สวัดดีค่ะ
วันนี้มีเวลาหลังจากเสร็จงาน เลยคิดว่าอยากจะเขียนแชร์ประสบการณ์จากบาหลีที่แอน (จขกท) ไปมาเมื่อช่วง สค. - กย. 58 การไปเยือนเกาะบาหลี อินโดนีเซีย ครั้งนี้เป็นครั้งแรก เลยหาอ่านข้อมูลคร่าวๆเกี่ยวกับบาหลีไปก่อน ก็ได้กระทู้นี้ของคุณ EikQ เป็นไกด์ให้ในเรื่องหลักๆได้ครบทุกกระบวนท่าเลยค่ะ (
http://pantip.com/topic/33880220) ต้องขอบคุณมากๆค่ะ
เชื่อว่าหลายๆคนคงเคยไปเที่ยวบาหลีกันมาแล้ว เพราะอยู่ใกล้ๆบ้านเรานี่เอง ท่องเที่ยวไม่เกิน 1 เดือนก็ไม่ต้องมีวีซ่า ส่วนแอนกะๆไว้ว่าราวๆ 2-3 เดือน เลยไปยื่นขอทำวีซ่าที่สถานทูตอินโดนีเซียที่อยู่ใกล้พันทิป จ่ายค่าวีซ่าไป USD 50 (ไม่รับเงินบาท) ค่าที่พัก ค่าอาหารก็ถือว่าไม่แพง ส่วนธรรมชาติก็สวยงามไม่แพ้บ้านเรา ทั้งยังได้ชื่นชมความงามของศาสนสถานของศาสนาฮินดู ซึ่งแตกต่างจากบ้านเรา ถือว่าไม่ไกลแต่ได้เปิดโลกทัศน์ใหม่ๆ
กระทู้นี้อย่างที่จั่วหัวเอาไว้ ว่าหลักๆ แอนจะพาไปเที่ยวที่ไม่สุดฮิตในบาหลี ที่มันติดตาตรึงใจของ จขกท เผื่อเพื่อนๆที่สนใจหรือใครที่ไปหลายๆครั้งแต่ยังไม่เคยแวะไป ก็อาจจะเจออะไรใหม่ๆที่อาจจะชอบใจมากกว่า งั้นเรามาเริ่มออกเดินทางกันเลย ^^
แอนเดินทางด้วยแอร์เอเชีย ตั้งแต่เช้าตรู่ ใช้เวลาเดินทางราวๆ 4 ชั่วโมงครึ่ง ช่วงนั้นภูเขาไฟยังคงส่งควันสู่ห้วงอาการอย่างไม่ลดละอยู่เลย ตอนได้เห็นก็ตื่นเต้นแปลกใจ ชาวต่างชาติที่นั่งบอกหลัง อุทาน Oh, Shitt...
ถึงสนามบิน Ngurah Rai International Airport ราวๆ 11 โมงครึ่ง ซึ่งแอนได้ทำตามคำแนะนำจากกระทู้ของคุณ EikQ เรื่องการเช่ามอไซค์ออนไลน์จาก Bali4Ride | www.bali4ride.com ซึ่งมีรุ่นรถให้เลือกมากมาย ส่วนแอนเลือก Honda Vario 110 ซีซี ราคา Rp. 60,000 ต่อวัน ช่วงนั้นค่าเงินราวๆ USD 1 = Rp 15,000 สำหรับบางคนอาจจะไม่สะดวกเพราะต้องชำระเงินผ่านระบบ Paypal แต่ไม่ต้องกังวลเพราะเดินออกมาตรง Meeting point จะมีพี่ๆแท็กซี่รออยู่ เห็นว่าค่าโดยสารจากสนามบินใกล้ไกลเท่าเทียมกัน คือ USD 25
และแล้วก็เป็นดั่งที่โพยบอกมา ว่ามันจะยากนิดหน่อยที่จะเจอกับเดอะกายผู้นัดไว้ว่าจะเอาราชรถมาให้เราเกย โพยบอกว่าพี่เค้าจะเขียนชื่อเราด้วยปากกาลูกลื่นบนกระดาษ A4 ทีเราจะมองไม่เห็น เพราะฉนั้นแอนก็เดินหากระดาษ A4 ที่เขียนไม่ค่อยชัด แต่มองหาเท่าไหร่ก็ไม่เจอ แต่ดีที่สนามบินมี Wi-Fi ให้ใช้ฟรี แอนเลยโทรหาพี่เค้าผ่าน Skype ปกติเวลาอยู่ต่างประเทศแอนชอบใช้ Skype โทรกลับไทยหาแม่เพราะมันง่ายและถูกดีสำหรับแอน พี่เค้าก็ดั๊นตัวไม่สูงเท่าไหร่ แล้วยังหลบอยู่หลังคนตัวสูงๆที่มารับนักท่องเที่ยวอีก หลังจากเจอตัวพี่เค้าเดินนำลิ่วพาออกไปตรงลานจอดรถ ซึ่งมอไซค์ของเราจะจอดกันอยู่ที่นั่น รับกุญแจและหมวกกันน็อค ขับไปที่พักแถว Canggu