หัวใจถูกแบ่งเป็นสี่ห้องในแต่ละห้องมีความดันที่ต่างกันความดันของหัวใจห้องบนขวามีประมาณศูนย์หรือต่ำกว่าศูนย์มิลลิลิตรปรอท หัวใจห้องล่างขวามีการบีบตัวของหัวใจถึง 30 มิลลิลิตรปรอท หัวใจห้องบนซ้ายมีความดันถึง 5มิลลิลิตรปรอทและหัวใจห้องล่างซ้ายมีความดันถึง120มิลลิลิตรปรอททุกๆห้องจะทำงานและปฏิบัติหน้าที่อย่างละเอียดอ่อนและประณีต
ในขณะหายใจเข้าจะมีความดันหรือการบีบตัวในหัวใจห้องบนขวาต่ำกว่าศูนย์ซึ่งเป็นสาเหตุทำให้โลหิตถูกผลักดันจากเส้นเลือดไปยังหัวใจห้องดังกล่าวและขณะหายใจออกความดันจะสูงขึ้นจากศูนย์เพียงเล็กน้อยและโลหิตจะถูกผลักดันจากเส้นเลือดไปยังหัวใจเพียงเล็กน้อย.
ในขณะจาม ความดันภายในท้องจะสูงขึ้น เป็นสาเหตุทำให้เกิดสภาวะการสะสมน้ำอย่างผิดปกติในเนื้อเยื่อโพรงของร่างกายหรือโรคบวมน้ำแต่เรื่องต่างๆเหล่านี้ส่วนใหญ่จะผ่านไปได้ด้วยดีเพราะกล้ามเนื้อต่างๆของผนังท้องจะมีการเกรงเป็นสาเหตุทำให้ปลอดภัยจากอันตรายของการจาม ดังกล่าวนี้เป็นส่วนหนึ่งจากพระเมตตาของอัลลอฮ์ (ซุบฮาฯ) ที่มีต่อบ่าวของพระองค์
ได้สรุปจากทุก ๆการวินิจฉัยพบว่าการจามแรง ๆ อาจทำให้ผู้จามได้รับอันตรายต่อสมอง จมูก ปอดการไหล่เวียนโลหิตหรือท้องได้และอาจจะไม่เกิดขึ้น นั้นเป็นเพราะพระเมตตาของอัลลอฮ์ (ซุบฮาฯ) เมื่ออัลลอฮ์ทรงให้มนุษย์รอดพ้นจากอันตราย อย่างน้อยที่มนุษย์ควรจะทำก็คือการการสรรเสริญพระองค์และจำเป็นต่อผู้ได้ยินการสรรเสริญอัลลอฮ์ของผู้จามที่จะขอดุอาให้ผู้จามให้ได้รับความเมตตาจากอัลลอฮ์อยู่เสมอ
และสามารถตีความได้ว่า..ความเข้าใจทางด้านวิทยาศาสตร์จุดนี้เป็นตัวอธิบายคำสั่งของท่านร่อซู้ล (ศ็อลฯ)ให้มีการขอดุอาให้กับผู้จาม
และได้มีรายงานมาจากพระนางอาอิชะฮ์ (รอฏิฯ)ได้กล่าวว่า..“ชายคนหนึ่งได้จามขณะที่อยู่กับท่านร่อซูลุ้ลลอฮฺ (ศ็อลฯ) ซึ่งเขากล่าวว่า อะไรที่ฉันควรกล่าว ? โอ้ท่านร่อซูลุ้ลลอฮฺ ! ท่านร่อซู้ลจึงกล่าวว่า “ท่านจงกล่าว อัลฮัมดู้อิลลาฮ์” คนกลุ่มหนึ่งได้กล่าวขึ้นว่า..อะไรที่เราควรจะกล่าวให้กับเขา? โอ้ท่านร่อซูลุ้ลลอฮฺ ! ท่านร่อซู้ลจึงกล่าวว่า “พวกท่านจงกล่าวกับเขาว่า ยัรฮัมมู้กัลลอฮฺ” ชาย (ที่จาม) คนนั้นได้กล่าวว่าอะไรที่ฉันจะกล่าวให้กับพวกเขา ? โอ้ท่านร่อซูลุ้ลลอฮฺ ! ท่านร่อซู้ลจึงกล่าวว่า..“ท่านจงกล่าวให้กับพวกเขาว่า ยะฮฺดีกู้มุลลอฮฺว่ายุซลิฮู้บาล้ากุ้ม” (บันทึกโดยอะห์หมัด)
มนุษย์ไม่เคยรู้ถึงเรื่องของจุลินทรีย์หรือเชื้อโรคติดต่อมาก่อน จนกระทั้งถึงศตวรรษที่18 และในขณะจามจะมีน้ำกระเซนออกมาจากปากและจมูกของผู้จาม ซึ่งผู้จามอาจแพร่โรคติดต่อในกับคนที่อยู่รอบข้างได้ ดังนั้นสมควรแก่ผู้จามที่จะปิดปากและจมูกด้วยมือหรือผ้าเช็ดหน้าเพื่อไม่ให้น้ำกระเซนไปในอากาศรอบ ๆ ตัวเขา และผู้อยู่รอบ ๆ ข้าง เพราะได้มีรายงานมาจากท่านอบีฮูรอยเราะฮฺ (รอฏิฯ) ว่า
