เมื่อวันที่ 21 ต.ค. นายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) แถลงต่อสื่อเป็นครั้งแรกหลังเข้ารับตำแหน่ง โดยประเมินว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ จะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจในปีหน้า โดยคาดว่าอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจไทยในปี 59 เติบโตได้ราว 3.6-3.7% จากในปีนี้ที่น่าจะเติบโตได้ราว 2.7%
พร้อมระบุ เสถียรภาพเศรษฐกิจไทยไม่ได้อยู่ในภาวะที่น่ากังวล และเชื่อว่าสามารถดำเนินนโยบายการเงินที่เอื้อต่อเศรษฐกิจได้ แต่ยอมรับว่าเป็นห่วงในแง่ของการเติบโตของเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ และระดับหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูงที่อาจทำให้การบริโภคภาคครัวเรือน ไม่สดใส รวมถึงขณะนี้โลกกำลังเผชิญกับความเสี่ยง 3 ประการ คือ ความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจจีน ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ตกต่ำ เช่น น้ำมัน เหล็ก สินค้าเกษตร และทิศทางการดำเนินนโยบายการเงินของประเทศอุตสาหกรรมหลัก โดยเฉพาะการปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายของสหรัฐฯ
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของประเทศไทย ได้รับประโยชน์จากการที่ราคาน้ำมันลดลง ทำให้เกินดุลบัญชีเดินสะพัดถึง 25,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ คิดเป็นร้อยละ 6 ของจีดีพี ทั้งนี้ เชื่อว่าการปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐฯ จะไม่กระทบกับประเทศไทย
นายวิรไท กล่าวต่อว่า ภาวะในปัจจุบันต้องใช้นโยบายด้านอุปทานส่งเสริมการเติบโตของเศรษฐกิจ ซึ่งเชื่อว่ามาตรการของภาครัฐที่สนับสนุนให้เกิดการลงทุนมากขึ้นนั้นมาถูกทาง เพราะจะช่วยยกระดับศักยภาพเศรษฐกิจไทยได้ ขณะที่นโยบายการเงินภายใต้กรอบเงินเฟ้อปัจจุบัน แม้ว่าในระยะสั้นจะยังเอื้อ ต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ แต่ในระยะยาวคงต้องพึ่งพาด้าน supply side ประกอบกับ การใช้นโยบายการเงินผ่อนคลายยาวนานเกินไปอาจเกิดผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์ได้
ในส่วนของการดำเนินนโยบายของ ธปท. จะเน้นด้านเสถียรภาพเป็นหลัก แต่ในช่วงที่เศรษฐกิจมีเสถียรภาพเพียงพอ ก็สามารถออกนโยบายการเงิน เพื่อช่วยสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจ ซึ่งเป็นสิ่งที่ ธปท.ทำมาโดยตลอด สังเกตจากการลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 2 ครั้งที่ผ่านมา
JJNY : วิรไท ชี้มาตรการกระตุ้น ศก.รัฐ ช่วยหนุนจีดีพีปีหน้าโต 3.6-3.7%
พร้อมระบุ เสถียรภาพเศรษฐกิจไทยไม่ได้อยู่ในภาวะที่น่ากังวล และเชื่อว่าสามารถดำเนินนโยบายการเงินที่เอื้อต่อเศรษฐกิจได้ แต่ยอมรับว่าเป็นห่วงในแง่ของการเติบโตของเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ และระดับหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูงที่อาจทำให้การบริโภคภาคครัวเรือน ไม่สดใส รวมถึงขณะนี้โลกกำลังเผชิญกับความเสี่ยง 3 ประการ คือ ความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจจีน ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ตกต่ำ เช่น น้ำมัน เหล็ก สินค้าเกษตร และทิศทางการดำเนินนโยบายการเงินของประเทศอุตสาหกรรมหลัก โดยเฉพาะการปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายของสหรัฐฯ
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของประเทศไทย ได้รับประโยชน์จากการที่ราคาน้ำมันลดลง ทำให้เกินดุลบัญชีเดินสะพัดถึง 25,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ คิดเป็นร้อยละ 6 ของจีดีพี ทั้งนี้ เชื่อว่าการปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐฯ จะไม่กระทบกับประเทศไทย
นายวิรไท กล่าวต่อว่า ภาวะในปัจจุบันต้องใช้นโยบายด้านอุปทานส่งเสริมการเติบโตของเศรษฐกิจ ซึ่งเชื่อว่ามาตรการของภาครัฐที่สนับสนุนให้เกิดการลงทุนมากขึ้นนั้นมาถูกทาง เพราะจะช่วยยกระดับศักยภาพเศรษฐกิจไทยได้ ขณะที่นโยบายการเงินภายใต้กรอบเงินเฟ้อปัจจุบัน แม้ว่าในระยะสั้นจะยังเอื้อ ต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ แต่ในระยะยาวคงต้องพึ่งพาด้าน supply side ประกอบกับ การใช้นโยบายการเงินผ่อนคลายยาวนานเกินไปอาจเกิดผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์ได้
ในส่วนของการดำเนินนโยบายของ ธปท. จะเน้นด้านเสถียรภาพเป็นหลัก แต่ในช่วงที่เศรษฐกิจมีเสถียรภาพเพียงพอ ก็สามารถออกนโยบายการเงิน เพื่อช่วยสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจ ซึ่งเป็นสิ่งที่ ธปท.ทำมาโดยตลอด สังเกตจากการลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 2 ครั้งที่ผ่านมา