เปิดไทม์ไลน์ศึกชิงความถี่ 'ค่ายมือถือ' เดิมพันอนาคต
ประชาชาติธุรกิจ ฉบับวันที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2558
นาทีนี้คงไม่มีอะไรพลิกล็อกได้อีกแล้ว เว้นแต่จะมีคำสั่งศาลที่จะทำให้การเปิดประมูลคลื่นใหม่เพื่อนำไปพัฒนาบริการ 4G ของ "กสทช." ที่กำหนดไว้ในวันที่ 11 พ.ย. ในคลื่น 1800 MHz และวันที่ 12 พ.ย.ในคลื่น 900 MHz ซึ่งคงไม่ผิดไปจากความเป็นจริงนัก
ถ้าจะบอกว่า ศึกชิงคลื่นครั้งนี้น่าตื่นเต้นกว่าเมื่อครั้ง 3G ด้วยว่ามีผู้เข้าแข่งขันในแต่ละใบอนุญาตมากกว่าจำนวนใบอนุญาตที่มี เพราะแต่ละคลื่นมี 2 ใบอนุญาต แต่มีผู้ยื่นซองประมูล 4 ราย ได้แก่ 1.บริษัท แจส โมบาย บรอดแบนด์ จำกัด 2.บริษัท ดีแทค ไตรเน็ต จำกัด (DTN) ในเครือ "ดีแทค" 3.บริษัท แอดวานซ์ ไวร์เลส เน็ทเวอร์ค จำกัด (AWN) ในเครือ "เอไอเอส" และ 4.บริษัท ทรูมูฟ เอช ยูนิเวอร์แซล คอมมิวนิเคชั่น จำกัด ในเครือ "ทรู"
ซึ่งในคลื่น 1800 MHz ทั้ง 4 บริษัทข้างต้นได้รับการประกาศว่า เป็นผู้ผ่าน การตรวจสอบคุณสมบัติให้เข้าประมูลเรียบร้อยแล้ว ส่วนคลื่น 900 MHz อยู่ระหว่างการตรวจสอบและจะประกาศรายชื่อภายใน 3 พ.ย.นี้ ซึ่งก็ไม่น่าจะมีอะไรผิดพลาด
และกับบางรายสำคัญมากกว่าคู่แข่งรายอื่น หากพิจารณาจากคลื่นที่มีในมือ
แต่ที่แน่ ๆ ไม่ว่าใครจะคว้าชัยคลื่นใหม่ กระเป๋าต้องกว้างและลึกมากทีเดียว เพราะมีกำหนดต้องจ่ายค่าประมูลคลื่น 2100 MHz งวดที่ 3 ซึ่งเป็นงวดสุดท้ายในวันที่ 22 ธ.ค.นี้ รวมกัน 11,137.69 ล้านบาท แบ่งเป็น "เอไอเอส" 3,915.19 ล้านบาท ขณะที่ "ดีแทค" และ "ทรูมูฟ เอช" จะอยู่ที่รายละ 3,611.25 ล้านบาท
นอกจากนี้ยังต้องเตรียมเงินสู้ศึกชิง คลื่นใหม่ ทั้ง 1800 MHz และ 900 MHz เมื่อได้มาแล้วยังต้องเร่งลงทุนขยาย โครงข่ายอย่างรวดเร็ว โดยคลื่น 1800 MHz มี 2 ใบอนุญาต ใบอนุญาตละ 15 MHz (ระยะเวลาใช้คลื่น 18 ปี) เริ่มต้นเคาะราคาที่ 15,912 ล้านบาท (80% ของมูลค่าคลื่นที่ 19,890 ล้านบาท) ซึ่งผู้ชนะต้อง จัดให้มีโครงข่ายเพื่อให้บริการอย่างน้อย 40% ของจำนวนประชากรภายใน 4 ปี และไม่น้อยกว่า 50% ภายใน 8 ปี เช่นกัน กับคลื่น 900 MHz ที่มี 2 ใบอนุญาต ใบอนุญาตละ 10 MHz (อายุ 15 ปี) ราคาเริ่มต้นที่ 12,864 ล้านบาท (80% ของมูลค่าคลื่นที่ 16,080 ล้านบาท)
