หน้าแรก
คอมมูนิตี้
ห้อง
แท็ก
คลับ
ห้อง
แก้ไขปักหมุด
ดูทั้งหมด
เกิดข้อผิดพลาดบางอย่าง
ลองใหม่
แท็ก
แก้ไขปักหมุด
ดูเพิ่มเติม
เกิดข้อผิดพลาดบางอย่าง
ลองใหม่
{room_name}
{name}
{description}
กิจกรรม
แลกพอยต์
อื่นๆ
ตั้งกระทู้
เข้าสู่ระบบ / สมัครสมาชิก
เว็บไซต์ในเครือ
Bloggang
Pantown
PantipMarket
Maggang
ติดตามพันทิป
ดาวน์โหลดได้แล้ววันนี้
เกี่ยวกับเรา
กฎ กติกา และมารยาท
คำแนะนำการโพสต์แสดงความเห็น
นโยบายเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคล
สิทธิ์การใช้งานของสมาชิก
ติดต่อทีมงาน Pantip
ติดต่อลงโฆษณา
ร่วมงานกับ Pantip
Download App Pantip
Pantip Certified Developer
[SR] จอร์เจีย อารยธรรมแห่งเทือกเขาคอเคซัส
กระทู้รีวิว
เที่ยวต่างประเทศ
ทริปนี้เกิดขึ้นเพราะบอส ที่อยู่ๆก้อถามว่ารู้จักประเทศอาเซอร์ไบจานมั้ย เราก้อรู้สึกเหมือนเคยได้ยินชื่อประเทศนี้ที่ไหนมาก่อน เลยไปถามอากู๋ เลยพลอยได้รู้จักทั้งจอร์เจีย อาร์มาเนีย และอาเซอร์ไบจาน แต่เท่าที่ค้นข้อมูลกับเวลาที่มีอยู่เลยตัดสินใจเลือกจอร์เจีย เนื่องจากไม่ต้องทำวีซ่า มีทั้งประวัติศาสตร์และธรรมชาติ การเดินทางโดยขนส่งสาธารณะค่อนข้างสะดวก ขั้นต่อไปก้อหาสายการบิน ได้ aeroflot ราคา 24000+ แต่ต้องต่อเครื่องขาไป 6 ชม กลับ 14 ชม ที่ SVO เลยลองถามถ้า stop over 1 คืน ที่มอสโคว ราคาเป็นงัย ปรากฎว่าเท่ากัน เป็นอันทริปนี้ จอร์เจีย 6 วัน มอสโคว 2 วัน ไปกลับอีก 2 วัน รวม 10 วัน
ออกจากเมืองไทย 10 น 16/10 บิน 9 ชม ด้วยสายการบิน aeroflot ใช้เวลา 9 ชม ถึง รัสเซีย 15.50 น ต่อเครื่อง 22.35 น ถึง จอร์เจีย ตีสองครึ่ง ตอนผ่าน ตม นึกได้ว่ายังไม่เขียนใบขาเข้าเลยนึกว่าหลับแล้วแอร์แจกเลยไม่ได้รับแจก แอบกลัวนิดๆว่าจะโดนตะเพิด เพราะวีซ่าก้อไม่มีใบผ่านขาเข้าก้อไม่ได้เขียน แต่ที่ไหนได้เจ้าหน้าที่นางแค่ดูหน้าตาว่าเหมือนในรูปก้อปั๊มผ่านเลย ง่ายฝุดๆ
ตอนมารอรับกระเป๋าก้อแอบจิตตกอีก เพราะกระเป๋าไม่มาซะที จนคนอื่นได้ไปหมดแล้ว ของเราเชคทรูตั้งแต่ที่สุวรรณภูมิไปรอต่อเครื่องอีก 6 ชม กังวลว่ามันจะหลงไปที่อื่นรึป่าว แต่ในที่สุดก้อออกมาพร้อมกัน 2 ใบเลย ได้กระเป๋าแล้วก้อสบายใจ เดินดูโน่นนี่แล้วแลกเงินในสนามบินมีหลายธนาคาร เปิดตลอด 24 ชม ใครที่จะแลกขอให้เดินดูเรตแต่ละธนาคารก่อน ตอนแรกเรายังมึนไม่ทันได้คิด เห็นธนาคารแห่งจอร์เจียเลยไปแลก ได้ 231 ลารี/100 ยูเอส ก็ว่ามันไม่ค่อยดี เพราะที่เชคมาน่าจะได้ 238 เลยแลก 100 ยูเอส หลังแลกเงินก้อไปนั่งรอให้สว่างกว่านี้หน่อย ตอนนั่งรอก้อดูโน่นนี่ไปเรื่อยพอดีเหลือบเห็นบูธขายตั๋วเครื่องบิน ติดเรต 236 เลยไปแลกเพิ่มอีก 300 ยูเอส ร้านนี้มีใบเสร็จ ให้ด้วย และช่วง 6 วันที่จอร์เจียได้เห็น rate ร้านแลกเงินในเมืองส่วนใหญ่ก้อเห็นว่าประมาณนี้นะ