ซึ่งอยู่ทางตะวันตกของเกาะ แถวนั้นจะใกล้ๆกับหาด Seminyak ฮิตๆเรื่อง Kiteserfing ส่วนที่พักก็เลือกไปพักชั่วคราวที่ Astina Homestay ราคาคืนละ Rp 200,000 ซึ่งคิดเป็นเงินไทยตกคืนละ 500 บาท ที่พักสะอาดพอใช้ มีแอร์ แต่จริงๆ อากาศเย็นๆ ไม่ได้เปิดแอร์ด้วยซ้ำ (ช่วง พค. - กย. เป็น Dry Season อากาศเย็นสบายเหมือนหน้าหนาวภาคเหนือบ้านเรา ส่วน ตค. - เมย. เป็น Wet Season ร้อนขึ้น มีฝนหน่อยๆ แต่ก็ยังไม่ร้อนเท่าบ้านเรา) มีห้องน้ำในตัว ซิงค์ พร้อมตู้เสื้อผ้า แอนว่าที่นี่นิยมสำหรับใครที่มาเล่น Kitesurf หรือใช้สำหรับเป็นที่พักแล้วออกไปเที่ยว แต่ไม่เหมาะถ้าจะ Slow life แต่ที่พักที่นี่เพราะเพื่อนที่เป็นครูสอน Kitesurf ชวนให้มาพักชั่วคราวชิทแชทกันก่อน แล้วค่อยไปหาบ้านพักสงบๆอีกที หลังจากเก็บของเรียบร้อย แน่นอนว่าท้องต้องหิวก็เลยออกไปกินข้าวแกงในซอยนั่นแหละ มื้อแรกที่แสนหิวคือข้าวไก่ทอด มันต้องอร่อยอยู่แล้วก็หิวนี่นา มาพร้อมกาแฟ แต่กาแฟนี่รสชาติไม่เป็นมังคุดเลย ไม่เป็นไรติดไว้ก่อน ฮ่าๆ
วันแรกไม่อยากทำอะไรมาก ตกเย็นเลยไปเดินเล่นดูพระอาทิตย์ตกแถวๆหาด Seminyak หาดยาวมากเป็นกิโล คลื่นแรง เหมาะสำหรับ Surfing รู้สึกเฉยๆ แต่หาดธรรมดาๆ ต้องดูเวลาพระอาทิตย์ตกมันถึงจะได้อารมณ์ แถวๆหาดขายของกินพวก หมูปิ้ง ไก่ย่าง ข้าวโพดปิ้ง คล้ายๆบ้านเรา แอนซื้อข้าวโพดนั่งแทะเล่นริมหาด ฝักละ Rp 15,000 เกือบๆ 40 บาท ราคานักท่องเที่ยว จุกฮ่า ไม่ลองไม่รู้ ครั้งเดียวพอ ถือว่าซื้อกินเอาบรรยากาศ
ตื่นเช้าวันใหม่ วันนี้ตั้งใจจะไปหาเพื่อนที่ อูบุด (UBud) เพราะเพื่อนฝากซื้อช็อกโกแล็ตจากไทย อันที่จริงก็ตั้งใจจะซื้อไปฝากแหละ และอันที่จริงก็อยากจะแกะกินซะให้หมดจะดีมั๊ยตั้งแต่เมื่อวาน เพราะความรู้สึกวันแรก ไม่มีอะไรอร่อยโดนใจ สิ่งที่น่าจะอร่อยที่สุดในจักรวาลบาหลี เห็นทีจะเป็นเจ้าช็อกโกแล็ตที่เราหอบหิ้วมานี่แหละ ฮึ่มมม
ระหว่างทางแวะดมกลิ่นข้าวทั้งเพิ่งตั้งท้อง และ ท้องแก่ หอมหวานมากก
อูบุด ตั้งอยู่ตอนกลางค่อนไปทางเหนือของเกาะ ที่นั่นแนวๆปายเย็นสบาย เป็นป่าเขา ก้าวแรกที่ได้สัมผัส คือ เหมือนเป็นศูนย์รวมของความสร้างสรรค์ ศิลปะ เป็นสถานที่พักผ่อนแบบเรียลสโลว์ไลฟ์ ผู้คนชิทแชทจิบกาแฟ ดอกลีลาวดีสีเหลืองสีชมพูก็บานสะพรั่ง หลงรักเลย
ตัดสินใจแน่วแน่ ว่าจะต้องย้ายมาอูบุด ก็เลยเริ่มเสาะหาบ้านพักเงียบๆที่อูบุด ซึ่งอันที่จริงก็หาไม่ยาก ถามวินมอไซค์ก็ได้ คนบาหลีชอบให้ความช่วยเหลือ คุณลุงวินมอไซค์พาแอนไปดูบ้านให้เช่าของเค้าเอง บ้านสองชั้น มีทุกอย่างครบครัน พร้อมสระว่ายน้ำ ราคา 12 ล้านรูเปียต่อเดือน (เป็นลมแป๊บ) เลยบอกคุณลุงว่า นู๋จ่ายไม่ไหวหรอกค่ะ แล้วบ้านก็หลังใหญ่ไปอยู่นานๆอาจจะเหงาได้ คงต้องไปหาหลังเล็กกว่านี้หน่อย แต่คุณลุงคงคิดว่าแอนหมายถึงลดให้หน่อยได้มั๊ยละมั๊ง ลุงเลยบอกว่า งั้นลุงลดให้เหลือ 6 ล้านต่อเดือน. . . . สตั๊นไป 3 วิ นี่ราคามันลดฮวบๆขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย พยายามจะไม่ผลีผลาม บอกคุณลุงว่า ขอเวลาไปตัดสินใจ ถ้าตกลงแล้วจะโทรหาคุณลุงภายใน 24 ชม.
