ผมมีพ่อ2คน เอ๊ะ! หรือผมมีปู่2คนกันแน่นะ?

“อาใช้”
นั่นชื่อผมเองครับ คุณรู้ไหมครับ ใครเรียกผม
ผู้ชายที่ขับรถไปส่งผมที่โรงเรียนทุกวันไงครับ
และทำอะไรหลาย ๆ อย่างให้ผมตลอดเก้าปี

ปีนี้ผมขึ้นชั้นประถมสามแล้วครับ
มีนักเรียนใหม่ย้ายมาด้วย ครู ให้เขามานั่งคู่กับผม
ผมเป็นหัวหน้าห้องหนิครับ
ผมต้องได้รับหน้าที่ดูแลนักเรียนใหม่อยู่แล้ว

ผมจะไปไหนเขาก็ไปด้วย เขาตามติดผมแจเลย
ผมคุยกับใครเขาก็คุยด้วย ดูเหมือนเพื่อน ๆ จะชอบเขามาก
“เพื่อน ๆ ก็คงเห่อนักเรียนใหม่เป็นเรื่องธรรมดา” พี่เหมยบอกอย่างนั้น
ซึ่งนี่มันก็ผ่านมาจะเดือนหนึ่งแล้ว ทำไมเพื่อน ๆ ยังไม่เลิกเห่อ

วันนี้ผมถามเขาว่า เขาเป็นปลิงเหรอ เกาะติดผมจัง
เขาบอกว่าถ้าเขาเป็นปลิง ผมก็เป็นควาย
สุดท้ายผมกับเขาทะเลาะกัน  
ครูทำหน้าผิดหวังมากเมื่อมาเห็นผมเป็นแบบนี้

ผมไม่อยากให้ใครมองผมในสายตาแบบนั้นเลย
มันเหมือนเขากำลังบอกผมว่า
“อาใช้ทำตัวไม่น่ารักเลย อาใช้เป็นเด็กเกเร”
ผมทั้งเสียใจ หงุดหงิด และยิ่งโกรธเจ้าเด็กใหม่นั้น

ทุกศุกร์หลังเลิกเรียนผมกับพ่อจะแวะร้านหนังสือก่อนกลับบ้าน
แต่วันนี้ผมไม่อยากได้หนังสือเลยสักเล่ม
ผมไม่เข้าใจคำพูดของครูที่บอกกับผม

“ลูกอยากได้เล่มไหน คิดไว้หรือยัง”
ผมแทบไม่ได้ยินพ่อด้วยซ้ำ
“เล่มเก่ายังอ่านไม่จบเลยครับ” ผมโกหก
ผมคิดว่าพ่อรู้นะว่าผมโกหก

“ลูกไม่สบายหรือเปล่า” พ่อคุกเข่าแล้วเอาหลังมือมาแตะที่หน้าผาก
นี่เป็นวิธีแสดงความห่วงใยของพ่อแบบหนึ่ง
“ผมสบายดีครับ” ผมทำให้พ่อเป็นห่วงอีกแล้วสิ
“พรุ่งนี้เราค่อยมาเลือกกันใหม่แล้วกัน”
พ่ออุ้มผมขึ้นมาแล้วเราก็ห่างจากร้านหนังสือไปทีละนิด

วันนี้เรากลับบ้านโดยไม่ได้หนังสือสักเล่ม
ระหว่างที่พ่อขับรถกลับบ้าน พ่อแอบมองมาที่ผมบ่อย ๆ
ผมไม่อยากเห็นพ่อกังวลหรอกนะครับ

ผมถึงบ้านโดยที่พ่อไม่ถามอะไรสักคำ
“มา วันนี้พ่ออุ้มเข้าบ้าน”
พอพ่อมาอุ้มผมลงจากรถ ไม่รู้เป็นอะไรน้ำตามันก็ไหล
ไม่ได้ไหลหรอกครับผมร้องไห้โฮเลย

พ่ออุ้มผมไปแบบนั้น แต่ไม่มีใครถามพ่อเลยว่าผมเป็นอะไร
ทั้งแม่ ทั้งพี่เหมย และพี่หนาน พ่ออุ้มผมมาส่งที่ห้อง
“รีบอาบน้ำแล้วลงไปกินมื้อเย็นกัน ไปช้าไม่ทันเจ้นะ”
พ่อบอกก่อนเอามือมาที่ลูบหัว

