The All Write Project : เครื่องราง : อิทธิฤทธิ์น้ำมนต์

กระทู้สนทนา


อิทธิฤทธิ์น้ำมนต์

(เรื่องสั้นชุด : เครื่องราง)


พ.ศ. 2479
“วันก่อนข้าไปเสวนากับ ท่านสมเด็จพระสังฆราชแพ วัดสุทัศน์ มา พระอัธยาศัยของท่านนั้น ละมุนละม่อมอ่อนโยน มิได้ถือพระองค์เลยแม้จะมีตำแหน่งใหญ่โต ท่านทรงดำรัสแต่น้อยคำและตรงไปตรงมา แต่มีความหมายลึกซึ้งและแจ้งชัด” นายขวัญพูดขึ้นขณะกินข้าวอยู่กับนางแก้ว เมียผู้เป็นแม่ศรีเรือนในบ้านไม้ทรงไทยโบราณ
“ข้าก็เคยเสวนากับท่าน ท่านทรงมีพระเมตตาคุณเป็นที่ตั้งและใฝ่ในทางสันติ และพร้อมที่จะทรงอภัยให้ทุกเมื่อ” นางแก้วกล่าวชื่นชม
“ข้าชอบท่านจริง ๆ นี่ข้าได้ยินมาว่าท่านจะสร้างพระกริ่งอีกแล้ว ข้าจึงไปขอจองมาองค์หนึ่งล่ะ”
“แล้วจะสร้างเมื่อใด เท่าไรรึ” นางแก้วถามด้วยความสนใจ
“วันศุกร์ขึ้น 15 ค่ำเดือน 12 นี้ จะสร้างแค่ 464 องค์ตามจำนวนผู้ขอ”
“แล้วพระกริ่งมีบุญญาธิการใดบ้าง”  
“มีคนบอกว่าใครที่ไม่สบาย ให้ดื่มหรืออาบ น้ำที่แช่พระกริ่ง แล้วจะหายดีด้วยอิทธิฤทธิ์ของน้ำมนต์” นายขวัญพูดอย่างเชื่อมั่นและศรัทธาในพระพุทธรูปนี้เป็นอย่างมาก

พ.ศ. 2550
“นี่พระอะไรคะคุณแม่” เด็กน้อยวัยหกขวบ นั่งบนตักอันอ่อนนุ่มของผู้เป็นแม่ มือชี้ไปที่องค์พระพุทธรูปเล็ก ซึ่งแขวนอยู่ที่คอของผู้เป็นแม่
“พระกริ่งจ้ะ แม่เก็บได้ที่ท่าเรือตอนเด็ก ๆ คุณยายจึงเอาไปใส่กรอบให้“ แม่ยิ้มและอธิบายให้ลูกฟังอย่างอารมณ์ดี
“ทำไมถึงเรียกพระกริ่งล่ะคะ” เด็กน้อยทำหน้าสงสัยแล้วหันไปทางหน้าของแม่
“เวลาเขย่ามันจะมีเสียงดังจ้ะ เพราะมีเม็ดกริ่งเล็ก ๆ อยู่ข้างใน” แล้วแม่ก็เอามือมาแกะพระออกจากสร้อยแล้วเขย่าให้ลูกฟัง
“กริก ๆ ๆ”
“อุ๊ย จริง ๆ ด้วยค่ะ ขอหนูลองทำบ้าง”
“กริก ๆ ๆ”

