บันทึกของคนเดินเท้า
ตำนานสามก๊กฉบับลิ่วล้อของเล่าเซี่ยงชุน
“เทพารักษ์”
วรรณกรรมไทยจากพงศาวดารจีนเรื่องสามก๊ก ได้ก่อกำเนิดขึ้นในเมืองไทยเมื่อประมาณ พ.ศ.๒๓๔๕ ในรัชกาลที่ ๑ โดยคณะผู้แปลจากภาษาจีนเป็นภาษาไทย อันมี เจ้าพระยาพระคลัง (หน) เป็นผู้อำนวยการ เป็นหนังสือเขียน ๙๕ เล่มสมุดไทย และได้พิมพ์เป็นครั้งแรกในรัชกาลที่ ๔ เมื่อ พ.ศ.๒๔๐๘ เป็นหนังสือ ๔ เล่ม
ต่อจากนั้นมาอีกประมาณเกือบ ๘๐ ปี จึงมีนักเขียนท่านอื่น ได้เรียบเรียงนิยายอิงพงศาวดารจีนเรื่องสามก๊ก เพิ่มขึ้นจากฉบับแรกอีกมากมายหลายสำนวน เช่น สามก๊กฉบับวนิพก ที่เรียบเรียงมาจากฉบับภาษาอังกฤษของ C.H.Brewitt Taylor เริ่มตั้งแต่ พ.ศ.๒๔๘๖ เป็นต้นมา และสามก๊กฉบับนายทุน ที่เรียบเรียงมาจากฉบับของท่าน เจ้าพระยาพระคลัง(หน) เริ่มตั้งแต่ พ.ศ.๒๔๙๓ เป็นต้น และมีอีกหลายฉบับที่แปลมาจากภาษาจีน และบางฉบับก็แปลมาจากประวัติศาสตร์จีนโดยตรง
สามก๊กฉบับลิ่วล้อ นั้น ถือกำเนิดมาจากความที่อ่านสามก๊กฉบับอื่นมามากมาย แต่ไม่เห็นฉบับใดให้ความสำคัญกับตัวละครระดับรอง ๆ ลงมาเลย คงผลัดกันเสนอเรื่องราวที่เกี่ยวกับตัวเอก ไม่ถึงยี่สิบคน จึงเริ่มจับตัวละครคนแรกคือ “แปะเฉีย...เฒ่าผู้อาภัพ” เป็นคนแรกลงพิมพ์ในนิตยสารทหารสื่อสาร ฉบับเดือนกันยายน ๒๕๓๓ เป็นประเดิมโดยใช้ชื่ออื่น จนถึงฉบับเดือนมกราคม ๒๕๓๔ “ฮัวหยง...ผู้เปิดสารบบนักรบให้ทหารเลว” จึงได้ใช้ชื่อ “เล่าเซี่ยงชุน” เป็นยี่ห้อ เพราะตั้งใจแล้วว่าจะเรียบเรียงนิยายเรื่องสามก๊ก จากฉบับหลวง โดยไม่วิเคราะห์ วิจารณ์ หรือวิพากย์ อย่างใด เพียงแต่จะเล่าเรื่องที่เกี่ยวพันกับตัวละครชั้นผู้น้อยระเรื่อยขึ้นไปจนกว่าจะหมดอารมณ์
เรียกว่า สามก๊กฉบับลิ่วล้อ โดยผู้เรียบเรียงระดับลิ่วล้อ ว่างั้นเถอะ และจะได้ยึดเป็นอาชีพใหม่ หลังจากเกษียณอายุราชการตั้งแต่เดือน ตุลาคม ๒๕๓๕ เป็นต้นไป แต่ก็ไม่ทันต่อพลังใจที่คุโพลงขึ้นจึงได้เริ่มส่งต้นฉบับออกไปยังวารสารภายนอกด้วยชุด “บังเต๊ก...ผู้แบกโลงผีไปรบ” ซึ่งลงพิมพ์ใน เสนาสาร หนังสือของสำนักเลขานุการกองทัพบก เมื่อ กรกฎาคม ๒๕๓๔ เป็นต้นมา จนจบชุด
พร้อม ๆ กับชุด ”อ้องอุ้น...ผู้ใช้สตรีกำจัดศัตรู” ได้ลงพิมพ์ใน ฟ้าหม่น วารสารของเหล่าทหารม้า ฉบับ พฤศจิกายน ๒๕๓๔ และ “ลิฉุย-กุยกี...คู่แฝดสันดานทรชน” ในวารสาร กองพลทหารราบที่ ๔ ฉบับ มกราคม ๒๕๓๕ และ “ซุนเกี๋ยน...ผู้ผิดคำสาบาน” ในวารสาร กองพลทหารราบที่ ๓ ฉบับ มกราคม ๒๕๓๕ พร้อม ๆ กัน
