(((( ปู๊นนนนน )))).....เสียงหวูดรถไฟ ดังสะท้านขึ้นพร้อมกับแสงไฟหน้าของม้าเหล็ก วิ่งผ่านด้วยความเร็วมาแต่ไกล ในยามค่ำ
เป็นเหตุการณ์ประจำวัน ที่ช่วงเวลานี้ ขบวนรถไฟที่จะเดินทางไปภาคเหนือ จะต้องผ่านมา
วิภพ ลุกขึ้นสะบัดหัวอย่างมึนงง ..เขาลุกขึ้นยืนอย่างช้าๆ นึกไล่ทบทวนความจำของตัวเองว่ามาทำอะไรที่นี่ พอความมึนงงค่อยๆหายไป
ภาพสุดท้ายก็ปรากฏขึ้นมา ใช่แล้ว เขาวิ่งหนีหมาจรจัด และวิ่งข้ามรางรถไฟมา และมานอนหมดสติ อยู่ตรงข้างทางรางรถไฟนี่เอง
คงเป็นเพราะความล้าและเหนื่อย จึงทำให้เขาน๊อคไปอย่างดื้อๆ วันนี้ทั้งวัน ข้าวยังไม่ตกถึงท้องวิภพเลย
แต่ตอนนี้เค้ากลับไม่รู้สึกหิวแต่อย่างใด อารมณ์ตอนนี้ เขาคิดถึงบ้าน คิดถึงนุชนารถเมียรัก และน้องน๊อต ลูกชายคนเดียวเหลือเกิน
พวกเค้าคงรอเวิภพอยู่ เขาต้องรีบกลับบ้าน แต่จะกลับไปมือเปล่าได้อย่างไร ที่บ้านจะมีอะไรกินไหม ? วิภพร้อนใจอย่างบอกไม่ถูก
บ้าน...เขาต้องกลับบ้าน....
วิภพ ยืนอยู่หน้าบ้านตัวเอง ทำไมในบ้านเงียบเชียบขนาดนี้ ทุกคนไปไหนหมด ประตูหน้าบ้านถูกล๊อคด้วยกุญแจลูกใหญ่
แปลว่า นุชนารถต้องพาน้องน๊อตออกไปข้างนอก หรือเมียเขาจะพาลูกออกไปหาอะไรกินกัน แต่นุชนารถไม่มีเงินติดตัวมากเท่าไหร่นี่นา
และอาการป่วยของเธอ ก็ไม่น่าจะทำให้เธอ มีเรี่ยวแรงพอที่จะพากันไปไหนได้ไกล ทุกคนไปไหนกันหมด?
วิภพ นั่งหมดแรงอยู่หน้าบ้าน คิดว่ารอสักพัก เดี๋ยวเมียและลูกคงกลับมา แว๊บ นึง ความรู้สึกท้อแท้และอัดอั้นที่เกาะกินใจก็พวยพุ่งขึ้นมา
พรุ่งนี้ เขาต้องหาค่าเทอมไปจ่ายให้น้องน๊อต ทางโรงเรียนยื่นโนติส เป็นครั้งสุดท้ายว่าถ้าพรุ่งนี้ไม่จ่ายค่าเทอมที่ค้างให้ครบ
น้องน๊อตจะไม่มีสิทธิสอบ และอาจต้องพักการเรียน ซึ่งเขาจะไม่ยอมให้มันเป็นเช่นนั้นเด็ดขาด
วิภพ เอามือกุมหัวอย่างคนหมดอาลัยตายอยาก เขาพยายามหาเงินให้ลูกชายคนเดียวเพื่อที่จะได้มีการศึกษาไว้ติดตัว เพื่ออนาคตของลูก
เขาไม่อยากให้ลูกต้องหยุดเรียน น้องน๊อตเรียนปีนี้เป็นเทอมสุดท้ายของมัธยมปลายแล้ว ปีหน้าก็จะเข้ามหาลัยด้วยเกรดเฉลี่ยที่ดีมาก
