[CR] Wwoof Japan ชีวิตติดเกาะ เอาชีวิตรอดในญี่ปุ่นด้วยเงิน 30 เยน กับการนั่งรถไฟสุดสายสี่สายไปวูฟใน Shizuoka

Wwoof Alone In Japan ชีวิตติดเกาะ  เรามาทำอะไรที่นี่!
เอาชีวิตรอดในญี่ปุ่นด้วยเงิน 30 เยน กับการนั่งรถไฟสุดสายสี่สายไปวูฟในชิซุโอกะ

ฮัลโหล นักเดินทางทุกคนนนค่ะ  เอาตรงๆเลยโน๊ะ ไป  “วูฟ” ที่ญี่ปุ่นมา เลยอยากมาแชร์ ชีวิต Bitter—Sweet ของชะนีน้อยค่ะ  มันขมแล้วและหวานปนๆกันไป ใครที่อยากลองประสบการณ์โหด มันส์ และไม่เหมือนใครแบบนี้ บอกเลยแกรรรรร มันดี!!!! ต้องลองสักครั้งในชีวิต

เริ่มต้นไปวูฟได้ยังไง
เรื่องมันมีอยู่ว่า เพื่อนสนิทแสนรัก ที่เรียนด้วยกันมา 4 ปี นางไปวูฟเนปาล เขียนเรื่องเล่าจนโด่งดัง ในนาม “ตาตุ่ม” ตอนนี้นางกำลัง Let a new journey begins รอติดตามนางได้ค่ะ นางอยู่สักมุมของโลกนี้แหละค่ะ ล่าสุดนางอยู่ มอสโคว!!!

เลิกขายของให้เพื่อน แล้วเข้าเรื่องโน๊ะ !!!
Summer ที่ผ่านมา นีมีโอกาสไปรับใช้บอสมิกกี้เมาส์ ไกลถึงฟลอริด้า ทำงานหน้าปราสาท เป็นทาสนางซินมาค่ะ ( ใครอยากให้ริวิว บอกได้นะคะ  ชีวิตดี รายได้งาม) หลังจากจบโครงการ เห็นใครๆเค้าก็ไปเที่ยวญี่ปุ่น เหยยยย ไปญี่ปุ่นเค้าไปทำอะไรกัน มันซ้ำ!!!! เบื่อมั้ยแกร ไปเดินฮาราจุกุ ไปดูคอสเพล์ ไปซื้อเอสเคทู ไปชูสองนิ้วถ่ายรูปบนสกายทรี
น้องนีกล่าวกับตัวเองว่า ไม่ค่ะ!!! นีจะไม่ทำอะไรซ้ำกับคนอื่น นีจองตั๋วกลับจากเมกา ไปญี่ปุ่น 12 วัน ดังนั้น การวูฟจึงเป็นทางเลือกของนี ที่พยายามทำตัวฮิปสเตอร์ค่ะ มันจบลงที่ จ่ายเงินให้วูฟแจแปนไป 1500 บาท หาโฮสอยู่สองสัปดาห์ ไม่ได้ค่ะ ได้โฮสต์ก่อนบินไปญี่ปุ่นสามวัน มันส์ค่ะทีนี้



หลายคนรู้ค่ะว่า การไปวูฟนั้น หมายถึงการไปทำงานในฟาร์มแลกข้าวแลกน้ำ เรียนรู้วัฒนธรรม แต่วูฟที่ญี่ปุ่นแปลกกว่าวูฟทั่วโลกค่ะ เพราะมันไม่ได้มีแค่ฟาร์มสัตว์ สวนผักหรือผลไม้ แต่มันรวมไปถึงร้านอาหารและโรงแรม
เอาล่ะค่ะคุณกิตติคะ ดิฉันจะรอดมั้ยงานนี้ !

เริ่มการรายงานค่ะ

โฮสต์ที่นีได้ไปทำงานด้วย เค้าต้องการคนช่วยงานด่วนมากค่ะ เนื่องจากเป็นช่วง High Season ลูกค้าเยอะ เป็นร้านอาหาร กับ คอทเทจเล็กๆ ใกล้ทะเล นีก็จินตนาการสิคะว่ามันต้องอยู่ริมทะเล มีซีฟู้ด ชิวๆ ลมเย็นๆ  แกรรร สัปดาห์นึงที่ไปวูฟครั้งแรกในชีวิตต้องสนุกมากแน่ๆ (นีมโนค่ะ เดี๋ยวก็รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับนีบ้าง)

ว่าแล้วนีก็ชิววววววค่ะ บินจากนิวยอร์ก ซิตี้ออฟ เทพีถือคบเพลิง แกร มันก็รูปปั้นดีๆนี่แหละ แต่อากาศมันดีมาก
น้องนีก็ไปถึงนาริตะ รายงานโฮสไปว่า ถึงแล้วนะคะ กำลังนั่งรถไฟไปค่ะ
แต่!!!! สิ่งที่นีชิวจนลืมไปเลย คือเรื่องเงินค่ะ เงินที่ต้องใช้ซื้อตั๋วรถไฟไปบ้านโฮสที่อยู่ไกลถึง Shizuoka ทุกคนคงรู้จักกันโน๊ะ มันคือเมืองที่มองเห็น
ภูเขาฟูจิอะแกร อย่าเพิ่งมโนค่ะ อ่านต่อ!
นีลืมกดตัง นีลืมแลกเงิน นีรูดค่า Narita Airport Express ไปแล้ว นีก็เดินไปกดตังค่ะ ปรากฏว่า กดตังไม่ออก ไม่เป็นไร ลองบัตรไทยก็ได้ ธนาคารสีม่วง แกร !! มันกดไม่ออกเลย มันบอกว่ากดเกิน ลองทุกตู้ละค่ะ ทั้งตู้ไปรษณีย์ ตู้เซเว่น ตู้ธนาคารที่มีในโตกียวสเตชั่น มันกดไม่ได้!!! ค้นกระเปาตังสิคะ โชคเข้าข้างอยู่บ้าง มีเงินเยนอยู่ เหลือจากมาญี่ปุ่นครั้งที่แล้ว แต่....มันไม่พออะแกร้แหกกระเป๋าดูอีกสิคะ มีเงินดอล เงินไทย เงินสกุลไหน นีเอาออกมาหมดค่ะ ไปแลกเงินสิคะ
เหนื่อย ปาดเหงื่อ มันขาดอยู่ร้อยเยน บัตรกดไม่ได้สักใบ ไม่มีตังละ เดินหาธนาคารสิคะ ตอนนั้น 5 โมงเย็น ต่อเน็ตได้ เสิชชชช แล้วเดินหา


เหมือนราชินีเอลซ่าช่วยชีวิต!
เจอคนไทยค่ะ ขอบคุณนางมากจริงๆ นางกำลังจะไปโรงแรม
นี :  คนไทยป่าวค่ะ
คนไทย : ค่ะ คือเราจะไปโรงแรม หลงทางมาสักพักและแกร
นี: งั้นลองถามนายสถานีดูมั้ย เผื่อเค้าช่วยได้
ปล. นีเงินไม่พอ (พูดกับตัวเองเบาๆ)
นี : แก คือเรากำลังจะไปชิสุโอกะ เงินไม่พอ ขาดไปร้อยเยน บัตรเรากดไม่ได้เลย
คนไทย : แก ร้อยเยนหรอ เอาไปเลย ไม่เป็นไร ร้อยเยนเอง

นีอยากจะอัญชลี วันทา อภิวาทค่ะ ราชินีเอลซ่า แห่งอาณาจักเอเรนเดลมาช่วยชีวิต ขอบคุณมาก นีก็แจ้นเลยค่ะ รถไฟเที่ยวสุดท้ายแล้ว ไม่งั้นนจะได้ทดลองนอนสถานีรถไฟโตเกียวครั้งแรงในชีวิต
****ทิ้งเพื่อน ขอโทษจริงๆ แต่เราขอบคุณแกมากนะ ถ้าแวะเข้ามาอ่าน ร้อยเยนนั้นเราจะไม่ลืมเลย****

ว่าแล้วก็เดินไปซื้อตั๋วค่ะ ซื้อกับคนขาย ไม่ซื้อตู้ อ่านไม่ออก นายสถานีบอกว่า ใช้เวลาห้าชั่วโมง รถไฟธรรมดา เปลี่ยนสี่ครั้ง ตามนี้เลยนะ ได้ตั๋ว วิ่งงงง เหนื่อย เหงื่อแตก หิวข้าว ง่วงนอน เอาเป็นว่าร่างแหลกสุด เพราะวิ่งหาที่กดตัง เดินไปแลกเงินทุกสกุล จนคนแลกเงินสงสาร ลากกระเป๋าหนัก 23 กิโลกรัม สะพายกระเป๋าที่เอาหมอน แมวสีชมพูในเรื่องอลิซอินวอนเดอร์แลนด์ผูกติดไว้ คนมองทั้งสถานี้โตเกียว ไม่เป็นไร ชั้นเป็นอลิซ ว่าแล้วนีก็ขึ้นรถไฟ สะดุ้งตื่นทุกสถานี มือกำกระดาษที่นายสถานีให้ไว้แน่น คอยเชคชื่อสถานี้ไปตลอด มันมืดมากกและดึกมาก  เอ้า มาถึงตรงนี้แล้ว สู้เว้ยยยย



