จากที่ดูหนังมา ผมว่าวงการหนังไทย ยังมีปัญหาเรื่องการ "กำกับการแสดง" และ "การแสดง" ของตัวละครอยู่
โดยเฉพาะดาราวัยรุ่นหลายๆคน ที่พอเข้าฉากแล้วดูไม่เป็นธรรมชาติ พูดไม่ชัด และสีหน้าท่าทางไม่ชวนให้เชื่อเลยว่าตัวละครตัวนั้นกำลังคิดแบบนั้นอยู่
แต่บางทีปัญหามันก็ไม่ได้เกิดจากนักแสดง ตัวผู้กำกับที่มีความเคยชินในการ "กำกับ" การแสดงมาบางอย่าง ทำหนังทีไร นักแสดงในหนังก็แสดงออกมาได้ประดักประเดิด ไม่เป็นธรรมชาติ หรือบางครั้งก็ "ล้น" จนนึกว่ามานั่งดูละครเวทีอยู่ร่ำไป
หนังของ "ท่านมุ้ย" ยุคหลังๆ กับหนังของ "หม่อมน้อย" นั่นคือตัวอย่าง
เปรียบเทียบกัน ผมว่าวงการละคร มีพัฒนาการด้านการแสดงไปไกลกว่าวงการหนังนะ ละครบ้านเราเดี๋ยวนี้เล่นละครเก่งกันมากขึ้นเยอะเลย
ยิ่งถ้าเปรียบเทียบศักยภาพในการแสดงของวงการหนังบ้านเรา กับเพื่อนบ้านที่เคยสูสีกันอย่างเกาหลีใต้ โห....ตอนนี้นักแสดงหนังเกาหลี หยิบมาดูเถอะครับ เรื่องไหนเรื่องนั้น สมจริงสมจังกันจนแทบอยากจะยกออสการ์ให้
จนมาดูเรื่อง "อาบัติ" หนังที่ผมไม่ได้คาดหวังเลยว่านักแสดงในเรื่องนี้จะเล่นดีอะไร เพราะมันก็ดูเหมือนหนังผีทั่วไป ที่ไม่ได้ตั้งใจจะมาขายฉากดราม่าหรือดาราอะไรอยู่แล้ว .......เราจะไปดูผีกันนิ
แต่บอกเลยว่านี่คือหนังไทยที่คัดเลือกนักแสดง และกำกับการแสดงได้ "พอดีๆ" มากที่สุดเรื่องนึงเลย
ตัวแนคชาลี นั้นเล่นได้เป็นธรรมชาติขึ้นเยอะ ปัญหาที่เคยมีจากการพูดไม่ชัดและลิ้นรัว เรื่องนี้ก็ดีขึ้นมาก เรื่องแสดงสีหน้าก็ทำได้ดีมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว
แต่คนที่เด่นจริงๆคือคนที่แสดงเป็นพี่ทินและน้องฝ้าย ซึ่งผมไม่รู้จักว่าเค้าเป็นใคร แต่ตัวละครสองตัวนี้เล่นเหมือนไม่ได้เล่น สีหน้าท่าทางและคำพูด ธรรมชาติเหมือนไม่ได้อยู่หน้ากล้อง
ตัวละครอื่นอย่างคุณสรพงษ์ และอรรถพร นั้นไม่ต้องพูดถึง เค้าก็เล่นดีมาแต่ไหนแต่ไร
รวมไปถึงน้าพิน ตัวละครเด็ก ก็เล่นกันได้พอดิบพอดี ไม่มีแข็ง ไม่มีเวอร์เกิน
เอาเป็นว่าการแสดงของนักแสดงในเรื่องนี้ ทำให้มันดูเพลินขึ้นมาก เสริมกับเนื้อเรื่องที่เล่าได้อย่างสนุกและเดินไปข้างหน้าตลอด ไม่มีจุดน่าเบื่อเลย
ผมว่านี่เป็นหนังดีอีกเรื่องของปีเลยนะ ตอนนี้ยังพอมีรอบฉาย ไม่น่าพลาดกัน
ปล.หนังมีสะดุดแค่ฉากพูดถึงความรักของฝ้ายที่ทุ่งนา มันดูไม่น่าเชื่อถือเลย เพราะมันไม่มีที่มาที่ไป จะมาดร่ามาอะไร ไปรักกันตอนไหน คิดว่าน่าจะเป็นฉากล่อแหลมที่ถูกตัดไป น่าเสียดายมากๆ
ไปอุดหนุนกันนะครับ ผมชอบเรื่องนี้
