ต้นดำเนิดและที่มาของศาสนา

   เกริ่นก่อนนะครับว่ากระทู้นี้อาจจะทำร้ายจิตใจของคนรักศาสนา

แต่ทั้งหมดทั้งมวลมันคือความเข้าใจของผมคนเดียวเท่านั้น

  ถ้าจะถามว่าตอนนี้ผมนับถือศาสนาอะไร "ไม่มีครับ"


     ศานาคืออะไร....
     ศาสนาคือเครื่องมือเป็นกลอุบายที่คิดค้นโดยมนุษย์ โดยดินแดนที่กว้างใหญ่ไพศาลเช่น "อินเดีย"

     จุดมุ่งหมายของศาสนาคืออะไร....
     จุดมุ่งหมายของศาสนานั้นคือทำให้ผู้คนเกิดความศรัทธาเพื่อรวมกลุ่มและแคว้นต่างๆเข้าด้วยกัน เนื่องจากประเทศอินเดียเป็นประเทศที่กว้างใหญ่ไพศาลมีผู้คนจำนวนมาก แต่ละแคว้นปกครองด้วยผู้นำของตนเองเกิดการรบราฆ่าฟันเพื่อแย่งดินแดนและทรัพยากรต่างๆในภูมิภาคนั้นๆ โดยการคิดเนื้อเรื่องในการทำให้ผู้คนศรัทธาการทำให้แต่ละแคว้นนั้นรวมเข้าด้วยกันได้เป็นพวกเดียวกันได้ก็ต้องทำให้คิดและเชื่อในแบบเดียวกันก่อน พอถึงตอนที่รบกันแน่นอนว่าไม่มีอะไรที่จะยึดถือในการเป็นพวกเดียวกันได้นอกจากคำว่า ศาสนาเดียวกัน ถึงแม้จะต่างแคว้นแต่ก็ร่วมกันรบเพราะเป็นพวกเดียวกันเพราะนับถือศาสนาเดียวกัน

     เจตนาที่แอบแฝง.....
     ผมยังสรุปไม่ได้ว่าแท้จริงแล้วผู้คนที่คิดศาสนาขึ้นมานั้นมีเจตนาที่ดีหรือไม่ดีในการรวมกลุ่มคนหรือแคว้นเหล่านี้เข้าด้วยกัน เจตนาแรกคือ รวมกลุ่มคเพื่อร่วมเป็นกำลังรบและแย่งชิงแคว้นต่างๆและเผยแผ่ศาสนาของตนเข้าไปยังผู้คนเพื่อเพิ่มกำลังพลในการรุกรานแคว้นอื่นๆ เจตนาที่สองคือ ต้องการยึดเหนี่ยจิตใจผู้คนเพื่อรวบรวมประเทศแน่นอนว่าคงไม่พ้นคำว่า "สงคราม" ในการรวบรวมเป็นประเทศ

     ศาสนาในอินเดีย.....
     อินเดียนั้นเป็นแหล่งกำเนิดศาสนามากมายเนื่องจากพอมีกลุ่มศาสนานึงเกิดขึ้นและสามารถรวมกลุ่มคนเหล่านั้นเป็นพวกเดียวกันได้ แคว้นอื่นในอินเดียที่ต้องการรวมเป็นกลุ่มก้อนก็สร้างเรื่องราวขึ้นมาบ้างและแน่นอนว่าเรื่องปาฏิหารต่างๆมันเป็นกลอุบายที่ใช้ได้ดีในการใช้เรียกขวัญกำลังใจของทหารที่ร่วมรบ ยิ่งทหารมีขวัญกำลังใจมากเท่าไหร่กำลังรบก็ย่อมมีประสิทธิภาพมากขึ้นเท่านั้น ผมจะยกตัวอย่างจากฝั่งทางตะวันตกเช่นกรีก....หรือพวกไวกิ้ง ทางฝั่งตะวันตกจะไม่มีศาสนาแต่แน่นอนว่าต้องมีสิ่งที่ยึดเหนี่ยวจิตใจคือเทพองค์ต่างๆฝั่งกรีกจะมี เทพซุส โพไซดอน.... ทางฝั่งไวกิ้งก็จะมี เทพโอดิน ธอร์.... เพื่อสร้างขวัญกำลังใจให้นักรบของตน มันเป็นกลอุบายง่ายๆที่คิดขึ้นมาโดยมนุษย์แต่ให้ประสิธิภาพอย่างมากในการรวมจิตใจของผู้คน