นั่งสุดสายที่หนึ่ง สุดสายที่สอง เปลี่ยนสายที่สาม สุดสายที่สี่ ออกจากโตเกี่ยวทุ่มนึง ถึงปลายทางสถานีชิโมดะ เมืองชิสุโอกะ เวลา ห้าทุ่มกว่า ตายแล้วววว โฮสเป็นห่วงมาก เข็นกระเป๋าออกจากเกทได้ โฮสมองหน้า แล้วบอกว่า

โฮสต์ : น้องนีเดสกะ
น้องนีตอบทันควัน : ไห้ นีเดส
นางก็บอกว่า : เป็นห่วงมากเลย ตอนส่งเมลล์มาบอกว่าเงินไม่พอ
นีก็ตอบกลับไปว่า : มันลำบากมากค่ะ แต่ก็อยู่ที่นี่แล้วไม่ต้องห่วง
บทสนทนาเกิดขึ้นเป็นภาษาญี่ปุ่นค่ะ นีพอฟังออกบ้าง เพราะเคยไปแลกเปลี่ยนปีนึง ตอนเป็นสก๊อยมัธยม
กอดโฮสที่มารับนี่น้ำตาแทบไหล
รอดตายแล้ววววแม่!!!
เหลือเงินในกระเป๋าเงิน 30 เยน ซึ่งเป็นเงินทอน
โฮสดูเป็นห่วงแบบสุดๆอะ
ส่วนเรื่องมีเงิน 3000 กว่าเยนมาชิสุโอกะ ก็เป็นที่รับรู้กันทั้งหมู่บ้าน ประทับใจค่ะ!

แล้วเราก็นั่งรถไปต่อท่ามกลางความมืด
ตั้งแต่นีนั่งรถไฟมาจากโตเกียว ไปจนถึงบ้านเนี่ยะ ไม่รู้หรอกว่าไปไหน มันมืดตลอดทาง รู้อย่างเดียวว่า มันไกลมาก และมัน ต้องโค้ง ต้องเลี้ยว ต้องลงเขา ขึ้นเขา มีเนิน อากาศร้อน รู้แค่นี้แหละ



ถึงบ้าน
หอบกระเปาลงจากรถ เพื่อนไต้หวันที่นีคิดว่าเป็นลูกเจ้าของบ้าน อยู่มาก่อนรีบมาช่วยยกกระเป๋าใบยักษ์น้ำหนัก 23 กิโลกรัมขึ้นบันไดไปชั้นสอง
แล้วโฮสก้อเอาขนมให้ บอกให้ไปอาบน้ำแล้วเจอกันพรุ่งนี้ 7.30 เช้าค่ะเช้า ตอนนั้น เวลา เกือบตีหนึ่ง

เช้าปั๊ปนีก็แหกตาตื่นมาล้างหน้าแต่งตัว ไม่แต่งหน้า เพราะไม่รู้จะแต่งทำไม ป่าวววว ไม่ทันละค่ะ
วิ่งลงบันไดค่ะ เจอลุงกับป้า โฮสของเรา เค้าก็อธิบายถึงธุรกิจเค้าให้เราฟัง เราก็รู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้าง ก็อือๆ ออๆ ไห้ๆไป
แต่สิ่งที่อลังกว่านั้นคือ เพิ่งรู้ว่าตัวเองขึ้นมาอยู่บนยอดเขา!!! ที่ที่คนมาพักร้อน ตากอากาศ ตั้งแคมป์ มองออกไปคือทะเล ท้องฟ้า หน้าผา โขดหิน แกร้ มันคืออะไร ตะลึงมากกกกกกกก สวย เลอค่า เหมือนหน้าผาที่โพคาฮอลทัสยืนเด่นเป็นสง่า แล้วมีลมตีหน้าอ่ะแกร้ เคยดูมั้ยเรื่องนี้ นีไม่เคยอ่ะ แต่นีเคยเห็นรูป เครนะ