การสอบแอดมิชชั่นเพื่อเลือกที่เรียนดีๆ ลูกชายเค้าต้องทำได้แน่นอน คิดอย่างพ่อที่มีความหวังในอนาคตอันใกล้ การเห็นความสำคัญ
ของการศึกษาที่จะสร้างฐานรากให้ลูก วิภพจึงพยายามส่งเสียให้ลูกได้เรียนโรงเรียนดีๆ แม้ตัวเองจะลำบากเท่าไหร่ก็ตาม
น้องน๊อตเป็นเด็กเรียนเก่ง ขยัน เชื่อฟังพ่อแม่ และการที่น้องน๊อต สอบได้เกรด 4 ทุกวิชามาตลอดสามปีของมัธยมปลาย
ในโรงเรียนนานาชาติ ที่น้องน๊อตเรียนอยู่ ยิ่งสร้างความหวังและแรงใจให้วิภพ เร่งหาเงินเพื่อลูกมากขึ้น
แต่เหมือนโชคชะตาจะลำเอียง ไม่มีอะไรที่จะดีไปหมด ในชีวิตเขา เพราะเมื่อ ภรรยา ต้องมาล้มป่วยกระเสาะกระแสะด้วยโรคธาลัสซีเมีย
จึงทำให้นุชนารถทำงานหนักไม่ได้ และอาการอ่อนเพลียหน้ามืดเป็นลมบ่อยๆ ก็ทำให้เธอต้องลาออกจากงานมา
ดูแลบ้านกับลูกชายอย่างเดียวเท่านั้น
วิภพ..นั่งนึกย้อนไปในอดีต เมื่อก่อน ตำแหน่งผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อของบริษัทค้าอะไหล่รถยนต์ สร้างฐานะให้เค้าได้พอควร
เปอร์เซ็นในการจัดซื้อในสินค้าแต่ละตัว ทำรายได้เข้าบัญชีให้เขา โดยมีตัวเลขเดือนละไม่ต่ำกว่าเลข 6 หลัก เลยทีเดียว
หน้าที่การเป็นหัวหน้าครอบครัวของวิภพ จึงไม่มีความกังวลแต่อย่างใด วิภพใช้ชีวิตอย่างหรูหราฟุ่มเฟือย อย่างมีความสุข
และถ้าทุกคนในบ้านต้องการอะไร วิภพก็จะหามาให้อย่างที่ลูกและเมียต้องการ
เกือบห้าปี ที่วิภพทำงานที่บริษัทนี้ วิภพจะวิ่งเต้นสร้างสะพานให้ตัวเองตลอด ของขวัญของฝาก ในแต่ละครั้งที่วิภพไปต่างประเทศ
ไม่ว่าจะไปดูงานหรือไปเที่ยว วิภพจะมีติดไม้ติดมือมาฝากทุกๆคนเสมอ ตั้งแต่ ยาม เสมียน บัญชี จนถึงผู้จัดการฝ่ายทุกฝ่าย
วิภพ จึงเป็นที่รักของทุกคนในบริษัทและการกินตามน้ำของเขา จึงไม่มีใครสนใจ
แต่วันนี้มันเปลี่ยนไปแล้ว วิภพตกงานและถูกดำเนินคดีในข้อหาฉ้อโกง เขากลับมาทบทวนจุดเปลี่ยนในชีวิตที่เกิดขึ้น ถ้าเขาไม่โลภ
และพอใจกับสิ่งที่เป็นอยู่ เขาคงไม่มีชะตากรรมเช่นนี้ บ้านกำลังจะถูกยึด ถูกฟ้องร้อง เพื่อนฝูงญาติมิตรหนีหาย