จากนั้นก็กล่าวลา แล้วไปเดินหาต่อแบบใจเย็นๆ เผื่อมันจะมีอะไรน่าสนใจกว่าที่เจอ ก็เลยไปเจอบังกะโลอีกหลังชื่อว่า Bali Gen บังกะโลหลังกะทัดรัด พร้อมครัว และ แชร์สระว่ายน้ำ ในราคา 6 ล้านรูเปียขาดตัว ซึ่งแอนชอบที่นี่ เพราะถึงแม้ว่าจะอยากอยู่เงียบๆ แต่ก็อุ่นใจกว่า ถ้าจะมีเพื่อนบ้านบ้าง ไม่ได้ไปดูเยอะๆ ชอบที่นี่แล้วเลยตกลงปลงใจ และตัดสินใจย้ายมาพักที่ Bali Gen ใน 3 วันต่อมา
หลังจากย้ายมาพักที่ Bali Gen ชีวิตก็เริ่มเข้าสู่ความเรียบง่าย ในบ้านพักหลังสุดท้ายอยู่ด้านในสุด นั่นคือ จะไม่มีใครเดินผ่านถ้าไม่จำเป็นจริงๆ ตื่นเช้า ชงกาแฟหอมๆ ทำกับข้าว วัตถุดิบซื้อมาจาก Bintang ซุปเปอร์มาร์เก็ตใกล้ที่พัก (ที่จริง Bintang เป็นยี่ห้อเบียร์ดังของเค้า แต่ ณ ตรงนั้นกลายเป็นชื่อซุปเปอร์ไปซะ) ถ้าสมองแล่น แรงบันดาลใจวิ่ง ก็นั่งทำงาน ตกบ่ายก็ไปว่ายน้ำ มันชั่งสุขใจเสียจริง \\(^_^)//
แต่แล้ว. . . สิ่งที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เมื่อฝูงแม่ไก่และลูกๆพากันมาวิ่งเล่นรอบๆบ้าน แขนขาแอนเริ่มมีรอยแดงเป็นจั้มๆ อย่างกับยุงกัด แต่จั้มใหญ่กว่านั้น สุดท้ายแอนมาไขปริศนาได้ว่ามันคือฝีมือของ ริ้นไก่. . . ซื้อยามาทา บางทีก็เปลี่ยนมาทายาหม่อง ประทังความคันกันไป ตั้งแต่นั้นมา. . .ก็ต้องทายาทุกวัน ทั้งยาแก้คัน ยากันยุงอีก พระอาทิตย์ตกดินเมื่อไหร่ หนาวจับใจทันที ฮ่าๆ แล้วก็ดราม่าเช่นนี้
พักเรื่องมาม่า เดี๋ยวแอนจะพาไปเที่ยวทะเลสวยๆ หาดทรายขาวๆ น้ำทะเลเขียวอมฟ้า ซึ่งอยู่ทางตะวันออกค่อนไปทางเหนือของเกาะบาหลี มีชื่อว่า White Sand Beach (Pantai Bias Tugel) เพื่อนชวน ก็เลยไปด้วย ขับมอไซค์ไปราวๆ 50 กม. เลยแหละ แต่เส้นทางที่ไปรถไม่ติด เพราะเป็นเส้นออกนอกเมือง ขับสบายๆไม่ลำบาก แต่ตรงทางเข้าประมาณกิโลนึงจะค่อนข้างชัน ขับต้องระวังๆ เข้าไปถึงลานจอดแคบๆ ก่อนถึงทางเดินลงไปที่หาด ค่าจอด Rp 2,000 มีพี่ผู้ชาย 1 คนนั่งรออยู่ ทางเดินลงหาดอีกราวๆ 500 เมตร แต่คดเคี้ยวเลี้ยวลด ต้องเดินดีๆ เพราะระหว่างทางจะมองเห็นหน้าผา ที่สามารถมองความเขียวมรกตของน้ำเบื้องหน้า มันสวยมากจริงๆ ที่บ้านเราก็สวย ที่นี่ก็สวย ส๊วย สวย พอเดินลงไปถึงหาด หาดไม่กว้าง แค่ราวๆ 5-600 เมตร แต่ขาวจั๊ว ทรายละเอียด น้ำใส๊ใส โขดหินดำขลับ มีนักท่องเที่ยวผลัดกันมา ผลัดกันไป แต่ไม่เยอะ ไม่ยัดเยียด ไปถึงก็จัดแจงแปลงร่างพร้อมบิกินี่คู่ใจ วิ่งลงไปชื่นชมน้ำทะเลทันที
.
