ลำดับเหตุการณ์คณะราษฎร
แสดงถึงเหตุการณ์สำคัญนับตั้งแต่การก่อตั้งคณะราษฎรในปี พ.ศ. 2469 ไปจนถึง พ.ศ. 2503
เหตุการณ์ปฏิวัติเมื่อวันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2475
เป็นเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์ของการเมืองไทยที่น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง
ไม่ว่าเหตุการณ์ดังกล่าวจะถูกเรียกว่าอย่างไรก็ตาม (บ้างก็เรียก "การยึดอำนาจ" "การเปลี่ยนแปลงการปกครอง"
"การปฏิวัติ" หรือ "การอภิวัฒน์")
เนื่องจากเป็นเหตุการณ์ที่สร้างความเปลี่ยนแปลงทางการเมือง การปกครองของประเทศไทยอย่างมาก
และทำให้(........censor....)ที่เคยเป็นผู้ปกครองสูงสุดของประเทศมาเป็นระยะเวลายาวนาน
ต้องสูญเสียอำนาจส่วนใหญ่ไปในที่สุด
อย่างไรก็ตาม ภายหลังจากเหตุการณ์เปลี่ยนแปลงดังกล่าวใน พ.ศ. 2475
การต่อสู้ทางการเมืองก็ยังมิได้จบลงไปอย่างสิ้นเชิง
ยังคงมีการต่อสู้กันระหว่างผู้นำในระบอบเก่า กับระบอบใหม่ หรือความขัดแย้งในผู้นำระบอบใหม่ด้วยกันเอง
โดยการต่อสู้ทางการเมืองและทางความคิดอุดมการณ์นี้ ได้ดำเนินต่อเนื่องยาวนานเป็นเวลากว่า 25 ปีภายหลังจากการปฏิวัติ
และนำไปสู่ยุคตกต่ำของคณะราษฎรในกาลต่อมา
จนถือว่าหมดอำนาจทั้งในทางการเมืองและในทางสัญลักษณ์อุดมการณ์
เมื่อวันชาติ 24 มิถุนายน ซึ่งระลึกถึงวันเปลี่ยนแปลงการปกครอง ถูกยกเลิกใน พ.ศ. 2503
ลำดับเหตุการณ์ก่อนการปฏิวัติ (พ.ศ. 2469-2475)
พ.ศ. 2469
5 กุมภาพันธ์ - คณะราษฎรได้ถูกจัดตั้ง และประชุมครั้งแรก ที่บ้านพักเลขที่ 9
ถนนซอมเมอราร์ด กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ผู้เข้าร่วมประชุมมี 7 คน คือ
ร.ท.ประยูร ภมรมนตรี (นายทหารกองหนุน อดีตผู้บังคับหมวดทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์ ( VI )
ร.ท.แปลก ขีตตะสังคะ (นักศึกษาในโรงเรียนนายทหารปืนใหญ่ฝรั่งเศส)
ร.ต.ทัศนัย มิตรภักดี (นักศึกษาในโรงเรียนนายทหารม้าฝรั่งเศส)
นายตั้ว ลพานุกรม (นักศึกษาวิทยาศาสตร์ในสวิตเซอร์แลนด์)
หลวงสิริราชไมตรี (ผู้ช่วยสถานทูตสยามประจำกรุงปารีส)
นายแนบ พหลโยธิน (เนติบัณฑิตอังกฤษ)
นายปรีดี พนมยงค์ (ดุษฎีบัณฑิตกฎหมายฝ่ายนิติศาสตร์ ฝรั่งเศส)
การประชุมกินเวลานานถึง 5 วัน และลงมติให้นายปรีดีเป็นประธาน และหัวหน้าคณะราษฎร
จนกว่าจะมีบุคคลที่เหมาะสมมาเป็นในกาลต่อไป
พ.ศ. 2474
19 มิถุนายน - พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าบวรเดช เสนาบดีกระทรวงกลาโหม ได้ลาออกจากตำแหน่ง
หลังจากมีความขัดแย้งกับสมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระนครสวรรค์วรพินิต อภิรัฐมนตรี
ซึ่งเหตุการณ์นี้ได้เปิดโอกาสอย่างมากให้แก่คณะราษฎร
พ.ศ. 2475
12 มิถุนายน - คณะราษฎรได้วางแผนการที่บ้าน ร.ท.ประยูร ภมรมนตรี
เพื่อจะดำเนินการควบคุมสมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระนครสวรรค์วรพินิต ผู้สำเร็จราชการรักษาพระนคร