หลังจากนั้นนั่งคอยจนตีห้า ก้อไปเรียก taxi ไปโรงแรม ตอนแรกเปิดราคามาที่ 50 ลารี เราบอกเจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์นักท่องเที่ยวบอกไว้ว่า 30 สุดท้ายเลยจบที่ 30 นั่งไปประมาณ 20 นาทีถึงโรงแรม ที่อยู่ตรงข้ามโบสถ์ เป็นตึกแถวห้องเดียวแต่ตกแต่งสวยน่ารักมาก มีห้องพัก 10 ห้องเท่านั้น ตอนไปถึงประตูล็อค คิดกันว่าตายแล้วต้องอยู่หน้าโรงแรมถึงกี่โมง พอดีเห็นกริ่ง ลองกด มีผู้หญิงมาเปิด พูดอังกฤษไม่ได้ แต่ก็เอาใบจองจาก booking.com ให้ดู เค้าโทรตามผู้ชายมาอีกคน คุยกันหน้าตาซีเรียด แล้วบอกเราว่าเรามาเร็วไป เค้าไม่มีห้องว่างเลย เราต้องรอ check in 14 น แต่หน้าตาเค้ารู้สึกผิดมากที่เราไม่มีห้องพักในตอนนั้น เราเลยบอกไม่เป็นไร ให้เรานั่งคอยที่ห้องรับแขกก่อนแล้วกัน แล้วเค้าก็ปิดไฟหายไปทั้ง 2 คน เราก็พักที่ห้องรับแขกเล่นเนตไปพลางๆ รอเช้าอีกหน่อยค่อยออกเที่ยว พอ 8 น เค้าก็ยกชากะขนมปังมาให้กิน กินเสร็จออกไปเดินเล่น สำรวจเมือง
เดินกันแบบมั่วๆ ก้อไปถึงสะพานสันติภาพที่สร้างใหม่ ฝนยังปรอยๆอยู่ เลยขึ้นไปหลบฝนบนสะพาน ไม่นานฝนก็หยุด แต่ยังไม่มีแดดเลย เราเอาแผนที่มาดู ผู้ชายชาวจอร์เจียเดินผ่าน มาถามเราว่าให้ช่วยไรมั้ย เราเลยถามทางไป freedom square และถนน rustavari เค้าก้ออธิบายอย่างดี เราเดินไปตามทางที่เค้าบอกในที่สุดก็ถึง แต่ละที่อยู่ไม่ไกลกัน
ลองขึ้น metro เพื่อไป survey รถบัสไป mtskheta อ่านออกเสียงว่า สเค้ตต้า ขึ้น metro ไปลงป้าย didube แล้วเดินตามๆเค้าไปเป็นตลาดสด มีสถานีรถบัสของเมืองซึ่งหน้าตาคล้ายรถตู้บ้านเรา วิ่งจากทบิลิซีไปสถานที่ต่างๆจอดเต็มไปหมด เราไม่รู้หรอกว่าไปไหนบ้างเพราะเขียนเป็นภาษาจอร์เจีย ขณะที่เดินหาอยู่ก้อมีคนมาถามว่าต้องการแทกซี่มั้ย เสนอไปโน่นนี่จนเวียนหัวไปหมด แต่ละคนพูดอังกฤษไม่ได้เลย ลองถามถ้าไป kazbegi เท่าไหร่ ต่อลองกันไปมาด้วยภาษามือบ้างอังกฤษปนไทย แต่ตอบกลับเป็นจอเจียวุ่นวายเป็นครึ่งชั่วโมง มีคนมาช่วยเป็นล่ามต่างช่วยกันแปลรู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้าง สุดท้ายตกลงกันที่ 110 ลารี ไปรับเราที่หน้าโบสถ์ sameba ใกล้โรงแรม แล้วเราก้อขึ้น metro กลับ ลืมไป metro ที่นี่ตอนซื้อต้องจ่ายค่ามัดจำบัด 2 lari แล้วบอกว่าจะซื้อตั๋วจริงๆเท่าไร เค้าจะบวกไปแล้วคิดเงินเรา ค่ามัดจำนี่เราเก็บใบเสร็จไว้แลกคืน 2 ลารีได้เมื่อต้องการ เราคำนวนแล้ว ซื้อ 8 ลารี บวกค่ามัดจำอีก 2 เป็น 10 ลารี ค่าโดยสาร 0.5 ลารีต่อเที่ยวต่อคน เท่ากันทุกสถานี เวลาซื้อๆบัตรใบเดียว แตะผ่านแล้วส่งบัตรให้อีกคนแตะผ่านบ้าง แต่ขอบอกบันไดเลื่อนนี่อย่างน่ากลัวเลย เพราะมันวิ่งเร็ว เสียงดังและที่สำคัญสูงมว๊าาาากจับเวลาประมาณ 2 นาทีกว่าๆอ่ะ ที่ didube มีตลาดอารมณ์ประมาณตลาดต่างจังหวัดบ้านเราแหละ หน้านี้มีลูกพลับกับองุ่นเยอะมาก หวานอร่อย และถูกมากๆ โลละ 1 ราลี ซื้อกินได้ทุกวันไม่เบื่อ