อยากชมผู้กำกับและนักแสดงทุกคนในหนังอาบัติ การแสดงของพวกคุณทำให้หนังสนุกและดูดีมากๆ
โดยเฉพาะดาราวัยรุ่นหลายๆคน ที่พอเข้าฉากแล้วดูไม่เป็นธรรมชาติ พูดไม่ชัด และสีหน้าท่าทางไม่ชวนให้เชื่อเลยว่าตัวละครตัวนั้นกำลังคิดแบบนั้นอยู่
แต่บางทีปัญหามันก็ไม่ได้เกิดจากนักแสดง ตัวผู้กำกับที่มีความเคยชินในการ "กำกับ" การแสดงมาบางอย่าง ทำหนังทีไร นักแสดงในหนังก็แสดงออกมาได้ประดักประเดิด ไม่เป็นธรรมชาติ หรือบางครั้งก็ "ล้น" จนนึกว่ามานั่งดูละครเวทีอยู่ร่ำไป
หนังของ "ท่านมุ้ย" ยุคหลังๆ กับหนังของ "หม่อมน้อย" นั่นคือตัวอย่าง
เปรียบเทียบกัน ผมว่าวงการละคร มีพัฒนาการด้านการแสดงไปไกลกว่าวงการหนังนะ ละครบ้านเราเดี๋ยวนี้เล่นละครเก่งกันมากขึ้นเยอะเลย
ยิ่งถ้าเปรียบเทียบศักยภาพในการแสดงของวงการหนังบ้านเรา กับเพื่อนบ้านที่เคยสูสีกันอย่างเกาหลีใต้ โห....ตอนนี้นักแสดงหนังเกาหลี หยิบมาดูเถอะครับ เรื่องไหนเรื่องนั้น สมจริงสมจังกันจนแทบอยากจะยกออสการ์ให้
จนมาดูเรื่อง "อาบัติ" หนังที่ผมไม่ได้คาดหวังเลยว่านักแสดงในเรื่องนี้จะเล่นดีอะไร เพราะมันก็ดูเหมือนหนังผีทั่วไป ที่ไม่ได้ตั้งใจจะมาขายฉากดราม่าหรือดาราอะไรอยู่แล้ว .......เราจะไปดูผีกันนิ
แต่บอกเลยว่านี่คือหนังไทยที่คัดเลือกนักแสดง และกำกับการแสดงได้ "พอดีๆ" มากที่สุดเรื่องนึงเลย
ตัวแนคชาลี นั้นเล่นได้เป็นธรรมชาติขึ้นเยอะ ปัญหาที่เคยมีจากการพูดไม่ชัดและลิ้นรัว เรื่องนี้ก็ดีขึ้นมาก เรื่องแสดงสีหน้าก็ทำได้ดีมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว
แต่คนที่เด่นจริงๆคือคนที่แสดงเป็นพี่ทินและน้องฝ้าย ซึ่งผมไม่รู้จักว่าเค้าเป็นใคร แต่ตัวละครสองตัวนี้เล่นเหมือนไม่ได้เล่น สีหน้าท่าทางและคำพูด ธรรมชาติเหมือนไม่ได้อยู่หน้ากล้อง
ตัวละครอื่นอย่างคุณสรพงษ์ และอรรถพร นั้นไม่ต้องพูดถึง เค้าก็เล่นดีมาแต่ไหนแต่ไร
รวมไปถึงน้าพิน ตัวละครเด็ก ก็เล่นกันได้พอดิบพอดี ไม่มีแข็ง ไม่มีเวอร์เกิน
เอาเป็นว่าการแสดงของนักแสดงในเรื่องนี้ ทำให้มันดูเพลินขึ้นมาก เสริมกับเนื้อเรื่องที่เล่าได้อย่างสนุกและเดินไปข้างหน้าตลอด ไม่มีจุดน่าเบื่อเลย
ผมว่านี่เป็นหนังดีอีกเรื่องของปีเลยนะ ตอนนี้ยังพอมีรอบฉาย ไม่น่าพลาดกัน
ปล.หนังมีสะดุดแค่ฉากพูดถึงความรักของฝ้ายที่ทุ่งนา มันดูไม่น่าเชื่อถือเลย เพราะมันไม่มีที่มาที่ไป จะมาดร่ามาอะไร ไปรักกันตอนไหน คิดว่าน่าจะเป็นฉากล่อแหลมที่ถูกตัดไป น่าเสียดายมากๆ
ไปอุดหนุนกันนะครับ ผมชอบเรื่องนี้