     ผู้รักษาศาสนาและผู้เผยแผ่.....
      เมื่อคิดค้นศาสนาออกมาแล้วกลั่นกรองเนื้อเรื่องโดยมีตัวละครต่างๆที่คิดขึ้นมาแน่นอนว่าจะต้องให้มีคำว่าเหนือธรรมชาติ อภินิหาร เพื่อทำให้ผู้คนสนใจในเรื่องราวนั้นๆ กลุ่มคนเหล่านี้จะเป็นผู้เผยแผ่เรื่องราวที่ตัวเองคิดค้นขึ้นมาและแต่งตั้งผู้รักษาเผยแผ่ศาสนาของตนออกไปยิ่งมีมากเท่าไหร่ศาสนาของตนก็จะมีคนรู้จักมากขึ้นและรวมกลุ่มชนเหล่านั้นได้มากขึ้นเท่านั้น จะมีเงื่อนไขในการแต่งกายให้ผิดแปลกจากผู้คนทั่วไปเพื่อให้เป็นที่จดจำได้ง่ายและทำให้ผู้คนเคารพตนและมีสิทธิต่างๆเหนือบุคคลทั่วไป (ในตรงนี้อาจจะเป็นผลพลอยได้เนื่องจากพอผู้คนมีความศรัทธาก็ย่อมมีความเคารพนับถือในตัวผู้รักษาเผยแผ่ศาสนา จึงทำให้เป็นข้ออ้างและมีสิทธิเหนือบุคคลทั่วไปอย่างไร้เหตุผลเพราะคำว่า "เป็นตัวแทน"

    ศาสนาในฝั่งโลกตะวันตก......
    เมื่อผู้คนเริ่มรวมกันเป็นกลุ่มก้อนจากคำว่าศาสนาแล้วนั้นก็จะถูกรวมกันเป็นกลุ่มชนใหญ่มากขึ้นจากที่เคยปกครองแบบแคว้นต่อแคว้นก็จะกลายเป็นภูมิภาคต่างๆจกลายเป็นประเทศในที่สุด แต่ในฝั่งโลกตะวันตก....ยังไม่มี แต่พอทางฝั่งโลกตะวันตกรู้ว่าอุบายนี้ใช้ได้ดีในการรวมกลุ่มชนเข้าด้วยกันและทำให้ขวัญทหารมีกำลังใจในการรบ จึงคิดค้นศาสนาของตนขึ้นมา จึงกำเนิดเป็นศาสนาที่เห็นกันอยู่ในปัจุบันและแน่นอนว่าเมื่อกำเนิดศาสนาในตะวันตกผู้นำนั้นมีความโลภ อยากได้ดินแดนและทรัพยากรอื่นๆจึงใช้ศาสนาเป็นเครื่องมือในการรุกรานรวมรวม รบราฆ่าฟันดินแดนอื่นจนลามไปเป็นสงครามครูเซต สงครามศาสนาที่สูญเสียผู้คนมากมายและเป็นสงครามศาสนาที่ยาวนานที่สุดโดยการนำของผู้มีชื่อเสียงและน่ายกย่องในหนังที่เอามาทำ(น่ายกย่องมาก) และมีตัวแทนศาสนาที่เป็นกลุ่มคอยวางแผนการต่างๆกลุ่มชนชาติตะวันตกเป็นกลุ่มชนที่หิวกระหายในอำนาจและโลภมากที่สุดในโลก แม้แต่กระทั่งกลุ่มตัวแทนศาสนาเองก็มีการวางแผนในการมีส่วนร่วมในการมีอำนาจในการบริหารประเทศ