ก่อนกลับแวะไปงานเทศกาลประจำเมืองทบิลิซีก่อน ไปต่อคิวขึ้น cable car ปกติค่าขึ้น 0.5 ลารีต่อคนขาเดียว ถ้าไปกลับก้อ 1 ลารี ใช้บัตร metro จ่ายได้ แต่ช่วงนี้มีงานเราเลยเนียนไปนั่งฟรีกะเค้า ขึ้นไปที่กำแพงเมืองเก่าข้างบนมีปราสาท โบสถ์ และข้างๆเป็น botanic garden เรายังไม่ไป botanic garden หรอก เดินไปเที่ยวโบสถ์ และกำแพงเมืองเก่าก่อน ถ่ายรูปลงมาที่สะพานสันติภาพสวยดี ขาลงเดินลงมาเองแวะถ่ายรูปไปเลยๆ เดินเล่นข้างล่างอีกพัก คิดจะหาร้านขายหมูย่างลองกินสักหน่อย แต่คนก้อมากทุกร้านไม่มีที่นั่งเลย ตัดสินใจกลับไปกินขนมปังที่เอามาจากบ้าน แล้วก้อลูกพลับที่ซื้อมาดีกว่า ที่สำคัญตอนนี้ปวดเท้ามาก แถมไม่ได้นอนมาตลอดคืนแล้ว ลองเดินกลับไปทางสถานี metro เดินกลับโรงแรมไม่ไกลจริงๆ เมื่อเช้าอ้อมไปหน่อยเลยไกล ห้องพักที่ได้อยู่ชั้น 2 ห้องสวยดีมาก สะอาด ทีวีมีเยอะช่อง มีช่อง 5 ไทยด้วยอ่ะ wifi แรง เร็วสะใจดี คนที่ดูแลโรงแรมบอกอาหารเช้า 9-11 น โอ้ ทำไมสายจัง แต่ไม่เป็นไรเราไม่รีบอยู่แล้ว วันนี้พักผ่อนดีกว่า
วันนี้อากาศหนาวและขมุกขมัวเหมือนเดิม แต่ไม่น่าจะมีฝน เรากินข้าวเช้าลงมานั่งรอตอน 8.30 เค้าบอกเรามาเร็วยังไม่ 9 โมงเลย เราก้อบอกไม่เป็นไรรอได้ แต่นางก้อทยอยลำเลียงอาหารมาให้ ต้องบอกว่าอลังมากๆ กินจนหมดเกลี้ยง นึกว่าหมดแล้วแต่นางก้อยกข้าวผัดลูกเกดมาให้อีก อิ่มมากๆแต่ก้อกินหมดนะ กลัวคนทำเสียใจ กินเสร็จ 9.30 น ไป metro ลงที่ didube ถามหารถไป mtskheta ตอนแรกเดินเข้าไปจะมีคนมาถามว่าไปแทกซี่มั้ย พอเราบอกไปรถบัสก้อไม่ยอมบอกว่ารถคันไหน เราเลยไปถามแม่ค้า เดินไปถามไปเรื่อยๆ จนไปถึงที่จอดรถจนได้ เราต้องซื้อตั๋วที่ช่องขายก่อน คนละ 1 ลารี ถูกอีกแล้ว รอไม่นานรถเต็มก้อออก นั่งไปประมาณ 20 นาที mtskheta เป็นเมืองหลวงเก่าก่อนทบิลิซี ดังนั้นอายุก้อจะมากกว่า 1500 ปี เข้าเขตเมือง ผู้โดยสารชาวจอร์เจียบอกให้เราลง ลงไปก้อถามทางไปโบสถ์ต่างๆจากคนที่อยู่แถวนั้น เราเดินไปที่แรกไม่ไกลจากที่ลงรถ เป็นโบสถ์ samtvro อ่านว่าสัมเทาโรนะ โบสถ์นี้เป็นมรดกโลก สร้างตั้งแต่ศตวรรษที่ 4 โดยนักบุญนีโน่ เป็นชีจากคัปปาโดเกีย โบสถ์นี้เป็นที่ฝังศพของเชื้อพระวงศ์และนักบวชทีสำคัญของจอร์เจียหลายคน
พอออกมาถึงที่รถมาส่งก้อมีคนมาถามไปโบสถ์ jvari มั้ย คิด 15 ลารี ไปกลับ 34 กิโล เราเลยบอกไม่ไปหรอก เค้าเลยบอกไปจะลดให้เหลือ 13 เราเลยต่อ 10 เค้าอธิบายประมาณน้ำมันแพง ไปกลับ 34 กม 10 มันไม่คุ้ม ฟังไม่ออกแต่มโนเอาเองว่าพูดประมาณนี้ สรุปราคาที่ 12 ลารี ไปลุยกันเลย โบสถ์นี่ต้องขึ้นเขาไปไม่มีรถประจำทางผ่าน จะเดินไปเองก้อได้ แต่ดูท่าไม่ไหว ขึ้นเขาและแดดร้อนมาก ที่นี่ก้อเป็นมรดกโลกอีกแห่ง
อารามจวารี (Jvari Monastery) เป็นสถานศักดิ์สิทธิ์และสำคัญอีกแห่งของจอร์เจียและภูมิภาคคอเคซัสสร้างขึ้นเมื่อคริสต์ศตวรรษที่ 6 ชื่อแปลได้ว่าอารามแห่งไม้กางเขน (Monastery of the Cross) ภายในมีไม้กางเขนขนาดใหญ่ตั้งอยู่ใจกลางโถง มีตำนานเล่าว่า ณ ที่ตั้งของอารามแห่งนี้ในช่วงต้นศตวรรษที่ 4 นักบุญนีโน่ (Saint Nino) ผู้เผยแผ่ศาสนาหญิงจากคัปปาโดเกีย (Cappadocia-ดินแดนในยุคโบราณตั้งอยู่ในภาคกลางของคาบสมุทรอนาโตเลีย, ตุรกีในปัจจุบัน) เป็นผู้นำคริสต์ศาสนาเข้ามาเผยแผ่ในจอร์เจียเป็นครั้งแรกและเป็นผู้สร้างไม้กางเขนขนาดใหญ่h (ทำด้วยไม้) ไว้บนนี้ซึ่งเดิมเป็นอารามแห่งหนึ่งของชาวบ้านที่นับถือลัทธิหรือศาสนาดั้งเดิมในท้องถิ่น-เรียกว่าพากัน (Paganism คือลัทธิดั้งเดิมของชาวบ้านเช่น อาจนับถือผีหรือวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ทั่วในในธรรมชาติ)สันนิษฐานว่าเป็นไม้กางเขนแห่งคริสต์ศาสนาอันแรกของจอร์เจียตำนานเล่าว่าตอนที่นักบุญนีโน่ปักไม้กางเขนลงบนพื้นดิน รูปเคารพขนาดใหญ่ของลัทธิพากันซึ่งตั้งอยู่บนยอดเขาได้โค่นล้มลงมา ต่อมามีเหตุการณ์ปาฏิหาริย์เกิดขึ้นและทำให้กษัตริย์มีเรียนที่ 3 แห่งอิเบเรีย (Mirian III of Iberia) หันมานับถือคริสต์ศาสนาอย่างจริงจัง เล่ากันว่า ไม้กางเขนของนักบุญนีโน่หรือฃจวารีสร้างปาฏิหาริย์ให้เกิดขึ้นบ่อยครั้ง กระทั่งดึงดูดให้ผู้แสวงบุญทั่วทั้งคอเคซัสเดินทางมาที่นี่ จากบนเนินที่ตั้งของอารามจวารียังมองเห็นทิวทัศน์ของเมืองสเคตา มหาวิหารสเวติ-โฆเวลี และจุดบรรจบของแม่น้ำมิทควารีและแม่น้ำอารักวีได้อย่างชัดเจน
[img]http://f.ptcdn.info/667/036/000/nwn1r913852FpioFa9I-o.jpg[/img
ชื่อสินค้า:
จอร์เจีย อารยธรรมแห่งเทือกเขาคอเคซัส
คะแนน:
**SR - Sponsored Review : ผู้เขียนรีวิวนี้ไม่ได้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง แต่มีผู้สนับสนุนสินค้าหรือบริการนี้ให้แก่ผู้เขียนรีวิว โดยที่ผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนอื่นใดในการเขียนรีวิว
▼
กำลังโหลดข้อมูล...
▼
แสดงความคิดเห็น
กระทู้ที่คุณอาจสนใจ
Georgia Trip 2025 ✿ ดินแดนแห่งเทือกเขาคอเคซัสทิวทัศน์ตระการตา
สวัสดีค่าาา ห่างหายจากการรีวิวทริปต่างประเทศมานานหลายปี กลับมาพร้อมความประทับใจ ความสวยงามของธรรมชาติ สถาปัตยกรรมของสิ่งก่อสร้างที่ยิ่งใหญ่ตระการตา ภูมิใจนำเสนอ "ประเทศจอร์เจีย" เก็บหอมรอมริ
Kichaya
Georgia ,เรื่องในตำนานของความศรัทธา
น้องลาบาดอร์ 2 ตัวพยายามเล่นตะกาย ทั้งงับดึงกาเกงขายาวที่สวมจนเขี้ยวทะลุ เป็นผู้เฝ้าวิหาร Natlismtsemeli Monastery อารามลับบนหน้าผาหินสร้างสกัดหลายห้องใน
maam007
จอร์เจีย ..ประเทศเหนือจินตนาการ
จอร์เจีย ประเทศนี้อยู่ตรงใหน ไม่เคยรู้จักเลย แต่อาจจะมีอะไรน่าสนใจก็เป็นได้ เพราะว่าช่วงก่อนหน้านี้ บริษัททัวร์หลายแห่งก็ทำรายการและราคาแข่งขันกันอย่างหนักหน่วง :) ช่วงปีใหม่ ปกติก็
สมาชิกหมายเลข 5825735
Georgia, ผู้มั่งคั่งแห่งอูดาบโน (Udabno )
บนจุดที่สูงที่สุดแห่งที่ราบสูงกาเรจิ ทุ่งหญ้าสีน้ำตาลไกลสุดตา ลดหลั่นเหลื่อมไปตามเนินเขาที่สลับกันไป ถ้าหรี่ตาลงเหมือนยืนอยู่ท่ามกลางคลื่นทะเลทรายสีน้ำตาลตัดกับฟ้าสีน้ำเงิน ห่างจากชายแดนอาเ
maam007
Eyes of Georgia : จอร์เจีย จอร์ใจ (1 กระทู้ถ้วน แบบม้วนเดียวจบ)
ก่อนจะเขียนเรื่องราวการเดินทางในครั้งนี้ ผมตัดสินวนไปวนมาอยู่นานมาก ว่าจะเขียนดีมั้ย เหตุผลหลัก ๆ คือ ติดซีรีส์ ขี้เกียจทำรูป และเหตุผลประกอบที่แสนจะไร้สาระอีกนานัปการ แต่สุดท้าย จิตใจส่วนดีมันก็สั่งก
นกสุโขทัย
[โซซัดโซเซ บุกคอเคซัส] ประเทศจอร์เจีย 7วัน 7เมือง,, ได้วิวเทือกเขาสวิส ในราคาวังเวียง !!