ไม่มีงาน ไม่มีเงินแม้แต่จะซื้อข้าวกิน เขาต้องขายของในบ้านที่ละชิ้นเพื่อความอยู่รอดของครอบครัว
เพราะความโลภของเขาที่ไม่รู้จักพอ การโกงบริษัทจึงเกิดขึ้น โดยการปลอมลายเซ็นและสับเปลี่ยนสินค้า เขาวางแผนเอาสินค้าราคาถูก
และด้อยคุณภาพมาสับเปลี่ยน เพื่อนำสินค้าที่บริษัทสั่งมาไปขายต่ออีกทีหนึ่ง เขาจึงได้กำไรจากส่วนต่างถึงสองทาง
ความจริงครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่วิภพทำ เขาทำมันมาสามครั้งแล้ว แต่ยังไม่มีใครจับได้และในแต่ละครั้งเขาก็จะได้เงินจากการโกงส่วนต่าง
เป็นก้อนใหญ่มาก มันจึงทำให้เขาย่ามใจ และถลำลึกลงไปอย่างลืมตัว
ในที่สุด เขาก็พลาด เพราะเขาไม่รู้เลยว่าเขาถูกจับตามองจากฝ่ายตรวจสอบ และในที่สุดเขาก็โดนจับได้ ถูกไล่ออกพร้อมกับดำเนินคดี
เงินทั้งหมดที่เขามีจึงถูกอายัด และนำมาต่อสู้คดี แต่กว่าคดีจะจบ วิภพก็ต้องพบกับความลำบากในการหางานใหม่ เงินก็ไม่มี ญาติพี่น้อง
เพื่อนฝูงก็ปฎิเสธความช่วยเหลือ เนื่องจากการกระทำของเขาเอง เมื่อชีวิตต้องดำเนินต่อไปและลูกชายคนเดียวที่เป็นความหวังยังอยู่
เขาต้องหารายได้มาเลี้ยงครอบครัว แต่ไม่รู้จะหาทางออกอย่างไรดี ...วิภพนั่งกุมขมับอย่างเหนื่อยหน่ายและท้อแท้
วิภพนั่งอยุ่หน้าบ้านเป็นเวลานานเท่าไหร่ เขาเองก็ไม่รู้ จนกระทั่งป้าสร้อยและ ลุงสม สองสามีภรรยา ข้างบ้านเดินผ่านมาอย่างเร่งรีบ
เขากำลังจะลุกขึ้นถามว่าที่บ้านของเขาไปไหนหมด แต่สองคนนั้นกลับไม่มองและสนใจวิภพเลย เขารู้ว่า ตั้งแต่เค้าโดนคดีคนในซอยนี้
แทบจะไม่มีใครคุยกับเขาเลย คงรังเกียจที่เขาเป็นคนโกง
ยิงคิดยิ่งรู้สึกเจ็บช้ำกับตัวเอง แต่ตอนนี้เขาไม่มีโอกาสกลับไปแก้ไขอะไรได้อีกแล้ว นอกจากทำยังไงที่จะหาเงินได้มากๆ
เพื่อมาจ่ายค่าเทอมให้ลูก และประทังชีวิตให้อยู่รอด
แล้วความคิดก็ฝุดขึ้นมาอย่างเร็ว โทรศัพท์มือถือ !! โทรศัพท์มือถือมันอยู่ในกระเป๋าเครื่องมือของเค้า มันหายไป !!!!
ถ้าเจอโทรศัพท์! ถ้าเจอโทรศัพท์ ! เขาคงโทรหาเมียกับลูกได้ แต่ตอนนี้มันหายไปไหน ? มันคงตกอยู่ข้างทางรถไฟนั่นแหล่ะ
เขาต้องกลับไปหามัน !!!
