ต้องขอเกริ่นก่อนว่าทริปนี้เป็นทริปที่แทบจะไม่ได้แพลนอะไรไว้เลยว่าจะพักกี่คืน จะไปไหนบ้าง เพราะจริงๆเป็นทริปที่ตั้งจัยเซอไพร้วันเกิดแฟนค่ะ เราเชื่อว่าการเลือกซื้อของขวัญหั้ยแฟนเป็นปัญหาของใครหลายคน เนื่องจากเรากะแฟนเป็นคนชอบเที่ยวมากกก และทะเลคือเป้าหมายหลักก้อเลยตัดสินจัยว่าจะซื้อที่พักเนี่ยแร่ะเป็นของขวัญวันเกิดหั้ยแฟน แล้วจึงเริ่มเซิสว่าจะไปไหนดีที่เดินทางสะดวก ขับรถไปได้ ไม่ไกลมาก เสม็ดก้อเพิ่งไปมาก้อเลยจัดเกาะช้างนี่ล่ะค่ะ
บังเอิญเห็น feed จาก fb มีโปรโมชั่น 3 วัน 2 คืน
พักที่ Pajamas Hostel รวมดำน้ำ และอาหาร 5 มื้อ ราคา 2990/คน เท่านั้น (นอนห้องส่วนตัวนะคะ) เหยื่อการตลาดอย่างเราก้อไม่พลาดที่จะคลิกเข้าไป พออ่านรายละเอียดประกอบกับเก็บข้อมูลมาเล็กๆน้อยๆแล้วก็รีบติดต่อจองห้องพักที่ pajamas เลยค่ะ แต่ถ้าบางคนชอบเที่ยวสไตล์ฝรั่งแบ็คแพ็คเลือกห้องนอนรวม Dormitory room ก็แค่คนละ 2,290 บาทเองค่ะ อ่อโปรนี้หมดสิ้นเดือน ต.ค.นี้นะคะ คือเราไปมาตั้งแต่วันที่ 9 ที่ผ่านมากค่ะ หลังจากตัดสินจัยบอกแฟนก่อนวันเกิด 1 วัน ว่าจองที่พักเกาะช้างไว้ค่ะ เซอไพร้มั๊ยล่ะ 555
Day 1…คาเฟ่ริมทะเล + chill out หาดทรายขาว
เราออกเดินทางจาก กทม. ตั้งแต่ตี 2 ค่ะ ขับไปทางมอเตอร์เวย์ ระยะทางประมาณ 315 กม. ขับแบบคลำทางและแวะพักไปเรื่อยๆเพราะทางไม่ค่อยดีนักประกอบกับค่อนข้างมืดมากถึงมากที่สุดค่ะ กว่าจะถึง
ท่าเรือเฟอร์รี่ (อ่าวธรรมชาติ) ก้อ 6 โมงเช้า รอขึ้นเรือเที่ยวแรก 06.30 พอดีเลย
ไปถึงเราจะเห็นรถจอดต่อแถวรอจ่ายตั้งหลายคันเลยค่ะ ขับไปต่อแถวรอได้เลย
ค่านำรถข้ามฟากคันละ 120 ค่าโดยสารเรือ คนละ 80 บาทค่ะ เช้านี้คนยังไม่เยอะมากเพราะน่าจะยังเช้าอยู่ ใช้เวลาอยู่บนเรือแค่ครึ่งชม.ก้อถึงเกาะช้างแล้วค่ะ เราพักที่อ่าวคลองพร้าว จากท่าเรือเฟอร์รี่ ขับไปทางขวาประมาณ 13 กม. ก้อถึงที่พักสุดฮิปของเรา จริงๆจุดขายที่นี่น่าจะเป็นห้อง dorm ที่เป็น hostel เหมาะสำหรับชาวต่างชาติที่ backpack มาเที่ยวค่ะ แต่คนไทยอย่างเราก้อเลือกห้อง private ไว้ เป็น deluxe room ค่ะ ห้องไพรเวทนี่มีแค่ 12 