24 มิถุนายน - คณะราษฎรประกาศ เปลี่ยนแปลงการปกครองของประเทศไทย
จากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ไปเป็นระบอบประชาธิปไตย ในการปฏิบัติการ มีพระยาพหลพลพยุหเสนาเป็นหัวหน้าคณะราษฎร
ลำดับเหตุการณ์หลังการปฏิวัติ (พ.ศ. 2475-2503)
พ.ศ. 2475
25 มิถุนายน - VII เสด็จกลับกรุงเทพมหานคร โดยทางรถไฟ ถึงสถานีจิตรลดา เวลา 0.37 น. เข้าวันอาทิย์ที่ 26 มิถุนายน
26 มิถุนายน - เวลา 11.00 น. คณะราษฎรจำนวน 6 นาย ประกอบด้วย
พ.ท.พระประศาสน์พิทยายุทธ พ.ต.หลวงวีระโยธิน หลวงประดิษฐ์มนูธรรม ร.ท.ประยูร ภมรมนตรี
นายจรูญ ณ บางช้าง นายสงวน ตุลารักษ์ และมี พล.ร.ต.พระศรยุทธเสนี เป็นผู้นำเข้าเฝ้า VII
27 มิถุนายน - VII ลงพระปรมาภิไธยในธรรมนูญการปกครองประเทศ
โดยทรงเพิ่มคำว่า "ชั่วคราว" ต่อท้ายธรรมนูญการปกครองประเทศ ซึ่งปรีดี พนมยงค์เป็นผู้ร่าง
28 มิถุนายน - สภาผู้แทนราษฎรสมัยแรก ตามธรรมนูญการปกครองประเทศชั่วคราว มีสมาชิก 70 คน
โดยแต่งตั้งจากคณะราษฎร 31 คน และจากข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ในระบอบเดิม 39 คน
ทำการเลือกพระยามโนปกรณ์นิติธาดา เป็นประธานกรรมการราษฎร (เทียบเท่าตำแหน่งนายกรัฐมนตรี คนแรกของประเทศไทย)
เจ้าพระยาธรรมศักดิ์มนตรี เป็นประธานสภาผู้แทนราษฎรคนแรก และมีปรีดี พนมยงค์ เป็นเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรคนแรก
25 สิงหาคม - คณะราษฎรโดย พระยานิติศาสตร์ไพศาล จดทะเบียนจัดตั้ง สมาคมคณะราษฎร
ซึ่งอาจถือได้ว่าเป็นพรรคการเมืองแรกของไทย (เพราะในสมัยนั้นยังไม่มีบัญญัติคำว่า "พรรคการเมือง")
10 ธันวาคม - รัฐธรรมนูญฉบับถาวรผ่านการเห็นชอบของสภาผู้แทนราษฎร
ได้รับพระราชทานจาก VII และได้มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งผู้บริหารชุดใหม่ในนามใหม่ คือ
นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีจำนวน 20 นาย (โดยไม่ได้ใช้ชื่อตำแหน่งว่า ประธานคณะกรรมการราษฎร และ กรรมการราษฎร อีกต่อไป)
คณะบริหารชุดใหม่มีพระยามโนปกรณ์นิติธาดา เป็นนายกรัฐมนตรี
และมีรัฐมนตรีประจำกระทรวง 7 กระทรวง และรัฐมนตรีลอยอีก 13 คน
15 มีนาคม - นายปรีดีเสนอ "เค้าโครงร่างเศรษฐกิจ" หรือที่เรียกกันว่า "สมุดปกเหลือง"
เพื่อให้พิจารณาใช้เป็นหลักสำหรับนโยบายเศรษฐกิจของประเทศ
พ.ศ. 2476
1 เมษายน - มีพระราชกฤษฎีกาปิดประชุมสภาผู้แทนราษฎร และงดใช้รัฐธรรมนูญเกือบทุกมาตรา
(บางข้อมูลอธิบายว่าพฤติการณ์ดังกล่าวเป็นการยึดอำนาจตัวเอง เพื่อจัดตั้งคณะรัฐบาลใหม่)
2 เมษายน - พระราชบัญญัติว่าด้วยคอมมิวนิสต์ถูกประกาศใช้ตามคำแนะนำของคณะรัฐมนตรี
เพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการกำจัดฝ่ายตรงข้ามทางการเมือง
(ในที่นี้ อาจหมายถึง คณะราษฎร เพราะนายกรัฐมนตรีในขณะนั้นอยู่ตรงข้ามกับคณะราษฎร)
12 เมษายน - นายปรีดีถูกบังคับให้เดินทางออกนอกประเทศไปยังฝรั่งเศส