ขั้นตอนในการประมูลคลื่นทั้งสองย่านความถี่ กำหนดรอบการประมูลไว้ที่ 15 นาที แต่ละรอบเสนอราคาเพิ่มครั้งละ 5% ของราคาเริ่มต้นการประมูล หรือ 796 ล้านบาท สำหรับคลื่น 1800 MHz และ 644 ล้านบาท สำหรับคลื่น 900 MHz จนกระทั่งมีการเสนอราคาเกิน 100% ของมูลค่าคลื่น จะให้แต่ละรอบเสนอราคาเพิ่มครั้งละ 2.5%
การประมูลจะจัดขึ้นที่สำนักงาน กสทช. มีบริษัท สหการประมูล จำกัด เป็น ผู้ดำเนินการ ภายใต้งบประมาณ 110 ล้านบาท แบ่งเป็นค่าใช้จ่ายในการประมูล 16 ล้านบาท การโฆษณาประชาสัมพันธ์ 64 ล้านบาท และค่าจ้าง "ไอทียู" หรือสหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศเป็นที่ปรึกษา 30 ล้านบาท
ด้าน "ประวิทย์ ลี่สถาพรวงศา"กรรมการ กสทช.มองว่า คุณสมบัติของคลื่น 900 และ 1800 MHz ที่ต่างกัน และไม่สามารถทดแทนกันได้ทำให้ผู้เข้าประมูลแข่งกันเสนอราคา
ยิ่งมีการแข่งขันยิ่งทำให้ ผู้ชนะแต่ละรายแข่งกันขยายโครงข่ายให้ครอบคลุมมากกว่าเกณฑ์ที่กำหนด ไม่ว่าจะเป็นในย่าน 1800 MHz ใน 8 ปี หรือในย่าน 900 MHz
ขอขอบคุณแหล่งข่าว
หนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจ ฉบับวันที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2558 (หน้า 28)
เปิดไทม์ไลน์ศึกชิงความถี่ 'ค่ายมือถือ' เดิมพันอนาคต
ประชาชาติธุรกิจ ฉบับวันที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2558
นาทีนี้คงไม่มีอะไรพลิกล็อกได้อีกแล้ว เว้นแต่จะมีคำสั่งศาลที่จะทำให้การเปิดประมูลคลื่นใหม่เพื่อนำไปพัฒนาบริการ 4G ของ "กสทช." ที่กำหนดไว้ในวันที่ 11 พ.ย. ในคลื่น 1800 MHz และวันที่ 12 พ.ย.ในคลื่น 900 MHz ซึ่งคงไม่ผิดไปจากความเป็นจริงนัก
ถ้าจะบอกว่า ศึกชิงคลื่นครั้งนี้น่าตื่นเต้นกว่าเมื่อครั้ง 3G ด้วยว่ามีผู้เข้าแข่งขันในแต่ละใบอนุญาตมากกว่าจำนวนใบอนุญาตที่มี เพราะแต่ละคลื่นมี 2 ใบอนุญาต แต่มีผู้ยื่นซองประมูล 4 ราย ได้แก่ 1.บริษัท แจส โมบาย บรอดแบนด์ จำกัด 2.บริษัท ดีแทค ไตรเน็ต จำกัด (DTN) ในเครือ "ดีแทค" 3.บริษัท แอดวานซ์ ไวร์เลส เน็ทเวอร์ค จำกัด (AWN) ในเครือ "เอไอเอส" และ 4.บริษัท ทรูมูฟ เอช ยูนิเวอร์แซล คอมมิวนิเคชั่น จำกัด ในเครือ "ทรู"
ซึ่งในคลื่น 1800 MHz ทั้ง 4 บริษัทข้างต้นได้รับการประกาศว่า เป็นผู้ผ่าน การตรวจสอบคุณสมบัติให้เข้าประมูลเรียบร้อยแล้ว ส่วนคลื่น 900 MHz อยู่ระหว่างการตรวจสอบและจะประกาศรายชื่อภายใน 3 พ.ย.นี้ ซึ่งก็ไม่น่าจะมีอะไรผิดพลาด