พ.ศ. 2558
“วันนี้วันพระ เราไปซื้อพวงมาลัยมาถวายพระกันนะลูก” แม่ชวนลูกซึ่งตอนนี้เริ่มเป็นสาวแล้ว
“ค่ะแม่” ดารินสาวน้อยอายุสิบสี่ปี ผิวขาวถักเปียผูกโบว์สีน้ำเงิน กำลังเดินกลับบ้านกับคุณแม่ผู้ซึ่งมารับที่โรงเรียนเพื่อกลับบ้านด้วยกันทุกวัน
ทั้งสองเดินไปที่ตลาดซึ่งอยู่ไม่ไกลจากโรงเรียนนัก
“อ้าวสองแม่ลูกวันนี้เอาพวงมาลัยแบบไหนดีจ๊ะ” แม่ค้าขายพวงมาลัยถาม
“เอาแบบนี้สองพวงจ้ะ” แม่เลือกพวงมาลัย แล้วส่งเงินให้แม่ค้า
“แหมที่บ้านแม่อรมีพระพุทธรูปบูชาเยอะต้องระวังขโมยด้วยนะ นี่ก็มาซื้อดอกไม้บ่อย ๆ ไม่รู้พวกขโมยมันแอบสะกดลอยตามไปบ้านรึเปล่า เมื่อวานก็มีขโมยขึ้นบ้านยายอ่อน พอดีไม่มีคนอยู่บ้าน ได้ของไปหลายอย่าง มีพระพุทธรูปโบราณด้วย” แม่ค้าขายพวงมาลัยเล่าด้วยความตื่นเต้น
“ที่บ้านฉันเวลาไม่อยู่บ้านก็ล๊อกแน่นหนา มีกล้องวงจรปิดด้วย เพราะกลัวขโมยเหมือนกันจ้ะ” แม่อรอธิบาย

หลังจากซื้อดอกไม้เสร็จทั้งสองก็กลับบ้าน ที่ห้องพระ มีพระพุทธรูปเก่าแก่อยู่มากมายทั้งองค์ใหญ่และองค์เล็กตั้งอยู่บนหิ้งพระโดยหันหน้าไปทางทิศตะวันออก หิ้งพระมีเล่นระดับโดยให้พระพุทธรูปหลวงพ่อโสธรองค์ใหญ่สุดอยู่บนชั้นสูงสุด พระพุทธชินราชและพระพุทธรูปองค์ที่ใหญ่รองลงมาอยู่ชั้นรองลงมา พระเครื่องต่าง ๆ วางบนถาดเล็ก ๆ ในชั้นรองลงมาอีก
แม่อรและดารินได้นำพวงมาลัยถวายพระ จุดธุปเทียน เปลี่ยนน้ำ และสวดมนต์

ดารินสังเกตเห็นพระพุทธรูปองค์เล็กองค์หนึ่งซึ่งไม่เคยเห็นมาก่อน องค์ล่ำสัน พระกรรณสั้นไม่ถึงอังศา พระหัตถ์ซ้ายถือหม้อน้ำมนต์ เนื้อนวโลหะ สีแดงออกขาว (เรียกกันว่าสีมันเทศดิบ) และดำออกเทา มีความสูงประมาณ 4 เซนติเมตร และขนาดหน้าตักประมาณ 2.4 เซนติเมตร
“แม่คะ พระพุทธรูปองค์เล็กนี่รินไม่เคยเห็นเลยค่ะ” ดารินถามด้วยความสงสัย
“พ่อเพิ่งจะเอามาจากบ้านคุณปู่ทวดขวัญเมื่อวานนี้เองจ้ะ”
“ดีจังเลยนะคะ มีเพิ่มมาอีกองค์” ดารินยิ้มแล้วยกมือไหว้
“ใช้จ้ะ เป็นพระกริ่งวัดสุทัศน์ คุณปู่ทวดขวัญท่านเก็บสะสมมาเป็นของโบราณหายาก มีค่ามากและศักดิ์สิทธิ์มากนะลูก”
“ศักดิ์สิทธิ์ยังงัยคะ”
“คุณพ่อเล่าให้ฟังว่า สมัยก่อนมีพระท่านหนึ่งป่วยเป็นโรคอหิวาตกโรค รักษาไม่หาย แต่พอได้ดื่มน้ำที่แช่พระกริ่ง สักพักก็หายเลย เป็นที่น่าอัศจรรย์มากจ้ะ สร้อยที่แม่ห้อยอยู่นี้ก็เป็นพระกริ่งเหมือนกัน แม่ยกให้หนูใส่ละกันนะ” แล้วแม่ก็หยิบสร้อยที่สวมคออยู่ออกแล้วสวมใส่คอลูกสาวแทน
“ขอให้พระคุ้มครองให้ลูกปลอดภัยจากโรคร้ายทั้งปวงด้วยเทอญ” แม่อรพนมมืออธิฐาน
“แล้วแม่จะใส่อะไรล่ะคะ”
“ไม่เป็นไรจ๊ะ เดี๋ยวแม่ค่อยหาองค์ใหม่ใส่แทน”

