[ทีวีดิจิตอลอเมริกา/ยุโรป/ญี่ปุ่น] CableCARD, CI+, B-CAS การ์ดดู Pay TV แบบไร้กล่อง

สวัสดีครับ

กระทู้วันนี้ จะเป็นเกี่ยวกับทีวีฝั่งอเมริกา และยุโรป ซักหน่อย บอกเลยว่าเกี่ยวกับทีวีดิจิตอล"ภาคพื้นดิน" แค่นิดหน่อย แต่จะไปเกี่ยวกับ "เคเบิ้ลดิจิตอล" และ "ดาวเทียม (อนาล๊อก+ดิจิตอล)" ซะเยอะครับ ต่อกันเลย (ที่จริงหัวยาวกว่านี้ แต่มันเกินหมื่นตัวไปนิด)

---------
Tag...
"ทีวีดิจิตอล" = มีเนื้อหาเกี่ยวกับ Pay TV ทางทีวีดิจิตอลภาคพื้นดิน
"ทีวีดาวเทียม" = มีเนื้อหาเกี่ยวกับ Pay TV ทางทีวีดาวเทียม
"เคเบิ้ลทีวี" = มีเนื้อหาเกี่ยวกับ Pay TV ทางเคเบิ้ลดิจิตอล
"ความบันเทิงภายในบ้าน" = ก็ทีวีเป็นความบันเทิงภายในบ้านอะ...
"เทคโนโลยี" = เทคโนโลยี บัตรถอดรหัสช่อง Pay TV
---------

CableCARD



CableCARD เป็นการ์ดสำหรับถอดการเข้ารหัสเคเบิ้ลดิจิตอล (พูดง่ายๆก็คือ Card สมาชิกนั่นแหละ) มีการเริ่มต้นมาตรฐานนี้โดย FCC (กสทช. ของอเมริกา) ตั้งแต่ ค.ศ.1996

โดยตัว CableCARD ตัวของการ์ดจะอยู่ในรูปแบบ PC Card (การ์ดชนิดเดียวกันกับ การ์ด WI-FI ในโน๊ตบุ๊คยุค 10ปีที่แล้วนู่น) ในตัวการ์ดจะมีชิพที่เก็บรหัส CA ไว้ เพื่อถอดรหัสช่องที่เข้ารหัส ตามแพ็คเกจเคเบิ้ลที่ได้สมัครไว้ โดยส่วนใหญ่นั้นจะใช้กับกล่องเคเบิ้ล แต่ก็มีทีวีบางรุ่น (แต่ค่อนข้างที่จะเก่า และต้องเป็นรุ่นแพงด้วยนะ) ที่จะรองรับ CableCARD ได้ในตัวทีวี แต่ปัจจุบันไม่มีมาให้ในตัวแล้ว



รูปแบบของเคเบิ้ลดิจิตอลในอเมริกา จะใช้มาตรฐาน ATSC เหมือนทีวีดิจิตอลภาคพื้นดิน แต่จะมีการ Modulate สัญญาณที่สูงกว่า ที่อเมริกาจะเรียก Tuner เคเบิ้ลดิจิตอลว่า “QAM Tuner” ตามมาตรฐานจะมี Data Rate ต่อ 1ช่องสัญญาณ (6MHz) ประมาณ 38.7Mbps (ภาคพื้นดินอยู่ที่ 19.39Mbps)

ทีวีที่ขายตั้งแต่ปี 2006 เริ่มมี QAM Tuner แต่ก็จำกัดไว้กับพวกทีวีรุ่นสูงๆ หลังจากปี 2009 รุ่นล่างๆก็ได้รับอานิสงค์ตามกันมา (รุ่นแบบราคาถูกประหยัด ก็อาจตัด QAM Tuner นี้ออก เพื่อลดต้นทุน) ในส่วนของช่องต่อ จะใช้ร่วมกันกับช่องต่อเสาอากาศ เลือกเอาว่าจะต่อกับสายเคเบิ้ลหรือเสาอากาศ เพราะมีให้แค่ ช่องต่อเดียว
ช่องเคเบิ้ลทีวีที่ไม่เข้ารหัส จะเรียกว่า Clear QAM ส่วนใหญ่ช่องที่เป็น Basic Cable (ช่องเคเบิ้ลพื้นฐาน) แต่เคเบิ้ลทีวีรายใหญ่อย่าง Xfinity (Comcast เดิม) เข้ารหัสทุกช่องแม้แต่ฟรีทีวี (บังคับใช้กล่องนี่หว่า แต่ FCC อนุญาตแล้วนิ)