ห้องเท่านั้นนะคะอยู่ติดริมสระว่ายน้ำเลย ที่นี่เป็นรีสอร์ทที่ไม่ใหญ่มาก น่ารัก อบอุ่น ตกแต่งได้น่ารักมาก ประทับจัยตั้งแต่ก้าวแรกเลยเพราะว่าจะต้องถอดรองเท้าตั้งแต่ทางเข้าเลยค่ะ อารมณ์เหมือนสมัยอยู่หอพักในมหาลัย ยังงัยอย่างงั้นเลย น่าจะเป็นส่วนหนึ่งที่ทำหั้ยที่นี่ดูสะอาดสะอ้าน ดีทีเดียว เข้าไปก้อจะเป็น Lobby ที่ตกแต่งเหมือนเป็นห้องนั่งเล่นในบ้านเลยค่ะ มีโต๊ะ เก้าอี้และก้อโซฟาสำหรับนั่งเล่น ทีวี เครื่องเล่น dvd โต๊ะคอมฯ
มีบีนแบ๊กเรียงหลายอัน ช่วงสายๆกะตอนเย็นๆเนี่ยเจ้าบีนแบ๊กจะฮอตเป็นพิเศษ เพราะแขก เอ้ย !! ฝรั่งที่มาพักต่างจับจองนั่งนอนกันรอบๆสระน้ำเลย บางคนก้อนอนเล่น อ่านหนังสือบ้าง เล่นมือถือบ้าง จิบเบียร์บ้าง มันชิวจริงๆ
ส่วนของสระว่ายน้ำ เป็นสระขนาดเล็กเก๋ตรงที่ใต้สระเป็นชื่อที่พัก น่าจะเป็นมุมฮิตอีกมุมที่ถ่ายรูป check in ของทีนี่เลยทีเดียวค่ะ เหมาะกับการนอนลอยตัวบนแพเป่าลมลอยน้ำชิวๆ หรือนั่งเล่นริมสระดื่มด่ำบรรยากาศมากกว่าจะมาว่ายจริงจังนะคะ
มาถึงตัวห้องพักบ้างค่ะ เราพักห้องไพรเวทค่ะ ที่นี่รู้สึกจะมีแค่ 12เท่านั้น ห้องเท่านั้นอยู่ริมสระว่ายน้ำเลย ตกแต่งด้วยสีขาวขนาดกะทัดรัดอบอุ่น ในห้องไม่มีตู้เสื้อผ้านะคะจะมีราวสำหรับแขวนละก้อโต๊ะวางของ มีตู้เย็น ทีวี ตู้เซฟปกติค่ะ ด้านหน้าห้องมีพื้นที่วางเตียงผ้าใบ 2 ตัวสำหรับนั่งชิวอีกด้วย แต่ว่าไม่ได้ถ่ายรูปหน้าห้องมาค่ะ
เก็บของเสร็จแล้วแอบขออนุญาติเจ้าขอหั้ยพาไปส่องห้องดอร์มมาด้วยค่ะ ส่วนนั้นจริงๆถ้าเราไม่ได้พักเข้าไม่ได้นะคะ ต้องใช้คีย์การ์ดเข้าค่ะเพื่อความปลอดภัย ส่วนนี้เป็นตึก 3 ชั้น จะแยกเป็นห้องนอนรวม กับห้องหญิงล้วนค่ะ แต่ละห้องจะมีห้องละ 4 เตียง เป็นเตียง 2 ชั้น เพราะฉะนั้นพักได้ห้องละ 8 คนค่ะ ภายในตกแต่งด้วยโทนสีฟ้าขาว ดูสบายตาและสะอาดมากๆเลย ห้องน้ำถึงจะเป็นห้องน้ำรวมแต่สะอาดมากค่ะ ไม่ต้องกังวลเลย วิวจากบนห้องดอร์มฝั่งหนึ่งมองเห็นสระว่ายน้ำ ส่วนอีกฝั่งก้อมองเห็นทะเลด้วยนะคะ
สำรวจเสร็จแล้วดินไปทานอาหารกลางวันก่อนค่ะ ที่