เนื่องจากความเห็นของนายปรีดีถูกโจมตีว่าเป็นคอมมิวนิสต์ ภายหลังการเสนอเค้าโครงร่างทางเศรษฐกิจ
ที่เจ้าและขุนนางต้องเสียผลประโยชน์
10 มิถุนายน - พระยาพหลพลพยุหเสนา พระยาทรงสุรเดช พระประศาสน์พิทยายุทธ
และพระยาฤทธิอัคเนย์ ผู้นำสายทหารของคณะราษฎรยื่นจดหมายลาออก
20 มิถุนายน - พลเอกพระยาพหลพลพยุหเสนาทำการยึดอำนาจพระยามโนปกรณ์นิติธาดา นายกรัฐมนตรี
หลังจากการรัฐประหารได้มีการล้างมลทินให้หลวงประดิษฐมนูธรรม
29 กันยายน - นายปรีดี พนมยงค์เดินทางกลับสยาม
และดำรงตำแหน่งศาสตราจารย์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
11 ตุลาคม - กบฏบวรเดช: พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าบวรเดช อดีตเสนาบดีกระทรวงกลาโหม
เป็นหัวหน้าฝ่ายทหารนำกำลังทหารจากหัวเมืองภาคอีสานล้มล้างการปกครองของรัฐบาล
เนื่องจากไม่พอใจที่นายถวัลย์ ฤทธิเดชฟ้องร้อง VII
ในกรณีที่ที่พระองค์มีพระบรมราชวินิจฉัยคัดค้านแผนพัฒนาเศรษฐกิจของนายปรีดี พนมยงค์ ("สมุดปกเหลือง")
โดยออกเป็นสมุดปกขาว แต่กระทำการไม่สำเร็จ
23 ตุลาคม - นายพันเอก พระยาศรีสิทธิสงคราม (ดิ่น ท่าราบ)
ถูกยิงเสียชีวิตโดยทหารจากกองพันทหารราบที่ 6 นำโดยพันตรีหลวงวีรวัฒน์โยธา
25 ตุลาคม - พระองค์เจ้าบวรเดช หัวหน้าคณะกบฏและพระชายา ทรงขึ้นเครื่องบินเดินทางหนีไปยังประเทศอินโดจีนฝรั่งเศส
7 พฤศจิกายน - ออกพระราชบัญญัติป้องกันรักษารัฐธรรมนูญ อันเป็นเครื่องมือที่จะตอบโต้ฝ่ายต่อต้านรัฐบาล
(ในที่นี้ อาจหมายถึง ฝ่ายตรงข้ามกับคณะราษฎร)
16 ธันวาคม - พันเอกพระยาพหลพลพยุหเสนา เป็นนายกรัฐมนตรี
และตั้งคณะรัฐมนตรีชุดใหม่หลังจากการเลือกตั้งสมาชิกสภาแบบ 2 ชั้น (1 ตุลาคม - 15 พฤษภาคม)
25 ธันวาคม - หม่อมเจ้าวรรณไวทยากร วรวรรณทรงเป็นประธานคณะกรรมการพิจารณาเรื่องที่นายปรีดี เป็นคอมมิวนิสต์
ได้ลงมติว่าตัวนายปรีดี มิได้เป็นคอมมิวนิสต์
พ.ศ. 2477
2 มีนาคม - VII ทรงสละ(......censor...) ขณะประทับรักษาพระเนตรอยู่ในประเทศอังกฤษ
2 มีนาคม - พระองค์.... ขึ้นครอง......เป็น VIII แห่งราช..... ขณะที่มีพระชนมายุเพียง 9 พรรษา 5 เดือน 10 วัน
ได้แต่งตั้งคณะผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์
13 กันยายน - รัฐบาลลาออก เพราะแพ้คะแนนเสียงในสภาเรื่องสัญญาการจำกัดยาง
22 กันยายน - ตั้งคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ โดยมีพระยาพหลพลพยุหเสนาเป็นนายกรัฐมนตรี
และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และนายปรีดี พนมยงค์ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย
พ.ศ. 2479
14 ตุลาคม - เปิด อนุสาวรีย์ปราบกบฏ หรือ อนุสาวรีย์พิทักษ์รัฐธรรมนูญ ที่บางเขน (ปัจจุบันเรียกเพียงว่า "อนุสาวรีย์หลักสี่")
พ.ศ. 2480
27 กรกฎาคม - พระยาพหลพลพยุหเสนาลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
จากกรณีอื้อฉาวที่มีกระทู้ถามเรื่องการนำที่ดินของพระคลังข้างที่มาซื้อขายในราคาถูกเป็นพิเศษ