วิภพกึ่งเดินกึ่งวิ่งกลับมาที่เก่า ภาวนาในใจขอให้กระเป๋าเครื่องมือยังอยู่ ขอให้เจอมัน และถ้าเจอมัน เขายังมีโอกาสอีกครั้งแน่ๆ
และคราวนี้เขาจะไม่ตกใจวิ่งหนีหมาจรจัดที่เห่าใส่เขาตัวนั้นอีกแล้ว ด้วยเงินที่มีอยู่น้อยนิด เขาจะหาซื้อไก่ย่างไปล่อมัน
เพื่อที่ให้มันคุ้นเคยกับเขาและปล่อยให้เขาลงมืองัดแงะบ้านหลังนั้น บ้าน ที่เป็นเป้าหมายเพื่อเข้าไปขโมยของ
เจ้าของบ้านคงยังไม่กลับมา วิภพ มาสำรวจบ้านนี้หลายครั้งแล้ว จดเวลาเข้าออกของเจ้าของบ้าน จนรู้เวลาที่แน่นอน
ว่าเจ้าของบ้านจะมาเวลาไหน และเมื่อแน่ใจ วิภพจึงตัดสินใจที่จะเข้าไปขโมย
รถมอเตอร์ไซค์สายตรวจคันนั้น คงไม่ย้อนกลับมาอีกหลังจากเซ็นชื่อใส่ตู้แดงไปแล้ว นึกขึ้นมาก็ขำกับตัวเอง การงัดแงะครั้งแรก
ทำเอาเขาสติแตกได้ง่ายจริงๆ แค่หมาเห่ากับสายตรวจ ทำเอาเขาวิ่งแบบไม่คิดชีวิตเลย แต่ครั้งนี้เขามีประสบการณ์แล้ว ต้องใจเย็น
งานครั้งนี้จะสำเร็จแน่นอน พรุ่งนี้เขาจะมีเงินให้ลูกเป็นค่าเทอม
(((..หว๋อ..หว๋อ..))) เสียงรถมูลนิธิ เปิดหวออยู่ไม่ไกล ไฟไซเรน หมุนกระพริบอย่างเร่งเร้าความรู้สึกอยากรู้อยากเห็นของเขาให้ตื่นขึ้น
อีกไม่กี่เมตร ก็จะถึงจุดที่เขาทำกระเป๋าตกไว้.....แต่..ทำไมคนเยอะจัง เกิดอะไรขึ้น !!
วิภพ เห็นป้าสร้อยและลุงสมกอดกันกลมอยู่ ป้าสร้อยเอามือปิดหน้าเหมือนไม่อยากมองสิ่งที่อยู่ตรงหน้า เสียงแว่วๆของคนข้างหน้า
บอกว่ามีคนถูกรถไฟชนตาย วิภพ รู้สึกพะอืดพะอมขึ้นมาทันที เขาเพิ่งผ่านตรงนี้มาเอง รถไฟยังเปิดหวูดใส่เขาอยู่เลย
ใครกันหนอช่างโชคร้ายเหลือเกิน วิภพ แหวกผู้คนเข้าไปดูอย่างอยากรู้ว่าใคร
คนตายถูกคลุมด้วยผ้าขาว สภาพศพ แหลกเละเพราะถูกรถไฟทับร่าง เลือดกระจายไปทั่วส่งกลิ่นคาวคละคลุ้ง อย่างสะอิดสะเอียน
วิภพ เหมือนอยากจะอาเจียนออกมา และคิดว่าไม่ควรอยู่ตรงนี้นานๆ แต่ก่อนที่จะหันหลังกลับ
พลันสายตาของเขาก็ไปกระทบกับสิ่งหนึ่งที่อยู่ข้างๆศพ กระเป๋าหนังสีดำจาคอป ใบนั้นมันสะดุดตาเค้ามาก ลายคาดกระเป๋าสีน้ำตาลเทา
และตำหนิที่มีรอยขีดอยู่ด้านบน มันเป็นรอยขีดที่เขาเผลอไปโดนตอนที่เค้ารีบเอาไขควงใส่ลงไป ดูแล้วทำไมมันเหมือนของเขาเหลือเกิน
ทั้งสีขนาดและตำหนิ แล้ว..........โทรศัทพ์เครื่องนั้น โทรศัพท์ ซัมซุง ถูกวางไว้ข้างศพ....
พระเจ้า...นี่มันโทรศัพท์ของเขานี่ !!!
เสียงร้องไห้อย่างโหยหวนสะอึกสะอื้นอย่างคุ้นเคยของคนสองคนดังเข้ามาในหูเขา เสียงนี้เขาจำได้ดี เป็นเสียงที่เขารู้สึก
ถึงความรักและผูกพันที่มีมานาน ซึ่งมันทำให้เขาต้องรีบหาที่มาของเสียงนั้น และ....เมื่อเห็นที่มาของเสียง
ความรู้สึกเย็นวาบจากปลายเท้าวิ่งก็ขึ้นมาสู่ใบหน้าของวิภพ อย่างรวดเร็ว
ภาพของหญิงแม่ลูกที่กอดกันร้องไห้อยู่สองคนทำให้ วิภพ ต้องยืนตะลึงอยู่อย่างนั้น............