เมื่อได้รับการต้อนรับจากวารสารของทหารดังนั้นแล้ว จึงเกิดกำลังใจให้ตั้งหน้าตั้งตา เรียบเรียงชุดต่อ ๆ มาหลังจากเกษียณอายุราชการ อย่างชนิดเอาเป็นเอาตาย ขนาดต้องนั่งโต๊ะเขียนหนังสือ วันละหกชั่วโมง เหมือนรับราชการยังไงยังงั้นเลยทีเดียว จึงมีผลงานปรากฏในนิตยสาร ยุทธโกษ วารสารหลักของกองทัพบก ตั้งแต่ ตุลาคม ๒๕๓๖ หลักเมือง วารสารของกระทรวงกลาโหม ตั้งแต่ ธันวาคม ๒๕๓๖ ทหารปืนใหญ่ และ สรรพาวุธทหารบก ตั้งแต่ มกราคม ๒๕๓๘ พร้อมกัน สุรสิงหนาท วารสารของ กองพลทหารราบที่ ๙ ตั้งแต่มีนาคม ๒๕๓๘
แล้วก็ขยายออกไปถึง โล่เงิน นิตยสารในวงการตำรวจ ตั้งแต่ เมษายน ๒๕๓๘ วารสารสยามอารยะ ของสยามสมาคม ตั้งแต่ พฤษภาคม ๒๕๓๘ วารสารรักษาดินแดน ตั้งแต่ กรกฎาคม ๒๕๓๘ วารสารกองพลทหารม้าที่ ๑ เพชรบูรณ์ ตั้งแต่ พฤษภาคม ๒๕๓๙ วารสารทหารช่าง ตั้งแต่ ธันวาคม ๒๕๓๙ นิตยสารต่วยตูน ตั้งแต่ มีนาคม ๒๕๔๔ และ ข่าวทหารอากาศ ตั้งแต่ พฤษภาคม ๒๕๔๖ เป็นลำดับสุดท้าย
ทั้งหมดนั้นเป็นวารสารรายเดือน รายสองเดือน และรายสามเดือน ส่วนใหญ่ลงพิมพ์ สามก๊กฉบับลิ่วล้อ และ “ซ้องกั๋ง...ขุนโจรแห่งเขาเนียซัวเปาะ” จนได้พิมพ์รวมเล่ม จากสำนักพิมพ์ประพันธ์สาส์นเป็นครั้งแรก ชุด สามก็กฉบับลิ่วล้อ สามเล่มรวม ๑๑๐ ชุด เมื่อ พ.ศ.๒๕๔๑ “ซ้องก๋ง...วีรบุรุษแห่งเขาเหลียงซาน” เมื่อ พ.ศ.๒๕๔๕ “อวสานสามก๊ก” โดยสำนักพิมพ์อินฟอร์มีเดียบุ๊คส์ เมื่อ พ.ศ.๒๕๔๖ และ “ปกิณกะสามก๊ก” เมื่อ พ.ศ.๒๕๔๗
และแล้ววารสารต่าง ๆ ก็เลิกราการนำสามก๊กของ “เล่าเซี่ยงชุน” ลงพิมพ์ไปทีละรายสองรายจนในปัจจุบันคงเหลือแต่ ฟ้าหม่น วารสารของเหล่าทหารม้า และกองพลทหารม้าที่ ๑ กับ วารสาร ข่าวทหารอากาศ เท่านั้น
กับได้เริ่มกิจกรรมใหม่ขึ้นในอินเตอร์เนท เวปพันทิป ที่ถนนนักเขียน ของห้องสมุด ตั้งแต่ มกราคม ๒๕๔๗ จนถึง มกราคม ๒๕๕๒ รวมเวลาห้าปี ก็สามารถนำสามก๊ก ของ “เล่าเซี่ยงชุน” มาวางได้หมดทุกตอน และรวบรวมไว้ในบล็อกของ “เจียวต้าย” เป็นจำนวนเกือบสองร้อยตอน กับนิยายอิงพงศาวดารจีนเรื่องอื่น ๆ อีกสองร้อยกว่าตอน
พร้อมกันนี้งานเขียนของ “เล่าเซี่ยงชุน” ก็คงจะต้องจางหายไปจากความทรงจำของผู้อ่าน
ในวงการหนังสือ จะเหลือเป็นอนุสรณ์อยู่ก็แต่ในเวปพันทิปนี้
เท่านั้น..