และกับบางรายสำคัญมากกว่าคู่แข่งรายอื่น หากพิจารณาจากคลื่นที่มีในมือ
แต่ที่แน่ ๆ ไม่ว่าใครจะคว้าชัยคลื่นใหม่ กระเป๋าต้องกว้างและลึกมากทีเดียว เพราะมีกำหนดต้องจ่ายค่าประมูลคลื่น 2100 MHz งวดที่ 3 ซึ่งเป็นงวดสุดท้ายในวันที่ 22 ธ.ค.นี้ รวมกัน 11,137.69 ล้านบาท แบ่งเป็น "เอไอเอส" 3,915.19 ล้านบาท ขณะที่ "ดีแทค" และ "ทรูมูฟ เอช" จะอยู่ที่รายละ 3,611.25 ล้านบาท
นอกจากนี้ยังต้องเตรียมเงินสู้ศึกชิง คลื่นใหม่ ทั้ง 1800 MHz และ 900 MHz เมื่อได้มาแล้วยังต้องเร่งลงทุนขยาย โครงข่ายอย่างรวดเร็ว โดยคลื่น 1800 MHz มี 2 ใบอนุญาต ใบอนุญาตละ 15 MHz (ระยะเวลาใช้คลื่น 18 ปี) เริ่มต้นเคาะราคาที่ 15,912 ล้านบาท (80% ของมูลค่าคลื่นที่ 19,890 ล้านบาท) ซึ่งผู้ชนะต้อง จัดให้มีโครงข่ายเพื่อให้บริการอย่างน้อย 40% ของจำนวนประชากรภายใน 4 ปี และไม่น้อยกว่า 50% ภายใน 8 ปี เช่นกัน กับคลื่น 900 MHz ที่มี 2 ใบอนุญาต ใบอนุญาตละ 10 MHz (อายุ 15 ปี) ราคาเริ่มต้นที่ 12,864 ล้านบาท (80% ของมูลค่าคลื่นที่ 16,080 ล้านบาท)
ขั้นตอนในการประมูลคลื่นทั้งสองย่านความถี่ กำหนดรอบการประมูลไว้ที่ 15 นาที แต่ละรอบเสนอราคาเพิ่มครั้งละ 5% ของราคาเริ่มต้นการประมูล หรือ 796 ล้านบาท สำหรับคลื่น 1800 MHz และ 644 ล้านบาท สำหรับคลื่น 900 MHz จนกระทั่งมีการเสนอราคาเกิน 100% ของมูลค่าคลื่น จะให้แต่ละรอบเสนอราคาเพิ่มครั้งละ 2.5%
การประมูลจะจัดขึ้นที่สำนักงาน กสทช. มีบริษัท สหการประมูล จำกัด เป็น ผู้ดำเนินการ ภายใต้งบประมาณ 110 ล้านบาท แบ่งเป็นค่าใช้จ่ายในการประมูล 16 ล้านบาท การโฆษณาประชาสัมพันธ์ 64 ล้านบาท และค่าจ้าง "ไอทียู" หรือสหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศเป็นที่ปรึกษา 30 ล้านบาท
ด้าน "ประวิทย์ ลี่สถาพรวงศา"กรรมการ กสทช.มองว่า คุณสมบัติของคลื่น 900 และ 1800 MHz ที่ต่างกัน และไม่สามารถทดแทนกันได้ทำให้ผู้เข้าประมูลแข่งกันเสนอราคา ยิ่งมีการแข่งขันยิ่งทำให้ ผู้ชนะแต่ละรายแข่งกันขยายโครงข่ายให้ครอบคลุมมากกว่าเกณฑ์ที่กำหนด ไม่ว่าจะเป็นในย่าน 1800 MHz ใน 8 ปี หรือในย่าน 900 MHz
ขอขอบคุณแหล่งข่าว
หนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจ ฉบับวันที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2558 (หน้า 28)