สวัสดีครับ ผมอยากมาแบ่งปัน ประสบการณ์ขอวีซ่าอเมริกา แบบครอบครัว พ่อแม่ ลูก รวม 5 คน
ผมเพิ่งสัมภาษณ์ผ่านไป เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม 2558
ผมอายุ 36 ภรรยาผม 35 ลูกสาว 3 คน อายุ 6 ขวบ 4 ขวบ 1.8 ขวบ
กรอกเอกสารทุกอย่างด้วยตัวเอง (อันนี้ หาข้อมูลจากในเน็ตได้เลยครับ มีคนมาแบ่งปันไว้เยอะ)
ผมหาข้อมูล เจอว่า ถ้าไปเป็นครอบครัว ให้จ่ายเงินวีซ่ารวมกันไปได้เลย รวมค่าวีซ่า 28,800 (แพงจีจีเลย)
ทีนี้ ข้อผิดพลาด ผมดันสร้าง profile ของผมคนเดียว โดยที่ไม่ได้สร้างของ ภรรยา และลูกๆ (เข้าใจ ว่าไม่ต้องใช้)
วันที่นัดสัมภาษณ์ ผมไปกับภรรยา ผมนัดคิว 8.45 น ไปถึงตั้งแต่ 7.20 น มีพนักงานเสื้อน้ำเงิน เดินมาขอไปนัดสัมภาษณ์ ตามแถวที่ยืนรอ
พอมาถึงผม ผมส่งเอกสารให้ ซึ่งเป็นของผมคนเดียว พนักงานถามกลับว่า ของผู้หญิง อยู่ไหนคะ ผมก็งงๆ ก็บอกว่า จ่ายเงินรวมมาแล้ว
เค้าก็บอกว่า ต้องปรินท์ออกมาทุกคน แล้วบอกว่า เดินไปประมาณ 150 เมตร เราก็รีบวิ่งแจ้นไปเลย
ร้านที่รับปรินท์ จะอยู่ชั้น 2 ของบริเวณที่เค้ามีอาหารขาย ก็ไปแจ้งว่า มาปรินท์เอกสาร (เห็นหน้าร้านแจ้งว่า ปรินท์ แผ่นละ 30 บาท)
ปรากฏว่า พอเปิดเข้าไปดูข้อมูล คือ โปรไฟล์ ภรรยาและลูกๆ ไม่ได้สร้างเอาไว้ ก็ต้องพิมพ์กันใหม่
พนักงานก็พิมพ์ๆ เราก็คอยบอกชื่อ บอกข้อมูล แล้วก็ปรินท์ออกมาให้ ปรินท์ขาวดำ คนละ 2 แผ่น
พอตอนทำเสร็จ จะจ่ายเงิน ภรรยาถามว่า เท่าไรคะ น้องบอกว่า 800 แต่ลดให้เหลือ 600 แฟนผมก็ไม่ได้อะไร
แต่ๆๆๆๆ เค้าบอกว่า คนละ 600 บาท แฟนผมถามว่า ค่าอะไรคะ น้องบอกว่า ค่าพิมพ์เอกสาร แฟนผมพูดออกมาเลย โห น้อง แพงไปเปล่าคะ
ถ้าน้องบอกพี่สักนิด พี่นั่งมอเตอร์ไซค์ กลับไปทำที่บ้านแล้ว น้องก็บอกว่า ลดให้เหลือ 2000 แล้วกัน (สุดท้ายผมก็จ่ายไป แต่แบบเกินไปเปล่าเนี่ย)
พอได้เอกสาร ก็รีบเดินกลับไป สถานทูต ผ่านยามด้านหน้า ฝากมือถือได้ 1 เครื่อง พร้อมบัตรประชาชน กระเป๋าสะพายเอาเข้าไปได้นะครับ
เอกสารที่เตรียมมาวันสัมภาษณ์
1.Passport ของคนที่จะเดินทางทุกคน
2.ใบเสร็จรับเงิน และใบ confirm
3.หนังสือจดทะเบียนบริษัท
4.Statement ของบริษัท และบัญชีส่วนตัว (บัญชีหุ้น กองทุน ประกันอะไรต่างๆ ผมไม่เตรียมอะไรไปเลย วัดใจ เอาไปแค่นี้)
5.Bank of letter
พอผ่านไปก็นั่งรอ ด่านแรก คือรับเลข EMS แปะหน้าซอง เค้าจะให้เราจดเลขเอาไว้
ด่านที่สอง พี่เจ้าหน้าที่คนไทย ตรวจๆเอกสาร พูดจาดีนะครับ ไม่ทำให้เราต้องรู้สึกเกร็ง หรือกลัวอะไร