“ พี่วิภพ อย่าทิ้ง นุช กับลูกไป แล้วนุชกับน้องน๊อตจะอยู่ยังไง .....ฮือ..ฮือ.........
เรื่องสั้น : โอกาส
เป็นเหตุการณ์ประจำวัน ที่ช่วงเวลานี้ ขบวนรถไฟที่จะเดินทางไปภาคเหนือ จะต้องผ่านมา
วิภพ ลุกขึ้นสะบัดหัวอย่างมึนงง ..เขาลุกขึ้นยืนอย่างช้าๆ นึกไล่ทบทวนความจำของตัวเองว่ามาทำอะไรที่นี่ พอความมึนงงค่อยๆหายไป
ภาพสุดท้ายก็ปรากฏขึ้นมา ใช่แล้ว เขาวิ่งหนีหมาจรจัด และวิ่งข้ามรางรถไฟมา และมานอนหมดสติ อยู่ตรงข้างทางรางรถไฟนี่เอง
คงเป็นเพราะความล้าและเหนื่อย จึงทำให้เขาน๊อคไปอย่างดื้อๆ วันนี้ทั้งวัน ข้าวยังไม่ตกถึงท้องวิภพเลย
แต่ตอนนี้เค้ากลับไม่รู้สึกหิวแต่อย่างใด อารมณ์ตอนนี้ เขาคิดถึงบ้าน คิดถึงนุชนารถเมียรัก และน้องน๊อต ลูกชายคนเดียวเหลือเกิน
พวกเค้าคงรอเวิภพอยู่ เขาต้องรีบกลับบ้าน แต่จะกลับไปมือเปล่าได้อย่างไร ที่บ้านจะมีอะไรกินไหม ? วิภพร้อนใจอย่างบอกไม่ถูก
บ้าน...เขาต้องกลับบ้าน....
วิภพ ยืนอยู่หน้าบ้านตัวเอง ทำไมในบ้านเงียบเชียบขนาดนี้ ทุกคนไปไหนหมด ประตูหน้าบ้านถูกล๊อคด้วยกุญแจลูกใหญ่
แปลว่า นุชนารถต้องพาน้องน๊อตออกไปข้างนอก หรือเมียเขาจะพาลูกออกไปหาอะไรกินกัน แต่นุชนารถไม่มีเงินติดตัวมากเท่าไหร่นี่นา
และอาการป่วยของเธอ ก็ไม่น่าจะทำให้เธอ มีเรี่ยวแรงพอที่จะพากันไปไหนได้ไกล ทุกคนไปไหนกันหมด?
วิภพ นั่งหมดแรงอยู่หน้าบ้าน คิดว่ารอสักพัก เดี๋ยวเมียและลูกคงกลับมา แว๊บ นึง ความรู้สึกท้อแท้และอัดอั้นที่เกาะกินใจก็พวยพุ่งขึ้นมา
พรุ่งนี้ เขาต้องหาค่าเทอมไปจ่ายให้น้องน๊อต ทางโรงเรียนยื่นโนติส เป็นครั้งสุดท้ายว่าถ้าพรุ่งนี้ไม่จ่ายค่าเทอมที่ค้างให้ครบ
น้องน๊อตจะไม่มีสิทธิสอบ และอาจต้องพักการเรียน ซึ่งเขาจะไม่ยอมให้มันเป็นเช่นนั้นเด็ดขาด
วิภพ เอามือกุมหัวอย่างคนหมดอาลัยตายอยาก เขาพยายามหาเงินให้ลูกชายคนเดียวเพื่อที่จะได้มีการศึกษาไว้ติดตัว เพื่ออนาคตของลูก
เขาไม่อยากให้ลูกต้องหยุดเรียน น้องน๊อตเรียนปีนี้เป็นเทอมสุดท้ายของมัธยมปลายแล้ว ปีหน้าก็จะเข้ามหาลัยด้วยเกรดเฉลี่ยที่ดีมาก
การสอบแอดมิชชั่นเพื่อเลือกที่เรียนดีๆ ลูกชายเค้าต้องทำได้แน่นอน คิดอย่างพ่อที่มีความหวังในอนาคตอันใกล้ การเห็นความสำคัญ
ของการศึกษาที่จะสร้างฐานรากให้ลูก วิภพจึงพยายามส่งเสียให้ลูกได้เรียนโรงเรียนดีๆ แม้ตัวเองจะลำบากเท่าไหร่ก็ตาม
น้องน๊อตเป็นเด็กเรียนเก่ง ขยัน เชื่อฟังพ่อแม่ และการที่น้องน๊อต สอบได้เกรด 4 ทุกวิชามาตลอดสามปีของมัธยมปลาย