.
โครมมม. . .
โดนคลื่นซัดหน้าคว่ำ รูปเริบยังไมได้ถ่ายเลย ฮ่าๆ อันที่จริงควรจะมาแต่เช้า คลื่นลมยังสงบ แต่ระหว่างทางดันแวะหาดทรายดำ แล้วไหนจะยางแบน เลยไปถึงบ่ายๆ คลื่นแรงได้อีก แต่ภาพรวมคือ หาดนี้สวยที่สุดแล้วในบาหลีที่ไปมาถ้าเทียบความขาวสวยของทรายและน้ำทะเล
ต่อไป. . . ขอพาไปแวะเที่ยววัดสุดฮิต ที่เป็นที่สุดของเกาะบาหลี ที่แม้แต่เจ้าของบ้านที่อูบุดก็บอกว่า ที่วัดนี้คือวัดที่ดีที่สุดของที่นี่ นั่นคือ Pura Ulun Danu Bratan (Pura แปลว่า วัด) ตั้งอยู่ทางเหนือริมทะเลสาป Bratan แต่การเดินทางไปวัดนี้นี่ แอนขับมอไซค์ไต่ขึ้นเขาไปราวๆ 60 กว่ากิโล ถือว่าหืดขึ้นคอมาก นอกจากเส้นทางจะลดเลี้ยวแล้ว ยัง. . ยิ่งสูงยิ่งหนาว ถ้าอยู่เฉยๆ ก็ไม่เท่าไหร่ แต่ขับมอไซค์ท้าลมนี่สิ แถมไม่ได้เตรียมเสื้อกันหนาวอะไรไปเลย บรึ๋ยยยย
แวะพักดูแปลงดอกดาวเรืองระหว่างทาง (ก้นเริ่มชาแล้วไง)
ที่วัด Pura Bratan (เรียกชื่อสั้นๆ) สวยจริงๆ แต่. . . ที่สุดฮิต ก็ต้องคนเยอะ แถมช่วงที่แอนไป (Wet Season) น้ำลดทำให้ฐานวัดผุด หมายถึงวัดกลางน้ำที่สวยงาม ที่ปรากฏในโปสการ์ด หรือถ้าถ้าเสิร์ชว่าบาหลีในกูเกิ้ล ยังไงก็ต้องเห็นภาพวัดนี้ วันนี้ความสวยงามดูเหมือนจะถูกย่ำยี ด้วยน้ำมือนักท่องเที่ยว หลายคนเดินลงไปเหยียบย่ำต้นหญ้าเขียวๆบริเวณรอบวัด ลงไปเซลฟี่ที่ฐานวัด ก็ไม่แน่ใจว่ามันจะเห็นอะไร รออยู่นานเพราะอยากได้ภาพวัดที่มีคนบางๆ ลงหน่อย แล้วก็ไปเดินเล่นรอบๆวัด รวมทั้งไปหาความสนุกเล็กๆน้อยๆ คือว่าพอดีเหลือบไปเห็นเรือเป็ดน้อย เลยคิดในใจว่าเราจะปั่นเรือไปถ่ายรูปใกล้ๆวัดกลางน้ำ แล้วก็ได้เซลฟี่ภาพตัวเอง เรือเป็ด และวัดมา ^^ อ้อ. . .ในวัดมีห้องน้ำไม่ต่ำกว่า 2 จุด และค่าตั๋วเข้าชมวัดคนละ Rp 30,000 นะคะ
[CR] บาหลี :: พาไปที่เที่ยวที่ไม่สุดฮิต แต่ติดตาตรึงใจ และความผิดพลาดครั้งใหญ่ที่เจอมา
วันนี้มีเวลาหลังจากเสร็จงาน เลยคิดว่าอยากจะเขียนแชร์ประสบการณ์จากบาหลีที่แอน (จขกท) ไปมาเมื่อช่วง สค. - กย. 58 การไปเยือนเกาะบาหลี อินโดนีเซีย ครั้งนี้เป็นครั้งแรก เลยหาอ่านข้อมูลคร่าวๆเกี่ยวกับบาหลีไปก่อน ก็ได้กระทู้นี้ของคุณ EikQ เป็นไกด์ให้ในเรื่องหลักๆได้ครบทุกกระบวนท่าเลยค่ะ (http://pantip.com/topic/33880220) ต้องขอบคุณมากๆค่ะ
เชื่อว่าหลายๆคนคงเคยไปเที่ยวบาหลีกันมาแล้ว เพราะอยู่ใกล้ๆบ้านเรานี่เอง ท่องเที่ยวไม่เกิน 1 เดือนก็ไม่ต้องมีวีซ่า ส่วนแอนกะๆไว้ว่าราวๆ 2-3 เดือน เลยไปยื่นขอทำวีซ่าที่สถานทูตอินโดนีเซียที่อยู่ใกล้พันทิป จ่ายค่าวีซ่าไป USD 50 (ไม่รับเงินบาท) ค่าที่พัก ค่าอาหารก็ถือว่าไม่แพง ส่วนธรรมชาติก็สวยงามไม่แพ้บ้านเรา ทั้งยังได้ชื่นชมความงามของศาสนสถานของศาสนาฮินดู ซึ่งแตกต่างจากบ้านเรา ถือว่าไม่ไกลแต่ได้เปิดโลกทัศน์ใหม่ๆ
