สวัสดีครับ,
เรื่องมีอยู่ว่า ผมได้ทำสัญญาเช่าพักรายปี (สัญญาจะหมดอายุช่วงปลายปีนี้) กับโรงแรมแห่งหนึ่งในเมืองพัทยา และเมื่อวันที่ 16 กันยายน พ.ศ.2558 ที่ผ่านมา ได้เกิดฝนตกหนักในเขตพัทยา (อิทธิพลจากพายุ หว่ามก๋อ) และได้ทำให้เกิดน้ำท่วม หลายแห่งในพัทยา
ช่วงเช้าของวันถัดมา (17 กันยายน 2558) ผมได้รับแจ้งจากพนักงานโรงแรมว่า รถของผมถูกน้ำท่วม อยู่ที่ลานจอดรถด้านหลังโรงแรม เมื่อผมลงไปดูก็พบว่ารถผมยังคงจมน้ำอยู่ (ระดับน้ำท่วมสูงกว่าครึ่งคันรถ)...หลังจากทำการซักถามจากพนักงาน และ รปภ. ของโรงแรม ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ก็ได้ความว่า เมื่อช่วงเย็นของวันที่ 16 ได้เกิดน้ำท่วมอยู่หน้าโรงแรมประมาณครึ่งเมตร แต่เครื่องปั้มน้ำ 'ขนาดเล็ก' 1 จากจำนวน 2 เครื่องของโรงแรม เกิดปัญหา ขัดข้อง หยุดทำงาน ไม่สามารถสูบน้ำออกจากลานจอดรถด้านหลังโรงแรม (ลานจอดรถด้านหลังมีระดับต่ำกว่าถนนหน้าโรงแรมประมาณ 1 เมตร) เป็นเหตุให้น้ำไหลย้อนกลับสวนทางเข้าไปท่วมลานจอดรถ และเข้าท่วมตัวรถ ที่จอดเรียงรายกันอยู่ 10 กว่าคัน
ลิงค์ ภาพความเสียหาย
http://www.mx7.com/view2/yGtRWzAYt0zdaI7c
ในช่วงเย็นของวันเดียวกัน (17 กันยายน 2558) ทางโรงแรมได้จัดหาผู้รับเหมา มาสูบน้ำออกไปจนหมด...จากการตรวจสอบความเสียหายเบื้องต้น พบว่า มีรถจมน้ำ 10 กว่าคัน (ระดับน้ำสูงเกินกว่าครึ่งคัน รถจมอยู่ใต้น้ำเป็นระยะเวลาประมาณ 23 ชั่วโมง) ทรัพย์สินภายในรถจมน้ำเสียหายทั้งหมด
ในช่วงเช้าของวันที่ 18 กันยายน 2558 ทางโรงแรมพร้อมตัวแทนประกันภัยของโรงแรม เข้ามาถ่ายรูปตรวจสอบ และประเมินความความเสียหาย...หลังจากนั้น ทางโรงแรมได้แจ้งให้เจ้าของรถแต่ละราย นำรถออกไป...เจ้าของแต่ละราย (รักรถของตนเอง) แน่นอน ก็รีบกระวีกระวาด โทรเรียกจัดหารถลาก แห่กันเอารถของตนไปถึงมือช่างให้เร็วที่สุด
รถคันไหนมีประกันก็โชคดีไป บางคันไม่มี ก็ซ่อมกันไปตามมีตามเกิด บ้างเอารถส่งซ่อมอู่ บ้างส่งซ่อมศูนย์ (ตามฐานะการเงินของแต่ละคน)...บางคัน ศูนย์ตีราคาซ่อม แทบจะซื้อคันใหม่ได้เลยทีเดียว และหลายคัน 'ไม่ยอมซ่อม' ด้วยเหตุว่า 'จ่ายค่าซ่อมมา ก็ไม่คุ้ม' ปล่อยรถเน่า เชื้อรา ดอกเห็ดขึ้นไปเลย และมีรถจำนวนหลายคัน ที่ยังผ่อนกันอยู่...ตอนนี้ ผ่อนกุญแจ! และไม่มีรถใช้!