###########
ตำนานสามก๊กฉบับลิ่วล้อ ๒๒ ต.ค.๕๘
ตำนานสามก๊กฉบับลิ่วล้อของเล่าเซี่ยงชุน
“เทพารักษ์”
วรรณกรรมไทยจากพงศาวดารจีนเรื่องสามก๊ก ได้ก่อกำเนิดขึ้นในเมืองไทยเมื่อประมาณ พ.ศ.๒๓๔๕ ในรัชกาลที่ ๑ โดยคณะผู้แปลจากภาษาจีนเป็นภาษาไทย อันมี เจ้าพระยาพระคลัง (หน) เป็นผู้อำนวยการ เป็นหนังสือเขียน ๙๕ เล่มสมุดไทย และได้พิมพ์เป็นครั้งแรกในรัชกาลที่ ๔ เมื่อ พ.ศ.๒๔๐๘ เป็นหนังสือ ๔ เล่ม
ต่อจากนั้นมาอีกประมาณเกือบ ๘๐ ปี จึงมีนักเขียนท่านอื่น ได้เรียบเรียงนิยายอิงพงศาวดารจีนเรื่องสามก๊ก เพิ่มขึ้นจากฉบับแรกอีกมากมายหลายสำนวน เช่น สามก๊กฉบับวนิพก ที่เรียบเรียงมาจากฉบับภาษาอังกฤษของ C.H.Brewitt Taylor เริ่มตั้งแต่ พ.ศ.๒๔๘๖ เป็นต้นมา และสามก๊กฉบับนายทุน ที่เรียบเรียงมาจากฉบับของท่าน เจ้าพระยาพระคลัง(หน) เริ่มตั้งแต่ พ.ศ.๒๔๙๓ เป็นต้น และมีอีกหลายฉบับที่แปลมาจากภาษาจีน และบางฉบับก็แปลมาจากประวัติศาสตร์จีนโดยตรง
สามก๊กฉบับลิ่วล้อ นั้น ถือกำเนิดมาจากความที่อ่านสามก๊กฉบับอื่นมามากมาย แต่ไม่เห็นฉบับใดให้ความสำคัญกับตัวละครระดับรอง ๆ ลงมาเลย คงผลัดกันเสนอเรื่องราวที่เกี่ยวกับตัวเอก ไม่ถึงยี่สิบคน จึงเริ่มจับตัวละครคนแรกคือ “แปะเฉีย...เฒ่าผู้อาภัพ” เป็นคนแรกลงพิมพ์ในนิตยสารทหารสื่อสาร ฉบับเดือนกันยายน ๒๕๓๓ เป็นประเดิมโดยใช้ชื่ออื่น จนถึงฉบับเดือนมกราคม ๒๕๓๔ “ฮัวหยง...ผู้เปิดสารบบนักรบให้ทหารเลว” จึงได้ใช้ชื่อ “เล่าเซี่ยงชุน” เป็นยี่ห้อ เพราะตั้งใจแล้วว่าจะเรียบเรียงนิยายเรื่องสามก๊ก จากฉบับหลวง โดยไม่วิเคราะห์ วิจารณ์ หรือวิพากย์ อย่างใด เพียงแต่จะเล่าเรื่องที่เกี่ยวพันกับตัวละครชั้นผู้น้อยระเรื่อยขึ้นไปจนกว่าจะหมดอารมณ์
เรียกว่า สามก๊กฉบับลิ่วล้อ โดยผู้เรียบเรียงระดับลิ่วล้อ ว่างั้นเถอะ และจะได้ยึดเป็นอาชีพใหม่ หลังจากเกษียณอายุราชการตั้งแต่เดือน ตุลาคม ๒๕๓๕ เป็นต้นไป แต่ก็ไม่ทันต่อพลังใจที่คุโพลงขึ้นจึงได้เริ่มส่งต้นฉบับออกไปยังวารสารภายนอกด้วยชุด “บังเต๊ก...ผู้แบกโลงผีไปรบ” ซึ่งลงพิมพ์ใน เสนาสาร หนังสือของสำนักเลขานุการกองทัพบก เมื่อ กรกฎาคม ๒๕๓๔ เป็นต้นมา จนจบชุด
พร้อม ๆ กับชุด ”อ้องอุ้น...ผู้ใช้สตรีกำจัดศัตรู” ได้ลงพิมพ์ใน ฟ้าหม่น วารสารของเหล่าทหารม้า ฉบับ พฤศจิกายน ๒๕๓๔ และ “ลิฉุย-กุยกี...คู่แฝดสันดานทรชน” ในวารสาร กองพลทหารราบที่ ๔ ฉบับ มกราคม ๒๕๓๕ และ “ซุนเกี๋ยน...ผู้ผิดคำสาบาน” ในวารสาร กองพลทหารราบที่ ๓ ฉบับ มกราคม ๒๕๓๕ พร้อม ๆ กัน