หนองบัวซีฟู้ดอยู่ติดกับที่พักเลยค่ะ แน่นอนสิคะก้อเค้าเจ้าของเดียวกัน อาหารที่นี่ราคาไม่แพงเลย รสชาติดีอีกด้วย พออิ่มท้องแล้วเราก้อออกไปตามหาร้านกาแฟวิวสวยกันค่ะ สอบถามจากเจ้าของรีสอร์ทนั่นแล่ะค่ะ เค้าแนะนำร้านนี้ ไปไกลซะหน่อยนะคะ ประมาณ 20 โลได้ค่ะ แต่เพื่อวิวสวยๆระยะไม่ใช่ปัญหาค่ะ ขับชมวิวแวะถ่ายรูปเรื่อยๆ ระหว่างทางก่อนถึงร้านกาแฟจะมีสะพานที่ยื่นออกไปในทะเล และวิวข้างทางก้อสวยทีเดียว
ถึงแล้ว
The Coffee Home by Na Tara ร้านนี้น่าจะเป็นอีกส่วนของ ณ ธารา รีสอร์ทค่ะ ต้องบอกว่าวิวที่นี่โหดจริงๆ นอกจากจะมองเห็นทะเลไกลสุดลูกหูลูกตาแล้ว ไฮไลต์ของร้านเค้าจะมีลำธารไหลจากตรงกลางร้านลงสู่ทะเลอีกด้วย แล้วตรงนั้นจะมีชิงช้าให้ไปนั่งถ่ายรูปชิคๆไปอีก หูยยยฟินค่ะ ที่สำคัญราคาไม่แพงเลย กาแฟเย็นก้ออยู่ที่แก้วละ 70 ค่ะ แต่ราคาอาหารนี่โหดเอาเรื่อง เพราะว่าน่าจะเป็นอาหารที่สั่งจากทางรีสอร์ท
นั่งชิลเพลินๆดูนาฬิกา บ่าย 3 ครึ่งแล้ว ก้อเลยขับกลับไปทางเดิมที่ผ่านรีสอร์ทไป จริงๆกะจะไปเล่นน้ำตกคลองพลูแต่เค้าปิด 16.30 น.ก้อเลยไม่ได้เข้าไป เลยขับเลยไปที่ จุดชมวิวไก่แบ้ แทนซึ่งก้ออยู่ไม่ไกลจากน้ำตกมากค่ะ บนจุดชมวิวเราจะมองเห็นเกาะต่างๆอยู่ไกลๆ เห็นวิวทะเลจากมุมสูง สวยไปอีกแบบค่ะ
เก็บภาพเล็กน้อยก้อกลับไปเล่นน้ำที่รีสอร์ทค่ะ จากที่พักจะมีทางเดินไปทะเล ประมาณ 50 เมตรเท่านั้นเอง
ใกล้มากๆ จบจากเล่นน้ำก้อ
ทาน seafood ที่หนองบัวซีฟู้ด ด้วยความหิวก้อจัดหนักเลย น้ำจิ้มแซ่บมากและอาหารทะเลก้อสดด้วยนะคะ
อิ่มแล้วก้อไปชิลๆที่หาดทรายขาวต่อตามสไตล์คนชอบดื่ม 55 เจ้าของรีสอร์ทเค้าแนะนำ
ร้านสบายบาร์ค่ะ แต่เราไปถึง 3 ทุ่ม ทันดูเค้าโชว์ควงไฟพอดีเลยแอบแชะภาพมาค่ะ
แต่ว่าคืนนี้นักท่องเที่ยวเยอะ โต๊ะเต็มค่ะ ก้อเลยไปนั่งถัดไปอีกร้านนึงชื่อ
ร้าน sun & soul ร้านนี้ก้อชิลๆดีนะคะ โต๊ะไม่เยอะ และไม่เบียดกันเหมือนร้านสบายบาร์ มีหญ้าเทียมปูและก้อบีนแบ๊กสำหรับนอนชมวิวทะเล มีบาร์บีคิวด้วยราคาก้อไม่แพง
Day 2…ทริปดำน้ำ 3 เกาะ
วันนี้ตื่นเช้ามวากกก เพราะรถ 2 แถวที่จะพาไปส่งท่าเรือมารับเราที่รีสอร์ทตั้งแต่ 07.30 ค่ะ ไปถึง
