะคอยเป็นกำลังและความแข็งแกร่งให้ผมเสมอ เราจะให้กำลังใจกัน หมอนี้ขอลอกงานผมตลอดเรย ผมอาจจะพูดเหมือนจินไม่มีอะไร แต่นั้นไม่จริง เค้ามีดีในสิ่งที่ผมอิจฉาที่สุด เพราะเค้าเก่งเรื่องผู้หญิง จีบคนเก่งคารมดี. นั้นแหละที่ผมอิจฉา ผมขอพูดเกี่ยวกับผมแค่นี้แล้วกัน
  

       *ตัดมาที่ปี 1994
นี่คงเป็นเช้าวันธรรมดาอีกวันนึงเช่นเคย อีกไม่นานก็จะมีสอบปิดภาคเรียนแล้ว ผมยังไม่ได้คิดเรยว่าจะต่อ มหาลัยที่ไหน อะไรหรืออย่างไร ผมเอาแต่คิดว่าผมจะทำยังไงกับความรักของผมดี ถ้าผมไม่ได้บอกความรู้สึกของผมที่มีให้ยามาซากิออกไป ผมคงเสียใจและคาใจมากน่าดู ถ้าบอกความรู้สึกอย่างเดียวก็กะไรอยู่ ผมอยากคบกับเธอ ลองคิดดูนะ ถ้าจบมัธยมไป ขึ้นมหาลัยด้วยกัน อยู่หอนอกด้วยกัน เดินไปมหาลัยด้วยกันผมคงมีความสุขมาก ส่วนเธอจะรับรักผมไหม? ผมก็อยู่เหมือนกัน ถ้าเธอปฎิเสธมา. ผมจะทำยังไง อันนั้นผมยังไม่ได้คิดเรย และไม่อยากจะคิดมัน ผมเป็นคนกล้าได้กล้าเสียอยู่แล้ว ถ้าขอคบเค้าปฎิเสธมา เราก็ตามตื้อไปเรื่อยๆ คงไม่มีอะไรยาก ความชอบที่ผมมีให้เธอมา 6 ปี จะมาจบกับการสารภาพรักที่ผิดหวังครั้งเดียวมันก็ไม่ใช่อะน่ะ ผมเรยตัดสินใจเขียนจดหมายไม่ลงชื่อ ไปไว้ในล็อคเกอร์รองเท้าของเธอ นัดเจอกันที่บนดาดฟ้า เวลา 16.00 น.  ตอนนี้ก็เรียนคาบบ่ายผมก็นั่งลอยชายอยู่ที่ท้ายห้องเหมือนทุกๆวัน และคิดอยู่เรื่องเดียวเรื่องที่นัดยามาซากิที่ดาดฟ้า. ตอนนี้เวลา บ่าย3จะบ่าย4แล้ว ผมก็รีบวิ่งขึ้นไปบนดาดฟ้า ผมเห็นยามาซากิยืนหันหลังคอยผมอยู่ ผมเดินไปด้วยความมั่นใจและความตั้งใจแบบเด็ดเดี่ยว
ผม: นี่ ยามาซากิ.
เธอ: นายคือคนที่อยู่หลังห้องของห้องC นะหรอ
ผม:อืม ใช่ ว่าแต่เธอรู้ได้ไง
เธอ:มันไม่สำคัญหรอก นายคือคนที่นัดชั้นใช่ไหม?

ผมก็ยืนแข็งเป็นท่อนไม้เมื่อเจอสถานการณ์แบบนี้ ทำไมไม่เป็นแบบที่คิดฟ่ะ! ทำไมเราตัวแข็งไปหมด นี่เราเขินอายอยู่หรอ ทำไมมันยากกว่าที่คิดฟ่ะเนี่ย ผมกัดริมฝีปากกำกำปั้นเพื่อทำใจ และผมก็รวบรวมความกล้าพูดมันออกไปว่า..
"ยามาซากิ ชั้นชอบเธอนะ ช่วยคบกันชั้นด้วย!"
