พวกท่านรู้สึกอย่างไร ตรรกะของคนที่ใช้คำพูดที่ว่า "ทำงานเพื่อตอบแทนคุณแผ่นดิน"

กระทู้คำถาม
คำ ๆ นี้ ผมได้ยินมาเป็น สิบ ๆ ปีแล้ว ผมเชื่อว่าคำ ๆ นี้ มาจากข้าราชการ ไม่ใช่เอกชน
ฟังแล้วมันดราม่า เหมือน ตอบแทนคุณ คุณครู ตอบแทนคุณ ผู้มีพระคุณ หรือ ตอบแทน
คุณบิดา มารดา ฟังดูดี ฟังแล้วน้ำตาจะไหล คนพวกนี้เคยสำเหนียกกันบ้างไหมว่า การ
ตอบแทนคุณแผ่นดิน มันต่างจาก การตอบแทนคุณผู้มีพระคุณ

เพราะ การตอบแทนคุณแผ่นดินของข้าราชการพลเรือน ข้าราชการทหาร ตำรวจ หรือ
ข้าราชการการเมือง คนที่ใช้คำพูดแบบนี้ เขาต่างได้รับเงินเดือน เงินประจำตำแหน่ง
เงินเบี้ยประชุม บางคนได้รถ ได้บ้าน ค่าน้ำ ค่าไฟ ฟรี ไม่ต้องจ่าย แถมอำนาจวาสนา
บารมี พร้อม บริวารรับใช้ฟรี ๆ อีกต่างหาก

ก็ในเมื่อมีรายได้ เป็นแสน ๆ มีของฟรีให้ มีคนใช้ไม่ต้องจ่ายเงินเดือน งานที่ทำ มันจะเป็น
การตอบแทนคุณแผ่นดินได้อย่างไรในเมื่อคนพวกนี้ ต่างได้รับผลประโยชน์ตอบแทน

ตอบแทนคุณ ครู ผู้มีพระคุณ หรือ บิดา มารดา ต่างเป็นการตอบแทนโดยไม่มีรายได้ หรือ
ผลประโยชน์ตอบแทนโดยทั้งสิ้น แตกต่างกันกับวาทะกรรม โฆษณาชวนเชื่อของคนพวกนี้

เกลียดนัก พวกเอาหน้าด้วยการโหนแผ่นดินประเทศไทย ทั้ง ๆ ที่ตัวเองก็รับเงินกันอู้ฟู่

คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 10
จ่าขรำ....!!!!

การล้มล้างกติกาเก่า
เพื่อที่จะเขียนของใหม่
และ เอามาใช้ปกครองคนทั้งประเทศ
มันกลายเป็นการ "ทดแทนบุญคุณของแผ่นดิน" ไปได้ไงว๊ะ ....???

ตรรกะโคตรจะป่วยเลยว่ะ.....!!!


ประเทศนี้ไม่มีคนอื่นแล้วเหรอครับ ??
เราถึงได้มีแค่คนอย่าง มีชัย , วิดซานุ และ บาวอนสาก
ที่ผูกขาดในการ "เขียนกติกา" เพื่อใช้ปกครองคนทั้งประเทศ

เขียนมาตั้งแต่ปี 40
ตอนแรกก็บอกว่าดีอย่างโง้นดีอย่างงี้
แต่พอไม่ได้ดั่งใจก็บอกว่า "กติกาห่วย" แล้วก็ล้มกระดานกันดื้อๆ

จากนั้นก็เอาไอ้คนเก่าที่เคยเขียนไอ้กติกาที่ว่าห่วยนั่นแหละ ย้อนกลับมาเขียนกติกาใหม่ (อีกครั้ง)

"มีชัย" เคยเป็นแกนหลักในปี 2534
ที่ไฝ่ฝันอยากให้เรามี "รธน.ฉบับประชาชน"
จนเป็นที่มาของ สสร.ที่มา "ทำคลอด" รธน.ปี 40

ตอนนั้น.....
จ่าจำได้ว่าปลื้มปริ่มกันจนขนตูดลุก
ว่านี่คือรัฐธรรมนูญที่โคตรจะดีงามที่สุดในสามโลก

ดีงามสุดกระดิ่งติ่งแมวเลยก็ว่าได้...!!!!

