ขอเกริ่นกันก่อนสำหรับคนที่อาจจะยังไม่รู้จักว่า traveler's notebook มันคืออะไร คอนเส็ปท์ของมันคือสมุดปกหนังคู่มือนักเดินทางที่นักเดินทางเอาไว้จดบันทึกความทรงจำเกี่ยวกับทริปของตัวเอง แบรนด์ที่เป็นต้นคิดก็คือ Midori จากญี่ปุ่น ตัวปกหนังทำจากหนังฟอกฝาด ผลิตในเชียงใหม่บ้านเรานี่เอง ซึ่งภายหลังเขาได้ผลิตสมุดที่เป็นไส้ (insert) ออกมาหลายแบบ ทั้งสมุดเปล่า สมุดตาราง สมุดปฏิทิน สมุดสเก็ตช์สีน้ำ เพื่อรองรับความต้องการที่หลากหลายมากขึ้น ผู้ใช้หลายๆคนเลยใช้มันเป็นสมุดบันทึกส่วนตัว สมุดจดคิวงาน สมุดวางแผนการเรียน สมุดจดไอเดียงาน รวมทั้งใช้สเก็ตช์ภาพด้วย

และตอนนี้การจดบันทึกลง traveler's notebook หรือสมุด planner แบบต่างๆก็กำลังกลับมาเป็นที่นิยมกันอีกครั้งนึง แต่ในไทยเราอาจจะยังไม่ค่อยฮิตสักเท่าไหร่เทียบกับฝั่งอเมริกาหรือญี่ปุ่น เอาจริงๆแล้วคงเป็นเพราะสมุดพวกนี้มีราคาค่อนข้างสูงด้วยละ เท่าที่สำรวจตลาดมายังไม่เคยเจอที่ราคาต่ำกว่า 1500 เลย ไม่ว่าจะเป็นของ Midori หรือ Hobonichi จากญี่ปุ่น แบรนด์จากอังกฤษอย่าง Filofax ที่เคยเห็นมีขายในบ้านเราก็แพงแสนแพง แบรนด์เล็กแบรนด์น้อยจากฝั่งอเมริกาก็ต้องสั่งจากทางเนทหรือฝากคนหิ้วเข้ามา ไม่รู้จะโดนภาษีกันอีกเท่าไหร่ อย่ากระนั้นเลย เรามาทำใช้เองดีกว่า และความจริงก็มีคนทำกันมานานแล้วเหมือนกัน เขามักจะเรียกมันว่า Fauxdori เพราะ faux แปลว่าของเทียมของปลอมในภาษาฝรั่งเศสนั่นเอง

ดูคลิป how to ด้านบนนี้แล้วจัดการหาของมาทำตามได้เลย หลักๆที่จะต้องมีก็คือแผ่นหนัง อย่างน้อยๆต้องหนา 2 mm. ขึ้นไป มีตัวเจาะหนัง เอาไว้เจาะรูเพื่อร้อย elastic ตรงสันปก จากนั้นก็ต้องมี elastic ด้วย เลือกสีได้ตามชอบเลย เอาที่เข้ากับสีหนังที่ใช้ สองส่วนนี้สำคัญมากเพราะเอาไว้ใช้เสียบสมุดนี่เอง และยังเอาไว้รัดสมุดไม่ให้มันอ้าด้วย อุปกรณ์เสริมก็มีพวกปากกา (เอาไว้มาร์คก่อนตัดหนัง) คัทเตอร์ แผ่นรองตัด สำหรับขั้นตอนเราคงไม่ต้องอธิบายให้มากความนะ ดูในคลิปเอาเลย ถึงจะสั้นแต่เข้าใจง่ายมาก ตอนวัดขนาดก็กะดีๆละ จะเอาไซส์ regular หรือ passport ก็ต้องเช็คขนาดสมุดให้ถี่ถ้วน สำคัญที่สุดคืออย่าลืมกะขนาดหนังเผื่อตรงช่วงสันปกเยอะๆ เพราะสมุดแต่ละเล่มหนาไม่เท่ากัน บางคนอยากมี insert มากกว่าสองเล่ม แถมขนาดหนาบางไม่เท่ากันอีก (อย่างสมุดสเก็ตช์สีน้ำกระดาษจะหนากว่าอย่างชัดเจน) ถ้ากะขนาดผิดพลาดมันก็จะเกิดอาการไส้ปลิ้นได้ ดูไม่ค่อยงามเท่าไหร่ แต่ก็ใช้ได้ปกติดีแหละ

