ผมรู้จักกับพี่คนหนึ่งตอนปี 2552 ครับ หลังจากนั้นเราก็ติดต่อกัน ช่วยเหลือกันตลอด เลี้ยงข้าว ยืมเงิน ยืมรถกันเป็นเรื่องปกติ ผมนับถือพี่คนนี้เสมือนพี่สาวแท้ๆ เลย แต่ผมไม่เคยไปบ้านของแก รู้แต่ว่าแกทำงานที่ไหน จนกระทั่งปลายปี 2557 แกขอให้ค้ำประกันซื้อรถยนต์ให้ ตอนขอให้ค้ำประกันบอกจะซื้อรถมือสองเอามาลงทุน หลังจากผ่านการอนุมัติ ผมไปเยี่ยมแกที่ทำงาน ปรากฎว่ารถที่ซื้อมาเป็นรถมือหนึ่ง ผ่อนเดือนละประมาณหมื่นนิดๆ ก็ดูเหมือนจะไม่มีปัญหาอะไร จนกระท่ังผ่านไปประมาณ 3-4 เดือน มีจดหมายจากธนาคารแจ้งว่าขาดส่งค่างวด 1 งวด ผมก็ได้สอบถามพี่ ได้คำตอบว่าตอนไปจ่ายระบบมีปัญหา แต่ยืนยันว่าจ่ายแล้ว ผมก็ไม่ได้ติดใจอะไร ผ่านไปอีกเดือนมีจดหมายมาเหมือนเดิม ขาดส่ง 1 งวดเท่าเดิม แกก็บอกว่าเดี๋ยวจะไปติดต่อธนาคารเอง หลังจากนั้นก็มีจดหมายมาทุกเดือนครับ จากค้าง 1 งวด เป็นค้าง 2 งวด ตอนนั้นพี่สาวหายไปช่วงหนึ่ง ติดต่อไม่ได้ ติดต่อได้อีกทีแกบอกว่าเป็นโรคไข้หวัดใหญ่ นอน รพ. มา 2-3 สัปดาห์แล้ว ไม่ได้ติดต่อใครเลย แกก็ส่งรูปแกใส่หน้ากากอนามัยมาให้ดู รอออกจาก รพ. จะไปเคลียร์ค่ารถเอง โอเคครับพอเข้าใจได้ เผอิญมีวันหนึ่งผมมีโอกาสได้ไป รพ. เลยโทรหาแกว่าจะเข้าไปเยี่ยม แกบ่ายเบี่ยง บอกหมอให้ออก รพ. วันนี้แล้ว กำลังเคลียร์บิลจ่ายเงิน ไม่ต้องเข้ามา ก็ไม่ได้ติดใจอะไรอีกเช่นกัน หลังจากนั้น ผมก็ติดต่อแกไม่ได้เลย แรกๆ โทรหาได้ แต่ไม่รับสาย หลังๆ โทรไม่ติด เลยส่ง sms ไปสอบถามอาการ มี sms ตอบกลับมาว่า พี่คนนี้ไปเข้า รพ. ที่ กทม. แต่ลืมโทรศัพท์ไว้ที่บ้าน ยังไงกลับมาแล้วจะบอกให้ หลังจากผ่านไป 2-3 สัปดาห์ ผมก็พยายามติดต่อ ปรากฎว่าติดต่อไม่ได้เลยครับ แต่ใบทวงค่ารถก็มาทุกๆ เดือน บอกค้าง 2 งวดตลอด หนักสุดคือมีเดือนหนึ่งมี จนท. มาหาผมถึงที่ทำงาน ถามว่าติดต่อพี่ได้ไหม เพราะมียอดค้าง 3 งวด เราก็บอกตามตรงครับ คือติดต่อไม่ได้เลย ไปหาที่ทำงานก็บอกว่าแกลาออกไปแล้ว ที่ทำงานบอกว่ามีคนมาตามทวงหนี้แกเหมือนกัน จะไปหาที่อยู่ตามทะเบียนบ้านก็ปรากฎว่าแกไม่ได้อยู่บ้านหลังนี้ (เท่าที่แกเคยบอกแกว่าซื้อบ้านจัดสรรไว้ แต่ผมไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหน ซื้อจริงหรือเปล่ายังไม่รู้) จนปัญญาในการตามหาแล้วครับ แต่ธนาคารบอกว่ามียอดชำระเข้ามาเหมือนกัน แต่เพียงแค่ 1 งวด เหลืออีก 2 งวด ถ้าผิดนัดชำระครบ 3 งวดอีก ก็จะเริ่มตามใหม่ และทุกๆ เดือนก็จะมีใบแจ้งยอดบอกค้าง 2 งวดทุกครั้ง รวม 5-6 ฉบับได้ครับ จนกระทั้งวันที่ 14 ต.ค. 58 ที่ผ่านมา มีจดหมายมาอีกฉบับ เป็นจดหมายบอกเลิกสัญญา เพราค้างส่ง 3 งวด ให้ชำระยอดเป็นเงินประมาณ 3 หมื่นกว่าบาท และส่งคืนรถ แต่ปัญหาคือผมไม่รู้จะติดต่อพี่สาวยังไงนี่สิครับ
