เกิดมา 22 ปีแล้วยังไม่เคยทำอะไรสำเร็จสักอย่าง

เป็นการพูดด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจจริงๆคะ เราเกิดมา 22 ปีละ ปีนี้เรียนอยู่ ปี 4 ปีสุดท้ายแล้วแต่ยังไม่เคยทำอะไรประสบผลสำเร็จเลย เมื่อเทียบกับเพื่อนที่รุ่นเดียวกัน ตอนนี้เพื่อนหลายคนมีที่ทำงานแล้วตั้งแต่เรียนไม่จบ แต่เรายังอยู่ที่เดิมอยู่เลยไม่ใช่เพราะไม่พยายามนะ เราพยายามส่งผลงานประกวดเหมือนเพื่อนอื่นๆที่ทำกัน แต่ก็ไม่เคยประสบผลสำเร็จเลยสักครั้ง เป็นคนที่เรียนดีคนหนึ่งแต่ก็โง่ภาษาอังกฤษ จะไปฝึกงานที่ไหนก็ไม่มีใครรับเพราะไม่มีความสามารถไม่มีผลงานที่ประสบผลสำเร็จ เดี่ยวนี้จะรับเข้าทำงานเค้าไม่ได้ดูแต่ความตั้งใจอย่างเดียวเค้าดูกันที่ผลงานคุณจะบอกว่าคุณอยากทำที่นี่มากมีความตั้งใจมาก แต่ผลงานที่คุณทำมาคือห่วยเท่ากับว่าคุณไม่มีความตั้งใจ ผลงานมันวัดจากความตั้งใจ คำพูดกับการกระทำน้ำหนักมันต่างกัน น้องลองดูเพื่อนๆรุ่นเดียวกันกับน้องสิว่าเค้าทำได้ดีกว่าน้องรึป่าว นี่เป็นคำพูดหนึ่งที่เราโดนปฎิเสธจากที่ทำงานหนึ่งที่เราไปขอฝึกงาน เป็นบริษัทที่ดีบริษัทหนึ่ง เป็นบริษัทเล็กๆที่ทำงานเกี่ยวกับโฆษณา ลืมบอกไปจริงๆแล้วเราอยากทำงานทางด้านครีเอทีฟหรือตำแหน่งงานไหนก็ได้ในสายโฆษณา แต่ว่าเราเรียนบริหารธุรกิจ สาขาการตลาดมา มันเลยทำให้อยากหน่อยที่เราจะได้คู่แข่งขันกับพวกที่เค้าเรียนกันมาเฉพาะทาง แต่มีคนเคยบอกว่า "ครีเอทีฟมันฝึกกันได้" นั่นมันเป็นคำพูดที่สร้างกำลังใจให้เราอย่างดีเลยแหละ แต่เราไม่โทษพี่เค้าเลยนะที่เค้าปฎิเสธเรามันกลับมาทำให้เราคิดอยากจะพิสูจน์ตัวเองอีกครั้ง อยากจะเอาชนะความพ่ายแพ้  หลายคนอาจจะสงสัยว่าเราอยากทำงานครีเอทีฟแล้วไปเรียนธุรกิจทำไม จริงๆแล้วตอนที่เราแอดเราสอบตรงอะไรก็ไม่ติดสักอย่างจะเรียนเอกชนที่บ้านก็ไม่มีกำลังจะส่ง สุดท้ายก็หาทางเลือกให้ตัวเองด้วยการเสี่ยงดวง มีอาจารย์ฝ่ายแนะแนวคนหนึ่งแนะนำให้เราสมัครสอบโควต้า คณะนี้เป็นมหาวิทยาลัยรัฐที่ติดอันดับ 5 ของประเทศอาจารย์บอกว่าเราเฉพาะที่จะเรียนสาขานี้แล้วมหาลัยนี้ก็ดังด้วย เราเลยลองสมัครดูก็ติดก็เลยเรียนที่นี่ มันเป็นความผิดพลาดชีวิตที่เราคิดเสียดายเหมือนกัน ตอนนี้มาถึงเวลาที่เราจะต้องเลือกที่จะทำตามความฝันต่อแล้วเราไม่อยากให้ชีวิตมันผิดพลาดไปตลอดเหมือนที่ผ่านมาแล้วเราจะพยายามทำตามฝันเราถึงแม้มันจะต้องพ่ายแพ้อีกสักกี่ครั้งก็ตาม ขอเป็นกำลังให้กับน้องๆที่กำลังทำตามความฝันอยู่เรานับถือจิงๆกับคนที่ทำตามฝันจนสำเร็จ สำหรับน้องๆที่กำลังเรียนปี 1 ปี 2 หรือ ปี3 อยากให้ใช้เวลาที่มีอยู่ให้คุ้มค่าพยายามทำงานผลงานด้วยทำตั้งใจ ถึงแม้จะพ่ายแพ้กี่ครั้งก็อย่าพึ่งท้อ เพราะข้างหน้ายังมีการแข่งขันอีกมากที่เราต้องสู้กับนักรบที่อาวุธครบมือและความสามารถที่พิเศษกว่าเรา การทำงานคงเหมือนกับการเข้าไปในสนามรบเนาะต่อสู้เพื่อให้ได้งาน คนที่แข่งแกร่งและมีความสามารถเท่านั้นที่จะอยู่รอด เป็นกำลังใจให้ทุกคนที่ท้ออยู่และให้กำลังใจตัวเองเหมือนกัน
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 3
ความผิดพลาดทุกอย่างไม่จำเป็นต้องเอามาคิดมากครับ คิดไว้ว่ามันคือบทเรียนดีๆก็พอ โอกาสโชคแต่ละคนไม่เท่ากันก็จริง แต่การเริ่มต้นปรับปรุงตัวเองใหม่ไม่ต้องรอโอกาสครับ เริ่มได้ทันที โง่ภาษาอังกฤษก็เรียนเพิ่มครับ อย่าคิดว่าตัวเองพอพูดได้พออ่านได้ อย่าคิดเข้าข้างตัวเอง เรียนเสริมเข้าไปครับ ถึงจะวัดได้ว่าเป็นหรือไม่เป็น