..........1 เดือน กว่า ผ่านไป..........พร้อมกับ 'อาการเงียบ' ของเจ้าของโรงแรม มีแต่เพียงประโยคเด็ดผ่านผู้จัดการโรงแรม มาถึงผู้เสียหายที่ว่า 'ประกันภัยไม่รับผิดชอบ' ในค่าเสียหายเกี่ยวกับรถที่จมน้ำสิบกว่าคัน (ประกันภัยรับผิดชอบเฉพาะความเสียหายของตัวอาคารโรงแรมเท่านั้น) และทั้งนี้ก็มีหลุดแพลมๆ ออกมาจากบรรดาพนักงานโรงแรม ที่ว่า โรงแรมกำลังพยายามที่จะปัดความรับผิดชอบ โดย 'อ้างเหลี่ยมข้อกฎหมาย' ในประเด็นเรื่อง
1. เป็นเหตุสุดวิสัย
2. อ้างประกาศที่ว่า 'เมืองพัทยาถูกประกาศเป็นเขตภัยพิบัติ' ซึ่งถูกประกาศในวันที่ 17 กันยายน 2558 เวลาบ่ายโมง โดย รมต.มหาดไทย
.............
>> ผมได้ ตรวจสอบข้อกฎหมายแพ่งฯ ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งได้ระบุไว้ชัดเจนในมาตรา 674 ถึง 679 ว่าด้วยเรื่องเจ้าสำนักโรงแรม หรือผู้ประกอบการโรงแรม "ต้องรับผิดชอบ" ในทรัพย์สินที่ผู้เช่า/ผู้เข้าพักอาศัย 'พามาด้วย' ในที่นี้ คือรถยนต์ ในกรณีที่มีความเสียหาย หรือบุบสลาย เกิดขึ้นภายในอาณาเขตโรงแรม
และอีกหนึ่งมาตราคือ มาตรา 420 ที่ระบุไว้ชัดเจน ในเรื่อง 'ความประมาทเลินเล่อ' เป็นเหตุให้เกิดความเสียหาย อันเกี่ยวกับทรัพย์สิน
ย้อนกลับมาดู ข้อกฎหมายที่ ทางโรงแรมที่จะใช้อ้าง ที่ว่า
1.อ้างว่า เป็นเหตุสุดวิสัย
>> เป็นที่ปรากฎชัดเจน ครับว่า เกิดจาก 'ความประมาทเลินเล่อ' และตั้งตนอยู่ในความประมาท ของทางโรงแรม (หาได้เป็นเหตุสุดวิสัยไม่) ในการจัดหาเครื่องสูบน้ำให้มีอย่างเพียงพอ หรือเตรียมการรับมือพายุดังกล่าว ซึ่งทางการฯได้ประกาศเตือนเช้า-เย็น มาตั้งแต่วันที่ 9 กันยายน 2558 และเป็นที่ประจักษ์ชัดว่า โรงแรมอื่นๆที่อยู่ติดกัน ในซอย ต่างพากันเตรียมการรับมือพายุฯ กันอย่างขยันขันแข็ง และสามารถรอดพ้น จากน้ำท่วมไปได้ ทั้งที่บางโรงแรมเหล่านั้นมีชั้นจอดรถใต้ดินที่อยู่ต่ำกว่าระดับถนน ลึงลงไปกว่า 7 เมตร....ในประเด็นนี้ ถ้าการเตรียมการ (บริหารจัดการฯ) รับมือพายุดังกล่าว ของทางโรงแรมที่ผมพักอยู่ ประเมินแล้วว่าไม่สามารถที่จะรับมือพายุได้ 'ก็ควรที่จะแจ้ง' แต่เนิ่นๆ ต่อเจ้าของรถ ในการ 'ห้ามนำรถไปจอด' ไว้ที่ลานจอดรถด้านหลังโรงแรม