เหมือนทุกคนจะส่งกระแสจิตรอบโต๊ะอาหาร
เจ้ส่งไปบอกแม่ว่า “ถามน้องสิคะ”
พี่หนาน แม่ พ่อ ก็ส่งไปหาคนอื่นในแบบเดียวกัน
มันคือแผนลวงของบ้านผม และมันก็มักทำให้คนเงียบเปิดปาก
“ผมทะเลาะกับเด็กใหม่ครับ” ผมบอกไป

ทุกคนรอให้ผมพูดต่อ
“ก็หมอนั้นติดผมแจเลย ผมก็เลยถามเขาว่าเป็นปลิงหรือไง
เขาก็หาว่าใช้เป็นควาย เรื่องมันก็แค่นั้นแหละครับ”
“แค่นั้น........?” พ่อถาม

“นอกจากผมกับพี่ ๆ พ่อมีลูกอีกไหมครับ” ผมถาม
“มีอะไรหรือเปล่า” พี่หนานถามผม
และมือเปรอะ ๆ ของเขาก็มาโดนหัวผมด้วย
“ตอนที่ผมทะเลาะกับเด็กใหม่ ครูบอกว่า “ลูกพ่อเดียวกันแท้ ๆ ” ”

“ผมรู้แล้วครับพ่อ” พี่หนานหยุดหัวเราะก่อนพูดต่อ
“ใช้คิดว่าเด็กใหม่นั้น เอ่อ... ถ้าพี่จำไม่ผิดน้องเขาชื่อโต้งใช่ไหม”
“เป็นลูกของพ่อเหมือนกับพี่และเหมยใช่ไหม”
พี่หนานมองมาเหมือนรอให้ผมตอบว่า “ใช่” ซึ่งผมก็ตอบว่าใช่จริง ๆ

“พ่อคะ ถ้าใช้ยังทำหน้าอมทุกข์แบบนี้
หนู... ไม่สิ เราทุกคนคงกินอะไรไม่ลงแน่ ๆ ”
พี่เหมยพูดไปอย่างนั้นแหละ พี่เขากินลงเสมอ อย่างวันที่งอนแม่
เขายังกินข้าวหน้าตาเฉย “ไม่เห็นเหมือนคนงอนเลย” พี่หนานถาม
“ปากท้องต้องมาก่อน เรื่องงอนพักไว้ก่อน” ดูพี่เหมยพูดเข้าสิ

“เอาอย่างนี้แล้วกัน ตอนนี้ใช้รู้แค่ว่าพ่อที่ครูว่านั้น ไม่ใช่พ่อที่นั่งตรงนี้”
“แต่ครูเขาหมายถึง ผู้ชายที่แสนดีคนหนึ่ง”
“ไว้ทานข้าวเสร็จพ่อจะอธิบายให้ฟังทีหลัง ตกลงไหม” พ่อถามผม
“ครับผม” ผมแอบได้ยินเสียงถอนหายใจของทุกคน เชื่อสิ!

ทุกคนมารวมกันที่ห้องนั่งเล่น
พ่ออ้าแขนรับก่อนอุ้มผมไปนั่งบนตัก ผมชอบนั่งบนตักพ่อ
พ่อชอบเอาคางที่มีหนวดแข็ง ๆ มาถูแก้มผมมันจั๊กจี้ที่สุดเลยครับ
“ผู้ชายแสนดีคนนั่นคือใครครับ”
“ผู้ชายแสนดีคนนั้น...”

“ผู้ชายแสนดีคนนั้น...” พ่อพูด
“ท่านจะออกไปเยี่ยมเยียน ติดตามฟังข่าวคราวลูก ๆ ของท่านเสมอ”
“เพื่อท่านจะได้รู้ว่าลูก ๆ ของท่านมีความสุขดีหรือเปล่า”
“หากลูก ๆ ของท่านไม่มีความสุขท่านก็จะรีบเข้าไปช่วยเหลือแก้ไข”
“แม้ว่าลูก ๆ ของท่านอยู่ไกลขนาดไหน เดินทางลำบากยังไง ท่านก็จะไป”

“ลูก ๆ ของท่านไม่ได้อยู่ที่บ้านด้วยกันเหรอครับ” ผมถาม
“ก็เพราะลูก ๆ ของท่านเยอะมากนะสิ”
“และบ้านของท่านก็ใหญ่มาก ๆ ด้วย” พ่อตอบ

