กระทู้นี้เกิดจาการที่นั่งศึกษาหุ้น SSI และ ในฐานะที่ตัวเองถือหุ้นอยู่ตัวหนึ่งซึ่งมีฐานะเป็นเจ้าหนี้ SSI ที่ต้องตั้งสำรองหนี้สงสัยเผื่อจะสูญ 100%
เมื่อมองหุ้นก็เลยมีโอกาสได้มองตัวเอง ยกมือสองข้างขึ้นมานับ นี่เรามาถึงจุดนี้ได้อย่างไร?? จุดที่มีลูกหนี้มากจนนิ้วมือทั้งสองข้างไม่พอจะนับ
และเมื่อนั่งคิดย้อนเวลากับไปถึงเส้นทางการเป็นเจ้าหนี้อย่างสมบูรณ์แบบในวันนี้ ก็อดที่จะหัวเราะคนเดียวไม่ได้ กลอกตาบน ทำหน้ามุ่ย และอมยิ้มคนเดียวไม่ได้ เมื่อนึกถึงหน้าลูกหนี้แต่ละคน ช่างน่ารักจริงจริ๊งเลย
เชื่อว่าหลายๆคนในนี้เคยอยู่ในสถานะเจ้าหนี้หรือไม่ก็ลูกหนี้มาบ้างแน่นอน กระทู้นี้เลยอยากจะชวนเจ้าหนี้ลูกหนี้ทั้งหลายมาแชร์กันคะว่า เงินมันอยู่กับเราดีๆ แท้ ๆ แต่ทำไม ทำไม ถึงยอมให้คนอื่นยืมไป เชื่อว่าทุก ๆ คนมีเหตุผลการให้ยืม และการยืมแตกต่างกันแน่นอน
ส่วนเส้นทางการเป็นเจ้าหนี้ของเจ้าของกระทู้มันเริ่มจาก เมื่อนานมาแล้ว แต่ก็ไม่นานแท่าไหร่ เพราะเจ้าของกระทู้เพิ่งเป็นสาวเอ๊าะ ๆ 555(บางส่วนของลูกหนี้ละกัน)
เขาบอกว่าเราเป็นเพื่อนกัน
วันหนึ่งมีเบอร์แปลก ๆ โทรเข้ามาที่เครื่องเรา แรก ๆ ก็ว่าจะไม่รับเพราะเบอร์แปลกแต่ดวงคนมันจะได้เป็นเจ้าหนี้ก็เลยรับซะ คนโทรมาบอกว่าเป็นเพื่อนกับเราสมัยเรียนมหาลัย เรียนเมเจอร์เดียวกัน ซึ่งตอนนั้นเรานึกหน้าไม่ออกด้วยซ้ำว่าเขาเป็นใครหน้าตาแบบไหน
เราก็คุยกันพักหนึ่ง ส่วนใหญ่เป็นเขาที่ถาม ๆ จนมาถึงจุดพีค ขอยืมตัง ด้วยความที่เราจำหน้าไม่ได้ไม่ได้ติดต่อนาน ไม่สนิท หรือพูดตามตรงคือ ตลอด4ปีที่เรียนเราไม่มั่นใจว่าเคยคุยกันหรือเปล่าด้วยซ้ำ เราเลยปฏิเสธไปว่าไม่มีเหลือขนาดที่จะให้ยืมได้ มีพอแค่ได้ใช้ไปเดือน ๆ
และเขาก็ทำให้เราต้องอึ้งงหนักมาก เพราะเขาบอกว่ารู้นะว่าเรามีตังค์ มีเยอะด้วย เขาทำงานเป็นพนง. แบงค์แห่งหนึ่ง ที่เราเป็นลูกค้าอยู่ เขารู้ขอยืมหน่อยไม่ได้หรือ แล้วก็ไล่มาว่าเรามีสมบัติอะไรที่ฝากไว้ที่นี้บาง
เงินฝาก กองทุน พันธบัตรรัฐบาล เราก็แบบหงุดหงิดที่แบบมาละเมิดสิทธิเรามันเป้นข้อมูลส่วนตัว ที่แม้แต่พี่น้องเราเรายังไม่บอก เราก็ไปเล่าเรื่องนี้ให้เพื่อนสนิทฟัง เพื่อนเราอินเนอร์มาเต็มให้ไปแจ้งความ ไปร้องเรียนธนาคารที่เขาทำงานกะให้เอาออกจากงาน โน่นนี่นั่น แต่เราก็ไม่ได้ทำอะไรใช้ชีวิตปกติ จนเพื่อนแคป Facebook คนนั้นมาให้ ทำนองบ่นด่าว่าเขาเป็นคนมีน้ำใจชอบช่วยเหลือคนอื่น ๆ ทั้งๆ ที่ไม่มีก็ช่วยแต่บางคนนี่มีตังค์เหลือใช้เหลือเก็บแต่ไม่มีน้ำใจ เห็นแก่ตัว ......