2. อ้างจาก ประกาศที่ว่า 'เมืองพัทยาถูกประกาศเป็นเขตภัยพิบัติ' ซึ่งถูกประกาศในวันที่ 17 กันยายน 2558 เวลาบ่ายโมง โดย รมต.มหาดไทย
>> ประเด็นนี้ล่ะครับ ที่เป็นไฮไลท์ ของเรื่องราวทั้งหมดนี้...ผมอยากจะทราบ และขอคำปรึกษาว่า คำประกาศเขตภัยพิบัติดังกล่าว มีผล 'หักล้าง' หรือสามารถยกเลิก การบังคับใช้ กฎหมายแพ่งฯ มาตรา 420 และมาตรา 674 ถึง 679 ได้เลยหรือครับ...หรือ คำประกาศฯดังกล่าว มีผลให้เรื่องราวความเสียหายข้างต้น ''เป็นโมฆะ" (หรือเจ๊ากันไป ซ่อมใคร ซ่อมมัน) อย่างนั้นหรือ ครับ
ณ ขณะนี้ ทางโรงแรมยังใช้วิธี 'เงียบ' และไม่มีการเจรจาใดๆ กับผู้เสียหาย ซึ่งโดยปรกติ การฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายไปยังศาลแพ่ง จะบังเกิดขึ้นในกรณีที่ตกลงค่าเสียหายกันไม่ได้...ผมคิดว่า จะไม่ปล่อย ให้เวลาผ่านไป แบบเงียบๆ ด้วยเหตุว่า กฎหมายแพ่ง มาตราข้างต้น 'มีอายุความที่สั้นมาก'...ถ้าเรื่องไปถึงศาลฯ ศาลก็จะให้ทำการไกล่เกลี่ยกันก่อนอยู่ดี
? ในกรณีข้างต้นนี้ ผมควรวางแผนการฟ้องร้องต่อศาล อย่างไรครับ
ขอคำปรึกษาด้วยครับ ขอบคุณครับ
ผู้ประสบเหตุ
รบกวนขอคำปรึกษา ทางข้อกฎหมาย (น้ำท่วมรถ จอดในโรงแรม)
เรื่องมีอยู่ว่า ผมได้ทำสัญญาเช่าพักรายปี (สัญญาจะหมดอายุช่วงปลายปีนี้) กับโรงแรมแห่งหนึ่งในเมืองพัทยา และเมื่อวันที่ 16 กันยายน พ.ศ.2558 ที่ผ่านมา ได้เกิดฝนตกหนักในเขตพัทยา (อิทธิพลจากพายุ หว่ามก๋อ) และได้ทำให้เกิดน้ำท่วม หลายแห่งในพัทยา
ช่วงเช้าของวันถัดมา (17 กันยายน 2558) ผมได้รับแจ้งจากพนักงานโรงแรมว่า รถของผมถูกน้ำท่วม อยู่ที่ลานจอดรถด้านหลังโรงแรม เมื่อผมลงไปดูก็พบว่ารถผมยังคงจมน้ำอยู่ (ระดับน้ำท่วมสูงกว่าครึ่งคันรถ)...หลังจากทำการซักถามจากพนักงาน และ รปภ. ของโรงแรม ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ก็ได้ความว่า เมื่อช่วงเย็นของวันที่ 16 ได้เกิดน้ำท่วมอยู่หน้าโรงแรมประมาณครึ่งเมตร แต่เครื่องปั้มน้ำ 'ขนาดเล็ก' 1 จากจำนวน 2 เครื่องของโรงแรม เกิดปัญหา ขัดข้อง หยุดทำงาน ไม่สามารถสูบน้ำออกจากลานจอดรถด้านหลังโรงแรม (ลานจอดรถด้านหลังมีระดับต่ำกว่าถนนหน้าโรงแรมประมาณ 1 เมตร) เป็นเหตุให้น้ำไหลย้อนกลับสวนทางเข้าไปท่วมลานจอดรถ และเข้าท่วมตัวรถ ที่จอดเรียงรายกันอยู่ 10 กว่าคัน