ของเราเลือกทำเป็นขนาด regular นะ ใช้หนังสีน้ำตาลเข้ม จะเห็นว่ามีอาการไส้ปลิ้น เพราะเราไม่ได้ไปดู insert ของจริงก่อนที่จะเริ่มทำปกหนัง เราไม่รู้ว่าสมุดสเก็ตช์มันจะหนาต่างจากสมุดธรรมดาขนาดนั้น ไม่ได้เทียบขนาดจากในเวบด้วยละ ก็เลยกะผิดไป หายไปเกือบ 2 cm. ได้เลย ส่วน elastic ใช้สีดำแบบยางมัดผมเลย

กางแผ่นหนังออกดูก็มีสภาพแบบนี้ ตรงกลางของด้านหลังจะมี elastic สองเส้นที่ใส่ไว้เพื่อรัดสมุด

พลิกกลับมาดูด้านในบ้าน จะเห็น elastic ชัดเจนว่าร้อยไว้แบบไหนตรงสันปก ส่วนปกหลังตรงกลางก็ใช้เศษหนังเล็กๆอีกชิ้นมาช่วยล็อกปมของ elastic ที่ขมวดไว้กันมันหลุดจากรู
นี่ละ ในส่วนของการทำตัวปกไม่ได้ยากเย็นเลย จะลองหาคลิปอื่นที่มีขนาดยาวกว่าที่เราแปะให้ก็ได้ถ้าอันนี้ยังดูแล้วไม่เข้าใจ บางคนอาจจะอธิบายละเอียดมากกว่า แต่สำหรับเราคนนี้เขาอธิบายเคลียร์แล้วละ ทำตามได้ไม่ยาก ทีนี้มาดูว่าถ้าเราจะใส่ insert มากกว่าสองเล่มกับ elastic ที่เราทำไว้แค่สองเส้นเหมือนกัน เราจะต้องทำอะไรบ้าง

ดูตามรูปเลย เราเอา elastic band เส้นแบนของ Midori มาเป็นตัวช่วย เพียงแค่เปิดหน้ากลางของสมุดสองเล่มที่จะวางต่อกัน ใส่ยางคล้องเข้าไประหว่างหน้ากลาง (มีเย็บแม็กซ์) ของทั้งสองเล่ม มันก็จะติดอยู่ด้วยกันตามภาพแรก และเส้นยางจะอยู่แบบภาพสองที่หน้ากลาง

เสร็จแล้วเราก็เอาทั้งสองเล่มที่คล้องเข้าด้วยกันไปสอดใต้ elastic เส้นซ้ายของปกหนัง แค่นี้ก็เรียบร้อย
มาดูด้านในกันดีกว่าว่าเราใช้ insert แบบไหนบ้างและใช้ทำอะไร พวก insert ที่ใช้เราเลือกซื้อของ Midori แท้ๆเลย เพราะมันมาตรฐานดี ไม่ต้องมานั่งปรินท์หรือตัดเอง หลักๆเราใช้แบบกระดาษเปล่า กระดาษตาราง และสเก็ตช์สีน้ำ นอกจากนั้นก็มี credit card holder กับ ซองซิปพลาสติคด้วย

เล่มแรกเป็น devotional และ Bible study สำหรับบันทึกบทอ่านประจำวันหรือตอนเข้าคลาสไบเบิล