กระทู้นี้อย่างที่จั่วหัวเอาไว้ ว่าหลักๆ แอนจะพาไปเที่ยวที่ไม่สุดฮิตในบาหลี ที่มันติดตาตรึงใจของ จขกท เผื่อเพื่อนๆที่สนใจหรือใครที่ไปหลายๆครั้งแต่ยังไม่เคยแวะไป ก็อาจจะเจออะไรใหม่ๆที่อาจจะชอบใจมากกว่า งั้นเรามาเริ่มออกเดินทางกันเลย ^^
แอนเดินทางด้วยแอร์เอเชีย ตั้งแต่เช้าตรู่ ใช้เวลาเดินทางราวๆ 4 ชั่วโมงครึ่ง ช่วงนั้นภูเขาไฟยังคงส่งควันสู่ห้วงอาการอย่างไม่ลดละอยู่เลย ตอนได้เห็นก็ตื่นเต้นแปลกใจ ชาวต่างชาติที่นั่งบอกหลัง อุทาน Oh, Shitt...
ถึงสนามบิน Ngurah Rai International Airport ราวๆ 11 โมงครึ่ง ซึ่งแอนได้ทำตามคำแนะนำจากกระทู้ของคุณ EikQ เรื่องการเช่ามอไซค์ออนไลน์จาก Bali4Ride | www.bali4ride.com ซึ่งมีรุ่นรถให้เลือกมากมาย ส่วนแอนเลือก Honda Vario 110 ซีซี ราคา Rp. 60,000 ต่อวัน ช่วงนั้นค่าเงินราวๆ USD 1 = Rp 15,000 สำหรับบางคนอาจจะไม่สะดวกเพราะต้องชำระเงินผ่านระบบ Paypal แต่ไม่ต้องกังวลเพราะเดินออกมาตรง Meeting point จะมีพี่ๆแท็กซี่รออยู่ เห็นว่าค่าโดยสารจากสนามบินใกล้ไกลเท่าเทียมกัน คือ USD 25
และแล้วก็เป็นดั่งที่โพยบอกมา ว่ามันจะยากนิดหน่อยที่จะเจอกับเดอะกายผู้นัดไว้ว่าจะเอาราชรถมาให้เราเกย โพยบอกว่าพี่เค้าจะเขียนชื่อเราด้วยปากกาลูกลื่นบนกระดาษ A4 ทีเราจะมองไม่เห็น เพราะฉนั้นแอนก็เดินหากระดาษ A4 ที่เขียนไม่ค่อยชัด แต่มองหาเท่าไหร่ก็ไม่เจอ แต่ดีที่สนามบินมี Wi-Fi ให้ใช้ฟรี แอนเลยโทรหาพี่เค้าผ่าน Skype ปกติเวลาอยู่ต่างประเทศแอนชอบใช้ Skype โทรกลับไทยหาแม่เพราะมันง่ายและถูกดีสำหรับแอน พี่เค้าก็ดั๊นตัวไม่สูงเท่าไหร่ แล้วยังหลบอยู่หลังคนตัวสูงๆที่มารับนักท่องเที่ยวอีก หลังจากเจอตัวพี่เค้าเดินนำลิ่วพาออกไปตรงลานจอดรถ ซึ่งมอไซค์ของเราจะจอดกันอยู่ที่นั่น รับกุญแจและหมวกกันน็อค ขับไปที่พักแถว Canggu ซึ่งอยู่ทางตะวันตกของเกาะ แถวนั้นจะใกล้ๆกับหาด Seminyak ฮิตๆเรื่อง Kiteserfing ส่วนที่พักก็เลือกไปพักชั่วคราวที่ Astina Homestay ราคาคืนละ Rp 200,000 ซึ่งคิดเป็นเงินไทยตกคืนละ 500 บาท ที่พักสะอาดพอใช้ มีแอร์ แต่จริงๆ อากาศเย็นๆ ไม่ได้เปิดแอร์ด้วยซ้ำ (ช่วง พค. - กย. เป็น Dry Season อากาศเย็นสบายเหมือนหน้าหนาวภาคเหนือบ้านเรา ส่วน ตค. - เมย. เป็น Wet Season ร้อนขึ้น มีฝนหน่อยๆ แต่ก็ยังไม่ร้อนเท่าบ้านเรา) มีห้องน้ำในตัว ซิงค์ พร้อมตู้เสื้อผ้า แอนว่าที่นี่นิยมสำหรับใครที่มาเล่น Kitesurf หรือใช้สำหรับเป็นที่พักแล้วออกไปเที่ยว แต่ไม่เหมาะถ้าจะ Slow life แต่ที่พักที่นี่เพราะเพื่อนที่เป็นครูสอน Kitesurf ชวนให้มาพักชั่วคราวชิทแชทกันก่อน แล้วค่อยไปหาบ้านพักสงบๆอีกที หลังจากเก็บของเรียบร้อย แน่นอนว่าท้องต้องหิวก็เลยออกไปกินข้าวแกงในซอยนั่นแหละ มื้อแรกที่แสนหิวคือข้าวไก่ทอด มันต้องอร่อยอยู่แล้วก็หิวนี่นา มาพร้อมกาแฟ แต่กาแฟนี่รสชาติไม่เป็นมังคุดเลย ไม่เป็นไรติดไว้ก่อน ฮ่าๆ
วันแรกไม่อยากทำอะไรมาก ตกเย็นเลยไปเดินเล่นดูพระอาทิตย์ตกแถวๆหาด Seminyak หาดยาวมากเป็นกิโล คลื่นแรง เหมาะสำหรับ Surfing รู้สึกเฉยๆ แต่หาดธรรมดาๆ ต้องดูเวลาพระอาทิตย์ตกมันถึงจะได้อารมณ์ แถวๆหาดขายของกินพวก หมูปิ้ง ไก่ย่าง ข้าวโพดปิ้ง คล้ายๆบ้านเรา แอนซื้อข้าวโพดนั่งแทะเล่นริมหาด ฝักละ Rp 15,000 เกือบๆ 40 บาท ราคานักท่องเที่ยว จุกฮ่า ไม่ลองไม่รู้ ครั้งเดียวพอ ถือว่าซื้อกินเอาบรรยากาศ
ตื่นเช้าวันใหม่ วันนี้ตั้งใจจะไปหาเพื่อนที่ อูบุด (UBud) เพราะเพื่อนฝากซื้อช็อกโกแล็ตจากไทย อันที่จริงก็ตั้งใจจะซื้อไปฝากแหละ และอันที่จริงก็อยากจะแกะกินซะให้หมดจะดีมั๊ยตั้งแต่เมื่อวาน เพราะความรู้สึกวันแรก ไม่มีอะไรอร่อยโดนใจ สิ่งที่น่าจะอร่อยที่สุดในจักรวาลบาหลี เห็นทีจะเป็นเจ้าช็อกโกแล็ตที่เราหอบหิ้วมานี่แหละ ฮึ่มมม
ระหว่างทางแวะดมกลิ่นข้าวทั้งเพิ่งตั้งท้อง และ ท้องแก่ หอมหวานมากก
อูบุด ตั้งอยู่ตอนกลางค่อนไปทางเหนือของเกาะ ที่นั่นแนวๆปายเย็นสบาย เป็นป่าเขา ก้าวแรกที่ได้สัมผัส คือ เหมือนเป็นศูนย์รวมของความสร้างสรรค์ ศิลปะ เป็นสถานที่พักผ่อนแบบเรียลสโลว์ไลฟ์ ผู้คนชิทแชทจิบกาแฟ ดอกลีลาวดีสีเหลืองสีชมพูก็บานสะพรั่ง หลงรักเลย
ตัดสินใจแน่วแน่ ว่าจะต้องย้ายมาอูบุด ก็เลยเริ่มเสาะหาบ้านพักเงียบๆที่อูบุด ซึ่งอันที่จริงก็หาไม่ยาก ถามวินมอไซค์ก็ได้ คนบาหลีชอบให้ความช่วยเหลือ คุณลุงวินมอไซค์พาแอนไปดูบ้านให้เช่าของเค้าเอง บ้านสองชั้น มีทุกอย่างครบครัน พร้อมสระว่ายน้ำ ราคา 12 ล้านรูเปียต่อเดือน (เป็นลมแป๊บ) เลยบอกคุณลุงว่า นู๋จ่ายไม่ไหวหรอกค่ะ แล้วบ้านก็หลังใหญ่ไปอยู่นานๆอาจจะเหงาได้ คงต้องไปหาหลังเล็กกว่านี้หน่อย แต่คุณลุงคงคิดว่าแอนหมายถึงลดให้หน่อยได้มั๊ยละมั๊ง ลุงเลยบอกว่า งั้นลุงลดให้เหลือ 6 ล้านต่อเดือน. . . . สตั๊นไป 3 วิ นี่ราคามันลดฮวบๆขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย พยายามจะไม่ผลีผลาม บอกคุณลุงว่า ขอเวลาไปตัดสินใจ ถ้าตกลงแล้วจะโทรหาคุณลุงภายใน 24 ชม.