พอนำมาใช้ครั้งแรก
ในการเลือกตั้งทั่วไปปี 2544
ปรากฏว่าพรรคของหน้าเหลี่ยมชนะการเลือกตั้งเฉยเลย

แหมมมม....
พอแม้วมันชนะเท่านั้นแหละ
ก็เริ่มจะมีเสียงบ่นแล้วว่ากติกามันเอื้อประโยชน์ให้แม้ว

ทั้งๆที่แม้วมันไม่ได้เกี่ยวข้องกับการเขียนกติกาเลย

จนถึงวันที่ 19 กย.2549
กะลาแลนด์ก็ถูกปกครองโดย "สนธิ บัง"
มีชัยก็ได้กลับมาทำหน้าที่ๆปรึกษา ของ คปค. ของสนธิ
โดยมี วิดซานุ และ บาวอนสาก มาร่วมด้วยช่วยกัน (ได้ดิบได้ดีกันถ้วนหน้า)

ประกาศ คปค. และ รธน.ฉบับ "ชั่ว" คราว ที่ใช้ๆในตอนนั้นก็มาจากคนเหล่านี้แหละ

พอได้ รธน.ปี 50 แล้ว
กะลาแลนด์จึงได้เลือกตั้งกันอีกครั้ง

เป็นการเลือกตั้งที่ฝ่ายแมงสาปมั่นใจมากว่าจะชนะ
เพราะคู่แข่งอย่าง "ลุงหมัก" โดนมัดมือมัดเท้าแล้วส่งขึ้นไปบนเวที

แต่...อิทธิฤทธิ์ของ "ซี่โครงไก่ต้มฟัก" ก็แผลงฤทธิ์ชนะการเลือกตั้งจนได้

เล่นเอา "บารมี" ของมีชัยหมองลงไปเลย
เพราะเขียนกติกากี่ครั้งๆฝ่ายตัวเองก็ไม่ชนะซักที

แถมก่อนหน้านี้ตอนที่นั่งอยู่ใน สนช.
มีชัยก็ยังโดนคนฝั่งเดียวกันอย่าง "ปีศาจคาบไป้ป์" เตะตัดขาอีกต่างหาก
เพราะดันแย่งกันเพื่อที่จะเป็นใหญ่บนเก้าอี้ "ประธาน สนช." จนไม่มองหน้าไม่เผาผีกัน

เวรกรรม.......กัดกันเพราะเก้าอี้ตัวเดียว

"วิดซานุ" ก็เช่นกัน

เคยทำหน้าที่โฆษกสมัยสุจินดา
และได้เป็นกรรมาธิการในการร่าง รธน.ของ รสช.
(โดยคนที่เป็นประธานคณะกรรมาธิการก็คือมีชัยนั่นแหละ)

กลุ่มเดิม ก๊วนเดิม คนกันเองทั้งนั้น...!!!!

วิดซานุยังได้ดิบได้ดี
ภายหลังเหตุการณ์ 19 กย.2549
ด้วยการมาร่วมหัวจมท้ายกับมีชัย (อีกแล้ว) ในการร่าง รธน.ให้ สนธิ บัง

แต่พอโดนด่า
ว่าเป็น "ข้าสองเจ้า บ่าวสองนาย"
วิดซานุก็เลยออกอาการหน้าบางซะอย่างงั้น
และ เปลี่ยนมาทำหน้าที่เขียนธรรมนูญการปกครองแทน
(เพราะวิดซานุเคยเป็นลูกน้องหน้าเหลี่ยมใน ครม.ก่อนหน้าที่เหลี่ยมจะโดนยึดอำนาจ)

แต่ถึงจะหน้าบางแค่ไหน
พอ คปค.ของ สนธิ บัง ตั้ง สนช.ขึ้นมา
ทั้งมีชัย และ วิดซานุ ก็ได้เก้าอี้นั่งเอ้เต้อยู่ในนั้นด้วยกันทั้งคู่