อย่าเพิ่งว้าวววว อิจฉาอ่ะ พักค่ะ!!! อ่านต่อ

ภารกิจแรก ให้เวลาสิบห้านาที
กวาดถนน
เดี๋ยวค่ะท่านผู้ชม  ถนนมันชัน เหมือนไต่เขา ก็มันเขาหนิเออ
คุณกิตติคะ ดิฉันพบซากหนูเสียชีวิตกลางถนนค่ะ

คอทเทจอยู่บนเขา ชายป่า
และนีก็ทราบว่า ซากหนูผู้เสียชีวิตนั้น ฆาตรกรคือลูกชายแสนรัก ตัวอ้วน สุดฉลาดของลุงกับป้านั่นเองค่ะ
มันเป็นแมวค่ะ แมวค่ะ ฉลาดมากกกกกกกก นอนทั้งวัน ตัวใหญ่กว่าชิสุแถวบ้านนะคะคุณกิตติ ลองมองภาพตามนะคะ

กวาดถนนแล้ว รดน้ำต้นไม้แล้ว ก็ถึงงานหลักค่ะ

เตรียมร้าน
มันก็มีไม่มาก แต่ของที่เก็บอยู่ในครัวนั้น นับรวมแล้วจานเกินร้อยใบ สิ่งของที่อยู่ในครัวแน่นยิ่งกว่าปลูกถั่วงอกใส่ถาดบนทิชชู่ไปส่งอาจารย์ตอนประถม  ต้องเอียงตัวเดิน มันแน่น แน่น แน่น แน่น ไปหมด เอาเป็นว่าตุ๊กตามิชิลินเดินเข้ามาในบ้านนี้แล้ว จานจะหล่นแตกหมดค่ะ ถ้ายังไม่ชัด ลองนึกภาพเบแมกซ์ในเรื่อง big hero 6 เดินในซอกแคบๆนะคะ ลุงกับป้า ผอมมาก นีเลยเข้าใจว่า คงเว้นให้เฉพาะเจ้าของบ้านเดินได้ข่ะ!!! เพื่อนแคนาดาคนล่าสุด ถึงกับติดอยู่ตีนบันได เดินผ่านพัดลมตัวมหึมาออกมาไม่ได้ มันแคบมาก
ที่ร้านรับแขกได้ประมาณ 15 คนเท่านั้น
การเตรียมร้าน ดูๆไปแล้วไม่มีอะไร ล้างส้วม กวาดพื้น ถูพื้น จัดเก้าอี้ จัดโต๊ะ เตรียม อุปกรณ์ทำความสะอาด เช็ดโต๊ะ

เดี๋ยวค่ะคุณผู้ชม มันไม่ง่ายค่ะ เพราะมันต้องทำแบบอาร์ตตัวแม่อย่างคนญี่ปุ่น
แจกันดอกไม้อันเท่าจอกจิบน้ำชา คุณนายต้องไปเก็บดอกไม้มาจัดอย่างสวยงาม ใส่ดอกบานไม่รู้โรยได้สูงสุดสองดอก ห้ามมีใบเกินสามใบ ไม่งั้น จะมองไม่เห็นความงามของก้านดอกในแจกันใสได้ๆ ลึกซึ้ง...  น้ำต้องเติมเพียง เศษ 8/9 เท่านั้น มีสี่แจกัน แต่ละแจกันต้องวางให้ถูกโต๊ะ ไม่งั้นป้ากริ้วมากกค่ะ กริ้วกว่านี้คือ วางไม่ถูกองศา ป้าจะทำหน้าเหวี่ยง แล้วเดินไปหมุนเอง พร้อมบอกเราว่า ที่สอนไป จำไม่ได้ใช่มั้ย เดี๋ยวนะคะป้า น้องนีเป็นปลาทองมาแต่เด็กค่ะ บางทีดีเทลมันเยอะค่ะ เหมือนสูตรตรีโกณ 38 สูตร นีจำไม่ได้จริงๆค่ะ

เอาอาหารไปส่งที่คอทเทจ จัดเป็นกล่องค่ะ มันปราณีต และเนี๊ยบมาก นี่นีมาเรียนการโรงแรมถึงญี่ปุ่นเลยหรอค่ะ เออ แต่มันคุ้มค่าที่ถ่อมาไกล เรียนรู้อะไรเยอะจริง
ตัดกลับไปที่ตะกร้าอาหารเช้า ป้าบอกให้เราเอาไปส่งตามหมายเลขบ้าน พร้อมท่องภาษาญี่ปุ่นไปว่า ทานเสร็จแล้วเอาวางไว้หน้าห้องเลยนะคะ
แบกไปสิคะ แบกตะกร้าขึ้นเขาไป มีขนมปัง น้ำส้ม แยม กาแฟ สลัด มันบด หมูทอด ซึ่งเราต้องเรียนรู้วิธีการเตรียมของพวกนี้ และวางให้ถูกตำแหน่ง เหมือนลุงมาร์คไว้แล้วค่ะ ถ้าวางผิดตำแหน่ง ปุ่มแองกรี้จะแดงวาบขึ้นมาทันที แต่ไม่ต้องห่วง ลุงสอน

