คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 6
ยาตัวนี้เป็นยาผสม 2 ตัวคือ Sulfamethoxazole กับ Trimethoprim
ชื่อสามัญนิยมเรียกว่า Co-trimoxazole
ชื่อการค้าที่คุ้นเคยเรียก Bactrim
ปัญหาของยาตัวนี้คือมี"เปอร์เซ็นต์"การแพ้ยาสูงเมื่อเทียบกับยาอื่น
ในบรรดายาปฏิชีวนะทั้งหมดเรียกว่ามาอันดับต้นๆเลย
แต่ในชีวิตจริงที่เราพบการแพ้ยากลุ่ม Penicillin มากกว่าเพราะยากลุ่ม Penicillin ใช้บ่อยกว่ากลุ่ม Sulfa มากๆ
และเนื่องจากยาตัวนี้มี Sulfamethoxazole ที่เป็นยากลุ่มซัลฟา
จะมีปัญหาอีกอันคือถ้าเด็กที่มีภาวะพร่องเอ็นไซม์ G 6 PD จะเกิดภาวะเม็ดเลือดแดงแตกได้
เกิดภาวะ hemolytic anemia ซีด และเหลืองจากการที่เม็ดเลือดแดงแตก มีสาร billirubin ในเลือดสูงขึ้น
ยาซัลฟานี้ยังไปแย่งจับกับโปรตีนที่เป็นโปรตีนที่จะไปช่วยจับกับ billirubin เมื่อมีภาวะเหลือง มี billirubin ในเลือดสูง
ในเด็กทารก billirubin ที่สูงจะเป็นพิษต่อสมอง (สมองเด็กยิ่งเล็กยิ่งไม่ทนต่อความเป็นพิษของ billirubin ที่สูง)
สูงมากๆหรือเร็วทำให้ชักและปัญญาอ่อน สมองเสียหายถาวรได้ เรียกว่า kern icterus
ยิ่งการที่ยาไปแย่งจับกับโปรตีนที่ช่วยจับ billirubin ด้วย (โปรตีนช่วยจับกับ billirubin ไว้ช่วยลด billirubin ที่จะเหลือไปจับกับเนื้อสมอง)
ก็จะเหลือโปรตีนที่เป็นตัวช่วยลดความเป็นพิษจาก billirubin เหลือน้อยลง
บางทีค่า billirubin ในเลือดสูงน้อยกว่า case อื่นที่ไม่ได้ยาตัวนี้ก็ยังมีโอกาสเกิด kern icterus ได้ง่ายกว่า
ทางบริษัทผู้ผลิตหลายๆแห่งจึงมีคำเตือนไม่ให้ใช้ในเด็กอายุน้อยกว่า 6 สัปดาห์-2 เดือน
แต่ถ้าจำเป็นต้องใช้จริงๆ
ก็มีคนนำมาใช้ในเด็กอายุ 1 เดือนขึ้นไปเช่นในเด็กติดเชื้อ HIV แล้วใช้ป้องกันการติดเชื้อที่ปอดจากเชื้อ PCP
ดังนั้นถ้าจะใช้ในเด็กเล็กต้องมีข้อบ่งชี้ที่จำเป็นและใช้ด้วยความระมัดระวัง
ทีนี้มาดูเรื่องถ่าย ถ้ามีมูกปนเลือด
แม้จะมีโอกาสเป็นเชื้อแบคทีเรียมากกว่าไวรัส
อาจมีข้อบ่งชี้ที่จะให้ยาปฏิชีวนะ
แต่ Co-Trimaxazole เองเดี๋ยวนี้ก็ไม่ค่อยนิยมนำมาใช้รักษาลำไส้อักเสบแม้จะในเด็กโตหรือผู้ใหญ่ก็ตาม
ที่ไม่นิยมนำมาใช้รักษาการติดเชื้อพวกลำไส้อักเสบเหมือนในสมัยก่อน(สมัยก่อนใช้บ่อย)
เพราะปัจจุบันเชื้อดื้อยาบ่อย ทำให้รักษาไม่ค่อยได้ผล
อีกทั้งมีโอกาสแพ้ยาได้บ่อย
กรณีนางดอกรักที่เป็นข่าวดังที่ตาบอดก็จากยาตัวนี้
ยิ่งเด็กเล็กยิ่งเสี่ยง