ในโรงเรียนนานาชาติ ที่น้องน๊อตเรียนอยู่ ยิ่งสร้างความหวังและแรงใจให้วิภพ เร่งหาเงินเพื่อลูกมากขึ้น
แต่เหมือนโชคชะตาจะลำเอียง ไม่มีอะไรที่จะดีไปหมด ในชีวิตเขา เพราะเมื่อ ภรรยา ต้องมาล้มป่วยกระเสาะกระแสะด้วยโรคธาลัสซีเมีย
จึงทำให้นุชนารถทำงานหนักไม่ได้ และอาการอ่อนเพลียหน้ามืดเป็นลมบ่อยๆ ก็ทำให้เธอต้องลาออกจากงานมา
ดูแลบ้านกับลูกชายอย่างเดียวเท่านั้น
วิภพ..นั่งนึกย้อนไปในอดีต เมื่อก่อน ตำแหน่งผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อของบริษัทค้าอะไหล่รถยนต์ สร้างฐานะให้เค้าได้พอควร
เปอร์เซ็นในการจัดซื้อในสินค้าแต่ละตัว ทำรายได้เข้าบัญชีให้เขา โดยมีตัวเลขเดือนละไม่ต่ำกว่าเลข 6 หลัก เลยทีเดียว
หน้าที่การเป็นหัวหน้าครอบครัวของวิภพ จึงไม่มีความกังวลแต่อย่างใด วิภพใช้ชีวิตอย่างหรูหราฟุ่มเฟือย อย่างมีความสุข
และถ้าทุกคนในบ้านต้องการอะไร วิภพก็จะหามาให้อย่างที่ลูกและเมียต้องการ
เกือบห้าปี ที่วิภพทำงานที่บริษัทนี้ วิภพจะวิ่งเต้นสร้างสะพานให้ตัวเองตลอด ของขวัญของฝาก ในแต่ละครั้งที่วิภพไปต่างประเทศ
ไม่ว่าจะไปดูงานหรือไปเที่ยว วิภพจะมีติดไม้ติดมือมาฝากทุกๆคนเสมอ ตั้งแต่ ยาม เสมียน บัญชี จนถึงผู้จัดการฝ่ายทุกฝ่าย
วิภพ จึงเป็นที่รักของทุกคนในบริษัทและการกินตามน้ำของเขา จึงไม่มีใครสนใจ
แต่วันนี้มันเปลี่ยนไปแล้ว วิภพตกงานและถูกดำเนินคดีในข้อหาฉ้อโกง เขากลับมาทบทวนจุดเปลี่ยนในชีวิตที่เกิดขึ้น ถ้าเขาไม่โลภ
และพอใจกับสิ่งที่เป็นอยู่ เขาคงไม่มีชะตากรรมเช่นนี้ บ้านกำลังจะถูกยึด ถูกฟ้องร้อง เพื่อนฝูงญาติมิตรหนีหาย
ไม่มีงาน ไม่มีเงินแม้แต่จะซื้อข้าวกิน เขาต้องขายของในบ้านที่ละชิ้นเพื่อความอยู่รอดของครอบครัว
เพราะความโลภของเขาที่ไม่รู้จักพอ การโกงบริษัทจึงเกิดขึ้น โดยการปลอมลายเซ็นและสับเปลี่ยนสินค้า เขาวางแผนเอาสินค้าราคาถูก
และด้อยคุณภาพมาสับเปลี่ยน เพื่อนำสินค้าที่บริษัทสั่งมาไปขายต่ออีกทีหนึ่ง เขาจึงได้กำไรจากส่วนต่างถึงสองทาง
ความจริงครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่วิภพทำ เขาทำมันมาสามครั้งแล้ว แต่ยังไม่มีใครจับได้และในแต่ละครั้งเขาก็จะได้เงินจากการโกงส่วนต่าง
เป็นก้อนใหญ่มาก มันจึงทำให้เขาย่ามใจ และถลำลึกลงไปอย่างลืมตัว
ในที่สุด เขาก็พลาด เพราะเขาไม่รู้เลยว่าเขาถูกจับตามองจากฝ่ายตรวจสอบ และในที่สุดเขาก็โดนจับได้ ถูกไล่ออกพร้อมกับดำเนินคดี