จากนั้นก็กล่าวลา แล้วไปเดินหาต่อแบบใจเย็นๆ เผื่อมันจะมีอะไรน่าสนใจกว่าที่เจอ ก็เลยไปเจอบังกะโลอีกหลังชื่อว่า Bali Gen บังกะโลหลังกะทัดรัด พร้อมครัว และ แชร์สระว่ายน้ำ ในราคา 6 ล้านรูเปียขาดตัว ซึ่งแอนชอบที่นี่ เพราะถึงแม้ว่าจะอยากอยู่เงียบๆ แต่ก็อุ่นใจกว่า ถ้าจะมีเพื่อนบ้านบ้าง ไม่ได้ไปดูเยอะๆ ชอบที่นี่แล้วเลยตกลงปลงใจ และตัดสินใจย้ายมาพักที่ Bali Gen ใน 3 วันต่อมา
หลังจากย้ายมาพักที่ Bali Gen ชีวิตก็เริ่มเข้าสู่ความเรียบง่าย ในบ้านพักหลังสุดท้ายอยู่ด้านในสุด นั่นคือ จะไม่มีใครเดินผ่านถ้าไม่จำเป็นจริงๆ ตื่นเช้า ชงกาแฟหอมๆ ทำกับข้าว วัตถุดิบซื้อมาจาก Bintang ซุปเปอร์มาร์เก็ตใกล้ที่พัก (ที่จริง Bintang เป็นยี่ห้อเบียร์ดังของเค้า แต่ ณ ตรงนั้นกลายเป็นชื่อซุปเปอร์ไปซะ) ถ้าสมองแล่น แรงบันดาลใจวิ่ง ก็นั่งทำงาน ตกบ่ายก็ไปว่ายน้ำ มันชั่งสุขใจเสียจริง \\(^_^)//
แต่แล้ว. . . สิ่งที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เมื่อฝูงแม่ไก่และลูกๆพากันมาวิ่งเล่นรอบๆบ้าน แขนขาแอนเริ่มมีรอยแดงเป็นจั้มๆ อย่างกับยุงกัด แต่จั้มใหญ่กว่านั้น สุดท้ายแอนมาไขปริศนาได้ว่ามันคือฝีมือของ ริ้นไก่. . . ซื้อยามาทา บางทีก็เปลี่ยนมาทายาหม่อง ประทังความคันกันไป ตั้งแต่นั้นมา. . .ก็ต้องทายาทุกวัน ทั้งยาแก้คัน ยากันยุงอีก พระอาทิตย์ตกดินเมื่อไหร่ หนาวจับใจทันที ฮ่าๆ แล้วก็ดราม่าเช่นนี้
พักเรื่องมาม่า เดี๋ยวแอนจะพาไปเที่ยวทะเลสวยๆ หาดทรายขาวๆ น้ำทะเลเขียวอมฟ้า ซึ่งอยู่ทางตะวันออกค่อนไปทางเหนือของเกาะบาหลี มีชื่อว่า White Sand Beach (Pantai Bias Tugel) เพื่อนชวน ก็เลยไปด้วย ขับมอไซค์ไปราวๆ 50 กม. เลยแหละ แต่เส้นทางที่ไปรถไม่ติด เพราะเป็นเส้นออกนอกเมือง ขับสบายๆไม่ลำบาก แต่ตรงทางเข้าประมาณกิโลนึงจะค่อนข้างชัน ขับต้องระวังๆ เข้าไปถึงลานจอดแคบๆ ก่อนถึงทางเดินลงไปที่หาด ค่าจอด Rp 2,000 มีพี่ผู้ชาย 1 คนนั่งรออยู่ ทางเดินลงหาดอีกราวๆ 500 เมตร แต่คดเคี้ยวเลี้ยวลด ต้องเดินดีๆ เพราะระหว่างทางจะมองเห็นหน้าผา ที่สามารถมองความเขียวมรกตของน้ำเบื้องหน้า มันสวยมากจริงๆ ที่บ้านเราก็สวย ที่นี่ก็สวย ส๊วย สวย พอเดินลงไปถึงหาด หาดไม่กว้าง แค่ราวๆ 5-600 เมตร แต่ขาวจั๊ว ทรายละเอียด น้ำใส๊ใส โขดหินดำขลับ มีนักท่องเที่ยวผลัดกันมา ผลัดกันไป แต่ไม่เยอะ ไม่ยัดเยียด ไปถึงก็จัดแจงแปลงร่างพร้อมบิกินี่คู่ใจ วิ่งลงไปชื่นชมน้ำทะเลทันที
.