*ช่องที่เป็น Clear QAM หรือไม่เข้ารหัสนั้น จะใช้การบีบอัดภาพแบบ MPEG2 ตามแบบภาคพื้นดิน (มีทั้งช่อง SD, HD รวมถึงฟรีทีวีในพื้นที่นั้นๆ) ส่วนช่องที่เข้ารหัส ซึ่งต้องใช้กล่อง จะส่งมาเป็น MPEG4 (H.264)
** เคเบิ้ลทีวีในอเมริกา จะมีทั้งเคเบิ้ลเจ้าใหญ่ทั้งประเทศ เช่น Xfinity แต่ก็มีเคเบิ้ลท้องถิ่นเฉพาะเมืองเช่นกัน เมืองนึงก็หลายเจ้า ยิ่งเมืองใหญ่ๆ มีเป็นสิบให้เลือก ส่วนใหญ่มีโปรพ่วงทีวี+เน็ต+โทรศัพท์บ้านด้วย



ถ้าสงสัยว่าเคเบิ้ลดิจิตอลมีนานแล้ว, CableCARD ก็ใช้ได้ดีแล้วนิ แล้วทำไม ไม่ใช้กับทีวีต่อละ ทีวีรุ่นเก่าๆ (ที่แพงๆ) มีให้ แต่รุ่นใหม่ๆ ไม่มีให้ซะงั้น (กล่องทีวีบางรุ่นยังมีให้อยู่)

ก็เพราะว่าทาง FCC ได้กำหนดมาตรฐานใหม่ครับ ซึ่งก็คือ Allvid ขึ้นในปี 2010 เป็นเหมือนกล่องที่บรรจุการเข้ารหัสไว้ข้างใน เป็น 2 Way Connection รองรับ Interactive, PIP โดยตัวกลาง แล้วค่อยต่อแยกไปที่กล่องเคเบิ้ลหรือทีวีทั่วบ้าน โดยที่ไม่ต้องเสียบการ์ด ทีวีละใบ แต่ใช้การเสียบสายเน็ตเอาครับ (สายเคเบิ้ลทีวีต่อ Allvid ต่อออกมาเป็นสาย LAN ต่อทีวี กล่องทีวี หรือ Router เน็ตบ้านต่อไป)

แต่ทางเคเบิ้ลส่วนใหญ่ ไม่ทำให้ทีวีรองรับ Allvid อีก ยังใช้ CableCARD อยู่ และใช้ส่งถอดรหัสผ่านสายเน็ต ส่วนผู้ผลิตทีวีก็ไม่ได้ทำให้รองรับได้ ทำให้ดูได้เฉพาะช่องที่ไม่เข้ารหัสถ้าไม่ใช้กล่อง ผลที่ได้คือ CableCARD ก็ยังนิยมมากกว่า Allvid อีก (อ้าว!)



เหนือฟ้ายังมีฟ้า เดี๋ยวนี้ส่งการถอดรหัสมาทางเน็ตแล้ว ผูกกล่อง ถ้ากล่องที่เราใช้สมัคร เสียบสายเน็ตของผู้ให้บริการเคเบิ้ลที่สมัครไว้ ก็จะสามารถดูได้ ไม่ต้องพึ่ง CableCARD

CableCARD ต้องมีการเสียค่าบริการเพิ่มเติมนิดหน่อย สะดวกตรงใช้กับกล่องทีวี เช่น TiVo แต่ไม่รองรับ Interactive, PIP (เช่น ช่องพิเศษ เห็นที่เดียว 8ช่องทีวีพร้อมกัน แบบนี้ทำไม่ได้) อยากได้ฟีเจอร์ครบๆ ซื้อหรือเช่ากล่องผู้ให้บริการเคเบิ้ลของท่าน