มีปรินท์กราฟฟิคเก๋ๆจาก tumblr มาตกแต่งด้วย รูปกลมๆหน้าปกก็เหมือนกัน

เล่มนี้เราเอาไว้วางแผนเขียนบล็อกรีวิวหนังอินเดีย แปะตั๋วหนังตกแต่ง และมี quote ภาษาฮินดีด้วย

หน้านี้เป็น index ของหนังที่ตั้งใจจะรีวิว ทำเป็น check box ว่าเราทำถึงขั้นตอนไหนแล้ว i คือไอเดียที่จะเขียน p คือหาภาพประกอบ w คือการเขียนจริง

เขียนไปถึงหน้าไหนก็หาคลิปหนีบกระดาษน่ารักๆมาคั่นไว้ หาง่ายดี

credit card holder ก็เอามาใส่บัตรต่างๆที่พกประจำ

ส่วนซองซิปพลาสติคก็เช่นกัน ซีกนึงใส่เงิน เรียกว่าใช้แทนกระเป๋าเงินได้เลย อีกซีกไว้ใส่สติกเกอร์สำหรับตกแต่ง ใส่บิลหรือตั๋วที่เตรียมจะแปะลงวันหลัง

สมุดสเก็ตช์เล่มแรกเราเอาไว้สเก็ตช์ประจำวัน ไปไหนมาไหนก็จะเขียนบันทึก เก็บเรื่องราวและสิ่งของที่น่าสนใจมาติดไว้ในนั้น

ตัวอย่างคืออาการบ้าถุงผ้าการกุศลของแบรนด์ Cotton On บ้าซื้อตั้งแต่สมัยอยู่ออสเตรเลีย จนแบรนด์เข้ามาไทยก็ยังตามซื้ออีก

เล่มถัดมาตั้งใจเขียนบันทึกถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นสมัยอยู่ออสเตรเลีย หน้าปกมีภาพที่ถ่ายเองจากยอดเขาในเมือง ด้านล่างรอตกแต่งหัวเรื่องอยู่

ถุงกระดาษนี้ซื้อจากสำเพ็งตั้งแต่สมัยไหนแล้วไม่รู้ เอามาไว้เก็บตั๋วรถเมล์ ตั๋วหนัง ที่จะแปะลงในเล่มในโอกาสต่อไป เอา washi tape แปะเข้าปกง่ายๆเลย

เก็บไว้ตั้งแต่ boarding pass เลยทีเดียว สีน้ำเอย washi tape เอย มีอะไรก็ขนมาใช้ให้หมด

ฟอร์มตม.ขาเข้าขาออกอะไรนี่ก็เก็บมาหมด รักจะทำสมุดแบบนี้แล้วเวลาไปไหนต้องเก็บเศษซากความทรงจำกลับมาด้วยตลอด