-----------------------------------
กับพี่คนเดิม แต่เป็นเรื่องใหม่ คือเมื่อวันที่ 7 ก.พ. 58 ที่ผ่านมา ได้ไปซื้อ iPad air 2 ให้ตัวเอง กับ iPhone 6 ให้พี่สาว โดยใช้บัตรเครดิตของผมรูดซื้อ 0% 10 เดือน (พี่สาวไม่มีบัตรเครดิต) และตกลงกันว่าพี่สาวจะจ่ายเงินให้ผม 10 เดือนๆ 4,000 บาท ทุกๆ วันที่ 2 ของเดือน ซึ่งจะเป็นเงินทั้งสิ้น 40,000 บาท ส่วนที่เกินจากค่า iPhone 6 ถือเป็นค่า iPad air 2 (เป็นของขวัญวันเกิดให้ผม แกว่างั้น) ซึ่ง iPhone 6 ของแกซื้อในชื่อผม พร้อมกับเปิดเบอร์ใหม่ในชื่อผมอีก (แกบอกลืมบัตร ปปช.) เข้าเดือนที่ 3 แกเริ่มมีปัญหาจ่ายล่าช้า กว่าจะได้เงินก็เกือบสิ้นเดือน แกบอกที่บ้านมีงานศพต้องใช้จ่ายเยอะ พอเดือนที่ 4 เป็นช่วงที่แกบอกเข้า รพ. เพราะไข้หวัดใหญ่ แกบอกหมดกับค่า รพ. ไปเยอะ แล้วช่วงนั้นเริ่มติดต่อไม่ได้ พอพยายามโทรหา (แต่ไม่รับสาย) อยู่ๆ ก็มีเงินโอนเข้าบัญชีมา 4,000 บาท ผมก็ถือซะว่าเป็นเงินงวดที่ 4 จากนั้นก็ติดต่อแกไม่ได้อีกเลย รวมเงินทั้งหมดที่ผมได้ 16,000 บาทครับ เฉพาะค่า iPhone 6 ของแกก็ปาเข้าไป 24,600 บาทแล้ว จนทุกวันนี้ผมต้องแบกรับภาระจ่ายค่า iPhone กับ iPad เอง เพื่อรักษาประวัติทางการเงิน ตอนนี้จ่ายมาจนถึง 2 งวดสุดท้ายละครับ กับเรื่อง iPad ที่ผมใช้เองจ่ายเอง ผมไม่มีปัญหาเลย แต่ต้องมาผ่อน iPhone ที่เราไม่ได้ใช้ก็ติดใจอยู่นิดๆ ครับ ผมตัดสินใจไปปิดเบอร์ที่ผูกกับ iPhone เพราะมันเป็นชื่อผม สุดท้ายก็ได้แต่คิดว่าเงิน 8,600 บาท (26,400-16,000) ถือซะว่าใช้เวรใช้กรรมกันไป
-----------------------------------
เล่ามาทั้งหมดทั้งมวลก็เพื่อจะบอกเล่าประสบการณ์ที่เจอมากับตัวเองครับ ไม่ว่าจะเรื่องค้ำประกันให้ใคร หรือให้ใครใช้บัตรเครดิตเราซื้อสินค้า ยอมรับครับว่าโง่เองที่ไว้ใจคนง่ายไปหน่อย
แต่ก็ยังมีคำถามอีกมากมายที่หมุนเวียนอยู่ในหัว ว่าควรจะทำอย่างไรต่อไปดี พยายามรักษาประวัติทางการเงินของตัวเองมาตลอด ไม่เคยจ่ายขั้นต่ำ ปิดยอดบัตรทุกเดือน ไม่เคยมีประวัติจ่ายล่าช้า มีเงินก้อนก็เอาไปปิดหนี้หมด แต่ต้องมาเสียประวัติทางการเงิน เพราะคนที่เรา (เคย) ไว้ใจ มันเจ็บใจมากๆ เลย