เพื่อเป็นแสดงความบริสุทธิ์และแสดงให้เห็นถึงความไม่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายที่ดินดังกล่าว
5 สิงหาคม - จอมพล ป.พิบูลสงคราม นายกรัฐมนตรี รับสนองพระบรมราชโองการ
แก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญว่าด้วยนามประเทศ โดยให้เรียกชื่อประเทศว่า "ประเทศไทย"
และเปลี่ยนคำว่า "สยาม" ให้เป็น "ไทย" แทน โดยเหตุผลของการเปลี่ยนแปลงหลักการของ "ลัทธิชาติ-ชาตินิยม" ว่า
"รัฐบาลเห็นควรถือเป็นรัฐนิยมให้ใช้ชื่อประเทศ ให้ต้องตามชื่อเชื้อชาติ และความนิยมของประชาชน"
7 พฤศจิกายน -
การเลือกตั้งทั่วไปครั้งที่ 2 ในประวัติศาสตร์ไทย
พ.ศ. 2481
18 กรกฎาคม - รัฐบาลพระยาพหลพลพยุหเสนาออกประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี
ลงวันที่ 18 กรกฎาคม 2481 เรื่อง "วันชาติ" กำหนดให้วันที่ 24 มิถุนายน เป็นวันชาติ
ซึ่งตรงกับวันที่ก่อการปฏิวัติเปลี่ยนแปลงการปกครอง
1 สิงหาคม - ประกาศใช้วันที่ 24 มิถุนายน เป็นวันชาติ ลงในราชกิจจานุเบกษา
11 กันยายน - พระยาพหลพลพยุหเสนา ยุบสภา
เนื่องจากรัฐบาลแพ้คะแนนเสียงเรื่องการชี้แจงรายรับ-รายจ่ายที่รัฐบาลจัดทำเสนอ
16 ธันวาคม - จอมพล ป. พิบูลสงคราม เข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
พ.ศ. 2484
8 ธันวาคม - สงครามโลกครั้งที่สองในประเทศไทย:
กองทัพญี่ปุ่นได้ยกพลขึ้นบกที่ประจวบคีรีขันธ์และอีกหลายจังหวัดในภาคกลางที่ติดอ่าวไทย
11 ธันวาคม - รัฐบาลไทยยอมยุติการต่อสู้กับกองกำลังญี่ปุ่น และประกาศทางวิทยุให้ทุกฝ่ายหยุดยิง
12 ธันวาคม - ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช เอกอัครทูตไทยประจำสหรัฐอเมริกา
ไม่ยอมรับการประกาศเป็นพันธมิตรกับญี่ปุ่นของรัฐบาลไทย
และได้ประกาศขบวนการเสรีไทยขึ้นที่นั่น
โดยต่อมาคณะราษฎรฝ่ายพลเรือนหลายคน เช่น นายปรีดี พนมยงค์ นายทวี บุณยเกตุ นายควง อภัยวงศ์
ได้แยกตัวออกมาร่วมกับขบวนการเสรีไทยในประเทศ เนื่องจากไม่อาจรับกับการกระทำของรัฐบาล
พ.ศ. 2486
8 มิถุนายน - นายปรีดีได้ลาออกจากตำแหน่ง เพื่อให้เป็นไปตามวิธีทางของรัฐธรรมนูญ
หลังจาก VIII พระราชทานรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ แต่รัฐสภาก็มีมติเป็นเอกฉันท์ให้กลับมาดำรงตำแหน่งอีกครั้ง
พ.ศ. 2487
24 กรกฎาคม - จอมพล ป. พิบูลสงคราม ถูกกดดันให้ลงออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
เนื่องจากนโยบาย ร่างพระราชบัญญัติระเบียบราชการบริหารนครบาลเพชรบูรณ์ ที่ จอมพล ป. นำเสนอ
1 สิงหาคม - พลโท พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาทิตย์ทิพอาภา ประธานคณะผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์
ได้กราบถวายบังคมลาออกจากตำแหน่ง สภาผู้แทนราษฎรจึงได้ลงมติแต่งตั้งให้นายปรีดี พนมยงค์
เป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์แต่เพียงผู้เดียว
24 สิงหาคม - จอมพล ป. พิบูลสงครามถูกปลดจากตำแหน่งผู้บัญชาการทหารสูงสุด