เมื่อกี้เพิ่งทดลองเทคนิคใหม่ การเป่าสี เป่าจนปอดจะฉีกอยู่แล้วน่ะ
น่าจะครบถ้วนกระบวนความแล้วเนาะ สำหรับใครที่อยากจะมี traveler's notebook เก๋ๆไว้ใช้งานสักเล่มก็ลองทำดูได้ ไม่ยากเลย อ้างอิงไซส์จากของ Midori เนี่ยแหละ ทำแต่ปกแล้วไปซื้อ insert ของเขาใส่เอา ขนาดมันมาตรฐานดี ใช้ง่าย แต่ใครอยาทำขนาดพิเศษแล้วจะต้องปรินท์ insert มาเย็บเองก็สุดยอดมาก เลือกขนาดเอาตามใจชอบเลย ทำแล้วจะเอาไปจดอะไรก็ได้ จะใส่เป็นตารางรายเดือนหรือรายสัปดาห์ไว้จดคิวงาน จดวันสอบ ทำตารางอ่านหนังสือก็ได้ประโยชน์ดี จะเอาไว้แพลนเมนูลดน้ำหนักหรือแผนออกกำลังก็แจ๋ว จะเอาไว้สเก็ตช์รูปตอนไปเที่ยวก็เก๋ไก๋ได้โล่ห์ ลองเอาไปทำกันดูนะ ติดขัดตรงไหนสอบถามเราได้ หรือใครที่ใช้อยู่แล้วอยากแลกเปลี่ยนแหล่งซื้อหาของตกแต่ง แลกเปลี่ยนเทคนิคการสเก็ตช์ภาพหรือเทคนิคลงสีน้ำก็จะยินดีมากเลยละ
[DIY] มาทำ traveler's notebook ใช้เองกันเถอะ
และตอนนี้การจดบันทึกลง traveler's notebook หรือสมุด planner แบบต่างๆก็กำลังกลับมาเป็นที่นิยมกันอีกครั้งนึง แต่ในไทยเราอาจจะยังไม่ค่อยฮิตสักเท่าไหร่เทียบกับฝั่งอเมริกาหรือญี่ปุ่น เอาจริงๆแล้วคงเป็นเพราะสมุดพวกนี้มีราคาค่อนข้างสูงด้วยละ เท่าที่สำรวจตลาดมายังไม่เคยเจอที่ราคาต่ำกว่า 1500 เลย ไม่ว่าจะเป็นของ Midori หรือ Hobonichi จากญี่ปุ่น แบรนด์จากอังกฤษอย่าง Filofax ที่เคยเห็นมีขายในบ้านเราก็แพงแสนแพง แบรนด์เล็กแบรนด์น้อยจากฝั่งอเมริกาก็ต้องสั่งจากทางเนทหรือฝากคนหิ้วเข้ามา ไม่รู้จะโดนภาษีกันอีกเท่าไหร่ อย่ากระนั้นเลย เรามาทำใช้เองดีกว่า และความจริงก็มีคนทำกันมานานแล้วเหมือนกัน เขามักจะเรียกมันว่า Fauxdori เพราะ faux แปลว่าของเทียมของปลอมในภาษาฝรั่งเศสนั่นเอง
ดูคลิป how to ด้านบนนี้แล้วจัดการหาของมาทำตามได้เลย หลักๆที่จะต้องมีก็คือแผ่นหนัง อย่างน้อยๆต้องหนา 2 mm. ขึ้นไป มีตัวเจาะหนัง เอาไว้เจาะรูเพื่อร้อย elastic ตรงสันปก จากนั้นก็ต้องมี elastic ด้วย เลือกสีได้ตามชอบเลย เอาที่เข้ากับสีหนังที่ใช้ สองส่วนนี้สำคัญมากเพราะเอาไว้ใช้เสียบสมุดนี่เอง และยังเอาไว้รัดสมุดไม่ให้มันอ้าด้วย อุปกรณ์เสริมก็มีพวกปากกา (เอาไว้มาร์คก่อนตัดหนัง) คัทเตอร์ แผ่นรองตัด สำหรับขั้นตอนเราคงไม่ต้องอธิบายให้มากความนะ ดูในคลิปเอาเลย ถึงจะสั้นแต่เข้าใจง่ายมาก ตอนวัดขนาดก็กะดีๆละ จะเอาไซส์ regular หรือ passport ก็ต้องเช็คขนาดสมุดให้ถี่ถ้วน สำคัญที่สุดคืออย่าลืมกะขนาดหนังเผื่อตรงช่วงสันปกเยอะๆ เพราะสมุดแต่ละเล่มหนาไม่เท่ากัน บางคนอยากมี insert มากกว่าสองเล่ม แถมขนาดหนาบางไม่เท่ากันอีก (อย่างสมุดสเก็ตช์สีน้ำกระดาษจะหนากว่าอย่างชัดเจน) ถ้ากะขนาดผิดพลาดมันก็จะเกิดอาการไส้ปลิ้นได้ ดูไม่ค่อยงามเท่าไหร่ แต่ก็ใช้ได้ปกติดีแหละ
ของเราเลือกทำเป็นขนาด regular นะ ใช้หนังสีน้ำตาลเข้ม จะเห็นว่ามีอาการไส้ปลิ้น เพราะเราไม่ได้ไปดู insert ของจริงก่อนที่จะเริ่มทำปกหนัง เราไม่รู้ว่าสมุดสเก็ตช์มันจะหนาต่างจากสมุดธรรมดาขนาดนั้น ไม่ได้เทียบขนาดจากในเวบด้วยละ ก็เลยกะผิดไป หายไปเกือบ 2 cm. ได้เลย ส่วน elastic ใช้สีดำแบบยางมัดผมเลย
กางแผ่นหนังออกดูก็มีสภาพแบบนี้ ตรงกลางของด้านหลังจะมี elastic สองเส้นที่ใส่ไว้เพื่อรัดสมุด
พลิกกลับมาดูด้านในบ้าน จะเห็น elastic ชัดเจนว่าร้อยไว้แบบไหนตรงสันปก ส่วนปกหลังตรงกลางก็ใช้เศษหนังเล็กๆอีกชิ้นมาช่วยล็อกปมของ elastic ที่ขมวดไว้กันมันหลุดจากรู
นี่ละ ในส่วนของการทำตัวปกไม่ได้ยากเย็นเลย จะลองหาคลิปอื่นที่มีขนาดยาวกว่าที่เราแปะให้ก็ได้ถ้าอันนี้ยังดูแล้วไม่เข้าใจ บางคนอาจจะอธิบายละเอียดมากกว่า แต่สำหรับเราคนนี้เขาอธิบายเคลียร์แล้วละ ทำตามได้ไม่ยาก ทีนี้มาดูว่าถ้าเราจะใส่ insert มากกว่าสองเล่มกับ elastic ที่เราทำไว้แค่สองเส้นเหมือนกัน เราจะต้องทำอะไรบ้าง
ดูตามรูปเลย เราเอา elastic band เส้นแบนของ Midori มาเป็นตัวช่วย เพียงแค่เปิดหน้ากลางของสมุดสองเล่มที่จะวางต่อกัน ใส่ยางคล้องเข้าไประหว่างหน้ากลาง (มีเย็บแม็กซ์) ของทั้งสองเล่ม มันก็จะติดอยู่ด้วยกันตามภาพแรก และเส้นยางจะอยู่แบบภาพสองที่หน้ากลาง
เสร็จแล้วเราก็เอาทั้งสองเล่มที่คล้องเข้าด้วยกันไปสอดใต้ elastic เส้นซ้ายของปกหนัง แค่นี้ก็เรียบร้อย
มาดูด้านในกันดีกว่าว่าเราใช้ insert แบบไหนบ้างและใช้ทำอะไร พวก insert ที่ใช้เราเลือกซื้อของ Midori แท้ๆเลย เพราะมันมาตรฐานดี ไม่ต้องมานั่งปรินท์หรือตัดเอง หลักๆเราใช้แบบกระดาษเปล่า กระดาษตาราง และสเก็ตช์สีน้ำ นอกจากนั้นก็มี credit card holder กับ ซองซิปพลาสติคด้วย
เล่มแรกเป็น devotional และ Bible study สำหรับบันทึกบทอ่านประจำวันหรือตอนเข้าคลาสไบเบิล
มีปรินท์กราฟฟิคเก๋ๆจาก tumblr มาตกแต่งด้วย รูปกลมๆหน้าปกก็เหมือนกัน