ท่าเรือบางเบ้าเพื่อจะขึ้นเรือไปไปดำน้ำปุ๊ป ฝนตกเลยค่ะ ตกแบบหนักมาก แต่ว่าก้อออกเรือได้เพราะว่าเป็นเรือใหญ่ เห็นไกด์บอกว่าวันนี้คนเยอะมาก เราถูกแบ่งมานั่งที่เรือลำเล็กสุด ระหว่างทางตั้งแต่เรือออกจนถึงจุดดำน้ำจุดแรก ฝนตกตลอดทางและสาดด้วย บอกเลยว่าโคตรหนาว ถึงฝนจะเริ่มหยุดแต่แล้วเรานี่ไม่ลงเลยค่ะ หั้ยแฟนลงไปดำคนเดียว นั่งตัวสั่นอยู่บนเรือ มีหลายคนที่ยังไม่ลงจุดแรกเพราะยังหนาวอยู่ แต่พอไปจุดที่ 2 แดดมาแล้วแรงด้วย ก้อลงไปดำๆอย่างสนุกสนาน เอาจริงๆที่ไป 3 จุดเกาะยักษ์ใหญ่ ยักษ์เล็กอะไรบ้างไม่รู้เลยค่ะแต่ทั้ง 3 เกาะ อยู่ใกล้ๆกัน
**ขอตินิดนึงเรื่องทัวร์ คือไกด์เค้าไม่มีมาบอกหรือบรรยายอะไร บอกเราเลยว่าตอนนี้พาไปดำน้ำเกาะอะไร ทานข้าวกลางวันได้ตอนไหน หั้ยเรารู้ด้วยตัวเองแบบมองๆคนอื่นเค้าเดินไปตักกิน ก้อเดินตามไปไรงิ นอกนั้นก้อโอหมด พออิ่มแล้วเค้าก้อพาไปจุดสุดท้ายคือ
เกาะรังค่ะ หาดทรายขาว น้ำใสมาก
และไฮไลต์ของงเกาะรังน่าจะเป็นสะพานที่ทอดยาวมาเทียบเรือหั้ยเดินไปถึงหาดได้สะดวกและเพื่อรักษาระบบนิเวศแล้วก้ออันตรายจากหอยเม่นด้วยค่ะ อยู่เกาะรังก้อนั่งชิวๆซัก ชม.ก้อเดินทางกลับค่ะ
กลับมาถึงที่พักยังเหนื่อยไม่พอเล่นน้ำหน้ารีสอร์ทต่อก่อนจะอาบน้ำและทานซีฟู้ดมื้อเย็นแบบจัดเต็มอีกมื้อ ก่อนจะมานั่งชิวกันที่ Lobby โมเมนต์ช่วงหัวค่ำที่นี่เหมือนพาเพื่อนมาปาร์ตี้เบาๆที่บ้านค่ะ เพราะพนักงานที่ดูแลที่นี่ และเจ้าของจะมาตั้งวงคุยกะนักท่องเที่ยวที่ถึงแม้จะมาจากต่างชาติ ต่างภาษา แต่กลับดูคุยกันถูกคอและสนุกสนานทีเดียว
สำหรับเราคิดว่านี่น่าจะเป็นเสนห์ของโฮสเทลเล็กๆแห่งนี้ ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวที่ backpack มาคนเดียวบ้าง มากับเพื่อนบ้าง ต่างได้เพื่อนใหม่ๆกลับไปและบางคนหั้ยอยู่ต่อยาวกันเป็นอาทิตย์ เป็นเดือน รวมถึงบางคนก้อกลับมาซ้ำแล้ว ซ้ำอีก บางคนกลับไปประเทศตัวเองแล้วก้อยังส่งของมาฝากหั้ยเจ้าของรีสอร์ทบ้าง รวมถึงเรายังเห็นมีโปสการ์ดน่ารักๆถูกส่งมาจากหลายประเทศ อีกด้วย เราว่าถ้าซักครั้งสำหรับคนที่ไม่เคยพักโฮสเทลมาก่อนเลย ที่นี่น่าจะเป็นที่แรกที่คุณจะหอบได้ความประทับจัยรวมทั้งเพื่อนใหม่กลับบ้านแทบไม่ไหวเลยล่ะค่ะ