หลังจากดูแลโอเกียกซามะ หรือแขกเสร็จ ถึงเวลาอาหารเช้าค่ะ
โอวววววววววววว นี่มันซินเดอร์เรลล่า รอยัลเทเบิลรึเปล่าคะ กินดีมาก จากภาพ ที่บ้านไทยกินข้าวเหนียวหมูปิ้ง ตอนอยู่เมกา ซีเรียลกับนม แล้วลุงกับป้าก็แปลงร่างเป็นแฟรี่ก้อดมาเธอร์และคุณลุงซานตาคลอสแสนใจดี ถ้าจะยังไม่รู้ ขนมปังโฮมเมดนะคะ เลอค่าาาค่ะ


แล้วก่อนหน้านี้คืออะไร....

หลังจากทำงานมาสองสามวันเลย อ๋อ แกร เค้าจริงจังกับการทำงานมากเลยหวะ ว่าแล้วเชียวววววว เค้าเลยฆ่าตัวตายกันเยอะ เพราะทนความเนี๊ยบ ความเป๊ะไม่ไหว คห.ส่วนตัว กระโดดหน้าผาลงทะเลเลยดีมั้ย
เดี๋ยว ยังไม่รวย ยังไม่สวย ยังไม่ได้สามีฝรั่ง ห้ามตาย!!!

มีครั้งนึงน้องนีเก็บกดมาก เกือบร้องไห้ เพราะป้ากระชากของไปจากมือน้องนี เพราะน้องนีถือจานสองใบไว้ในมือ ป้ากลัวหล่นแตก เพราะเป็นลิมิตเตทอิดิชั่น จากช่างผู้มีฝีมือในจังหวัด ราคาแพง ข่ะ
ป้าดันเตียงชนตีนน้องนี เลือดซิบ ดึงแขนน้องนีเขียว แต่พออาหารเย็น ป้าก้อแปลงร่างเป็นแฟรี่ก้อดมาเธอร์อีกแล้ว อะไรคะป้า เป็นใบโพล่าป่ะ ด่าน้องนีหน้ายิ้ม ดีที่น้องนีรู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้าง

ยังอยู่ในช่วงขมอยู่ค่ะ ทนอีกนิดเดียว

น้องนีจะโดนป้าเอ็ดทุกครั้ง เรื่องเครื่องล้างจาน ห้ามปล่อยเครื่องว่าง มีเวลาต้องเช็ดเลย เอาเข้าเครื่องเลย พออีกวัน บอกน้องนีให้รอมันแห้งก่อน อะไรคะป้า นีมึนค่ะป้า เอาสักอย่า เอาเป็นว่านีทำตามคำสั่งป้าละกันโน๊ะ เดี๋ยวป้าจะกริ้วหัวใจล้มเหลว
ที่เก็บจานกว่าร้อยใบ แก้ว ชาม ทัพพี ตะหลิว กระทะ หม้อ ตะเกียบ หลายสิ่งอันเหลือเกินค่ะ น้องนีไม่รู้จะเก็บไว้ไหน ลุงก็เอ็ดน้องนีค่ะ รู้จักสังเกตบ้างสิ ว่าอะไรควรอยู่ตรงไหน เฮ้ออออออออออ นีว่านีก็สังเกตแล้วนะ แต่นีแฮฟโนไอเดีย ตะเกียบมาประมาณ ห้าไซส์ จานอีกสิบไซส์ ตู้รอบตัวนีเลย
จานแต่ละชนิดต้องใช้กับอาหารให้ถูกประเภท มีป้ายกำกับ นี่มันภัตรคารฝรั่งเศสหรอคะ หรือดินเนอร์แบบเวสเทิร์นสไตล์ ได้ข่าวว่า ร้านเปิดตอนเที่ยง อาหารจานเดียว



พักชมสิ่งที่น่าสนใจสักครู่ค่ะ
ชื่อสินค้า:   WWOOF Japan, ญี่ปุ่น
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่