กรณีนี้ส่วนตัวคิดว่าน่าเลี่ยงเพราะ
1 ปัจจุบันเชื้อในระบบทางเดินอาหารดื้อยากลุ่มนี้บ่อย ไม่ค่อยได้ผลอยู่แล้ว
2 โอกาสแพ้ยาสูงเมื่อเทียบกับยาอื่น
3 หากโชคร้ายเป็น G 6 PD deficiency ที่ไม่ทราบมาก่อนอาจมีปัญหาเม็ดเลือดแดงแตก
4 ยาไม่ได้ปลอดภัยกับเด็กเล็กมาก โดยเฉพาะ concern เรื่อง kern icterus ในเด็กเล็กมากๆ
ถ้าจะใช้ก็ต้องมีข้อบ่งชี้ที่ชัดเจนเช่นในกรณีที่ไม่มียาอื่นทดแทน
และชั่งนำ้หนักแล้วได้ประโยชน์จากยามากกว่าความเสี่ยงชัดเจน
ซึ่งไม่น่าเป็นกรณีนี้
จริงๆคุ้นชื่อคลินิกอยู่นะครับ มีหลายสาขามาก
และน่าจะเน้นที่บริการปฐมภูมิทั่วไปมากกว่า
ไม่ได้เน้นแพทย์เฉพาะทาง
คิดว่าคงไม่ใช่หมอเด็กตรวจ
เด็กโดยเฉพาะเด็กเล็กรักษากับหมอเด็กเหมาะกว่าครับ
เผลอๆคุณหมอที่สั่งจ่ายยาอาจจะไม่ทราบด้วยว่าฉลากยาเขียนข้อห้ามว่าอะไรบ้าง
ยาที่ใช้มีตัวที่ปลอดภัยกว่านี้ ได้ผลดีกว่านี้หลายตัว
แต่ไม่ต้องถามต่อนะครับว่าตัวไหน
เป็นหน้าที่ที่ควรจะพาไปรักษาให้หมอเด็กที่ตรวจประเมินอยู่แล้ว
(ตรวจอุจจาระด้วยก็ดีครับ)
ไม่ได้ตรวจเองแนะนำไปเดี๋ยวจะมีปัญหาครับ
ปล.อย่าเชื่อผมมาก ผมเดา
ควรไปตรวจกับหมอเด็กให้เป็นเรื่องเป็นราวครับ
ชื่อสามัญนิยมเรียกว่า Co-trimoxazole
ชื่อการค้าที่คุ้นเคยเรียก Bactrim
ปัญหาของยาตัวนี้คือมี"เปอร์เซ็นต์"การแพ้ยาสูงเมื่อเทียบกับยาอื่น
ในบรรดายาปฏิชีวนะทั้งหมดเรียกว่ามาอันดับต้นๆเลย
แต่ในชีวิตจริงที่เราพบการแพ้ยากลุ่ม Penicillin มากกว่าเพราะยากลุ่ม Penicillin ใช้บ่อยกว่ากลุ่ม Sulfa มากๆ
และเนื่องจากยาตัวนี้มี Sulfamethoxazole ที่เป็นยากลุ่มซัลฟา
จะมีปัญหาอีกอันคือถ้าเด็กที่มีภาวะพร่องเอ็นไซม์ G 6 PD จะเกิดภาวะเม็ดเลือดแดงแตกได้
เกิดภาวะ hemolytic anemia ซีด และเหลืองจากการที่เม็ดเลือดแดงแตก มีสาร billirubin ในเลือดสูงขึ้น
ยาซัลฟานี้ยังไปแย่งจับกับโปรตีนที่เป็นโปรตีนที่จะไปช่วยจับกับ billirubin เมื่อมีภาวะเหลือง มี billirubin ในเลือดสูง
ในเด็กทารก billirubin ที่สูงจะเป็นพิษต่อสมอง (สมองเด็กยิ่งเล็กยิ่งไม่ทนต่อความเป็นพิษของ billirubin ที่สูง)
สูงมากๆหรือเร็วทำให้ชักและปัญญาอ่อน สมองเสียหายถาวรได้ เรียกว่า kern icterus
ยิ่งการที่ยาไปแย่งจับกับโปรตีนที่ช่วยจับ billirubin ด้วย (โปรตีนช่วยจับกับ billirubin ไว้ช่วยลด billirubin ที่จะเหลือไปจับกับเนื้อสมอง)