[CR] หยุดชีวิตช้าๆไปกับน้ำกับฟ้า เฮฮาที่เกาะช้าง 3 วัน 2 คืน+ Review Pajamas Hostel สุดฮิป อบอุ่นเหมือนอยู่บ้าน ราคาเบาๆ
ต้องขอเกริ่นก่อนว่าทริปนี้เป็นทริปที่แทบจะไม่ได้แพลนอะไรไว้เลยว่าจะพักกี่คืน จะไปไหนบ้าง เพราะจริงๆเป็นทริปที่ตั้งจัยเซอไพร้วันเกิดแฟนค่ะ เราเชื่อว่าการเลือกซื้อของขวัญหั้ยแฟนเป็นปัญหาของใครหลายคน เนื่องจากเรากะแฟนเป็นคนชอบเที่ยวมากกก และทะเลคือเป้าหมายหลักก้อเลยตัดสินจัยว่าจะซื้อที่พักเนี่ยแร่ะเป็นของขวัญวันเกิดหั้ยแฟน แล้วจึงเริ่มเซิสว่าจะไปไหนดีที่เดินทางสะดวก ขับรถไปได้ ไม่ไกลมาก เสม็ดก้อเพิ่งไปมาก้อเลยจัดเกาะช้างนี่ล่ะค่ะ
บังเอิญเห็น feed จาก fb มีโปรโมชั่น 3 วัน 2 คืน พักที่ Pajamas Hostel รวมดำน้ำ และอาหาร 5 มื้อ ราคา 2990/คน เท่านั้น (นอนห้องส่วนตัวนะคะ) เหยื่อการตลาดอย่างเราก้อไม่พลาดที่จะคลิกเข้าไป พออ่านรายละเอียดประกอบกับเก็บข้อมูลมาเล็กๆน้อยๆแล้วก็รีบติดต่อจองห้องพักที่ pajamas เลยค่ะ แต่ถ้าบางคนชอบเที่ยวสไตล์ฝรั่งแบ็คแพ็คเลือกห้องนอนรวม Dormitory room ก็แค่คนละ 2,290 บาทเองค่ะ อ่อโปรนี้หมดสิ้นเดือน ต.ค.นี้นะคะ คือเราไปมาตั้งแต่วันที่ 9 ที่ผ่านมากค่ะ หลังจากตัดสินจัยบอกแฟนก่อนวันเกิด 1 วัน ว่าจองที่พักเกาะช้างไว้ค่ะ เซอไพร้มั๊ยล่ะ 555
Day 1…คาเฟ่ริมทะเล + chill out หาดทรายขาว
เราออกเดินทางจาก กทม. ตั้งแต่ตี 2 ค่ะ ขับไปทางมอเตอร์เวย์ ระยะทางประมาณ 315 กม. ขับแบบคลำทางและแวะพักไปเรื่อยๆเพราะทางไม่ค่อยดีนักประกอบกับค่อนข้างมืดมากถึงมากที่สุดค่ะ กว่าจะถึงท่าเรือเฟอร์รี่ (อ่าวธรรมชาติ) ก้อ 6 โมงเช้า รอขึ้นเรือเที่ยวแรก 06.30 พอดีเลย
ไปถึงเราจะเห็นรถจอดต่อแถวรอจ่ายตั้งหลายคันเลยค่ะ ขับไปต่อแถวรอได้เลย ค่านำรถข้ามฟากคันละ 120 ค่าโดยสารเรือ คนละ 80 บาทค่ะ เช้านี้คนยังไม่เยอะมากเพราะน่าจะยังเช้าอยู่ ใช้เวลาอยู่บนเรือแค่ครึ่งชม.