เพื่อนแคปมา หลายรูปเลย คือเขาโพสไปหลายโพส เพื่อนก็บอกนี่เขาว่าเธอนะ เราก็เฉยมาก คือไม่ได้รู้สึกรู้สาเลย กลายเป็นเพื่อนเราโมโหแทน5555(สงสารเพื่อนต้องมาเสียสุขภาพจิต) จนผ่านมาอีกวัน เพื่อนแคปที่เขาตอบเม้นที่มีคนถามว่า ใครกันมันช่างใจดำ เป็นอักษรย่อชื่อเล่นเรา
เราเลยโทรหาเขา ไม่ได้โทรไปด่าแบบที่เพื่อน ๆ ที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เตรียมคำพูดให้นะ โทรไปขอเลขที่บช.เขาจะโอนตังค์ให้
เราโดนเพื่อน ๆ ที่ยืนลุ้นข้างๆ ว่าจะพูดว่าอะไรทั้งหยิกทั้งทุบทั้งดึง ที่ให้เขายืมตังค์ และหลังจากที่เราโอนตังค์ให้ไม่ถึงชม. เขาก็แอดเพื่อนในไลน์มา
เราเลยถือโอกาสส่งรูปที่เพื่อนแคปมาให้เขา(เขาลบโพสหลังจากเราโอนตังค์ให้) และบอกเขาว่า ตังค์เราให้นะ ไม่ต้องคืน เราไม่สะดวกคุยกับเธอนะ เราขอบล็อคทุกช่องทาง คือไม่มีคำไหนที่เราด่าเขานะ เราพูดดีๆ แม้แต่ตอนที่เขาบอกเขารู้ข้อมูลทางการเงินเรา
จนตอนนี้เวลาผ่านไปสักพักใหญ่ ๆ เรารู้สึกผิดมาก ๆ ที่เราบล็อกเขา เราเคยคิดเล่น ๆ ว่าการที่เราบล็อคเขา มันทำให้เขาไม่มีโอกาสได้ใช้ตังเราหรือเปล่า บางทีเขาอาจจะอยากคืน เขาอาจจะรู้สึกผิดที่ละเมิดข้อมูลละเมิดสิทธิเราแบบนั้น เราบอกเพื่อนแบบนี้ ทั้งโดนทุบโดนหยิกและเพื่อนบอกว่า มันคงดีใจที่เธอตัดช่องทางการทวงเงินไปต่างหาก 5555
คงงั้นเพราะทุกครั้งที่ต้องบังเอิญมาเจอกัน เขาก็จะมองเราไม่เต็มตา ท่าทางประหม่า เก้อเขิน เขาเองก็คงละอายใจถึงแม้เราจะไม่เคยพูดถึงเงินนี่เลยเพราะเราถือว่าได้ให้เพื่อน ไม่ใช่ให้เพื่อนยืม
มีคนตั้งคำถามคะ ว่าไม่เสียดายตังค์หรือ ??? คำตอบคือ เราได้ช่วยเพื่อนร่วมโลกคนหนึ่ง แต่ที่มันมากกว่านั้น คือเราสามารถจ้างเขาไม่ให้เข้าใกล้ชีวิตเราได้ เพราะความละอายใจที่มันติดในใจเขาตั้งแต่วันที่เราโอนตังค์ให้แล้ว
เงินอยู่ที่เราดี ๆ เพราะอะไรถึงยอมเป็นเจ้าหนี้ของใครสักคน?