บังเอิญ ร้านที่เราไปปรินท์เอกสารของลูกๆ และภรรยา มันบีบรูปซะหน้าเกลียดมากๆ ดีที่เตรียมรูปไปด้วย
แถมพี่เจ้าหน้าที่ ยังบอกว่า ลูกสาวเราน่ารักมากๆๆๆๆ
เสร็จแล้ว ก็ไปต่อคิว รอสัมภาษณ์
พอถึงคิว สวัสดีคร๊าบ ไปเที่ยวหนายยย ครับ
ผมก็ตอบไป ซานฟรานฯ ครับ
คุณเคยไปเรียนที่ซานฟราน ฯ มาแล้วนี่ครับ ไปอยู่นานแค่ไหนครับ
ผมก็ตอบไป เท่าที่จำได้คร่าวๆ
สักพัก เค้าหันมาถามภรรยาผม
คุณครับ คุณเคยเปลี่ยนชื่อบ้างไหมครับ
ภรรยา ไม่เคยคะ
เจ้าหน้าที่ Are you sure
ภรรยา Sure Sure
เจ้าหน้าที่ แล้วชื่อนี้.......... เค้าหมายถึง นามสกุล
ภรรยา เค้าก็อธิบายไปว่า คนไทยเรียกว่า Surname ต้องขอโทษด้วย ที่เราเข้าใจไม่ตรงกัน
เจ้าหน้าที่ ทำไม คุณต้องเปลี่ยนนามสกุล
ภรรยา แต่งงานกับอีตาคนนี้ไง ชี้มาที่ผม
เจ้าหน้าที่ คุณเคยไปไหนมาบ้าง
ภรรยา ฮ่องกง ญี่ปุ่น อังกฤษ
แล้วก็กดๆๆๆๆ ข้อมูล อยู่คนเดียวสักพัก
ผมออกวีซ่า ให้คุณแล้วนะครับ รอรับ 3 วัน
สรุปนะครับ วีซ่า เป็นเรื่องของบุคลิก เป็นเรื่องของความน่าเชื่อถือ บางครั้งหลักฐานที่เรามี มันยืนยัน ให้เค้าเชื่อไม่ได้ทั้งหมด
ว่าเราจะกลับมาประเทศเราแน่นอน ฉะนั้น คำว่า first impression very important เลยครับ
ขอให้ทุกคน โชคดี กับการไปขอวีซ่า
ขอวีซ่าอเมริกา แบบครอบครัว จะว่ายากก็ไม่ยากมาก จะว่าง่าย ก็ไม่ซะทีเดียว
ผมเพิ่งสัมภาษณ์ผ่านไป เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม 2558
ผมอายุ 36 ภรรยาผม 35 ลูกสาว 3 คน อายุ 6 ขวบ 4 ขวบ 1.8 ขวบ
กรอกเอกสารทุกอย่างด้วยตัวเอง (อันนี้ หาข้อมูลจากในเน็ตได้เลยครับ มีคนมาแบ่งปันไว้เยอะ)
ผมหาข้อมูล เจอว่า ถ้าไปเป็นครอบครัว ให้จ่ายเงินวีซ่ารวมกันไปได้เลย รวมค่าวีซ่า 28,800 (แพงจีจีเลย)
ทีนี้ ข้อผิดพลาด ผมดันสร้าง profile ของผมคนเดียว โดยที่ไม่ได้สร้างของ ภรรยา และลูกๆ (เข้าใจ ว่าไม่ต้องใช้)
วันที่นัดสัมภาษณ์ ผมไปกับภรรยา ผมนัดคิว 8.45 น ไปถึงตั้งแต่ 7.20 น มีพนักงานเสื้อน้ำเงิน เดินมาขอไปนัดสัมภาษณ์ ตามแถวที่ยืนรอ
พอมาถึงผม ผมส่งเอกสารให้ ซึ่งเป็นของผมคนเดียว พนักงานถามกลับว่า ของผู้หญิง อยู่ไหนคะ ผมก็งงๆ ก็บอกว่า จ่ายเงินรวมมาแล้ว
เค้าก็บอกว่า ต้องปรินท์ออกมาทุกคน แล้วบอกว่า เดินไปประมาณ 150 เมตร เราก็รีบวิ่งแจ้นไปเลย
ร้านที่รับปรินท์ จะอยู่ชั้น 2 ของบริเวณที่เค้ามีอาหารขาย ก็ไปแจ้งว่า มาปรินท์เอกสาร (เห็นหน้าร้านแจ้งว่า ปรินท์ แผ่นละ 30 บาท)
ปรากฏว่า พอเปิดเข้าไปดูข้อมูล คือ โปรไฟล์ ภรรยาและลูกๆ ไม่ได้สร้างเอาไว้ ก็ต้องพิมพ์กันใหม่