เงินทั้งหมดที่เขามีจึงถูกอายัด และนำมาต่อสู้คดี แต่กว่าคดีจะจบ วิภพก็ต้องพบกับความลำบากในการหางานใหม่ เงินก็ไม่มี ญาติพี่น้อง
เพื่อนฝูงก็ปฎิเสธความช่วยเหลือ เนื่องจากการกระทำของเขาเอง เมื่อชีวิตต้องดำเนินต่อไปและลูกชายคนเดียวที่เป็นความหวังยังอยู่
เขาต้องหารายได้มาเลี้ยงครอบครัว แต่ไม่รู้จะหาทางออกอย่างไรดี ...วิภพนั่งกุมขมับอย่างเหนื่อยหน่ายและท้อแท้
วิภพนั่งอยุ่หน้าบ้านเป็นเวลานานเท่าไหร่ เขาเองก็ไม่รู้ จนกระทั่งป้าสร้อยและ ลุงสม สองสามีภรรยา ข้างบ้านเดินผ่านมาอย่างเร่งรีบ
เขากำลังจะลุกขึ้นถามว่าที่บ้านของเขาไปไหนหมด แต่สองคนนั้นกลับไม่มองและสนใจวิภพเลย เขารู้ว่า ตั้งแต่เค้าโดนคดีคนในซอยนี้
แทบจะไม่มีใครคุยกับเขาเลย คงรังเกียจที่เขาเป็นคนโกง
ยิงคิดยิ่งรู้สึกเจ็บช้ำกับตัวเอง แต่ตอนนี้เขาไม่มีโอกาสกลับไปแก้ไขอะไรได้อีกแล้ว นอกจากทำยังไงที่จะหาเงินได้มากๆ
เพื่อมาจ่ายค่าเทอมให้ลูก และประทังชีวิตให้อยู่รอด
แล้วความคิดก็ฝุดขึ้นมาอย่างเร็ว โทรศัพท์มือถือ !! โทรศัพท์มือถือมันอยู่ในกระเป๋าเครื่องมือของเค้า มันหายไป !!!!
ถ้าเจอโทรศัพท์! ถ้าเจอโทรศัพท์ ! เขาคงโทรหาเมียกับลูกได้ แต่ตอนนี้มันหายไปไหน ? มันคงตกอยู่ข้างทางรถไฟนั่นแหล่ะ
เขาต้องกลับไปหามัน !!!
วิภพกึ่งเดินกึ่งวิ่งกลับมาที่เก่า ภาวนาในใจขอให้กระเป๋าเครื่องมือยังอยู่ ขอให้เจอมัน และถ้าเจอมัน เขายังมีโอกาสอีกครั้งแน่ๆ
และคราวนี้เขาจะไม่ตกใจวิ่งหนีหมาจรจัดที่เห่าใส่เขาตัวนั้นอีกแล้ว ด้วยเงินที่มีอยู่น้อยนิด เขาจะหาซื้อไก่ย่างไปล่อมัน
เพื่อที่ให้มันคุ้นเคยกับเขาและปล่อยให้เขาลงมืองัดแงะบ้านหลังนั้น บ้าน ที่เป็นเป้าหมายเพื่อเข้าไปขโมยของ
เจ้าของบ้านคงยังไม่กลับมา วิภพ มาสำรวจบ้านนี้หลายครั้งแล้ว จดเวลาเข้าออกของเจ้าของบ้าน จนรู้เวลาที่แน่นอน
ว่าเจ้าของบ้านจะมาเวลาไหน และเมื่อแน่ใจ วิภพจึงตัดสินใจที่จะเข้าไปขโมย
รถมอเตอร์ไซค์สายตรวจคันนั้น คงไม่ย้อนกลับมาอีกหลังจากเซ็นชื่อใส่ตู้แดงไปแล้ว นึกขึ้นมาก็ขำกับตัวเอง การงัดแงะครั้งแรก
ทำเอาเขาสติแตกได้ง่ายจริงๆ แค่หมาเห่ากับสายตรวจ ทำเอาเขาวิ่งแบบไม่คิดชีวิตเลย แต่ครั้งนี้เขามีประสบการณ์แล้ว ต้องใจเย็น
งานครั้งนี้จะสำเร็จแน่นอน พรุ่งนี้เขาจะมีเงินให้ลูกเป็นค่าเทอม
(((..หว๋อ..หว๋อ..))) เสียงรถมูลนิธิ เปิดหวออยู่ไม่ไกล ไฟไซเรน หมุนกระพริบอย่างเร่งเร้าความรู้สึกอยากรู้อยากเห็นของเขาให้ตื่นขึ้น
อีกไม่กี่เมตร ก็จะถึงจุดที่เขาทำกระเป๋าตกไว้.....แต่..ทำไมคนเยอะจัง เกิดอะไรขึ้น !!