ผมพูดอย่างสุดเสียง แต่พอเสียงผมจบลง. ผมมองไปที่เธอ ผมเห็นหน้าเธอเป็นภาพเบลอๆ แต่ที่ชัดเจนที่สุดคือ ริมฝีปากของเธอที่เหมือนจะพูดอะไรซักอย่างนึง
เหมือนเธอจะพูดอะไรซักอย่างประมาณ 10 คำได้ ที่ทำให้ผมหูอื้อ ยืนตัวแข็งหน้าซีดกว่าเดิม แล้วเธอก็เดินจากไป ผมพยายามจะไม่นึกคำพูดของเธอ เพราะมันคงเป็นคำพูดที่ทำให้ผมรู้สึกเจ็บแน่นอน อยู่ๆก็มีหยดน้ำไหลตกไปที่ระหว่างกลางของปลายเท้าผม ผมรู้สึกถึงสายน้ำอุ่นๆ2สาย ที่ไหลผ่านตาผมทั้ง 2 ข้าง ผมเหมือนคนหมดศรัทธาในความรัก และนี่ก็กำลังค่ำแล้วผมเดินกลับบ้านอย่างช้าๆด้วยหน้าตาที่เหมอลอย ไปขับเคลื่อนตัวเองไปช้าๆด้วยความสิ้นหวัง ตอนแรกก็คิดว่ามันคงไม่เป็นไรมากหรอกที่สารภาพเธอไป แต่รู้แบบนี้ผมไม่พูดคงจะดีอยู่หรอก ระหว่างทางเดินเท้าแคบๆมีผมเดินอยู่คนเดียว ผมเหมือนได้ยินเสียงแตรรถหรืออะไรซักอย่างบีบรัวๆ มันค่อยๆดังขึ้น ดังขึ้น จนผมหันไปมอง ผมเห็นรถคันนึงกำลังวิ่งมาทางที่ผมยืนอยู่ มันเป็นรถที่หรูเรยหร่ะ เหมือนเป็นรถคนมีชาติตระกูล นี่ผมกำลังคิดอะไรอยู่สถานการณ์ตอนนี้ผมต้องหนีออกจากทางเดินเท้าไม่ใช่หรอ ใช่แล้วผมต้องหลบ.  แต่ขาผมก้าวไม่ออก ซักพักตัวผมเหมือนมีอะไรวิ่งเข้ามากอดผม ตัวผมกำลังเหมือนกลิ้งอยู่บนกระโปรงรถคันนั้น. ผมจินตนาการว่าเป็นยามาซากิ วิ่งเข้ามากอดผมที่ข้างหลัง และเราก็ลอยขึ้นหมุนสูงจากพื้นประมาณเกือบๆ2เมตร ตัวผมปลิวลอยขึ้น ผมเห็นภาพเธอเหมือนกำลังกอดหลังผมอยู่แล้วเราสองคนก็ปลิวหมุนไปลอยไปด้วยกัน ผมเห็นหยดน้ำ ลอยออกมาจากไหนก็ไม่รู้เยอะแยะมันคงเป็นภาพที่สวยน่าดูเรยใช่ไหมละ นั้นคือผมกำลังหลอกตัวเองอยู่สินะ ที่จริงมันไม่ใช่หยดน้ำ แต่เป็นเศษกระจกรถ ผมรู้สึกว่ามีหยดน้ำลอยผ่านแก้มซ้ายของไป ซักพักเลือดก็ไหลออกมาผมถึงได้สติ ใช่แล้วผมโดนชน เวลาแค่เสี้ยววินาทีที่ผมโดนชนมันช่างยาวนานเหลือเกิน ซักพักผมรู้สึกเหมือนตัวของผมตกกระแทกกลับพื้น ตาของผมเริ่มเบลอ ตาจะปิดอยู่แล้ว ตัวผมที่โดนชนจากหน้ารถ ตอนนี้ตัวผมมองเห็นท้ายรถคันนั้น ผมเห็นมีคนๆนึงลงมาจากรถ ผู้ชายหรอ? ไม่สิเป็นผู้หญิง ผมมองเห็นหน้าตาเธอไม่ค่อยชัดแต่กลิ่นน้ำหอมของเธอมันหอมจนผมไม่อาจลืมได้ เหมือนเธอจะวิ้งมากอดผม ผมรู้สึกเหมือนกำลังหนุนตักของเธอ ทำไมมันช่างอบอุ่นอย่างนี้ อืม พอแล้วผมง่วงแล้ว ผมขอหลับก่อนแล้วกัน...
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่