ลำดับเหตุการณ์คณะราษฎร
แสดงถึงเหตุการณ์สำคัญนับตั้งแต่การก่อตั้งคณะราษฎรในปี พ.ศ. 2469 ไปจนถึง พ.ศ. 2503
เหตุการณ์ปฏิวัติเมื่อวันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2475
เป็นเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์ของการเมืองไทยที่น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง
ไม่ว่าเหตุการณ์ดังกล่าวจะถูกเรียกว่าอย่างไรก็ตาม (บ้างก็เรียก "การยึดอำนาจ" "การเปลี่ยนแปลงการปกครอง"
"การปฏิวัติ" หรือ "การอภิวัฒน์")
เนื่องจากเป็นเหตุการณ์ที่สร้างความเปลี่ยนแปลงทางการเมือง การปกครองของประเทศไทยอย่างมาก
และทำให้(........censor....)ที่เคยเป็นผู้ปกครองสูงสุดของประเทศมาเป็นระยะเวลายาวนาน
ต้องสูญเสียอำนาจส่วนใหญ่ไปในที่สุด
อย่างไรก็ตาม ภายหลังจากเหตุการณ์เปลี่ยนแปลงดังกล่าวใน พ.ศ. 2475
การต่อสู้ทางการเมืองก็ยังมิได้จบลงไปอย่างสิ้นเชิง
ยังคงมีการต่อสู้กันระหว่างผู้นำในระบอบเก่า กับระบอบใหม่ หรือความขัดแย้งในผู้นำระบอบใหม่ด้วยกันเอง
โดยการต่อสู้ทางการเมืองและทางความคิดอุดมการณ์นี้ ได้ดำเนินต่อเนื่องยาวนานเป็นเวลากว่า 25 ปีภายหลังจากการปฏิวัติ
และนำไปสู่ยุคตกต่ำของคณะราษฎรในกาลต่อมา
จนถือว่าหมดอำนาจทั้งในทางการเมืองและในทางสัญลักษณ์อุดมการณ์
เมื่อวันชาติ 24 มิถุนายน ซึ่งระลึกถึงวันเปลี่ยนแปลงการปกครอง ถูกยกเลิกใน พ.ศ. 2503
ลำดับเหตุการณ์ก่อนการปฏิวัติ (พ.ศ. 2469-2475)
พ.ศ. 2469
5 กุมภาพันธ์ - คณะราษฎรได้ถูกจัดตั้ง และประชุมครั้งแรก ที่บ้านพักเลขที่ 9
ถนนซอมเมอราร์ด กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ผู้เข้าร่วมประชุมมี 7 คน คือ
ร.ท.ประยูร ภมรมนตรี (นายทหารกองหนุน อดีตผู้บังคับหมวดทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์ ( VI )
ร.ท.แปลก ขีตตะสังคะ (นักศึกษาในโรงเรียนนายทหารปืนใหญ่ฝรั่งเศส)
ร.ต.ทัศนัย มิตรภักดี (นักศึกษาในโรงเรียนนายทหารม้าฝรั่งเศส)
นายตั้ว ลพานุกรม (นักศึกษาวิทยาศาสตร์ในสวิตเซอร์แลนด์)
หลวงสิริราชไมตรี (ผู้ช่วยสถานทูตสยามประจำกรุงปารีส)
นายแนบ พหลโยธิน (เนติบัณฑิตอังกฤษ)
นายปรีดี พนมยงค์ (ดุษฎีบัณฑิตกฎหมายฝ่ายนิติศาสตร์ ฝรั่งเศส)
การประชุมกินเวลานานถึง 5 วัน และลงมติให้นายปรีดีเป็นประธาน และหัวหน้าคณะราษฎร
จนกว่าจะมีบุคคลที่เหมาะสมมาเป็นในกาลต่อไป
พ.ศ. 2474
19 มิถุนายน - พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าบวรเดช เสนาบดีกระทรวงกลาโหม ได้ลาออกจากตำแหน่ง
หลังจากมีความขัดแย้งกับสมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระนครสวรรค์วรพินิต อภิรัฐมนตรี
ซึ่งเหตุการณ์นี้ได้เปิดโอกาสอย่างมากให้แก่คณะราษฎร
พ.ศ. 2475
12 มิถุนายน - คณะราษฎรได้วางแผนการที่บ้าน ร.ท.ประยูร ภมรมนตรี
เพื่อจะดำเนินการควบคุมสมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระนครสวรรค์วรพินิต ผู้สำเร็จราชการรักษาพระนคร