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ(Time Warner Cable แบบใช้กล่อง ช่องเยอะมาก)

เรื่องที่นี่มันงงครับ เราข้ามไปฝั่งยุโรปดีกว่า (สรุปคือ CableCARD แบบที่รับได้ในตัวทีวี ไม่ต้องใช้กล่อง เป็นตำนานไปแล้ว)

* ที่เกาหลีใต้ เคเบิ้ลทีวีไม่เข้ารหัส ใช้หลักการเหมือนของอเมริกาคือ Clear QAM และช่องต่อเดียว
** เรื่องจำนวนช่อง หรือช่องพวกกีฬา, Exclusive งี้ เคเบิ้ลทั้งหลาย จะมีช่องเหมือนๆกันหมด ขอแค่สมัครแพ็คสูงหน่อยก็พอ (พวก HBO, Showtime, Starz เป็นช่อง A La Carte ที่ต้องจ่ายเพิ่มจากแพ็คเกจหลัก ช่องเหล่านี้มีทุกเจ้าอยู่แล้ว บาง Event เช่น มวยคู่สำคัญ จะเป็น PPV ก็จ่ายเงินเพื่อจะดู Event นั้นๆ)


CI+



การ์ด CI+ เป็นการ์ดถอดรหัส Pay TV ของฝั่งยุโรปเค้า (รวมถึงรัสเซีย, ตุรกี, คาซัคสถาน) รูปแบบการ์ดเหมือน CableCARD เลย ก็คือเป็น PC Card โดยยังไม่เป็นตำนานนะ ทีวีที่รองรับ CI+ ก็จะมี

- ทีวีที่รองรับเคเบิ้ลดิจิตอล รองรับหมดทุกรุ่น
- ทีวีที่รองรับดาวเทียม รองรับในรุ่นระดับกลางขึ้นไปเป็นส่วนใหญ่ (บางยี่ห้อรุ่นกลางสูง หรือจอใหญ่ 50” ขึ้นไป)
* ช่องต่อเคเบิ้ลกับเสาอากาศ แล้วแต่ยี่ห้อว่าจะแยกหรือรวมกัน แต่ส่วนใหญ่จะรวมกัน เลือกเอาสายนึง ส่วนดาวเทียม จะแยกช่องต่อให้

CI Card รุ่นแรก ได้ตั้งมาตรฐานขึ้นมาในปี 1997 และ CI+ ซึ่งเป็นรุ่นต่อยอด รองรับ Interactive (2 Way Connection) ก็ตามมาปี 2008 ปัจจุบันพัฒนามาได้ 4รุ่นย่อย (1.0-1.4) แต่ปัจจุบันทีวีที่รองรับ CI+ รวมถึงผู้ให้บริการ ใช้มาตรฐาน CI+ 1.3 ซึ่งรับรองในปี 2011 รองรับบริการ Video On Demand และ Parental Control แบบผูกการ์ด

หลักการของ CI+ ก็เหมือนกับ Smart Card ทั่วไปที่ใช้กัน แต่ไม่ผูกทีวีหรือกล่อง อยากใช้กับทีวีเครื่องไหน ก็เอา CI+ ไปเสียบกับอุปกรณ์นั้นๆ เปิดทีวีหรือกล่อง รอถอดรหัสแปบนึง ก็ดูได้แล้ว (ในกรณีที่ทำการจูนช่องไว้แล้ว เพราะทีวีมันจูนช่องเข้ารหัสได้ แต่ถ้าไม่มีการ์ดถอดรหัส ก็ดูไม่ได้)
ตามจริงแล้ว CI+ บางเจ้า จะเหมือนเป็น Adapter เอา Smart Card แบบขนาดเท่าบัตรเครดิต มาใส่ CI+ Adapter แล้วเอา CI+ ไปใส่กับทีวีหรือกล่องอีกทีนึง เช่น Sky Deutschland