.
โครมมม. . .
โดนคลื่นซัดหน้าคว่ำ รูปเริบยังไมได้ถ่ายเลย ฮ่าๆ อันที่จริงควรจะมาแต่เช้า คลื่นลมยังสงบ แต่ระหว่างทางดันแวะหาดทรายดำ แล้วไหนจะยางแบน เลยไปถึงบ่ายๆ คลื่นแรงได้อีก แต่ภาพรวมคือ หาดนี้สวยที่สุดแล้วในบาหลีที่ไปมาถ้าเทียบความขาวสวยของทรายและน้ำทะเล
ต่อไป. . . ขอพาไปแวะเที่ยววัดสุดฮิต ที่เป็นที่สุดของเกาะบาหลี ที่แม้แต่เจ้าของบ้านที่อูบุดก็บอกว่า ที่วัดนี้คือวัดที่ดีที่สุดของที่นี่ นั่นคือ Pura Ulun Danu Bratan (Pura แปลว่า วัด) ตั้งอยู่ทางเหนือริมทะเลสาป Bratan แต่การเดินทางไปวัดนี้นี่ แอนขับมอไซค์ไต่ขึ้นเขาไปราวๆ 60 กว่ากิโล ถือว่าหืดขึ้นคอมาก นอกจากเส้นทางจะลดเลี้ยวแล้ว ยัง. . ยิ่งสูงยิ่งหนาว ถ้าอยู่เฉยๆ ก็ไม่เท่าไหร่ แต่ขับมอไซค์ท้าลมนี่สิ แถมไม่ได้เตรียมเสื้อกันหนาวอะไรไปเลย บรึ๋ยยยย
แวะพักดูแปลงดอกดาวเรืองระหว่างทาง (ก้นเริ่มชาแล้วไง)
ที่วัด Pura Bratan (เรียกชื่อสั้นๆ) สวยจริงๆ แต่. . . ที่สุดฮิต ก็ต้องคนเยอะ แถมช่วงที่แอนไป (Wet Season) น้ำลดทำให้ฐานวัดผุด หมายถึงวัดกลางน้ำที่สวยงาม ที่ปรากฏในโปสการ์ด หรือถ้าถ้าเสิร์ชว่าบาหลีในกูเกิ้ล ยังไงก็ต้องเห็นภาพวัดนี้ วันนี้ความสวยงามดูเหมือนจะถูกย่ำยี ด้วยน้ำมือนักท่องเที่ยว หลายคนเดินลงไปเหยียบย่ำต้นหญ้าเขียวๆบริเวณรอบวัด ลงไปเซลฟี่ที่ฐานวัด ก็ไม่แน่ใจว่ามันจะเห็นอะไร รออยู่นานเพราะอยากได้ภาพวัดที่มีคนบางๆ ลงหน่อย แล้วก็ไปเดินเล่นรอบๆวัด รวมทั้งไปหาความสนุกเล็กๆน้อยๆ คือว่าพอดีเหลือบไปเห็นเรือเป็ดน้อย เลยคิดในใจว่าเราจะปั่นเรือไปถ่ายรูปใกล้ๆวัดกลางน้ำ แล้วก็ได้เซลฟี่ภาพตัวเอง เรือเป็ด และวัดมา ^^ อ้อ. . .ในวัดมีห้องน้ำไม่ต่ำกว่า 2 จุด และค่าตั๋วเข้าชมวัดคนละ Rp 30,000 นะคะ