24 มิถุนายน - คณะราษฎรประกาศ เปลี่ยนแปลงการปกครองของประเทศไทย
จากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ไปเป็นระบอบประชาธิปไตย ในการปฏิบัติการ มีพระยาพหลพลพยุหเสนาเป็นหัวหน้าคณะราษฎร
ลำดับเหตุการณ์หลังการปฏิวัติ (พ.ศ. 2475-2503)
พ.ศ. 2475
25 มิถุนายน - VII เสด็จกลับกรุงเทพมหานคร โดยทางรถไฟ ถึงสถานีจิตรลดา เวลา 0.37 น. เข้าวันอาทิย์ที่ 26 มิถุนายน
26 มิถุนายน - เวลา 11.00 น. คณะราษฎรจำนวน 6 นาย ประกอบด้วย
พ.ท.พระประศาสน์พิทยายุทธ พ.ต.หลวงวีระโยธิน หลวงประดิษฐ์มนูธรรม ร.ท.ประยูร ภมรมนตรี
นายจรูญ ณ บางช้าง นายสงวน ตุลารักษ์ และมี พล.ร.ต.พระศรยุทธเสนี เป็นผู้นำเข้าเฝ้า VII
27 มิถุนายน - VII ลงพระปรมาภิไธยในธรรมนูญการปกครองประเทศ
โดยทรงเพิ่มคำว่า "ชั่วคราว" ต่อท้ายธรรมนูญการปกครองประเทศ ซึ่งปรีดี พนมยงค์เป็นผู้ร่าง
28 มิถุนายน - สภาผู้แทนราษฎรสมัยแรก ตามธรรมนูญการปกครองประเทศชั่วคราว มีสมาชิก 70 คน
โดยแต่งตั้งจากคณะราษฎร 31 คน และจากข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ในระบอบเดิม 39 คน
ทำการเลือกพระยามโนปกรณ์นิติธาดา เป็นประธานกรรมการราษฎร (เทียบเท่าตำแหน่งนายกรัฐมนตรี คนแรกของประเทศไทย)
เจ้าพระยาธรรมศักดิ์มนตรี เป็นประธานสภาผู้แทนราษฎรคนแรก และมีปรีดี พนมยงค์ เป็นเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรคนแรก
25 สิงหาคม - คณะราษฎรโดย พระยานิติศาสตร์ไพศาล จดทะเบียนจัดตั้ง สมาคมคณะราษฎร
ซึ่งอาจถือได้ว่าเป็นพรรคการเมืองแรกของไทย (เพราะในสมัยนั้นยังไม่มีบัญญัติคำว่า "พรรคการเมือง")
10 ธันวาคม - รัฐธรรมนูญฉบับถาวรผ่านการเห็นชอบของสภาผู้แทนราษฎร
ได้รับพระราชทานจาก VII และได้มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งผู้บริหารชุดใหม่ในนามใหม่ คือ
นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีจำนวน 20 นาย (โดยไม่ได้ใช้ชื่อตำแหน่งว่า ประธานคณะกรรมการราษฎร และ กรรมการราษฎร อีกต่อไป)
คณะบริหารชุดใหม่มีพระยามโนปกรณ์นิติธาดา เป็นนายกรัฐมนตรี
และมีรัฐมนตรีประจำกระทรวง 7 กระทรวง และรัฐมนตรีลอยอีก 13 คน
15 มีนาคม - นายปรีดีเสนอ "เค้าโครงร่างเศรษฐกิจ" หรือที่เรียกกันว่า "สมุดปกเหลือง"
เพื่อให้พิจารณาใช้เป็นหลักสำหรับนโยบายเศรษฐกิจของประเทศ
พ.ศ. 2476
1 เมษายน - มีพระราชกฤษฎีกาปิดประชุมสภาผู้แทนราษฎร และงดใช้รัฐธรรมนูญเกือบทุกมาตรา
(บางข้อมูลอธิบายว่าพฤติการณ์ดังกล่าวเป็นการยึดอำนาจตัวเอง เพื่อจัดตั้งคณะรัฐบาลใหม่)
2 เมษายน - พระราชบัญญัติว่าด้วยคอมมิวนิสต์ถูกประกาศใช้ตามคำแนะนำของคณะรัฐมนตรี
เพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการกำจัดฝ่ายตรงข้ามทางการเมือง
(ในที่นี้ อาจหมายถึง คณะราษฎร เพราะนายกรัฐมนตรีในขณะนั้นอยู่ตรงข้ามกับคณะราษฎร)
12 เมษายน - นายปรีดีถูกบังคับให้เดินทางออกนอกประเทศไปยังฝรั่งเศส