ลิงค์ ภาพความเสียหาย http://www.mx7.com/view2/yGtRWzAYt0zdaI7c
ในช่วงเย็นของวันเดียวกัน (17 กันยายน 2558) ทางโรงแรมได้จัดหาผู้รับเหมา มาสูบน้ำออกไปจนหมด...จากการตรวจสอบความเสียหายเบื้องต้น พบว่า มีรถจมน้ำ 10 กว่าคัน (ระดับน้ำสูงเกินกว่าครึ่งคัน รถจมอยู่ใต้น้ำเป็นระยะเวลาประมาณ 23 ชั่วโมง) ทรัพย์สินภายในรถจมน้ำเสียหายทั้งหมด
ในช่วงเช้าของวันที่ 18 กันยายน 2558 ทางโรงแรมพร้อมตัวแทนประกันภัยของโรงแรม เข้ามาถ่ายรูปตรวจสอบ และประเมินความความเสียหาย...หลังจากนั้น ทางโรงแรมได้แจ้งให้เจ้าของรถแต่ละราย นำรถออกไป...เจ้าของแต่ละราย (รักรถของตนเอง) แน่นอน ก็รีบกระวีกระวาด โทรเรียกจัดหารถลาก แห่กันเอารถของตนไปถึงมือช่างให้เร็วที่สุด
รถคันไหนมีประกันก็โชคดีไป บางคันไม่มี ก็ซ่อมกันไปตามมีตามเกิด บ้างเอารถส่งซ่อมอู่ บ้างส่งซ่อมศูนย์ (ตามฐานะการเงินของแต่ละคน)...บางคัน ศูนย์ตีราคาซ่อม แทบจะซื้อคันใหม่ได้เลยทีเดียว และหลายคัน 'ไม่ยอมซ่อม' ด้วยเหตุว่า 'จ่ายค่าซ่อมมา ก็ไม่คุ้ม' ปล่อยรถเน่า เชื้อรา ดอกเห็ดขึ้นไปเลย และมีรถจำนวนหลายคัน ที่ยังผ่อนกันอยู่...ตอนนี้ ผ่อนกุญแจ! และไม่มีรถใช้!
..........1 เดือน กว่า ผ่านไป..........พร้อมกับ 'อาการเงียบ' ของเจ้าของโรงแรม มีแต่เพียงประโยคเด็ดผ่านผู้จัดการโรงแรม มาถึงผู้เสียหายที่ว่า 'ประกันภัยไม่รับผิดชอบ' ในค่าเสียหายเกี่ยวกับรถที่จมน้ำสิบกว่าคัน (ประกันภัยรับผิดชอบเฉพาะความเสียหายของตัวอาคารโรงแรมเท่านั้น) และทั้งนี้ก็มีหลุดแพลมๆ ออกมาจากบรรดาพนักงานโรงแรม ที่ว่า โรงแรมกำลังพยายามที่จะปัดความรับผิดชอบ โดย 'อ้างเหลี่ยมข้อกฎหมาย' ในประเด็นเรื่อง
1. เป็นเหตุสุดวิสัย
2. อ้างประกาศที่ว่า 'เมืองพัทยาถูกประกาศเป็นเขตภัยพิบัติ' ซึ่งถูกประกาศในวันที่ 17 กันยายน 2558 เวลาบ่ายโมง โดย รมต.มหาดไทย
.............