ก้อถึงเกาะช้างแล้วค่ะ เราพักที่อ่าวคลองพร้าว จากท่าเรือเฟอร์รี่ ขับไปทางขวาประมาณ 13 กม. ก้อถึงที่พักสุดฮิปของเรา จริงๆจุดขายที่นี่น่าจะเป็นห้อง dorm ที่เป็น hostel เหมาะสำหรับชาวต่างชาติที่ backpack มาเที่ยวค่ะ แต่คนไทยอย่างเราก้อเลือกห้อง private ไว้ เป็น deluxe room ค่ะ ห้องไพรเวทนี่มีแค่ 12 ห้องเท่านั้นนะคะอยู่ติดริมสระว่ายน้ำเลย ที่นี่เป็นรีสอร์ทที่ไม่ใหญ่มาก น่ารัก อบอุ่น ตกแต่งได้น่ารักมาก ประทับจัยตั้งแต่ก้าวแรกเลยเพราะว่าจะต้องถอดรองเท้าตั้งแต่ทางเข้าเลยค่ะ อารมณ์เหมือนสมัยอยู่หอพักในมหาลัย ยังงัยอย่างงั้นเลย น่าจะเป็นส่วนหนึ่งที่ทำหั้ยที่นี่ดูสะอาดสะอ้าน ดีทีเดียว เข้าไปก้อจะเป็น Lobby ที่ตกแต่งเหมือนเป็นห้องนั่งเล่นในบ้านเลยค่ะ มีโต๊ะ เก้าอี้และก้อโซฟาสำหรับนั่งเล่น ทีวี เครื่องเล่น dvd โต๊ะคอมฯ
มีบีนแบ๊กเรียงหลายอัน ช่วงสายๆกะตอนเย็นๆเนี่ยเจ้าบีนแบ๊กจะฮอตเป็นพิเศษ เพราะแขก เอ้ย !! ฝรั่งที่มาพักต่างจับจองนั่งนอนกันรอบๆสระน้ำเลย บางคนก้อนอนเล่น อ่านหนังสือบ้าง เล่นมือถือบ้าง จิบเบียร์บ้าง มันชิวจริงๆ
ส่วนของสระว่ายน้ำ เป็นสระขนาดเล็กเก๋ตรงที่ใต้สระเป็นชื่อที่พัก น่าจะเป็นมุมฮิตอีกมุมที่ถ่ายรูป check in ของทีนี่เลยทีเดียวค่ะ เหมาะกับการนอนลอยตัวบนแพเป่าลมลอยน้ำชิวๆ หรือนั่งเล่นริมสระดื่มด่ำบรรยากาศมากกว่าจะมาว่ายจริงจังนะคะ
มาถึงตัวห้องพักบ้างค่ะ เราพักห้องไพรเวทค่ะ ที่นี่รู้สึกจะมีแค่ 12เท่านั้น ห้องเท่านั้นอยู่ริมสระว่ายน้ำเลย ตกแต่งด้วยสีขาวขนาดกะทัดรัดอบอุ่น ในห้องไม่มีตู้เสื้อผ้านะคะจะมีราวสำหรับแขวนละก้อโต๊ะวางของ มีตู้เย็น ทีวี ตู้เซฟปกติค่ะ ด้านหน้าห้องมีพื้นที่วางเตียงผ้าใบ 2 ตัวสำหรับนั่งชิวอีกด้วย แต่ว่าไม่ได้ถ่ายรูปหน้าห้องมาค่ะ
เก็บของเสร็จแล้วแอบขออนุญาติเจ้าขอหั้ยพาไปส่องห้องดอร์มมาด้วยค่ะ ส่วนนั้นจริงๆถ้าเราไม่ได้พักเข้าไม่ได้นะคะ ต้องใช้คีย์การ์ดเข้าค่ะเพื่อความปลอดภัย ส่วนนี้เป็นตึก 3 ชั้น จะแยกเป็นห้องนอนรวม กับห้องหญิงล้วนค่ะ แต่ละห้องจะมีห้องละ 4 เตียง เป็นเตียง 2 ชั้น เพราะฉะนั้นพักได้ห้องละ 8 คนค่ะ ภายในตกแต่งด้วยโทนสีฟ้าขาว ดูสบายตาและสะอาดมากๆเลย ห้องน้ำถึงจะเป็นห้องน้ำรวมแต่สะอาดมากค่ะ ไม่ต้องกังวลเลย วิวจากบนห้องดอร์มฝั่งหนึ่งมองเห็นสระว่ายน้ำ ส่วนอีกฝั่งก้อมองเห็นทะเลด้วยนะคะ