ขอบคุณทุกๆ ท่านที่สละเวลาอ่านนะครับ และถ้าได้รับคำแนะนำดีๆ จะเป็นพระคุณมาก
ซ้ำใจเพราะค้ำประกันซื้อรถยนต์กับให้ยืมบัตรเครดิตรูดซื้อมือถือ
-----------------------------------
กับพี่คนเดิม แต่เป็นเรื่องใหม่ คือเมื่อวันที่ 7 ก.พ. 58 ที่ผ่านมา ได้ไปซื้อ iPad air 2 ให้ตัวเอง กับ iPhone 6 ให้พี่สาว โดยใช้บัตรเครดิตของผมรูดซื้อ 0% 10 เดือน (พี่สาวไม่มีบัตรเครดิต) และตกลงกันว่าพี่สาวจะจ่ายเงินให้ผม 10 เดือนๆ 4,000 บาท ทุกๆ วันที่ 2 ของเดือน ซึ่งจะเป็นเงินทั้งสิ้น 40,000 บาท ส่วนที่เกินจากค่า iPhone 6 ถือเป็นค่า iPad air 2 (เป็นของขวัญวันเกิดให้ผม แกว่างั้น) ซึ่ง iPhone 6 ของแกซื้อในชื่อผม พร้อมกับเปิดเบอร์ใหม่ในชื่อผมอีก (แกบอกลืมบัตร ปปช.) เข้าเดือนที่ 3 แกเริ่มมีปัญหาจ่ายล่าช้า กว่าจะได้เงินก็เกือบสิ้นเดือน แกบอกที่บ้านมีงานศพต้องใช้จ่ายเยอะ พอเดือนที่ 4 เป็นช่วงที่แกบอกเข้า รพ. เพราะไข้หวัดใหญ่ แกบอกหมดกับค่า รพ. ไปเยอะ แล้วช่วงนั้นเริ่มติดต่อไม่ได้ พอพยายามโทรหา (แต่ไม่รับสาย) อยู่ๆ ก็มีเงินโอนเข้าบัญชีมา 4,000 บาท ผมก็ถือซะว่าเป็นเงินงวดที่ 4 จากนั้นก็ติดต่อแกไม่ได้อีกเลย รวมเงินทั้งหมดที่ผมได้ 16,000 บาทครับ เฉพาะค่า iPhone 6 ของแกก็ปาเข้าไป 24,600 บาทแล้ว จนทุกวันนี้ผมต้องแบกรับภาระจ่ายค่า iPhone กับ iPad เอง เพื่อรักษาประวัติทางการเงิน ตอนนี้จ่ายมาจนถึง 2 งวดสุดท้ายละครับ กับเรื่อง iPad ที่ผมใช้เองจ่ายเอง ผมไม่มีปัญหาเลย แต่ต้องมาผ่อน iPhone ที่เราไม่ได้ใช้ก็ติดใจอยู่นิดๆ ครับ ผมตัดสินใจไปปิดเบอร์ที่ผูกกับ iPhone เพราะมันเป็นชื่อผม สุดท้ายก็ได้แต่คิดว่าเงิน 8,600 บาท (26,400-16,000) ถือซะว่าใช้เวรใช้กรรมกันไป
-----------------------------------
เล่ามาทั้งหมดทั้งมวลก็เพื่อจะบอกเล่าประสบการณ์ที่เจอมากับตัวเองครับ ไม่ว่าจะเรื่องค้ำประกันให้ใคร หรือให้ใครใช้บัตรเครดิตเราซื้อสินค้า ยอมรับครับว่าโง่เองที่ไว้ใจคนง่ายไปหน่อย
แต่ก็ยังมีคำถามอีกมากมายที่หมุนเวียนอยู่ในหัว ว่าควรจะทำอย่างไรต่อไปดี พยายามรักษาประวัติทางการเงินของตัวเองมาตลอด ไม่เคยจ่ายขั้นต่ำ ปิดยอดบัตรทุกเดือน ไม่เคยมีประวัติจ่ายล่าช้า มีเงินก้อนก็เอาไปปิดหนี้หมด แต่ต้องมาเสียประวัติทางการเงิน เพราะคนที่เรา (เคย) ไว้ใจ มันเจ็บใจมากๆ เลย
ขอบคุณทุกๆ ท่านที่สละเวลาอ่านนะครับ และถ้าได้รับคำแนะนำดีๆ จะเป็นพระคุณมาก