สำหรับบริการ Pay TV ทางดาวเทียม ที่ใช้ CI+ เป็นตัวถอดรหัส มีอยู่หลายเจ้า เช่น
- HD+ เยอรมัน
- Canal Digitaal เนเธอร์แลนด์
- NC+ โปแลนด์
- UPC ฮังการี
- Filbox ตุรกี
- NTV Plus (HTB+) รัสเซีย
และอีกหลายๆเจ้าทั่วยุโรป… ส่วนเคเบิ้ลดิจิตอล จะใช้ CI+ ถอดรหัสกันทุกเจ้าอยู่แล้ว

https://www.youtube.com/watch?v=HqMvIchNeTI
(ตัวอย่างการใส่การ์ด CI+ และช่องรายการของ HTB+)

ถ้าถามว่าแล้วกล่องดาวเทียม หรือกล่องเคเบิ้ล จำเป็นไหม ถ้าทีวีที่มี มันรองรับเคเบิ้ลหรือดาวเทียมอยู่แล้ว คำตอบคือ จำเป็นสำหรับหลายๆคนครับ เพราะมันสามารถบันทึกรายการ ตั้งเตือนรายการ ได้สะดวกกว่านั่นเอง (Pay TV ดาวเทียมหลายเจ้า เช่น Sky UK, Sky Italia ก็ต้องใช้กล่องของเค้าโดยเฉพาะอยู่แล้ว)

บางประเทศ ทีวีดิจิตอลภาคพื้นดิน ส่ง Pay TV เช่นที่ ฝรั่งเศส, สวีเดน ก็จะมีการใช้ CI+ เช่นเดียวกัน


(CI+ ของ Boxer TV Access สวีเดน ส่งทาง DVB-T)

* อยากจะบอกว่า เวียดนาม ทีวีที่นั่นรองรับเคเบิ้ลดิจิตอล และ CI+ ด้วยนะเออ (แต่ต้องเป็นรุ่น Full HD ขึ้นไป)




B-CAS



มาส่วนฝั่งญี่ปุ่นบ้าง ที่จริงผมเคยทำกระทู้ไปครั้งนึงเมื่อนานแล้ว เอามารื้อฟื้นอีกครั้งนึง กับการ์ด B-CAS ขนาดเท่าบัตรเครดิต ใบเดียว (แต่มีหลายเวอร์ชั่น) ใช้หมดทั้งภาคพื้นดิน, ดาวเทียม (BS/CS) และเคเบิ้ลทีวี

โดยการ์ด B-CAS เริ่มถือกำเนิดในปี 2000 และเริ่มใช้ครั้งแรกตอนที่มีการออกอากาศช่องทางแพลตฟอร์มดาวเทียม BS, ดาวเทียม CS ในปี 2002 และทีวีดิจิตอลภาคพื้นดิน ปลายปี 2003
* BS ใช้ดาวเทียม BSAT เจ้าของคือ NHK และ CS ใช้ดาวเทียม JCSAT เจ้าของคือ JSAT Corporation เจ้าของดาวเทียมและ Skyperfectv! (จะผูกขาดดาวเทียมเลย ถ้าไม่มี BS) ทั้งคู่ส่งสัญญาณโดยใช้มาตรฐาน ISDB-S
ทีวีที่ขายในญี่ปุ่น ถ้ารองรับทีวีดิจิตอลภาคพื้นดิน ก็จะรองรับดาวเทียม BS/CS มาด้วย คร่าวๆว่ามีมาให้ตั้งแต่ประมาณปี 2004 ขึ้นไป (ทีวีที่รองรับ BS/CS ดิจิตอล เริ่มตั้งแต่ปี 2000 โดยมีให้ในทีวีรุ่นสูง) พูดง่ายๆคือถ้ารับสัญญาณทีวีแบบดิจิตอล ตัวรับ B-CAS ก็จะพ่วงมาด้วยเสมอ


(Sony KD-36HR500 ผลิตปี 2004 รองรับทีวีดิจิตอล + BS/CS)