วิภพ เห็นป้าสร้อยและลุงสมกอดกันกลมอยู่ ป้าสร้อยเอามือปิดหน้าเหมือนไม่อยากมองสิ่งที่อยู่ตรงหน้า เสียงแว่วๆของคนข้างหน้า
บอกว่ามีคนถูกรถไฟชนตาย วิภพ รู้สึกพะอืดพะอมขึ้นมาทันที เขาเพิ่งผ่านตรงนี้มาเอง รถไฟยังเปิดหวูดใส่เขาอยู่เลย
ใครกันหนอช่างโชคร้ายเหลือเกิน วิภพ แหวกผู้คนเข้าไปดูอย่างอยากรู้ว่าใคร
คนตายถูกคลุมด้วยผ้าขาว สภาพศพ แหลกเละเพราะถูกรถไฟทับร่าง เลือดกระจายไปทั่วส่งกลิ่นคาวคละคลุ้ง อย่างสะอิดสะเอียน
วิภพ เหมือนอยากจะอาเจียนออกมา และคิดว่าไม่ควรอยู่ตรงนี้นานๆ แต่ก่อนที่จะหันหลังกลับ
พลันสายตาของเขาก็ไปกระทบกับสิ่งหนึ่งที่อยู่ข้างๆศพ กระเป๋าหนังสีดำจาคอป ใบนั้นมันสะดุดตาเค้ามาก ลายคาดกระเป๋าสีน้ำตาลเทา
และตำหนิที่มีรอยขีดอยู่ด้านบน มันเป็นรอยขีดที่เขาเผลอไปโดนตอนที่เค้ารีบเอาไขควงใส่ลงไป ดูแล้วทำไมมันเหมือนของเขาเหลือเกิน
ทั้งสีขนาดและตำหนิ แล้ว..........โทรศัทพ์เครื่องนั้น โทรศัพท์ ซัมซุง ถูกวางไว้ข้างศพ....
พระเจ้า...นี่มันโทรศัพท์ของเขานี่ !!!
เสียงร้องไห้อย่างโหยหวนสะอึกสะอื้นอย่างคุ้นเคยของคนสองคนดังเข้ามาในหูเขา เสียงนี้เขาจำได้ดี เป็นเสียงที่เขารู้สึก
ถึงความรักและผูกพันที่มีมานาน ซึ่งมันทำให้เขาต้องรีบหาที่มาของเสียงนั้น และ....เมื่อเห็นที่มาของเสียง
ความรู้สึกเย็นวาบจากปลายเท้าวิ่งก็ขึ้นมาสู่ใบหน้าของวิภพ อย่างรวดเร็ว
ภาพของหญิงแม่ลูกที่กอดกันร้องไห้อยู่สองคนทำให้ วิภพ ต้องยืนตะลึงอยู่อย่างนั้น............
“ พี่วิภพ อย่าทิ้ง นุช กับลูกไป แล้วนุชกับน้องน๊อตจะอยู่ยังไง .....ฮือ..ฮือ.........