คนหน้าเดิมๆ กับบทบาทเดิมๆ มาทำหน้าที่ออกกฏหมายปกครองคนอื่นอีกแล้ว (ขรำว่ะ)

"บาวอนสาก" ก็อีกคน

ตอนที่มีชัย กับ วิดซานุ ทำงานให้ คปค.นั้น
แน่นอนว่าบาวอนสากก็ไม่ได้ตกขบวนอะไรกับเขา
เพราะบาวอนสากก็ได้เข้าไปช่วยงานมีชัย กับ วิดซานุ (ที่เป็นญาติกัน) ในการร่างกติกา

ก่อนที่จะมาได้ดิบได้ดี
หลังเหตุการณ์ 22 พค.2557
เพราะได้รับการลากตั้งจาก คสช.
ให้เข้ามาทำหน้าที่เป็นหัวเรือในการเขียนกติกาฉบับล่าสุด

ที่ในที่สุดก็โดนพวกเดียวกันเตะตัดขาจนคว่ำคา สนช. (ที่ก็ลากตั้งมาด้วยกันนั่นแหละ)


ชีวิตของคนกะลาแลนด์
วนเวียนอยู่กับ มีชัย , วิดซานุ และ บาวอนสาก จริงๆว่ะ

บ้านเมืองนี้ไม่มีคนดี คนเก่ง อื่นๆอีกเลยหรือ ??????????

อาจารย์ด้านกฏหมาย
ที่จะมาเขียนกติกาให้ยุติธรรม
เพื่อใช้ในการปกครองคนทั้งประเทศนั้น
ทั้งประเทศกะลาแลนด์มีอยู่แค่ 3 คนเท่านั้นหรือ ????

สำหรับ 3 คนนี้
คำว่า "เนติบริกร" นั้น
ไม่ได้ๆมาเพราะโชคช่วยจริงๆว่ะ

ฉีกแล้วเขียนใหม่
โดยวนเวียนอยู่แค่ มีชัย ,วิดซานุ และ บาวอนสาก
แบบนี้มัน "ทดแทนบุญคุณของแผ่นดิน" ตรงไหน...??????????

การ "ไม่ร่วมมือ" กับอำนาจนอกระบบ
ในการเขียนกฏหมายออกมากดขี่คนอื่นต่างหาก
ที่มันน่าจะเป็นการ "ทดแทนบุญคุณของแผ่นดิน" ของจริง

เพราะการร่วมมือกับอำนาจนอกระบบ
ด้วยการยอมที่จะเป็นฟันเฟืองให้กับมันนั้น
มันก็ไม่ได้ต่างไปจากการที่ตัวเราเองนั่นแหละคือ "อำนาจนอกระบบ" ด้วยเช่นกัน

พอมีการฉีกทิ้งทีไร
จ่าก็เห็นแต่ไอ้ 2-3 คนนี้แหละ
ที่มาทำหน้าที่ "เนติบริกร" รับใช้อำนาจนอกระบบเขียนกฏหมายเพื่อกดหัวคนอื่น

แหมมมม.... "ทดแทนบุญคุณของแผ่นดิน" ...จะอ๊วกว่ะ




ขอกระโถนกรูหน่อยเถอะ...!!!







จ่าพิเชษฐ์
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 16
ผมสังเกตอย่างนี้ สำหรับคำว่าตอบแทนคุณแผ่นดิน

จำได้ว่า สมัยทักษิณเป็นนายก ฯ  จะมีป้ายใหญ่ ๆ ป้ายหนึ่งตรงทางเข้าสวนจัตุจักร เป็นรูปบุคคลท่านหนึ่ง เขียนคำบรรยายว่า "ค้ายาเสพติดถือว่า ทรยศชาติ"

หลังจากที่ทักษิณปฏิรูประบบราชการ ให้ไปเป็นระบบซีอีโอ คือ ข้าราชการต้องทำงานให้ประชาชน อะไรหลาย ๆ อย่างที่พวกเราเห็น เช่น one stop service อะไรทั้งหลายแหล่นั่น  ในราชดำเนินก็เริ่มมีคำพูดทำนองว่า "ไม่ได้เป็นลูกน้องบริษัทใคร"