    การแปรผันเพื่อให้เข้ายุกต์ตามสมัย.......
    และเมื่อถึงจุดอิ่มตัวในการทำสงครามที่ไม่จบไม่สิ้นในสงครามศาสนาผู้คนเริ่มเอือมระอากับสงครามที่ไม่มีวันจบสิ้นกองกำลังที่เคยต่อสู้เริ่มถดถอยแม้คำว่าต่อสู้เพื่อศาสนาก็ไม่อาจดึงขวัญกำลังใจของทหารไว้ได้ผู้คนเริ่มไม่อยากจะรบพ่อแม่ไม่อยากที่จะเสียลูกชายมันก็มาถึงจุดอิ่มตัว ศาสนาทุกศานาจึงปรับโครงสร้างใหม่เน้นให้ผู้คนทำความดีเพื่อยังเป็นที่ยึดเหนี่ยวและน่าเคารพ อาจจะมีการกำหนดแต่งเขียนเรื่องราวเพิ่มเติม เขียนข้อกำหนดของตัวแทนผู้เผยแผ่ศาสนา ต้องนุ่งแบบนั้น ต้องทำตัวแบบนี้มีกฏข้อห้ามมากมายเพื่อให้แตกต่างจากคนธรรมดา จนมันเผยแผ่เข้ามาในประเทศไทย แน่นอนว่าตัวแทนศานาต่างๆได้หลั่งไหลเข้ามาเผยแผ่แต่กษัตย์ของประเทศไทยผู้ทรงมีพระปรีชาแลเห็นว่าศาสนาที่เรานับถือทุกวันนี้มีเนื้อเรื่องที่ดีที่สุดในการทำให้ประชาชนมีความสงบสุขและใกล้เคียงกับความเป็นจริงที่สุดไม่มีอภินิหารมาก และแล้วศาสนาก็กลายเป็นตัวสำคัญมากเป็นตัวกำหนดวัฒนธรรมของแต่ละประเทศเป็นตัวยึดเหนี่ยวทางจิตใจของผู้คนในยามจิดใจว้าวุ่น และมีประโยชน์อีกมากมาย ถึงแม้ว่ามันจะเป็นเรื่องที่กุขึ้นมาโดยมนุษย์เป็นกลอุบายที่ให้ผู้คนไม่ทำร้ายกันอยู่กันอย่างมีความสุข ถ้าไม่นับว่ามันมีจุดกำเนิดจากอะไรมันก็เป็นเครื่องมือที่ดีในบัจุบัน

    ส่วนตัวแล้วผมก็ยังมองว่ามันคือวงจรอุบาทที่คิดค้นโดยมนุษย์ถึงแม้ว่ามันจะเป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดในการรวมประเทศแต่ยังไงมันก็มีจุดเริ่มมาจากสงครามและนองไปด้วยเลือดของผู้คนมากมาย ผมไม่ได้อยากที่จะทำลายความเชื่อของผู้คนถึงแม้ว่าจะทำไปแล้ว ผมอยากจะเตือนผู้ที่รักษาเผยแผ่หรือตัวแทนเผยแผ่คำสอน หยุดทำตัวละโมภ มักมากในกาม มักมากในทรัพย์สินเงินทอง ทุกสิ่งมีจุดสุดยอดและก็ต่องมีความเสื่อมลงอย่าให้มันเสื่อมลงในยุกต์ของคุณเลย เมื่อคุณเป็นคนที่เสนอตัวเองเข้าไปอยู่ในกฏที่เค้าตั้งไว้หลายร้อยข้อ จงทำให้ได้เพื่อให้ผู้คนยังเกิดความศรัทธาในคำสอนที่สอนให้ทุกคนเป็น "คนดี"
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่