วันต่อมาดารินไปโรงเรียน
“สุวลีนี่พระกริ่งสวยไหมแม่ให้ฉันใส่ เป็นของแม่ฉันเอง” ดารินหยิบพระกริ่งที่คอชูให้เพื่อนดู
“ก็สวยดีนะ แต่ฉันไม่ค่อยชอบใส่พระหรอก” สุวลีเพื่อนสนิทของดาริน ผมสั้นผิวคล้ำ ไม่เชื่อเรื่องเหนือธรรมชาติและเครื่องรางของขลัง
“รักษาโรคได้ด้วยนะ”
“ว้าย ฉันไม่เชื่อหรอก พระเครื่องเล็ก ๆ จะไปสู้ยาหมอได้ยังงัยกัน”
“แม่ฉันเคยบอกว่าไม่เชื่อก็อย่าลบหลู่” ดารินเตือนเพื่อน
“ฉันว่าใส่เพื่อความสวยงามมากกว่า”

ผ่านไปหนึ่งเดือน เข้าหน้าหนาว โทรทัศน์ หนังสือพิมพ์ออกข่าวถึงโรคระบาดจากเชื้อไวรัสตัวใหม่ H8N2 ซึ่งคาดว่าติดต่อมาจากชะมด ขณะนี้ยังไม่มียารักษาเฉพาะโรคหรือวัคซีน มีแค่เพียงรักษาตามอาการเท่านั้น ผู้ป่วยมีโอกาสเสียชีวิตถึง 80 เปอร์เซนต์ อาการของผู้ป่วยคือมีไข้สูง ไอ ปวดหัว บางรายอาจมีอาการเหนื่อยหอบ ปวดท้อง ท้องร่วง ในระยะนี้ถ้ามีไข้สูงควรรีบพาไปหาหมอเพื่อตรวจว่าเป็นเชื้อ H8N2 หรือไม่จะได้รีบทำการรักษา และป้องกันการแพร่ระบาดโดยด่วน

ช่วงนี้ที่โรงเรียนของดารินจึงมีแต่เด็กนักเรียนสวมหน้ากากอนามัยกันทุกคน เพื่อป้องกันการไอจามใส่กัน และทำตามที่กระทรวงสาธารณะสุขแนะนำคือ กินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือ

แต่อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด ตอนสองทุ่ม
“แม่ค่ะหนูปวดหัว ตัวร้อนด้วย” ดารินเอามือจับหน้าผากตัวเองแล้วนั่งลงบนเก้าอี้
“ไหนขอแม่ลองจับดูหน่อย ตัวร้อนจี๋เลย ไม่รู้เป็นเชื้อ H8N2 หรือเปล่า เดี๋ยวแม่เช็ดตัวให้นะ และกินยาพาราเซตตามอลหนึ่งเม็ดด้วย”

เวลาผ่านไปหนึ่งชั่วโมง  อาการของดารินไม่ดีขึ้นเลย แม่จึงรีบพาไปหาหมอที่โรงพยาบาล วันนี้พ่อมีประชุมดึกจึงยังไม่กลับบ้าน
“ดาริน เป็นยังไงบ้างเดี๋ยวก็ถึงโรงพยาบาลแล้วนะ”
“หนูปวดหัว ปวดท้องมากเลยค่ะ แอะ ๆ “