หลังจากนั้น ก็จะเริ่มมีการต่อต้านเล็ก ๆ จากข้าราชการเก่า ๆ หลายคน ตอนแรกผมนึกว่า ที่นายชวนพูดไว้ ตอนหนึ่งว่า ตำรวจทำงานรับใช้นักการเมือง ระวังสิบปีก็เอาคืนได้ (ทำนองนั้นแหละผมจำข้อความเต็ม ๆ ไม่ได้) ก็นึกว่า พรรค ปชป. เขาเป็นพรรคราชการ ก็เลยเห็นการโหมกระแสให้ ปชป. มาเอาคืน แต่ก็ไม่ชนะเลือกตั้งเสียที

ผมก็เลยเข้าใจใหม่ว่า จริง ๆ แล้ว ระบบที่คร่ำครึที่สุดที่ทำให้ไทยไม่ไปไหนเสียที ก็คือ ระบบราชการนี่แหละ  ทีนี้ข้าราชการเป็นแสนเป็นล้านคน ก็ตาม ๆ ผู้ใหญ่ไป ดังจะเห็นตัวอย่างในกระทรวงสาธารณสุข

พวกข้าราชการบางคนก็ไปตั้งป้อมกับนักการเมือง ว่า นักการเมืองที่เข้ามาเป็นเจ้านาย ไม่ได้มีความรู้อะไร สู้พวกเขาไม่ได้  เขาเลยคิดว่า นักการเมืองโกง..ข้าราชการดี..อย่าทำมาเป็นสั่งฉัน

เขาก็เลยเต็มใจที่จะให้สุเทพไปยึดสถานที่ราชการหลาย ๆ ที่ ต่อให้แย่แค่ไหนก็รับได้  รัฐบาลชุดไหนมาก็ต้องขึ้นเงินเดือนให้ข้าราชการ

พยายามเอาใจราชการให้ดีที่สุด สวัสดิการอะไรทั้งหลายแหล่  พอโดนเข้าหน่อยก็ร้อง อย่างกรณีโยกย้ายทหารคราวที่ทักษิณเป็นนายก ฯ  ต่างก็วิ่งไปฟ้องใครก็ไม่ทราบ ระบบอุปถัมภ์ เด็กเส้นเด็กฝากกันยกใหญ่

หารู้ไม่ว่า ระบบพวกนี้ ใครมาเป็นมันก็มี แก้ได้ยาก..ข้าราชาการบางหน่วยก็ทำตัวเป็นนายประชาชน เอาอำนาจกดหัว พอประชาชนร้องหานักการเมือง ก็หาว่าโดนเขาเอาเงินฟาดหัว ไม่รู้จักบุญคุณแผ่นดิน

เคยบอกไว้นานแล้ว

ชาติ หรือ แผ่นดิน หรือ nation นี่ มันประกอบด้วยอาณาเขตทั้งทางบกทางน้ำทางอากาศ แต่ชาติจะเป็นชาติไม่ได้ถ้าขาดประชาชน ถ้าประชาชนไม่มีความสุข มีแต่การเดินตัวลีบ ชาติจะอยู่ได้อย่างไร ในเมื่อคนกลุ่มหนึ่งเดินใหญ่คับถนน อีกกลุ่มหนึ่งต้องเดินตัวลีบแบบที่เห็นกันอยู่ทุกวันนี้

มืด ไข่มุก เคยร้องเพลง "คนจนมีสิทธิ์มั้ยครับ"  ไม่น่าเชื่อทุกวันนี้ก็ยังคงได้เห็นอยู่

มีชัย ฤชุพันธ์ ถ้าจะร่างรัฐธรรมนูญ ก็คิดถึงประชาชนให้มากหน่อยก็แล้วกัน อย่าไปคิดร่างต้านโกงอะไรนั่น..มันผิดธรรมชาติของคน
--------------------------------------------------------
ขอเพิ่มเติมสักนิด

