เข้าเรื่องเลยนะคะ สมมติว่าเราชื่อ มี่ แล้วผู้ชายคนนั้นชื่อ เจ เราสองคนรู้จักกันผ่านเฟสบุ้ค เราคุยกันครั้งแรกตอนปีใหม่ เป็นการส่งข้อความไปสวัสดีปีใหม่ หลังจากนั้นก็คุยกันเกือบทุกวันเป็นเวลาเก้าเดือน ทุกครั้งที่คุยกันก็ถามปกติ ทำไรอยู่ มีเรียนมั๊ย ทำแบบนี้รื่อยๆจนเกิดความรู้สึกดีมากขึ้นทุกวันๆ ในใจมี่ก็คิดว่าชอบเจแน่ๆ เจเป็นผู้ชายอบอุ่น หน้าตาเข้มๆ ไม่สูงมาก แต่คุยด้วยแล้วสบายใจ วันแรกที้เจอเจคือวันที่เราขอให้เจไปส่งหอพัก เจก็ขับรถมารับแล้วไปส่งที่หอ คือแบบซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์ ใจนี่เต้นตุ๊บๆ ระหว่างทางก็ไม่ได้คุยรัยกัน พอถึงหอเรา เจก็ขับรถกลับ รู้สึกดีนะแม้จะแอบคิดอยู่ฝ่ายเดียวก็ตาม ครั้งที่สองที่เจอเจ เราขอเจและเพื่อนไปบริจาคเลือดให้ญาติเราที่โรงพยาบาล ซึ่งเจบริจาคเลือดให้ไม่ได้เพราะป่วย เพิ่งออกโรงพยาบาล แต่เจก็ขอให้เพื่อนมาบริจาคเลือดให้ เราขอความช่วยเหลืออะไรจากเจ เจไม่เคยปฏิเสธ คอยช่วยเหลือเราตลอด ยิ่งทำให้เราตกหลุมรักเจมากขึ้นไปอีก
แต่ไม่กี่วันที่ผ่านมา เราเห็นเจโพสต์เฟสบุ้คเป็นตั๋วดูหนังสองใบ ในใจเราก็คิดนะว่าเจไปกับแฟน แต่เราเคยถามเจว่ามีแฟนหรือยัง เจก็บอกว่าไม่มี เราเริ่มมีอาการแปลกๆ เราก็เลยแชทถามเจตรงๆว่ามีอะไรทำไมไม่บอกกันตรงๆ ปล่อยให้คิดไปเองอยู่ได้ เจก็ตอบมาว่าไม่กล้าบอกเรา กลัวเสียเพื่อนดีๆอย่างเราไป เรายังเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิมได้ใช่มั๊ย เราคุยกันเแบบนี้ทุกวันได้มั๊ยไอ้เรานี่มือสั่นไปหมดพิมพ์ตอบกลับไปว่าได้มั้ง แต่จริงๆแล้วเจ็บสุดๆ ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาเราคิดไปเอง รู้สึกไปเอง เขาไม่ได้ผิด แต่ผิดที่คิดกับเขามากไป...
เราควรทำไงดีให้ทุกอย่างเป็นเหมือนเดิม หรือเราควรถอยออกมา
รักที่มโนไปเอง
แต่ไม่กี่วันที่ผ่านมา เราเห็นเจโพสต์เฟสบุ้คเป็นตั๋วดูหนังสองใบ ในใจเราก็คิดนะว่าเจไปกับแฟน แต่เราเคยถามเจว่ามีแฟนหรือยัง เจก็บอกว่าไม่มี เราเริ่มมีอาการแปลกๆ เราก็เลยแชทถามเจตรงๆว่ามีอะไรทำไมไม่บอกกันตรงๆ ปล่อยให้คิดไปเองอยู่ได้ เจก็ตอบมาว่าไม่กล้าบอกเรา กลัวเสียเพื่อนดีๆอย่างเราไป เรายังเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิมได้ใช่มั๊ย เราคุยกันเแบบนี้ทุกวันได้มั๊ยไอ้เรานี่มือสั่นไปหมดพิมพ์ตอบกลับไปว่าได้มั้ง แต่จริงๆแล้วเจ็บสุดๆ ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาเราคิดไปเอง รู้สึกไปเอง เขาไม่ได้ผิด แต่ผิดที่คิดกับเขามากไป...
เราควรทำไงดีให้ทุกอย่างเป็นเหมือนเดิม หรือเราควรถอยออกมา