เมื่อได้รับการต้อนรับจากวารสารของทหารดังนั้นแล้ว จึงเกิดกำลังใจให้ตั้งหน้าตั้งตา เรียบเรียงชุดต่อ ๆ มาหลังจากเกษียณอายุราชการ อย่างชนิดเอาเป็นเอาตาย ขนาดต้องนั่งโต๊ะเขียนหนังสือ วันละหกชั่วโมง เหมือนรับราชการยังไงยังงั้นเลยทีเดียว จึงมีผลงานปรากฏในนิตยสาร ยุทธโกษ วารสารหลักของกองทัพบก ตั้งแต่ ตุลาคม ๒๕๓๖ หลักเมือง วารสารของกระทรวงกลาโหม ตั้งแต่ ธันวาคม ๒๕๓๖ ทหารปืนใหญ่ และ สรรพาวุธทหารบก ตั้งแต่ มกราคม ๒๕๓๘ พร้อมกัน สุรสิงหนาท วารสารของ กองพลทหารราบที่ ๙ ตั้งแต่มีนาคม ๒๕๓๘
แล้วก็ขยายออกไปถึง โล่เงิน นิตยสารในวงการตำรวจ ตั้งแต่ เมษายน ๒๕๓๘ วารสารสยามอารยะ ของสยามสมาคม ตั้งแต่ พฤษภาคม ๒๕๓๘ วารสารรักษาดินแดน ตั้งแต่ กรกฎาคม ๒๕๓๘ วารสารกองพลทหารม้าที่ ๑ เพชรบูรณ์ ตั้งแต่ พฤษภาคม ๒๕๓๙ วารสารทหารช่าง ตั้งแต่ ธันวาคม ๒๕๓๙ นิตยสารต่วยตูน ตั้งแต่ มีนาคม ๒๕๔๔ และ ข่าวทหารอากาศ ตั้งแต่ พฤษภาคม ๒๕๔๖ เป็นลำดับสุดท้าย
ทั้งหมดนั้นเป็นวารสารรายเดือน รายสองเดือน และรายสามเดือน ส่วนใหญ่ลงพิมพ์ สามก๊กฉบับลิ่วล้อ และ “ซ้องกั๋ง...ขุนโจรแห่งเขาเนียซัวเปาะ” จนได้พิมพ์รวมเล่ม จากสำนักพิมพ์ประพันธ์สาส์นเป็นครั้งแรก ชุด สามก็กฉบับลิ่วล้อ สามเล่มรวม ๑๑๐ ชุด เมื่อ พ.ศ.๒๕๔๑ “ซ้องก๋ง...วีรบุรุษแห่งเขาเหลียงซาน” เมื่อ พ.ศ.๒๕๔๕ “อวสานสามก๊ก” โดยสำนักพิมพ์อินฟอร์มีเดียบุ๊คส์ เมื่อ พ.ศ.๒๕๔๖ และ “ปกิณกะสามก๊ก” เมื่อ พ.ศ.๒๕๔๗
และแล้ววารสารต่าง ๆ ก็เลิกราการนำสามก๊กของ “เล่าเซี่ยงชุน” ลงพิมพ์ไปทีละรายสองรายจนในปัจจุบันคงเหลือแต่ ฟ้าหม่น วารสารของเหล่าทหารม้า และกองพลทหารม้าที่ ๑ กับ วารสาร ข่าวทหารอากาศ เท่านั้น
กับได้เริ่มกิจกรรมใหม่ขึ้นในอินเตอร์เนท เวปพันทิป ที่ถนนนักเขียน ของห้องสมุด ตั้งแต่ มกราคม ๒๕๔๗ จนถึง มกราคม ๒๕๕๒ รวมเวลาห้าปี ก็สามารถนำสามก๊ก ของ “เล่าเซี่ยงชุน” มาวางได้หมดทุกตอน และรวบรวมไว้ในบล็อกของ “เจียวต้าย” เป็นจำนวนเกือบสองร้อยตอน กับนิยายอิงพงศาวดารจีนเรื่องอื่น ๆ อีกสองร้อยกว่าตอน
พร้อมกันนี้งานเขียนของ “เล่าเซี่ยงชุน” ก็คงจะต้องจางหายไปจากความทรงจำของผู้อ่าน
ในวงการหนังสือ จะเหลือเป็นอนุสรณ์อยู่ก็แต่ในเวปพันทิปนี้
เท่านั้น..
###########