เมื่อมองหุ้นก็เลยมีโอกาสได้มองตัวเอง ยกมือสองข้างขึ้นมานับ นี่เรามาถึงจุดนี้ได้อย่างไร?? จุดที่มีลูกหนี้มากจนนิ้วมือทั้งสองข้างไม่พอจะนับ
และเมื่อนั่งคิดย้อนเวลากับไปถึงเส้นทางการเป็นเจ้าหนี้อย่างสมบูรณ์แบบในวันนี้ ก็อดที่จะหัวเราะคนเดียวไม่ได้ กลอกตาบน ทำหน้ามุ่ย และอมยิ้มคนเดียวไม่ได้ เมื่อนึกถึงหน้าลูกหนี้แต่ละคน ช่างน่ารักจริงจริ๊งเลย
เชื่อว่าหลายๆคนในนี้เคยอยู่ในสถานะเจ้าหนี้หรือไม่ก็ลูกหนี้มาบ้างแน่นอน กระทู้นี้เลยอยากจะชวนเจ้าหนี้ลูกหนี้ทั้งหลายมาแชร์กันคะว่า เงินมันอยู่กับเราดีๆ แท้ ๆ แต่ทำไม ทำไม ถึงยอมให้คนอื่นยืมไป เชื่อว่าทุก ๆ คนมีเหตุผลการให้ยืม และการยืมแตกต่างกันแน่นอน
ส่วนเส้นทางการเป็นเจ้าหนี้ของเจ้าของกระทู้มันเริ่มจาก เมื่อนานมาแล้ว แต่ก็ไม่นานแท่าไหร่ เพราะเจ้าของกระทู้เพิ่งเป็นสาวเอ๊าะ ๆ 555(บางส่วนของลูกหนี้ละกัน)
เขาบอกว่าเราเป็นเพื่อนกัน
วันหนึ่งมีเบอร์แปลก ๆ โทรเข้ามาที่เครื่องเรา แรก ๆ ก็ว่าจะไม่รับเพราะเบอร์แปลกแต่ดวงคนมันจะได้เป็นเจ้าหนี้ก็เลยรับซะ คนโทรมาบอกว่าเป็นเพื่อนกับเราสมัยเรียนมหาลัย เรียนเมเจอร์เดียวกัน ซึ่งตอนนั้นเรานึกหน้าไม่ออกด้วยซ้ำว่าเขาเป็นใครหน้าตาแบบไหน
เราก็คุยกันพักหนึ่ง ส่วนใหญ่เป็นเขาที่ถาม ๆ จนมาถึงจุดพีค ขอยืมตัง ด้วยความที่เราจำหน้าไม่ได้ไม่ได้ติดต่อนาน ไม่สนิท หรือพูดตามตรงคือ ตลอด4ปีที่เรียนเราไม่มั่นใจว่าเคยคุยกันหรือเปล่าด้วยซ้ำ เราเลยปฏิเสธไปว่าไม่มีเหลือขนาดที่จะให้ยืมได้ มีพอแค่ได้ใช้ไปเดือน ๆ
และเขาก็ทำให้เราต้องอึ้งงหนักมาก เพราะเขาบอกว่ารู้นะว่าเรามีตังค์ มีเยอะด้วย เขาทำงานเป็นพนง. แบงค์แห่งหนึ่ง ที่เราเป็นลูกค้าอยู่ เขารู้ขอยืมหน่อยไม่ได้หรือ แล้วก็ไล่มาว่าเรามีสมบัติอะไรที่ฝากไว้ที่นี้บาง
เงินฝาก กองทุน พันธบัตรรัฐบาล เราก็แบบหงุดหงิดที่แบบมาละเมิดสิทธิเรามันเป้นข้อมูลส่วนตัว ที่แม้แต่พี่น้องเราเรายังไม่บอก เราก็ไปเล่าเรื่องนี้ให้เพื่อนสนิทฟัง เพื่อนเราอินเนอร์มาเต็มให้ไปแจ้งความ ไปร้องเรียนธนาคารที่เขาทำงานกะให้เอาออกจากงาน โน่นนี่นั่น แต่เราก็ไม่ได้ทำอะไรใช้ชีวิตปกติ จนเพื่อนแคป Facebook คนนั้นมาให้ ทำนองบ่นด่าว่าเขาเป็นคนมีน้ำใจชอบช่วยเหลือคนอื่น ๆ ทั้งๆ ที่ไม่มีก็ช่วยแต่บางคนนี่มีตังค์เหลือใช้เหลือเก็บแต่ไม่มีน้ำใจ เห็นแก่ตัว ......