“ท่านทำหน้าทีนี้มาตั้งแต่อายุยังน้อย และตอนนี้อายุของท่านก็มากแล้ว”
“แต่ถึงอย่างนั้น....”
“ท่านก็ทำหน้าที่พ่อไม่ขาดตกบกพร่องตลอดเวลาอันยาวนาน”
“แม้ในยามที่ท่านป่วยท่านก็อดที่จะห่วงลูก ๆ ของท่านไม่ได้”

“แล้วทำไม ลูก ๆ ของท่านต้องทำให้เป็นห่วงด้วยละครับ”
“พ่อว่าคำถามนี้ ให้แม่เป็นคนตอบดีกว่า” พ่อส่งยิ้มให้แม่
“ในตอนที่ลูกไปเข้าค่าย ไปทำกิจกรรมต่าง ๆ ”
“ครูที่โรงเรียนจะย้ำกับพ่อแม่เสมอว่าไม่ต้องเป็นห่วง ทุกอย่างเรียบร้อยดี”
“แต่ถึงอย่างนั้น พ่อกับแม่ก็ต้องคอยดูลูกอยู่ห่าง ๆ ”
“แม่กับพ่อแค่ต้องการความแน่ใจ ว่าทุกอย่างเรียบร้อยจริง ๆ” แม่อธิบาย

“ท่านไม่เหนื่อยแย่เหรอครับ” ผมเงยหน้าถามพ่อ
“เหนื่อยสิครับ และคงเหนื่อยมาก ๆ ด้วย”
พ่อยิ้มให้ผม “แต่ท่านก็ทำด้วยความเต็มใจ”
“ทั้งที่รู้ว่าเหนื่อยนะเหรอครับ” ผมถาม
“ใช่” พี่หนานพูดขึ้น “ตอนที่ใช้เตะบอล วิ่งเล่น ใช้เหนื่อยไหม”
“แล้วใช้สนุกไหม มีความสุขบ้างหรือเปล่า” พี่หนานถาม

“ใช้เข้าใจหรือยัง ว่าการที่เราทำในสิ่งที่เรารัก
ถึงแม้จะเหนื่อย แต่มันก็มีความสุขอยู่ด้วยเสมอ” พี่หนานสรุปให้ฟัง
“ใช้เข้าใจแล้วครับ” ผมเข้าใจจริง ๆ นะ
“แต่สิ่งที่ท่านทำนั้น... มันยิ่งใหญ่กว่ามากเลยนะ” พี่เหมยเสริมขึ้น
“แล้วลูกรู้หรือยังว่าผู้ชายที่แสนดีคนนั้นคือใคร”
พ่อทิ้งท้ายก่อนบอกให้ทุกคนเข้านอน

ณ ห้องครัวในเช้าวันถัดมา “แม่ครับ”
ลูกชายคนโตของครอบครัวเดินเข้าไปในครัวขณะที่แม่เตรียมอาหารเช้า
“ผมสาบาน ผมจะไม่ยอมใจอ่อนให้เด็กเก้าขวบมานอนกับผมแน่ ๆ”
“ทำไมล่ะ” คนเป็นแม่หันมาพูดกับเขา
“แม่นึกว่าเรียบร้อยดีซะอีก” ถึงจะพูดออกไปอย่างนั้น
ในฐานะแม่เธอก็คงรู้ดีกว่าใคร ว่ามันไม่มีทางเรียบร้อยหรอก

“ผมไม่เข้าใจพ่อจริง ๆ ทำไมต้องทำให้เด็กเก้าขวบสงสัยด้วย”
“ผมบอกใช้ไปแล้วครับว่าเป็นใคร”
“น้องก็เลิกสงสัย และก็เข้านอน”
คนเป็นแม่บอกไปขณะที่มือยังคนข้าวต้มที่กำลังส่งกลิ่นหอมได้ที่
“แม่ก็น่าจะรู้” เขาตัดพ้อ

“มันคือหายนะ เขาถามผมไม่หยุดเลยทีนี้”
เขาทำหน้าราวกับอมบอระเพ็ดอยู่ในปาก
เธอส่งยิ้มให้ลูกชายเพื่อรอคำตอบบางอย่าง
“โธ่.. แม่ก็รู้หนิครับว่าผมรักเขาแค่ไหน ผมแค่อยากพักผ่อน ”