พอถึงโรงพยาบาล บุรุษพยาบาลรีบนำรถเข็นนั่งมารับดารินพาไปตรวจร่างกาย และรอพบคุณหมอ

ที่นี่ดารินพบกับสุวลีเพื่อนที่โรงเรียนด้วย สุวลีมีอาการเดียวกับดารินแต่เป็นหนักกว่าคือ มีอาการท้องร่วงรุนแรง และหอบเหนื่อยด้วย
คุณหมอรีบตรวจเช็คว่าเป็นเชื้ออะไร ปรากฏว่าเด็กทั้งสองคนติดเชื้อ H8N2 คุณหมอจึงรีบให้ยาต้านไวรัสทันที แต่อาการของสุวลีไม่ดีขึ้นสักเท่าไรเลย ในขณะที่อาการของดารินดีขึ้นเรื่อย ๆ แม่อรมองหน้าเครียดเป็นกังวลระทมทุกข์ของสองสามีภรรยาผู้เป็นบิดามารดาของเด็กน้อยเพื่อนลูกสาวอย่างเห็นใจ แม่อรกระซิบบอกลูกสาวเบา ๆ
“อาการของหนูดีขึ้นเรื่อย ๆ แม่ดีใจจังเลย แต่อาการของหนูสุวลีไม่ดีขึ้นเลย”
“หรอคะ หรือเราจะใช้พระกริ่งแช่น้ำดูคะ”
“เดี๋ยวแม่ลองไปถามพ่อแม่ของสุวลีก่อนนะจ๊ะ ว่าจะลองทานมั้ย”

แม่อรตรงรี่เข้าไปปรึกษากับพ่อแม่สุวลี ซึ่งทั้งสองรีบพยักหน้าเห็นด้วยอย่างดีใจ แม่อรจึงรีบบึ่งรถกลับบ้านเพื่อที่จะไปกระทำการขออำนาจพุทธคุณจากน้ำมนต์แช่พระกริ่ง

แต่พอไปถึงบ้านแม่อรก็ต้องแปลกใจที่ประตูบ้านถูกเปิดออก หญิงวัยกลางคนรีบย่องเข้าไปดูในบ้าน ทันใดเธอเกิดประจันหน้ากับชายหนุ่มคนหนึ่งเข้าอย่างจัง ขณะที่มันกำลังค้นของอยู่อย่างกระจุยกระจาย แม่อรตกใจมากรีบวิ่งหนีออกมาจากบ้าน เจ้าผู้ร้ายเองก็ตกใจผลุนลันวิ่งหนีออกจากบ้านไปเช่นเดียวกันโดยที่ไม่ทันได้ทรัพย์สินหรือทำร้ายร่างกายเธอแต่อย่างใด
แม่อรตั้งสติ ห่วงเพื่อนของลูกสาวที่ป่วยหนักมากกว่าสิ่งใด เธอย้อนกลับมาวิ่งขึ้นไปที่ห้องพระ โชคดีที่ขโมยยังไม่ได้ขึ้นมาชั้นสอง พระพุทธรูปทุกองค์จึงยังอยู่ครบ เธอรีบนำพระกริ่งวัดสุทัศน์ใส่กระเป๋าแล้วรีบขับรถกลับไปที่โรงพยาบาล

ทันทีที่ไปถึงสุวลีอาการแย่มาก แม่อรจึงรีบนำพระกริ่งแช่น้ำ สักพักจึงให้สุวลีดื่ม ไม่น่าเชื่ออาการของสุวลีดีขึ้นในทันที ทุกคนไม่ว่าหมอ พยาบาล พ่อแม่ของสุวลี รวมทั้งแม่อร ต่างทึ่งในความอัศจรรย์นี้

วันนี้ดารินกับสุวลีหายแล้วมาโรงเรียนได้ สองเด็กสาวท่าทางสดชื่นแจ่มใส
“ดารินดูสิสร้อยพระกริ่งสวยไหม แม่เราให้มา“
เด็กสาวดารินยิ้มให้เพื่อนจนตาหยี
“เราสองคนห้อยพระกริ่งเหมือนกันเลย พระท่านช่วยเราสองคนเอาไว้ สาธุ สาธุ สาธุ“
เด็กสาวทั้งสองหยิบองค์พระกริ่งขึ้นมาพนมไว้กลางอก แล้วเปล่งเสียงสาธุออกมาพร้อมกัน

จบบริบูรณ์

นลินมณี


ขอขอบคุณทุกท่านที่แวะเข้ามาอ่านกันนะคะ


อ่านผลงานของท่านอื่น คลิกที่ลิงค์ได้เลยค่ะ
http://search.pantip.com/ss?s=a&nms=1&sa=Smart+Search&q=The+All+Write+Project

หรืออัพเดทข่าวสารผลงานเรื่องอื่น ๆ ได้ที่ เพจได้เลยค่ะ
https://www.facebook.com/%E0%B8%99%E0%B8%A5%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%A1%E0%B8%93%E0%B8%B5-177577522585344/
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่