>> ผมได้ ตรวจสอบข้อกฎหมายแพ่งฯ ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งได้ระบุไว้ชัดเจนในมาตรา 674 ถึง 679 ว่าด้วยเรื่องเจ้าสำนักโรงแรม หรือผู้ประกอบการโรงแรม "ต้องรับผิดชอบ" ในทรัพย์สินที่ผู้เช่า/ผู้เข้าพักอาศัย 'พามาด้วย' ในที่นี้ คือรถยนต์ ในกรณีที่มีความเสียหาย หรือบุบสลาย เกิดขึ้นภายในอาณาเขตโรงแรม
และอีกหนึ่งมาตราคือ มาตรา 420 ที่ระบุไว้ชัดเจน ในเรื่อง 'ความประมาทเลินเล่อ' เป็นเหตุให้เกิดความเสียหาย อันเกี่ยวกับทรัพย์สิน
ย้อนกลับมาดู ข้อกฎหมายที่ ทางโรงแรมที่จะใช้อ้าง ที่ว่า
1.อ้างว่า เป็นเหตุสุดวิสัย
>> เป็นที่ปรากฎชัดเจน ครับว่า เกิดจาก 'ความประมาทเลินเล่อ' และตั้งตนอยู่ในความประมาท ของทางโรงแรม (หาได้เป็นเหตุสุดวิสัยไม่) ในการจัดหาเครื่องสูบน้ำให้มีอย่างเพียงพอ หรือเตรียมการรับมือพายุดังกล่าว ซึ่งทางการฯได้ประกาศเตือนเช้า-เย็น มาตั้งแต่วันที่ 9 กันยายน 2558 และเป็นที่ประจักษ์ชัดว่า โรงแรมอื่นๆที่อยู่ติดกัน ในซอย ต่างพากันเตรียมการรับมือพายุฯ กันอย่างขยันขันแข็ง และสามารถรอดพ้น จากน้ำท่วมไปได้ ทั้งที่บางโรงแรมเหล่านั้นมีชั้นจอดรถใต้ดินที่อยู่ต่ำกว่าระดับถนน ลึงลงไปกว่า 7 เมตร....ในประเด็นนี้ ถ้าการเตรียมการ (บริหารจัดการฯ) รับมือพายุดังกล่าว ของทางโรงแรมที่ผมพักอยู่ ประเมินแล้วว่าไม่สามารถที่จะรับมือพายุได้ 'ก็ควรที่จะแจ้ง' แต่เนิ่นๆ ต่อเจ้าของรถ ในการ 'ห้ามนำรถไปจอด' ไว้ที่ลานจอดรถด้านหลังโรงแรม
2. อ้างจาก ประกาศที่ว่า 'เมืองพัทยาถูกประกาศเป็นเขตภัยพิบัติ' ซึ่งถูกประกาศในวันที่ 17 กันยายน 2558 เวลาบ่ายโมง โดย รมต.มหาดไทย
>> ประเด็นนี้ล่ะครับ ที่เป็นไฮไลท์ ของเรื่องราวทั้งหมดนี้...ผมอยากจะทราบ และขอคำปรึกษาว่า คำประกาศเขตภัยพิบัติดังกล่าว มีผล 'หักล้าง' หรือสามารถยกเลิก การบังคับใช้ กฎหมายแพ่งฯ มาตรา 420 และมาตรา 674 ถึง 679 ได้เลยหรือครับ...หรือ คำประกาศฯดังกล่าว มีผลให้เรื่องราวความเสียหายข้างต้น ''เป็นโมฆะ" (หรือเจ๊ากันไป ซ่อมใคร ซ่อมมัน) อย่างนั้นหรือ ครับ
ณ ขณะนี้ ทางโรงแรมยังใช้วิธี 'เงียบ' และไม่มีการเจรจาใดๆ กับผู้เสียหาย ซึ่งโดยปรกติ การฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายไปยังศาลแพ่ง จะบังเกิดขึ้นในกรณีที่ตกลงค่าเสียหายกันไม่ได้...ผมคิดว่า จะไม่ปล่อย ให้เวลาผ่านไป แบบเงียบๆ ด้วยเหตุว่า กฎหมายแพ่ง มาตราข้างต้น 'มีอายุความที่สั้นมาก'...ถ้าเรื่องไปถึงศาลฯ ศาลก็จะให้ทำการไกล่เกลี่ยกันก่อนอยู่ดี
? ในกรณีข้างต้นนี้ ผมควรวางแผนการฟ้องร้องต่อศาล อย่างไรครับ
ขอคำปรึกษาด้วยครับ ขอบคุณครับ
ผู้ประสบเหตุ