สำรวจเสร็จแล้วดินไปทานอาหารกลางวันก่อนค่ะ ที่หนองบัวซีฟู้ดอยู่ติดกับที่พักเลยค่ะ แน่นอนสิคะก้อเค้าเจ้าของเดียวกัน อาหารที่นี่ราคาไม่แพงเลย รสชาติดีอีกด้วย พออิ่มท้องแล้วเราก้อออกไปตามหาร้านกาแฟวิวสวยกันค่ะ สอบถามจากเจ้าของรีสอร์ทนั่นแล่ะค่ะ เค้าแนะนำร้านนี้ ไปไกลซะหน่อยนะคะ ประมาณ 20 โลได้ค่ะ แต่เพื่อวิวสวยๆระยะไม่ใช่ปัญหาค่ะ ขับชมวิวแวะถ่ายรูปเรื่อยๆ ระหว่างทางก่อนถึงร้านกาแฟจะมีสะพานที่ยื่นออกไปในทะเล และวิวข้างทางก้อสวยทีเดียว
ถึงแล้ว The Coffee Home by Na Tara ร้านนี้น่าจะเป็นอีกส่วนของ ณ ธารา รีสอร์ทค่ะ ต้องบอกว่าวิวที่นี่โหดจริงๆ นอกจากจะมองเห็นทะเลไกลสุดลูกหูลูกตาแล้ว ไฮไลต์ของร้านเค้าจะมีลำธารไหลจากตรงกลางร้านลงสู่ทะเลอีกด้วย แล้วตรงนั้นจะมีชิงช้าให้ไปนั่งถ่ายรูปชิคๆไปอีก หูยยยฟินค่ะ ที่สำคัญราคาไม่แพงเลย กาแฟเย็นก้ออยู่ที่แก้วละ 70 ค่ะ แต่ราคาอาหารนี่โหดเอาเรื่อง เพราะว่าน่าจะเป็นอาหารที่สั่งจากทางรีสอร์ท
นั่งชิลเพลินๆดูนาฬิกา บ่าย 3 ครึ่งแล้ว ก้อเลยขับกลับไปทางเดิมที่ผ่านรีสอร์ทไป จริงๆกะจะไปเล่นน้ำตกคลองพลูแต่เค้าปิด 16.30 น.ก้อเลยไม่ได้เข้าไป เลยขับเลยไปที่ จุดชมวิวไก่แบ้ แทนซึ่งก้ออยู่ไม่ไกลจากน้ำตกมากค่ะ บนจุดชมวิวเราจะมองเห็นเกาะต่างๆอยู่ไกลๆ เห็นวิวทะเลจากมุมสูง สวยไปอีกแบบค่ะ
เก็บภาพเล็กน้อยก้อกลับไปเล่นน้ำที่รีสอร์ทค่ะ จากที่พักจะมีทางเดินไปทะเล ประมาณ 50 เมตรเท่านั้นเอง
ใกล้มากๆ จบจากเล่นน้ำก้อ ทาน seafood ที่หนองบัวซีฟู้ด ด้วยความหิวก้อจัดหนักเลย น้ำจิ้มแซ่บมากและอาหารทะเลก้อสดด้วยนะคะ
แต่ว่าคืนนี้นักท่องเที่ยวเยอะ โต๊ะเต็มค่ะ ก้อเลยไปนั่งถัดไปอีกร้านนึงชื่อ ร้าน sun & soul ร้านนี้ก้อชิลๆดีนะคะ โต๊ะไม่เยอะ และไม่เบียดกันเหมือนร้านสบายบาร์ มีหญ้าเทียมปูและก้อบีนแบ๊กสำหรับนอนชมวิวทะเล มีบาร์บีคิวด้วยราคาก้อไม่แพง
Day 2…ทริปดำน้ำ 3 เกาะ