เพื่อนแคปมา หลายรูปเลย คือเขาโพสไปหลายโพส เพื่อนก็บอกนี่เขาว่าเธอนะ เราก็เฉยมาก คือไม่ได้รู้สึกรู้สาเลย กลายเป็นเพื่อนเราโมโหแทน5555(สงสารเพื่อนต้องมาเสียสุขภาพจิต) จนผ่านมาอีกวัน เพื่อนแคปที่เขาตอบเม้นที่มีคนถามว่า ใครกันมันช่างใจดำ เป็นอักษรย่อชื่อเล่นเรา
เราเลยโทรหาเขา ไม่ได้โทรไปด่าแบบที่เพื่อน ๆ ที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เตรียมคำพูดให้นะ โทรไปขอเลขที่บช.เขาจะโอนตังค์ให้
เราโดนเพื่อน ๆ ที่ยืนลุ้นข้างๆ ว่าจะพูดว่าอะไรทั้งหยิกทั้งทุบทั้งดึง ที่ให้เขายืมตังค์ และหลังจากที่เราโอนตังค์ให้ไม่ถึงชม. เขาก็แอดเพื่อนในไลน์มา
เราเลยถือโอกาสส่งรูปที่เพื่อนแคปมาให้เขา(เขาลบโพสหลังจากเราโอนตังค์ให้) และบอกเขาว่า ตังค์เราให้นะ ไม่ต้องคืน เราไม่สะดวกคุยกับเธอนะ เราขอบล็อคทุกช่องทาง คือไม่มีคำไหนที่เราด่าเขานะ เราพูดดีๆ แม้แต่ตอนที่เขาบอกเขารู้ข้อมูลทางการเงินเรา
จนตอนนี้เวลาผ่านไปสักพักใหญ่ ๆ เรารู้สึกผิดมาก ๆ ที่เราบล็อกเขา เราเคยคิดเล่น ๆ ว่าการที่เราบล็อคเขา มันทำให้เขาไม่มีโอกาสได้ใช้ตังเราหรือเปล่า บางทีเขาอาจจะอยากคืน เขาอาจจะรู้สึกผิดที่ละเมิดข้อมูลละเมิดสิทธิเราแบบนั้น เราบอกเพื่อนแบบนี้ ทั้งโดนทุบโดนหยิกและเพื่อนบอกว่า มันคงดีใจที่เธอตัดช่องทางการทวงเงินไปต่างหาก 5555
คงงั้นเพราะทุกครั้งที่ต้องบังเอิญมาเจอกัน เขาก็จะมองเราไม่เต็มตา ท่าทางประหม่า เก้อเขิน เขาเองก็คงละอายใจถึงแม้เราจะไม่เคยพูดถึงเงินนี่เลยเพราะเราถือว่าได้ให้เพื่อน ไม่ใช่ให้เพื่อนยืม
มีคนตั้งคำถามคะ ว่าไม่เสียดายตังค์หรือ ??? คำตอบคือ เราได้ช่วยเพื่อนร่วมโลกคนหนึ่ง แต่ที่มันมากกว่านั้น คือเราสามารถจ้างเขาไม่ให้เข้าใกล้ชีวิตเราได้ เพราะความละอายใจที่มันติดในใจเขาตั้งแต่วันที่เราโอนตังค์ให้แล้ว