“ผมรู้แล้วครับ”
เด็กชายวัยเก้าขวบส่งเสียงเข้าไปในครัวก่อนตัวจะเข้ามาถึงซะอีก
เขาประกาศออกมาอย่างผู้ชนะ ก่อนแอบส่งสายตาไปหาพี่ชายของเขา
ที่เข้ามาเตรียมมื้อเช้าก่อนหน้านั้น ทำนองแบบว่ารู้กันแค่สองคน
“คำตอบอะไรฮี” คนเป็นพ่อเดิมตามมาข้างหลัง
“ก็ผู้ชายแสนดีที่ทำอะไรให้ลูก ๆ ตั้งมากมายนะสิครับ
ผมรู้แล้วว่าท่านคือใคร หวังว่าพ่อคงยังจำได้นะครับ”
“ท่านคือใครล่ะ” คนเป็นพ่อกำลังจัดช้อนแล้วมองไปที่เด็กน้อย
“ในหลวงไงครับ” แววตาแห่งผู้ชนะ
กับการเก็บอารมณ์ตื่นเต้นไว้ไม่ไหวของเขา
ทำให้คนในบ้านแอบยิ้มออกมา

“ผมนึกว่าเป็นพระมหากษัตริย์จะสบาย”
เด็กน้อยถามขึ้นมาขณะที่ทุกคนกำลังจัดการมื้อเช้าของตัวเอง
“พ่อก็เคยคิดแบบนี้เหมือนกัน” คนเป็นพ่อตอบ
“ที่พระองค์ยอมเสียสละความสุขส่วนพระองค์ทำสิ่งต่าง ๆ มากมาย
ไม่ใช่ในฐานะกษัตริย์เพียงอย่างเดียว แต่พระองค์ทำลงไปในฐานะพ่อ พ่อของคนไทยทุกคน”
“เราทุกคนเป็นพี่น้องกัน” คนเป็นแม่เสริมขึ้น

“ใช้พอเข้าใจหรือยัง ทำไมครูถึงพูดกับลูกแบบนั้น” พ่อถาม
“เพราะเราเป็นพี่น้องกัน มีพ่อคนเดียวกันคือในหลวงใช่ไหมครับ”
เด็กน้อยตอบ
“หากลูก ๆ มัวแต่ทะเลาะกันเองอย่างนี้ แม่ว่าพระองค์คงเป็นกังวลแน่ ๆ
ลูกไม่อยากให้พระองค์ท่านเป็นกังวลใช่ไหม”
“ครับ พอถึงวันจันทร์ ผมจะไปขอโทษเด็กใหม่นั่น ผมสัญญา”
“แม่ว่าคงไม่มีใครชื่อว่า เด็กใหม่นั้น หรอกนะ”
คนเป็นแม่มองไปที่เด็กน้อยก่อนส่งรหัสลับไปที่ลูกสาว
“หนูว่ามันเป็นชื่อที่แปลกดีทีเดียวค่ะแม่” ลูกสาวของบ้านออกความคิด
“เขาชื่อโต้ง ไม่ได้ชื่อเด็กใหม่นั่นสักหน่อย” เด็กน้อยตอบอย่างฉุน ๆ

“เดี๋ยวครับ!...”  เด็กน้อยร้องขึ้น
“แม่นึกว่าลูกอิ่มแล้วซะอีก” คนเป็นแม่คิดว่าลูกชายจะขอเพิ่ม
“ถ้าอย่างนั้นผม...”
เด็กน้อยไม่ได้ฟังแม่เขาพูดเลยด้วยซ้ำ
เขาพูดออกมาโดยที่ไม่สนใจใครเลย เขากำลังต่อสู้กับอะไรบางอย่าง
ในหัว ที่เต็มไปด้วยคำถามของเขา
“ผมอะไรล่ะ” พี่ชายเขาถามบ้าง
“ผมมีพ่อสองคนน่ะสิครับ” เด็กน้อยพูดขึ้น
“ถ้าใช้หมายถึงในหลวงด้วยแล้วล่ะก็ ใช่แล้วล่ะ” พ่อตอบอย่างเข้าใจ
“ในหลวงก็เป็น...พ่อของ...พ่อ...”เด็กน้อยเริ่มพูดกับตัวเองอีกครั้ง
“สุดยอดไปเลย! ผมมีปู่สองคน” อันนี้เขาพูดกับทุกคน
“ผมมีปู่สองคน หรือมีตาสองคนกันแน่ แล้วผมมีทวดกี่คน
“แล้ว.....”
“แล้ว.....”
“แล้ว.....”
ผมไม่เข้าใจ”

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่