ก็จะเหลือโปรตีนที่เป็นตัวช่วยลดความเป็นพิษจาก billirubin เหลือน้อยลง
บางทีค่า billirubin ในเลือดสูงน้อยกว่า case อื่นที่ไม่ได้ยาตัวนี้ก็ยังมีโอกาสเกิด kern icterus ได้ง่ายกว่า
ทางบริษัทผู้ผลิตหลายๆแห่งจึงมีคำเตือนไม่ให้ใช้ในเด็กอายุน้อยกว่า 6 สัปดาห์-2 เดือน
แต่ถ้าจำเป็นต้องใช้จริงๆ
ก็มีคนนำมาใช้ในเด็กอายุ 1 เดือนขึ้นไปเช่นในเด็กติดเชื้อ HIV แล้วใช้ป้องกันการติดเชื้อที่ปอดจากเชื้อ PCP
ดังนั้นถ้าจะใช้ในเด็กเล็กต้องมีข้อบ่งชี้ที่จำเป็นและใช้ด้วยความระมัดระวัง
ทีนี้มาดูเรื่องถ่าย ถ้ามีมูกปนเลือด
แม้จะมีโอกาสเป็นเชื้อแบคทีเรียมากกว่าไวรัส
อาจมีข้อบ่งชี้ที่จะให้ยาปฏิชีวนะ
แต่ Co-Trimaxazole เองเดี๋ยวนี้ก็ไม่ค่อยนิยมนำมาใช้รักษาลำไส้อักเสบแม้จะในเด็กโตหรือผู้ใหญ่ก็ตาม
ที่ไม่นิยมนำมาใช้รักษาการติดเชื้อพวกลำไส้อักเสบเหมือนในสมัยก่อน(สมัยก่อนใช้บ่อย)
เพราะปัจจุบันเชื้อดื้อยาบ่อย ทำให้รักษาไม่ค่อยได้ผล
อีกทั้งมีโอกาสแพ้ยาได้บ่อย
กรณีนางดอกรักที่เป็นข่าวดังที่ตาบอดก็จากยาตัวนี้
ยิ่งเด็กเล็กยิ่งเสี่ยง
กรณีนี้ส่วนตัวคิดว่าน่าเลี่ยงเพราะ
1 ปัจจุบันเชื้อในระบบทางเดินอาหารดื้อยากลุ่มนี้บ่อย ไม่ค่อยได้ผลอยู่แล้ว
2 โอกาสแพ้ยาสูงเมื่อเทียบกับยาอื่น
3 หากโชคร้ายเป็น G 6 PD deficiency ที่ไม่ทราบมาก่อนอาจมีปัญหาเม็ดเลือดแดงแตก
4 ยาไม่ได้ปลอดภัยกับเด็กเล็กมาก โดยเฉพาะ concern เรื่อง kern icterus ในเด็กเล็กมากๆ
ถ้าจะใช้ก็ต้องมีข้อบ่งชี้ที่ชัดเจนเช่นในกรณีที่ไม่มียาอื่นทดแทน
และชั่งนำ้หนักแล้วได้ประโยชน์จากยามากกว่าความเสี่ยงชัดเจน
ซึ่งไม่น่าเป็นกรณีนี้
จริงๆคุ้นชื่อคลินิกอยู่นะครับ มีหลายสาขามาก
และน่าจะเน้นที่บริการปฐมภูมิทั่วไปมากกว่า
ไม่ได้เน้นแพทย์เฉพาะทาง
คิดว่าคงไม่ใช่หมอเด็กตรวจ
เด็กโดยเฉพาะเด็กเล็กรักษากับหมอเด็กเหมาะกว่าครับ
เผลอๆคุณหมอที่สั่งจ่ายยาอาจจะไม่ทราบด้วยว่าฉลากยาเขียนข้อห้ามว่าอะไรบ้าง
ยาที่ใช้มีตัวที่ปลอดภัยกว่านี้ ได้ผลดีกว่านี้หลายตัว
แต่ไม่ต้องถามต่อนะครับว่าตัวไหน
เป็นหน้าที่ที่ควรจะพาไปรักษาให้หมอเด็กที่ตรวจประเมินอยู่แล้ว
(ตรวจอุจจาระด้วยก็ดีครับ)
ไม่ได้ตรวจเองแนะนำไปเดี๋ยวจะมีปัญหาครับ
ปล.อย่าเชื่อผมมาก ผมเดา
ควรไปตรวจกับหมอเด็กให้เป็นเรื่องเป็นราวครับ
แสดงความคิดเห็น
ลูกของผมลำใส้ติดเชื้อหมอให้หยุดทานนมเดิมแล้วคุณหมอให้นมมาใหม่(เด็กไม่ได้ทานนมแม่) พร้อมทั้งยา