เรียกได้ว่าราคานี้มาได้เพราะแต้มบุนล้วนๆ กินหรู บินฟูลเซอร์วิส เล่นพาราไกลด์ดิ้ง นั่งวิงค์เล็ทเจ็ทข้ามเมือง ใช้ไปทั้งสิ้นประมาณ 27,000 บาท ไม่รวมค่าของจุกจิกส่วนตัว ถูกกว่าที่คิดไว้อย่างเยอะ (อันที่จ
Paansri EC
จอร์เจีย ตุรัดตุเรงตะเรงกันไป...จอร์เจีย EP. 3
เที่ยวจอร์เจีย ตุรัดตุเรงตะเรงกันไป...จอร์เจีย EP. 3 ก่อนอื่นอีหล้าขอกำลังใจซักนิดนะคะ
อิหล้าพาลุย
Spring in Georgia : หนึ่งวันที่มึทสเฆียตา เมืองแห่งอนุสรณ์สถานทางประวัติศาสตร์ที่สำคัญแห่งเทือกเขาคอเคซัส
สวัสดีค่ะ.. แอนค่ะ มาใช้ชีวิตอยู่ที่ประเทศจอร์เจียก็นานพอสมควรแล้ว ปีที่แล้วมาที่นี่ช่วงเริ่มเข้าสปริง แล้วอยู่ยาวไปจนซัมเมอร์ ท่องเที่ยวผ่านเมืองต่างๆ ตั้งแต่เมืองหลวง Tbilisi (ทบิลิซี่) ขึ้นเขาไปเด
thkanne
Caucasus In Georgia 2022
โจทย์ของทริปนี้คือ เลือกประเทศที่จะเริ่มเดินทางในอีก 5 วันข้างหน้า กางแผนที่แล้วสุ่มดูเงื่อนไขเข้าประเทศช่วงโควิดที่ไม่ยากมาก ราคาค่าตั๋วที่พอรับได้ แล้วคำตอบคือ ประเทศ Georgia นั่นเองค่ะ จริงๆการไป
inspiremyjourneys
[[[Gamarjoba :: ประเทศจอร์เจีย]]] ยินดีที่ได้รู้จัก สวัสดีคอเคซัส ที่สุดขอบเอเชีย
อย่าปล่อยให้คำว่า “ อันตราย ไม่ปลอดภัย ยังไม่สงบ ” มาบดบังความงดงามของประเทศที่ไม่ควรมองข้าม เพราะเมื่อใดที่ได้ลองเปิดใจ ออกไปสัมผัสกับสถานที่เหล่านั้น ก็จะพบว่า..ความงามจากธรรมชาติ ความงา
YaiiFai
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ
เที่ยวต่างประเทศ
บนสุด
ล่างสุด
อ่านเฉพาะข้อความเจ้าของกระทู้
หน้า:
หน้า
จาก
แชร์ :
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน
อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่
ยอมรับ
[SR] จอร์เจีย อารยธรรมแห่งเทือกเขาคอเคซัส
ทริปนี้เกิดขึ้นเพราะบอส ที่อยู่ๆก้อถามว่ารู้จักประเทศอาเซอร์ไบจานมั้ย เราก้อรู้สึกเหมือนเคยได้ยินชื่อประเทศนี้ที่ไหนมาก่อน เลยไปถามอากู๋ เลยพลอยได้รู้จักทั้งจอร์เจีย อาร์มาเนีย และอาเซอร์ไบจาน แต่เท่าที่ค้นข้อมูลกับเวลาที่มีอยู่เลยตัดสินใจเลือกจอร์เจีย เนื่องจากไม่ต้องทำวีซ่า มีทั้งประวัติศาสตร์และธรรมชาติ การเดินทางโดยขนส่งสาธารณะค่อนข้างสะดวก ขั้นต่อไปก้อหาสายการบิน ได้ aeroflot ราคา 24000+ แต่ต้องต่อเครื่องขาไป 6 ชม กลับ 14 ชม ที่ SVO เลยลองถามถ้า stop over 1 คืน ที่มอสโคว ราคาเป็นงัย ปรากฎว่าเท่ากัน เป็นอันทริปนี้ จอร์เจีย 6 วัน มอสโคว 2 วัน ไปกลับอีก 2 วัน รวม 10 วัน
ออกจากเมืองไทย 10 น 16/10 บิน 9 ชม ด้วยสายการบิน aeroflot ใช้เวลา 9 ชม ถึง รัสเซีย 15.50 น ต่อเครื่อง 22.35 น ถึง จอร์เจีย ตีสองครึ่ง ตอนผ่าน ตม นึกได้ว่ายังไม่เขียนใบขาเข้าเลยนึกว่าหลับแล้วแอร์แจกเลยไม่ได้รับแจก แอบกลัวนิดๆว่าจะโดนตะเพิด เพราะวีซ่าก้อไม่มีใบผ่านขาเข้าก้อไม่ได้เขียน แต่ที่ไหนได้เจ้าหน้าที่นางแค่ดูหน้าตาว่าเหมือนในรูปก้อปั๊มผ่านเลย ง่ายฝุดๆ