อดทนอย่างเดียวไม่พอต้องไม่โง่ด้วย การเรียนจบในสถาบันดังไม่ใช่ตัวตัดสินสุดท้ายครับ  มันแค่ได้เปรียบคนอื่นในการบริษัทดังๆ  บางคนเก่งจริงบอกจบราชภัฎฯเกรดท๊อปสุด เขายังไม่เอาเลยครับ

เรียนจบแล้วต่อไปนี้จะเป็นตัวตัดสินชะตาคือตัวคุณเองครับ ทำอะไรก็ไม่มีใครสอนแล้ว ต้องเอาตัวรอด ต้องทำงาน ต้องหาเงินให้ได้

บริษัทดังๆ คิดว่าเขาจ้างคนเก่งๆมาเป็นหัวหน้าหรือครับ?  คนเก่าเขามีอยู่ก่อนก็อยากปรับตำแหน่งเหมือนกัน เขารับคุณเข้ามาก็เพื่อมาทำงานแทนเขา งานหนักๆที่เขาเคยเจอก็โยนให้คุณไปทำต่อ   ไม่คล้อยตามหรือไม่ถูกใจเขา ก็ทำงานรอไล่ออกไปวันๆ ไม่มีการโปรโมทเลื่อนตำแหน่งให้หรอกครับ คำว่าชื่อเสียงมันค้ำคอ เพราะฉันได้เข้ามาอยู่ในบริษัทดัง ฉันจะเก่ง ฉันจะเด่น เงินเดือนฉันต้องสูง จริงๆแล้วบริษัทไม่ดัง เงินเดือนเยอะกว่าอีกครับ ต่างกันแค่สวัสดิการ  
ทำชีวิตให้มีความสุขดีกว่าครับ  เพราะเรายังต้องเจอในสิ่งที่เราไม่อยากเจอตลอดเวลา  ไม่เอาก็ไม่ได้ เจอเยอะๆก็เป็นภูมิต้านทานได้ดีครับ

เข้ามาให้กำลังใจ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่