ทุกวันนี้ เห็นข้าราชการหลายคนกินเงินเดือนหลวง มีแต่เงินเพิ่ม สวัสดิการเพิ่ม เงินรายจ่ายของรัฐที่เป็นเงินเดือนข้าราชการแต่ละกรม กอง กระทรวง เดือน ๆ หนึ่งเท่าไหร่  

แต่คำถามคือ รัฐจะมีเงินให้พวกท่านได้นานอีกแค่ไหน แค่ทุกวันนี้ ยังไปกู้เงินประกันสังคม, ไปยืมเงิน กสทช. , ไปกู้ออมสิน และอะไรต่อมิอะไรอีก  ล่าสุดเห็นบอกว่า สวัสดิการสำหรับข้าราชการที่กู้เงินจากธนาคารอาคารสงเคราะห์ต้องหมดอายุแล้ว  ไหนจะเงิน กบข. ที่รอเบิกจ่าย งบประมาณแผ่นดิน ที่เบิกไปทำงบ ฯ นั่นนี่ บางทีเบิกมาใช้ไม่หมด ก็ต้องไปนอนโรงแรม หรือ รีสอร์ท หรือพวกที่ไปศึกษาดูงานต่างประเทศนั่นน่ะ ตัวอย่างมีให้เห็นเยอะแยะ

พวกใหญ่ ๆ ก็แทบไม่ต่างจากนักการเมืองที่พวกเขาด่า ๆ กันหรอก เท่าที่เห็นนะ

ที่พูดนี่ไม่ได้จะว่าข้าราชการทั้งหมด  แต่ระบบมันเป็นอย่างนั้นจริง ๆ เด็กที่ได้ทุน ก.พ. ไป หลายคนไม่ยอมกลับมาใช้ทุน เพราะกลัวจะมาอยู่ในระบบแบบนี้

ตอนหลังยุค รสช. มีแต่ข้าราชการเกษียณส่วนใหญ่ได้เอามาเป็นรัฐมนตรี แทนที่จะเกษียณแล้วกลับไปเลี้ยงหลาน ยังกลับมานั่งทำงานให้รกหูรกตาอีก   พอมายุคนี้ ก็ยังได้เห็นอีก

คือเรื่องของเรื่องก็คือ คิดว่าสิ่งที่ตัวเองคิดหรือทำ มันดีแล้ว มันชอบแล้ว แต่หาได้รู้ว่า โลกมันเปลี่ยนไปจริง ๆ คนที่ไม่ทันโลก ก็พยายามหยุดโลก คิดว่าตัวเองเป็นศูนย์กลางของโลก อย่างที่เห็น ๆ กันนี่แหละ
ความคิดเห็นที่ 31
จ่า "ขรำ" สลิ่มบางตัว
ที่หลับหูหลับตา copy มาลง โดยที่ไม่อ่านเนื้อหาว่าคนพูดมันทำได้แบบที่พูดหรือเปล่า...55555.....






๑. จงรักภักดีต่อชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์

ตอบ : ข้อนี้ไม่ต้องสาธยายหรอก
เพราะทุกคนย่อมต้องเป็นแบบนั้นอยู่แล้ว
เพราะคนเราส่วนใหญ่หากกำเนิดกันที่ไหน (ไทย,อังกฤษ , จีน, ซาอุฯ ฯลฯ) ก็คงต้องรักทุกอย่างที่เป็นของที่นั่น

๒. ซื่อสัตย์สุจริต เสียสละและจงรักภักดี

ตอบ : อย่าซื่อสัตย์สุจริตจนไม่ยอมออกจากบ้านหลวงก็แล้วกัน
บ้านหลวงเขาให้ข้าราชการอยู่ในตอนที่ทำงานในตำแหน่งนั้นๆ
พอเกษียณแล้วก็ต้องออกไปอยู่บ้านของตัวเอง เพราะบ้านหลวงมันจ่ายค่าน้ำค่าไฟด้วย "เงินภาษี"