เนื่องจากความเห็นของนายปรีดีถูกโจมตีว่าเป็นคอมมิวนิสต์ ภายหลังการเสนอเค้าโครงร่างทางเศรษฐกิจ
ที่เจ้าและขุนนางต้องเสียผลประโยชน์
10 มิถุนายน - พระยาพหลพลพยุหเสนา พระยาทรงสุรเดช พระประศาสน์พิทยายุทธ
และพระยาฤทธิอัคเนย์ ผู้นำสายทหารของคณะราษฎรยื่นจดหมายลาออก
20 มิถุนายน - พลเอกพระยาพหลพลพยุหเสนาทำการยึดอำนาจพระยามโนปกรณ์นิติธาดา นายกรัฐมนตรี
หลังจากการรัฐประหารได้มีการล้างมลทินให้หลวงประดิษฐมนูธรรม
29 กันยายน - นายปรีดี พนมยงค์เดินทางกลับสยาม
และดำรงตำแหน่งศาสตราจารย์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
11 ตุลาคม - กบฏบวรเดช: พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าบวรเดช อดีตเสนาบดีกระทรวงกลาโหม
เป็นหัวหน้าฝ่ายทหารนำกำลังทหารจากหัวเมืองภาคอีสานล้มล้างการปกครองของรัฐบาล
เนื่องจากไม่พอใจที่นายถวัลย์ ฤทธิเดชฟ้องร้อง VII
ในกรณีที่ที่พระองค์มีพระบรมราชวินิจฉัยคัดค้านแผนพัฒนาเศรษฐกิจของนายปรีดี พนมยงค์ ("สมุดปกเหลือง")
โดยออกเป็นสมุดปกขาว แต่กระทำการไม่สำเร็จ
23 ตุลาคม - นายพันเอก พระยาศรีสิทธิสงคราม (ดิ่น ท่าราบ)
ถูกยิงเสียชีวิตโดยทหารจากกองพันทหารราบที่ 6 นำโดยพันตรีหลวงวีรวัฒน์โยธา
25 ตุลาคม - พระองค์เจ้าบวรเดช หัวหน้าคณะกบฏและพระชายา ทรงขึ้นเครื่องบินเดินทางหนีไปยังประเทศอินโดจีนฝรั่งเศส
7 พฤศจิกายน - ออกพระราชบัญญัติป้องกันรักษารัฐธรรมนูญ อันเป็นเครื่องมือที่จะตอบโต้ฝ่ายต่อต้านรัฐบาล
(ในที่นี้ อาจหมายถึง ฝ่ายตรงข้ามกับคณะราษฎร)
16 ธันวาคม - พันเอกพระยาพหลพลพยุหเสนา เป็นนายกรัฐมนตรี
และตั้งคณะรัฐมนตรีชุดใหม่หลังจากการเลือกตั้งสมาชิกสภาแบบ 2 ชั้น (1 ตุลาคม - 15 พฤษภาคม)
25 ธันวาคม - หม่อมเจ้าวรรณไวทยากร วรวรรณทรงเป็นประธานคณะกรรมการพิจารณาเรื่องที่นายปรีดี เป็นคอมมิวนิสต์
ได้ลงมติว่าตัวนายปรีดี มิได้เป็นคอมมิวนิสต์
พ.ศ. 2477
2 มีนาคม - VII ทรงสละ(......censor...) ขณะประทับรักษาพระเนตรอยู่ในประเทศอังกฤษ
2 มีนาคม - พระองค์.... ขึ้นครอง......เป็น VIII แห่งราช..... ขณะที่มีพระชนมายุเพียง 9 พรรษา 5 เดือน 10 วัน
ได้แต่งตั้งคณะผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์
13 กันยายน - รัฐบาลลาออก เพราะแพ้คะแนนเสียงในสภาเรื่องสัญญาการจำกัดยาง
22 กันยายน - ตั้งคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ โดยมีพระยาพหลพลพยุหเสนาเป็นนายกรัฐมนตรี
และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และนายปรีดี พนมยงค์ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย
พ.ศ. 2479
14 ตุลาคม - เปิด อนุสาวรีย์ปราบกบฏ หรือ อนุสาวรีย์พิทักษ์รัฐธรรมนูญ ที่บางเขน (ปัจจุบันเรียกเพียงว่า "อนุสาวรีย์หลักสี่")
พ.ศ. 2480
27 กรกฎาคม - พระยาพหลพลพยุหเสนาลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
จากกรณีอื้อฉาวที่มีกระทู้ถามเรื่องการนำที่ดินของพระคลังข้างที่มาซื้อขายในราคาถูกเป็นพิเศษ