เล่มนี้เราเอาไว้วางแผนเขียนบล็อกรีวิวหนังอินเดีย แปะตั๋วหนังตกแต่ง และมี quote ภาษาฮินดีด้วย
หน้านี้เป็น index ของหนังที่ตั้งใจจะรีวิว ทำเป็น check box ว่าเราทำถึงขั้นตอนไหนแล้ว i คือไอเดียที่จะเขียน p คือหาภาพประกอบ w คือการเขียนจริง
เขียนไปถึงหน้าไหนก็หาคลิปหนีบกระดาษน่ารักๆมาคั่นไว้ หาง่ายดี
credit card holder ก็เอามาใส่บัตรต่างๆที่พกประจำ
ส่วนซองซิปพลาสติคก็เช่นกัน ซีกนึงใส่เงิน เรียกว่าใช้แทนกระเป๋าเงินได้เลย อีกซีกไว้ใส่สติกเกอร์สำหรับตกแต่ง ใส่บิลหรือตั๋วที่เตรียมจะแปะลงวันหลัง
สมุดสเก็ตช์เล่มแรกเราเอาไว้สเก็ตช์ประจำวัน ไปไหนมาไหนก็จะเขียนบันทึก เก็บเรื่องราวและสิ่งของที่น่าสนใจมาติดไว้ในนั้น
ตัวอย่างคืออาการบ้าถุงผ้าการกุศลของแบรนด์ Cotton On บ้าซื้อตั้งแต่สมัยอยู่ออสเตรเลีย จนแบรนด์เข้ามาไทยก็ยังตามซื้ออีก
เล่มถัดมาตั้งใจเขียนบันทึกถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นสมัยอยู่ออสเตรเลีย หน้าปกมีภาพที่ถ่ายเองจากยอดเขาในเมือง ด้านล่างรอตกแต่งหัวเรื่องอยู่
ถุงกระดาษนี้ซื้อจากสำเพ็งตั้งแต่สมัยไหนแล้วไม่รู้ เอามาไว้เก็บตั๋วรถเมล์ ตั๋วหนัง ที่จะแปะลงในเล่มในโอกาสต่อไป เอา washi tape แปะเข้าปกง่ายๆเลย
เก็บไว้ตั้งแต่ boarding pass เลยทีเดียว สีน้ำเอย washi tape เอย มีอะไรก็ขนมาใช้ให้หมด
ฟอร์มตม.ขาเข้าขาออกอะไรนี่ก็เก็บมาหมด รักจะทำสมุดแบบนี้แล้วเวลาไปไหนต้องเก็บเศษซากความทรงจำกลับมาด้วยตลอด
เมื่อกี้เพิ่งทดลองเทคนิคใหม่ การเป่าสี เป่าจนปอดจะฉีกอยู่แล้วน่ะ
น่าจะครบถ้วนกระบวนความแล้วเนาะ สำหรับใครที่อยากจะมี traveler's notebook เก๋ๆไว้ใช้งานสักเล่มก็ลองทำดูได้ ไม่ยากเลย อ้างอิงไซส์จากของ Midori เนี่ยแหละ ทำแต่ปกแล้วไปซื้อ insert ของเขาใส่เอา ขนาดมันมาตรฐานดี ใช้ง่าย แต่ใครอยาทำขนาดพิเศษแล้วจะต้องปรินท์ insert มาเย็บเองก็สุดยอดมาก เลือกขนาดเอาตามใจชอบเลย ทำแล้วจะเอาไปจดอะไรก็ได้ จะใส่เป็นตารางรายเดือนหรือรายสัปดาห์ไว้จดคิวงาน จดวันสอบ ทำตารางอ่านหนังสือก็ได้ประโยชน์ดี จะเอาไว้แพลนเมนูลดน้ำหนักหรือแผนออกกำลังก็แจ๋ว จะเอาไว้สเก็ตช์รูปตอนไปเที่ยวก็เก๋ไก๋ได้โล่ห์ ลองเอาไปทำกันดูนะ ติดขัดตรงไหนสอบถามเราได้ หรือใครที่ใช้อยู่แล้วอยากแลกเปลี่ยนแหล่งซื้อหาของตกแต่ง แลกเปลี่ยนเทคนิคการสเก็ตช์ภาพหรือเทคนิคลงสีน้ำก็จะยินดีมากเลยละ