ตอนมารอรับกระเป๋าก้อแอบจิตตกอีก เพราะกระเป๋าไม่มาซะที จนคนอื่นได้ไปหมดแล้ว ของเราเชคทรูตั้งแต่ที่สุวรรณภูมิไปรอต่อเครื่องอีก 6 ชม กังวลว่ามันจะหลงไปที่อื่นรึป่าว แต่ในที่สุดก้อออกมาพร้อมกัน 2 ใบเลย ได้กระเป๋าแล้วก้อสบายใจ เดินดูโน่นนี่แล้วแลกเงินในสนามบินมีหลายธนาคาร เปิดตลอด 24 ชม ใครที่จะแลกขอให้เดินดูเรตแต่ละธนาคารก่อน ตอนแรกเรายังมึนไม่ทันได้คิด เห็นธนาคารแห่งจอร์เจียเลยไปแลก ได้ 231 ลารี/100 ยูเอส ก็ว่ามันไม่ค่อยดี เพราะที่เชคมาน่าจะได้ 238 เลยแลก 100 ยูเอส หลังแลกเงินก้อไปนั่งรอให้สว่างกว่านี้หน่อย ตอนนั่งรอก้อดูโน่นนี่ไปเรื่อยพอดีเหลือบเห็นบูธขายตั๋วเครื่องบิน ติดเรต 236 เลยไปแลกเพิ่มอีก 300 ยูเอส ร้านนี้มีใบเสร็จ ให้ด้วย และช่วง 6 วันที่จอร์เจียได้เห็น rate ร้านแลกเงินในเมืองส่วนใหญ่ก้อเห็นว่าประมาณนี้นะ
หลังจากนั้นนั่งคอยจนตีห้า ก้อไปเรียก taxi ไปโรงแรม ตอนแรกเปิดราคามาที่ 50 ลารี เราบอกเจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์นักท่องเที่ยวบอกไว้ว่า 30 สุดท้ายเลยจบที่ 30 นั่งไปประมาณ 20 นาทีถึงโรงแรม ที่อยู่ตรงข้ามโบสถ์ เป็นตึกแถวห้องเดียวแต่ตกแต่งสวยน่ารักมาก มีห้องพัก 10 ห้องเท่านั้น ตอนไปถึงประตูล็อค คิดกันว่าตายแล้วต้องอยู่หน้าโรงแรมถึงกี่โมง พอดีเห็นกริ่ง ลองกด มีผู้หญิงมาเปิด พูดอังกฤษไม่ได้ แต่ก็เอาใบจองจาก booking.com ให้ดู เค้าโทรตามผู้ชายมาอีกคน คุยกันหน้าตาซีเรียด แล้วบอกเราว่าเรามาเร็วไป เค้าไม่มีห้องว่างเลย เราต้องรอ check in 14 น แต่หน้าตาเค้ารู้สึกผิดมากที่เราไม่มีห้องพักในตอนนั้น เราเลยบอกไม่เป็นไร ให้เรานั่งคอยที่ห้องรับแขกก่อนแล้วกัน แล้วเค้าก็ปิดไฟหายไปทั้ง 2 คน เราก็พักที่ห้องรับแขกเล่นเนตไปพลางๆ รอเช้าอีกหน่อยค่อยออกเที่ยว พอ 8 น เค้าก็ยกชากะขนมปังมาให้กิน กินเสร็จออกไปเดินเล่น สำรวจเมือง
เดินกันแบบมั่วๆ ก้อไปถึงสะพานสันติภาพที่สร้างใหม่ ฝนยังปรอยๆอยู่ เลยขึ้นไปหลบฝนบนสะพาน ไม่นานฝนก็หยุด แต่ยังไม่มีแดดเลย เราเอาแผนที่มาดู ผู้ชายชาวจอร์เจียเดินผ่าน มาถามเราว่าให้ช่วยไรมั้ย เราเลยถามทางไป freedom square และถนน rustavari เค้าก้ออธิบายอย่างดี เราเดินไปตามทางที่เค้าบอกในที่สุดก็ถึง แต่ละที่อยู่ไม่ไกลกัน