วันนี้ตื่นเช้ามวากกก เพราะรถ 2 แถวที่จะพาไปส่งท่าเรือมารับเราที่รีสอร์ทตั้งแต่ 07.30 ค่ะ ไปถึงท่าเรือบางเบ้าเพื่อจะขึ้นเรือไปไปดำน้ำปุ๊ป ฝนตกเลยค่ะ ตกแบบหนักมาก แต่ว่าก้อออกเรือได้เพราะว่าเป็นเรือใหญ่ เห็นไกด์บอกว่าวันนี้คนเยอะมาก เราถูกแบ่งมานั่งที่เรือลำเล็กสุด ระหว่างทางตั้งแต่เรือออกจนถึงจุดดำน้ำจุดแรก ฝนตกตลอดทางและสาดด้วย บอกเลยว่าโคตรหนาว ถึงฝนจะเริ่มหยุดแต่แล้วเรานี่ไม่ลงเลยค่ะ หั้ยแฟนลงไปดำคนเดียว นั่งตัวสั่นอยู่บนเรือ มีหลายคนที่ยังไม่ลงจุดแรกเพราะยังหนาวอยู่ แต่พอไปจุดที่ 2 แดดมาแล้วแรงด้วย ก้อลงไปดำๆอย่างสนุกสนาน เอาจริงๆที่ไป 3 จุดเกาะยักษ์ใหญ่ ยักษ์เล็กอะไรบ้างไม่รู้เลยค่ะแต่ทั้ง 3 เกาะ อยู่ใกล้ๆกัน **ขอตินิดนึงเรื่องทัวร์ คือไกด์เค้าไม่มีมาบอกหรือบรรยายอะไร บอกเราเลยว่าตอนนี้พาไปดำน้ำเกาะอะไร ทานข้าวกลางวันได้ตอนไหน หั้ยเรารู้ด้วยตัวเองแบบมองๆคนอื่นเค้าเดินไปตักกิน ก้อเดินตามไปไรงิ นอกนั้นก้อโอหมด พออิ่มแล้วเค้าก้อพาไปจุดสุดท้ายคือเกาะรังค่ะ หาดทรายขาว น้ำใสมาก และไฮไลต์ของงเกาะรังน่าจะเป็นสะพานที่ทอดยาวมาเทียบเรือหั้ยเดินไปถึงหาดได้สะดวกและเพื่อรักษาระบบนิเวศแล้วก้ออันตรายจากหอยเม่นด้วยค่ะ อยู่เกาะรังก้อนั่งชิวๆซัก ชม.ก้อเดินทางกลับค่ะ
กลับมาถึงที่พักยังเหนื่อยไม่พอเล่นน้ำหน้ารีสอร์ทต่อก่อนจะอาบน้ำและทานซีฟู้ดมื้อเย็นแบบจัดเต็มอีกมื้อ ก่อนจะมานั่งชิวกันที่ Lobby โมเมนต์ช่วงหัวค่ำที่นี่เหมือนพาเพื่อนมาปาร์ตี้เบาๆที่บ้านค่ะ เพราะพนักงานที่ดูแลที่นี่ และเจ้าของจะมาตั้งวงคุยกะนักท่องเที่ยวที่ถึงแม้จะมาจากต่างชาติ ต่างภาษา แต่กลับดูคุยกันถูกคอและสนุกสนานทีเดียว สำหรับเราคิดว่านี่น่าจะเป็นเสนห์ของโฮสเทลเล็กๆแห่งนี้ ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวที่ backpack มาคนเดียวบ้าง มากับเพื่อนบ้าง ต่างได้เพื่อนใหม่ๆกลับไปและบางคนหั้ยอยู่ต่อยาวกันเป็นอาทิตย์ เป็นเดือน รวมถึงบางคนก้อกลับมาซ้ำแล้ว ซ้ำอีก บางคนกลับไปประเทศตัวเองแล้วก้อยังส่งของมาฝากหั้ยเจ้าของรีสอร์ทบ้าง รวมถึงเรายังเห็นมีโปสการ์ดน่ารักๆถูกส่งมาจากหลายประเทศ อีกด้วย เราว่าถ้าซักครั้งสำหรับคนที่ไม่เคยพักโฮสเทลมาก่อนเลย ที่นี่น่าจะเป็นที่แรกที่คุณจะหอบได้ความประทับจัยรวมทั้งเพื่อนใหม่กลับบ้านแทบไม่ไหวเลยล่ะค่ะ