ตัวบัตรจะมีชิพ และรหัสผูกกับตัวบัตรอยู่ เมื่อเราซื้อทีวีหรือกล่องรับสัญญาณมา จะมีแถมมาให้ในกล่อง สีที่ได้ จะแยกไปกับว่าเราซื้อหรือเช่าอุปกรณ์ตัวไหนมา หลักๆ จะมีอยู่ 3สี คือ
- สีแดง รับสัญญาณทีวีดิจิตอลภาคพื้นดิน + BS/CS (ส่วนใหญ่จะเป็นแบบนี้)
- สีน้ำเงิน รับสัญญาณทีวีดิจิตอลภาคพื้นดินอย่างเดียว (จะมากับพวกทีวีรุ่นล่างสุดจากยี่ห้ออิสระ ที่ไม่ใช่ยี่ห้อใหญ่ๆที่เรารู้จักกัน และกล่องทีวีดิจิตอลรุ่นถูก รวมถึงเครื่องเสียงรถยนต์ที่รองรับ Full-Seg ส่วนใหญ่)
- สีส้ม รับสัญญาณเคเบิ้ลทีวีอย่างเดียว (มากับกล่องเคเบิ้ลทีวี และต้องใช้กับกล่องเคเบิ้ลทีวีเท่านั้น)

*แล้วยังมีขนาดเล็กเท่าซิมการ์ดอีก เรียกว่า miniB-CAS ใช้กับกล่อง, ทีวี หรือเครื่องเสียงรถยนต์บางรุ่น
**ทีวีดิจิตอลญี่ปุ่น มีการแบ่งเป็น Full-Seg คือ ช่องทีวีปกติที่เป็น HD หรือ SD ส่วน 1-Seg เป็นระบบทีวีสำหรับอุปกรณ์พกพา ภาพก็จะไม่ค่อยชัด แต่เหมาะกับอุปกรณ์ขนาดเล็กหรือเคลื่อนที่ (2 อย่างนี้ ส่งมาพร้อมกันบนความถี่เดียวกัน)


(Full-Seg ซ้าย, 1-Seg ขวา)

การสมัครใช้บริการ ถ้า BS จะให้สมัครเป็นรายช่องไป ราคาก็แตกต่างกัน แต่ถ้า CS จะมีทั้งสมัครรายช่อง และสมัครเป็นแพ็คเกจรวม ขึ้นอยู่ว่าจะดูเยอะดูน้อย ส่วนทีวีดิจิตอลภาคพื้นดิน ไม่ต้องสมัคร แต่ต้องใส่การ์ดไว้ตลอด ไม่เช่นนั้นจะดูไม่ได้



สำหรับเคเบิ้ลทีวีนั้น จะส่งมาในระบบ ISDB-C ซึ่งจะต้องใช้กล่องเคเบิ้ลของผู้ให้บริการเคเบิ้ล เลือกเอาว่าจะเช่าหรือซื้อ มีให้เลือก 2-3รุ่น (ส่วนใหญ่เป็นของ Panasonic) ถ้าเอาสายเคเบิ้ลทีวี มาต่อกับทีวีหรือกล่องรับสัญญาณที่ไม่ใช่กล่องเคเบิ้ลทีวี ช่องที่ดูได้ จะเป็นฟรีทีวี + ช่องขายของ 3-4ช่อง + ช่องของทางเคเบิ้ลเอง 2-3ช่อง (ใช้ B-CAS สีแดงหรือน้ำเงิน)



* ทั้งแฟลตฟอร์ม ISDB-T (ภาคพื้นดิน), ISDB-S (BS/CS) และ ISDB-C (เคเบิ้ลทีวี) ใช้การบีบอัดภาพแบบ MPEG2 ทั้งหมด แต่ภายในปีหน้าจะมีการทดลองส่ง 4K บนดาวเทียม BS/CS ซึ่งคาดว่าจะใช้มาตรฐาน ISDB ตัวใหม่ และทำให้รองรับ HEVC (H.265)

-------

จบกระทู้แล้วครับ พิมพ์ยาวมากเลย เต็มหมื่นพอดี
พาพันขอบคุณ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่