เพื่อเป็นแสดงความบริสุทธิ์และแสดงให้เห็นถึงความไม่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายที่ดินดังกล่าว
5 สิงหาคม - จอมพล ป.พิบูลสงคราม นายกรัฐมนตรี รับสนองพระบรมราชโองการ
แก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญว่าด้วยนามประเทศ โดยให้เรียกชื่อประเทศว่า "ประเทศไทย"
และเปลี่ยนคำว่า "สยาม" ให้เป็น "ไทย" แทน โดยเหตุผลของการเปลี่ยนแปลงหลักการของ "ลัทธิชาติ-ชาตินิยม" ว่า
"รัฐบาลเห็นควรถือเป็นรัฐนิยมให้ใช้ชื่อประเทศ ให้ต้องตามชื่อเชื้อชาติ และความนิยมของประชาชน"
7 พฤศจิกายน - การเลือกตั้งทั่วไปครั้งที่ 2 ในประวัติศาสตร์ไทย
พ.ศ. 2481
18 กรกฎาคม - รัฐบาลพระยาพหลพลพยุหเสนาออกประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี
ลงวันที่ 18 กรกฎาคม 2481 เรื่อง "วันชาติ" กำหนดให้วันที่ 24 มิถุนายน เป็นวันชาติ
ซึ่งตรงกับวันที่ก่อการปฏิวัติเปลี่ยนแปลงการปกครอง
1 สิงหาคม - ประกาศใช้วันที่ 24 มิถุนายน เป็นวันชาติ ลงในราชกิจจานุเบกษา
11 กันยายน - พระยาพหลพลพยุหเสนา ยุบสภา
เนื่องจากรัฐบาลแพ้คะแนนเสียงเรื่องการชี้แจงรายรับ-รายจ่ายที่รัฐบาลจัดทำเสนอ
16 ธันวาคม - จอมพล ป. พิบูลสงคราม เข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
พ.ศ. 2484
8 ธันวาคม - สงครามโลกครั้งที่สองในประเทศไทย:
กองทัพญี่ปุ่นได้ยกพลขึ้นบกที่ประจวบคีรีขันธ์และอีกหลายจังหวัดในภาคกลางที่ติดอ่าวไทย
11 ธันวาคม - รัฐบาลไทยยอมยุติการต่อสู้กับกองกำลังญี่ปุ่น และประกาศทางวิทยุให้ทุกฝ่ายหยุดยิง
12 ธันวาคม - ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช เอกอัครทูตไทยประจำสหรัฐอเมริกา
ไม่ยอมรับการประกาศเป็นพันธมิตรกับญี่ปุ่นของรัฐบาลไทย
และได้ประกาศขบวนการเสรีไทยขึ้นที่นั่น
โดยต่อมาคณะราษฎรฝ่ายพลเรือนหลายคน เช่น นายปรีดี พนมยงค์ นายทวี บุณยเกตุ นายควง อภัยวงศ์
ได้แยกตัวออกมาร่วมกับขบวนการเสรีไทยในประเทศ เนื่องจากไม่อาจรับกับการกระทำของรัฐบาล
พ.ศ. 2486
8 มิถุนายน - นายปรีดีได้ลาออกจากตำแหน่ง เพื่อให้เป็นไปตามวิธีทางของรัฐธรรมนูญ
หลังจาก VIII พระราชทานรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ แต่รัฐสภาก็มีมติเป็นเอกฉันท์ให้กลับมาดำรงตำแหน่งอีกครั้ง
พ.ศ. 2487
24 กรกฎาคม - จอมพล ป. พิบูลสงคราม ถูกกดดันให้ลงออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
เนื่องจากนโยบาย ร่างพระราชบัญญัติระเบียบราชการบริหารนครบาลเพชรบูรณ์ ที่ จอมพล ป. นำเสนอ
1 สิงหาคม - พลโท พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาทิตย์ทิพอาภา ประธานคณะผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์
ได้กราบถวายบังคมลาออกจากตำแหน่ง สภาผู้แทนราษฎรจึงได้ลงมติแต่งตั้งให้นายปรีดี พนมยงค์
เป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์แต่เพียงผู้เดียว
24 สิงหาคม - จอมพล ป. พิบูลสงครามถูกปลดจากตำแหน่งผู้บัญชาการทหารสูงสุด