ลองขึ้น metro เพื่อไป survey รถบัสไป mtskheta อ่านออกเสียงว่า สเค้ตต้า ขึ้น metro ไปลงป้าย didube แล้วเดินตามๆเค้าไปเป็นตลาดสด มีสถานีรถบัสของเมืองซึ่งหน้าตาคล้ายรถตู้บ้านเรา วิ่งจากทบิลิซีไปสถานที่ต่างๆจอดเต็มไปหมด เราไม่รู้หรอกว่าไปไหนบ้างเพราะเขียนเป็นภาษาจอร์เจีย ขณะที่เดินหาอยู่ก้อมีคนมาถามว่าต้องการแทกซี่มั้ย เสนอไปโน่นนี่จนเวียนหัวไปหมด แต่ละคนพูดอังกฤษไม่ได้เลย ลองถามถ้าไป kazbegi เท่าไหร่ ต่อลองกันไปมาด้วยภาษามือบ้างอังกฤษปนไทย แต่ตอบกลับเป็นจอเจียวุ่นวายเป็นครึ่งชั่วโมง มีคนมาช่วยเป็นล่ามต่างช่วยกันแปลรู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้าง สุดท้ายตกลงกันที่ 110 ลารี ไปรับเราที่หน้าโบสถ์ sameba ใกล้โรงแรม แล้วเราก้อขึ้น metro กลับ ลืมไป metro ที่นี่ตอนซื้อต้องจ่ายค่ามัดจำบัด 2 lari แล้วบอกว่าจะซื้อตั๋วจริงๆเท่าไร เค้าจะบวกไปแล้วคิดเงินเรา ค่ามัดจำนี่เราเก็บใบเสร็จไว้แลกคืน 2 ลารีได้เมื่อต้องการ เราคำนวนแล้ว ซื้อ 8 ลารี บวกค่ามัดจำอีก 2 เป็น 10 ลารี ค่าโดยสาร 0.5 ลารีต่อเที่ยวต่อคน เท่ากันทุกสถานี เวลาซื้อๆบัตรใบเดียว แตะผ่านแล้วส่งบัตรให้อีกคนแตะผ่านบ้าง แต่ขอบอกบันไดเลื่อนนี่อย่างน่ากลัวเลย เพราะมันวิ่งเร็ว เสียงดังและที่สำคัญสูงมว๊าาาากจับเวลาประมาณ 2 นาทีกว่าๆอ่ะ ที่ didube มีตลาดอารมณ์ประมาณตลาดต่างจังหวัดบ้านเราแหละ หน้านี้มีลูกพลับกับองุ่นเยอะมาก หวานอร่อย และถูกมากๆ โลละ 1 ราลี ซื้อกินได้ทุกวันไม่เบื่อ
ก่อนกลับแวะไปงานเทศกาลประจำเมืองทบิลิซีก่อน ไปต่อคิวขึ้น cable car ปกติค่าขึ้น 0.5 ลารีต่อคนขาเดียว ถ้าไปกลับก้อ 1 ลารี ใช้บัตร metro จ่ายได้ แต่ช่วงนี้มีงานเราเลยเนียนไปนั่งฟรีกะเค้า ขึ้นไปที่กำแพงเมืองเก่าข้างบนมีปราสาท โบสถ์ และข้างๆเป็น botanic garden เรายังไม่ไป botanic garden หรอก เดินไปเที่ยวโบสถ์ และกำแพงเมืองเก่าก่อน ถ่ายรูปลงมาที่สะพานสันติภาพสวยดี ขาลงเดินลงมาเองแวะถ่ายรูปไปเลยๆ เดินเล่นข้างล่างอีกพัก คิดจะหาร้านขายหมูย่างลองกินสักหน่อย แต่คนก้อมากทุกร้านไม่มีที่นั่งเลย ตัดสินใจกลับไปกินขนมปังที่เอามาจากบ้าน แล้วก้อลูกพลับที่ซื้อมาดีกว่า ที่สำคัญตอนนี้ปวดเท้ามาก แถมไม่ได้นอนมาตลอดคืนแล้ว ลองเดินกลับไปทางสถานี metro เดินกลับโรงแรมไม่ไกลจริงๆ เมื่อเช้าอ้อมไปหน่อยเลยไกล ห้องพักที่ได้อยู่ชั้น 2 ห้องสวยดีมาก สะอาด ทีวีมีเยอะช่อง มีช่อง 5 ไทยด้วยอ่ะ wifi แรง เร็วสะใจดี คนที่ดูแลโรงแรมบอกอาหารเช้า 9-11 น โอ้ ทำไมสายจัง แต่ไม่เป็นไรเราไม่รีบอยู่แล้ว วันนี้พักผ่อนดีกว่า
วันนี้อากาศหนาวและขมุกขมัวเหมือนเดิม แต่ไม่น่าจะมีฝน เรากินข้าวเช้าลงมานั่งรอตอน 8.30 เค้าบอกเรามาเร็วยังไม่ 9 โมงเลย เราก้อบอกไม่เป็นไรรอได้ แต่นางก้อทยอยลำเลียงอาหารมาให้ ต้องบอกว่าอลังมากๆ กินจนหมดเกลี้ยง นึกว่าหมดแล้วแต่นางก้อยกข้าวผัดลูกเกดมาให้อีก อิ่มมากๆแต่ก้อกินหมดนะ กลัวคนทำเสียใจ กินเสร็จ 9.30 น ไป metro ลงที่ didube ถามหารถไป mtskheta ตอนแรกเดินเข้าไปจะมีคนมาถามว่าไปแทกซี่มั้ย พอเราบอกไปรถบัสก้อไม่ยอมบอกว่ารถคันไหน เราเลยไปถามแม่ค้า