๓. คนที่เป็นผู้บังคับบัญชา ต้องทำตัวให้เป็นตัวอย่างกับผู้ใต้บังคับบัญชา  
ต้องมีความเมตตา เป็นคนไทยต้องมีความเป็นไทย เป็นธรรม
เป็นนายคนต้องมีแต่ให้ และรับได้อย่างเดียว คือ รับความทุกข์ ความลำบากยากเข็ญของคนอื่น

ตอบ : มีเมตตาให้มากๆหน่อยก็ดี
ไม่ใช่พอผู้ใต้บังคับบัญชาวิจารณ์เรื่องการแก้ปัญหาเศรษฐกิจแล้ว "ควันออกหู"
จนถึงขนาดโกรธเขาจน "มดลูกอักเสบ" และ สั่งปลดเขาออกจากตำแหน่งในคืนวันลอยกระทงทันที

๔. หาทางขจัดความยากจน

ตอบ : อยู่มาตั้งหลายสมัย มีเวลา "หาทาง" มากมาย
แต่ความยากจนมันก็ยังอยู่ของมันจนถึงบัดนี้...ไม่มีปัญญาทำก็อย่ามาสั่งสอนคนอื่นเลย

๕. ยึดถือ และปฏิบัติตามพระบรมราโชวาทและพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

ตอบ : แหมมมม..."โหน" ต่องแต่งจริงๆว่ะ
เริ่มต้นที่ตัวเองก่อนเลย ทำตามพระราชดำรัสของพระองค์ก่อนเลย

๖. ต้องทำงานให้คุ้มค่า คุ้มเวลาและคุ้มความเป็นคน

ตอบ : ข้อนี้ขรำว่ะ..!!!
คุ้มค่า คุ้มเวลา จนต้อง "ต่ออายุตัวเอง" ในเก้าอี้ ผบ.ทบ.เพราะอยากนั่งให้คุ้มค่า...5555....

๗. ดำรงวัฒนธรรมไทย เช่น วัฒนธรรมการละเล่นท้องถิ่นของภาคใต้ กลาง อีสาน เหนือ
การพูดภาษาถิ่น ไม่ควรลอกเลียนฝรั่ง จนไม่เหลือความเป็นไทย

ตอบ : แหมมม....งั้นตัวเองก็เลิกเล่นเปียโนไปตีขิมตีระนาดเถอะ นั่นมันเครื่องดนตรีฝรั่งนะ...!!!

๘. ผู้ใหญ่ มีหน้าที่และความรับผิดชอบที่ต้องดูแลยุวชน เยาวชน
เพราะเด็กเป็นความสำคัญของชาติบ้านเมืองให้เติบโตมาเป็นคนดีของชาติบ้านเมืองให้ได้

ตอบ : สอนให้เด็กรู้จัก "ประชาธิปไตย" ด้วยนะ
ไม่ใช่อยากเป็นนายกฯแต่ไม่อยากให้ใครอภิปรายไม่ไว้วางใจ
จนต้องใช้วิธีให้ลูกน้องไปขู่ให้ สส.ที่ลงชื่อในญัตติถอนชื่อออก...เรื่องแบบนี้อายเด็กมันว่ะ

๙.  ต้องมีจริยธรรมและคุณธรรม

ตอบ : อย่าเที่ยวไปฆ่าใครเขานะ
ใครที่ทำผิดก็ให้กฏหมายบ้านเมืองจัดการดีกว่า
ไม่งั้นจะมีกรณีของ "ขวัญชัย" ที่ตายใน รพ.บ้าอย่างมีเงื่นองำเพราะถูกคนไข้ด้วยกันฆ่าตาย










จ่าพิเชษฐ์
ความคิดเห็นที่ 7
แค่ไม่ยุ่งเกี่ยวกับคณะปฎิวัติ รัฐประหารก็ถือได้ว่าตอบแทนคุณแผ่นดินแล้ว
ความคิดเห็นที่ 1
ตอบแทนคุณแผ่นดิน...

แล้วเงินเดือนรับทำไมครับ อิอิ
ความคิดเห็นที่ 8
ตอบแทนคนเสียภาษีถูกต้องกว่านะหัวเราะหัวเราะหัวเราะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่