พนักงานก็พิมพ์ๆ เราก็คอยบอกชื่อ บอกข้อมูล แล้วก็ปรินท์ออกมาให้ ปรินท์ขาวดำ คนละ 2 แผ่น
พอตอนทำเสร็จ จะจ่ายเงิน ภรรยาถามว่า เท่าไรคะ น้องบอกว่า 800 แต่ลดให้เหลือ 600 แฟนผมก็ไม่ได้อะไร
แต่ๆๆๆๆ เค้าบอกว่า คนละ 600 บาท แฟนผมถามว่า ค่าอะไรคะ น้องบอกว่า ค่าพิมพ์เอกสาร แฟนผมพูดออกมาเลย โห น้อง แพงไปเปล่าคะ
ถ้าน้องบอกพี่สักนิด พี่นั่งมอเตอร์ไซค์ กลับไปทำที่บ้านแล้ว น้องก็บอกว่า ลดให้เหลือ 2000 แล้วกัน (สุดท้ายผมก็จ่ายไป แต่แบบเกินไปเปล่าเนี่ย)
พอได้เอกสาร ก็รีบเดินกลับไป สถานทูต ผ่านยามด้านหน้า ฝากมือถือได้ 1 เครื่อง พร้อมบัตรประชาชน กระเป๋าสะพายเอาเข้าไปได้นะครับ
เอกสารที่เตรียมมาวันสัมภาษณ์
1.Passport ของคนที่จะเดินทางทุกคน
2.ใบเสร็จรับเงิน และใบ confirm
3.หนังสือจดทะเบียนบริษัท
4.Statement ของบริษัท และบัญชีส่วนตัว (บัญชีหุ้น กองทุน ประกันอะไรต่างๆ ผมไม่เตรียมอะไรไปเลย วัดใจ เอาไปแค่นี้)
5.Bank of letter
พอผ่านไปก็นั่งรอ ด่านแรก คือรับเลข EMS แปะหน้าซอง เค้าจะให้เราจดเลขเอาไว้
ด่านที่สอง พี่เจ้าหน้าที่คนไทย ตรวจๆเอกสาร พูดจาดีนะครับ ไม่ทำให้เราต้องรู้สึกเกร็ง หรือกลัวอะไร
บังเอิญ ร้านที่เราไปปรินท์เอกสารของลูกๆ และภรรยา มันบีบรูปซะหน้าเกลียดมากๆ ดีที่เตรียมรูปไปด้วย
แถมพี่เจ้าหน้าที่ ยังบอกว่า ลูกสาวเราน่ารักมากๆๆๆๆ
เสร็จแล้ว ก็ไปต่อคิว รอสัมภาษณ์
พอถึงคิว สวัสดีคร๊าบ ไปเที่ยวหนายยย ครับ
ผมก็ตอบไป ซานฟรานฯ ครับ
คุณเคยไปเรียนที่ซานฟราน ฯ มาแล้วนี่ครับ ไปอยู่นานแค่ไหนครับ
ผมก็ตอบไป เท่าที่จำได้คร่าวๆ
สักพัก เค้าหันมาถามภรรยาผม
คุณครับ คุณเคยเปลี่ยนชื่อบ้างไหมครับ
ภรรยา ไม่เคยคะ
เจ้าหน้าที่ Are you sure
ภรรยา Sure Sure
เจ้าหน้าที่ แล้วชื่อนี้.......... เค้าหมายถึง นามสกุล
ภรรยา เค้าก็อธิบายไปว่า คนไทยเรียกว่า Surname ต้องขอโทษด้วย ที่เราเข้าใจไม่ตรงกัน
เจ้าหน้าที่ ทำไม คุณต้องเปลี่ยนนามสกุล
ภรรยา แต่งงานกับอีตาคนนี้ไง ชี้มาที่ผม
เจ้าหน้าที่ คุณเคยไปไหนมาบ้าง
ภรรยา ฮ่องกง ญี่ปุ่น อังกฤษ
แล้วก็กดๆๆๆๆ ข้อมูล อยู่คนเดียวสักพัก
ผมออกวีซ่า ให้คุณแล้วนะครับ รอรับ 3 วัน
สรุปนะครับ วีซ่า เป็นเรื่องของบุคลิก เป็นเรื่องของความน่าเชื่อถือ บางครั้งหลักฐานที่เรามี มันยืนยัน ให้เค้าเชื่อไม่ได้ทั้งหมด
ว่าเราจะกลับมาประเทศเราแน่นอน ฉะนั้น คำว่า first impression very important เลยครับ
ขอให้ทุกคน โชคดี กับการไปขอวีซ่า