เดินไปถามไปเรื่อยๆ จนไปถึงที่จอดรถจนได้ เราต้องซื้อตั๋วที่ช่องขายก่อน คนละ 1 ลารี ถูกอีกแล้ว รอไม่นานรถเต็มก้อออก นั่งไปประมาณ 20 นาที mtskheta เป็นเมืองหลวงเก่าก่อนทบิลิซี ดังนั้นอายุก้อจะมากกว่า 1500 ปี เข้าเขตเมือง ผู้โดยสารชาวจอร์เจียบอกให้เราลง ลงไปก้อถามทางไปโบสถ์ต่างๆจากคนที่อยู่แถวนั้น เราเดินไปที่แรกไม่ไกลจากที่ลงรถ เป็นโบสถ์ samtvro อ่านว่าสัมเทาโรนะ โบสถ์นี้เป็นมรดกโลก สร้างตั้งแต่ศตวรรษที่ 4 โดยนักบุญนีโน่ เป็นชีจากคัปปาโดเกีย โบสถ์นี้เป็นที่ฝังศพของเชื้อพระวงศ์และนักบวชทีสำคัญของจอร์เจียหลายคน
พอออกมาถึงที่รถมาส่งก้อมีคนมาถามไปโบสถ์ jvari มั้ย คิด 15 ลารี ไปกลับ 34 กิโล เราเลยบอกไม่ไปหรอก เค้าเลยบอกไปจะลดให้เหลือ 13 เราเลยต่อ 10 เค้าอธิบายประมาณน้ำมันแพง ไปกลับ 34 กม 10 มันไม่คุ้ม ฟังไม่ออกแต่มโนเอาเองว่าพูดประมาณนี้ สรุปราคาที่ 12 ลารี ไปลุยกันเลย โบสถ์นี่ต้องขึ้นเขาไปไม่มีรถประจำทางผ่าน จะเดินไปเองก้อได้ แต่ดูท่าไม่ไหว ขึ้นเขาและแดดร้อนมาก ที่นี่ก้อเป็นมรดกโลกอีกแห่ง
อารามจวารี (Jvari Monastery) เป็นสถานศักดิ์สิทธิ์และสำคัญอีกแห่งของจอร์เจียและภูมิภาคคอเคซัสสร้างขึ้นเมื่อคริสต์ศตวรรษที่ 6 ชื่อแปลได้ว่าอารามแห่งไม้กางเขน (Monastery of the Cross) ภายในมีไม้กางเขนขนาดใหญ่ตั้งอยู่ใจกลางโถง มีตำนานเล่าว่า ณ ที่ตั้งของอารามแห่งนี้ในช่วงต้นศตวรรษที่ 4 นักบุญนีโน่ (Saint Nino) ผู้เผยแผ่ศาสนาหญิงจากคัปปาโดเกีย (Cappadocia-ดินแดนในยุคโบราณตั้งอยู่ในภาคกลางของคาบสมุทรอนาโตเลีย, ตุรกีในปัจจุบัน) เป็นผู้นำคริสต์ศาสนาเข้ามาเผยแผ่ในจอร์เจียเป็นครั้งแรกและเป็นผู้สร้างไม้กางเขนขนาดใหญ่h (ทำด้วยไม้) ไว้บนนี้ซึ่งเดิมเป็นอารามแห่งหนึ่งของชาวบ้านที่นับถือลัทธิหรือศาสนาดั้งเดิมในท้องถิ่น-เรียกว่าพากัน (Paganism คือลัทธิดั้งเดิมของชาวบ้านเช่น อาจนับถือผีหรือวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ทั่วในในธรรมชาติ)สันนิษฐานว่าเป็นไม้กางเขนแห่งคริสต์ศาสนาอันแรกของจอร์เจียตำนานเล่าว่าตอนที่นักบุญนีโน่ปักไม้กางเขนลงบนพื้นดิน รูปเคารพขนาดใหญ่ของลัทธิพากันซึ่งตั้งอยู่บนยอดเขาได้โค่นล้มลงมา ต่อมามีเหตุการณ์ปาฏิหาริย์เกิดขึ้นและทำให้กษัตริย์มีเรียนที่ 3 แห่งอิเบเรีย (Mirian III of Iberia) หันมานับถือคริสต์ศาสนาอย่างจริงจัง เล่ากันว่า ไม้กางเขนของนักบุญนีโน่หรือฃจวารีสร้างปาฏิหาริย์ให้เกิดขึ้นบ่อยครั้ง กระทั่งดึงดูดให้ผู้แสวงบุญทั่วทั้งคอเคซัสเดินทางมาที่นี่ จากบนเนินที่ตั้งของอารามจวารียังมองเห็นทิวทัศน์ของเมืองสเคตา มหาวิหารสเวติ-โฆเวลี และจุดบรรจบของแม่น้ำมิทควารีและแม่น้ำอารักวีได้อย่างชัดเจน
[img]http://f.ptcdn.info/667/036/000/nwn1r913852FpioFa9I-o.jpg[/img