“แท้จริงท่านร่อซูลุ้ลลอฮฺ (ศ็อลฯ) เมื่อท่านจาม ท่านจะปิดหน้าของท่านด้วยมือ หรือด้วยผ้า และท่านร่อซู้ลก็ลดเสียงการจามของท่าน” (บันทึกโดยติรมีซีย์)
แปลจากนิติยาสาร อัลฮัยอะห์ อัลอาละมียะห์ ลิ้ลเอี๊ยะญาร อัลอิลมี่ ฟี้ลกุรอาน วัสสุนนะห์
ทำไมต้องกล่าว “อัลฮัมดุลิ้ลลาฮ์” (การสรรเสริญเป็นสิทธิ์แห่งอัลลอฮ์) ขณะจาม
หัวใจถูกแบ่งเป็นสี่ห้องในแต่ละห้องมีความดันที่ต่างกันความดันของหัวใจห้องบนขวามีประมาณศูนย์หรือต่ำกว่าศูนย์มิลลิลิตรปรอท หัวใจห้องล่างขวามีการบีบตัวของหัวใจถึง 30 มิลลิลิตรปรอท หัวใจห้องบนซ้ายมีความดันถึง 5มิลลิลิตรปรอทและหัวใจห้องล่างซ้ายมีความดันถึง120มิลลิลิตรปรอททุกๆห้องจะทำงานและปฏิบัติหน้าที่อย่างละเอียดอ่อนและประณีต
ในขณะหายใจเข้าจะมีความดันหรือการบีบตัวในหัวใจห้องบนขวาต่ำกว่าศูนย์ซึ่งเป็นสาเหตุทำให้โลหิตถูกผลักดันจากเส้นเลือดไปยังหัวใจห้องดังกล่าวและขณะหายใจออกความดันจะสูงขึ้นจากศูนย์เพียงเล็กน้อยและโลหิตจะถูกผลักดันจากเส้นเลือดไปยังหัวใจเพียงเล็กน้อย.
ในขณะจาม ความดันภายในท้องจะสูงขึ้น เป็นสาเหตุทำให้เกิดสภาวะการสะสมน้ำอย่างผิดปกติในเนื้อเยื่อโพรงของร่างกายหรือโรคบวมน้ำแต่เรื่องต่างๆเหล่านี้ส่วนใหญ่จะผ่านไปได้ด้วยดีเพราะกล้ามเนื้อต่างๆของผนังท้องจะมีการเกรงเป็นสาเหตุทำให้ปลอดภัยจากอันตรายของการจาม ดังกล่าวนี้เป็นส่วนหนึ่งจากพระเมตตาของอัลลอฮ์ (ซุบฮาฯ) ที่มีต่อบ่าวของพระองค์
ได้สรุปจากทุก ๆการวินิจฉัยพบว่าการจามแรง ๆ อาจทำให้ผู้จามได้รับอันตรายต่อสมอง จมูก ปอดการไหล่เวียนโลหิตหรือท้องได้และอาจจะไม่เกิดขึ้น นั้นเป็นเพราะพระเมตตาของอัลลอฮ์ (ซุบฮาฯ) เมื่ออัลลอฮ์ทรงให้มนุษย์รอดพ้นจากอันตราย อย่างน้อยที่มนุษย์ควรจะทำก็คือการการสรรเสริญพระองค์และจำเป็นต่อผู้ได้ยินการสรรเสริญอัลลอฮ์ของผู้จามที่จะขอดุอาให้ผู้จามให้ได้รับความเมตตาจากอัลลอฮ์อยู่เสมอ
และสามารถตีความได้ว่า..ความเข้าใจทางด้านวิทยาศาสตร์จุดนี้เป็นตัวอธิบายคำสั่งของท่านร่อซู้ล (ศ็อลฯ)ให้มีการขอดุอาให้กับผู้จาม
และได้มีรายงานมาจากพระนางอาอิชะฮ์ (รอฏิฯ)ได้กล่าวว่า..“ชายคนหนึ่งได้จามขณะที่อยู่กับท่านร่อซูลุ้ลลอฮฺ (ศ็อลฯ) ซึ่งเขากล่าวว่า อะไรที่ฉันควรกล่าว ? โอ้ท่านร่อซูลุ้ลลอฮฺ ! ท่านร่อซู้ลจึงกล่าวว่า “ท่านจงกล่าว อัลฮัมดู้อิลลาฮ์” คนกลุ่มหนึ่งได้กล่าวขึ้นว่า..อะไรที่เราควรจะกล่าวให้กับเขา? โอ้ท่านร่อซูลุ้ลลอฮฺ ! ท่านร่อซู้ลจึงกล่าวว่า “พวกท่านจงกล่าวกับเขาว่า ยัรฮัมมู้กัลลอฮฺ” ชาย (ที่จาม) คนนั้นได้กล่าวว่าอะไรที่ฉันจะกล่าวให้กับพวกเขา ? โอ้ท่านร่อซูลุ้ลลอฮฺ ! ท่านร่อซู้ลจึงกล่าวว่า..“ท่านจงกล่าวให้กับพวกเขาว่า ยะฮฺดีกู้มุลลอฮฺว่ายุซลิฮู้บาล้ากุ้ม” (บันทึกโดยอะห์หมัด)
มนุษย์ไม่เคยรู้ถึงเรื่องของจุลินทรีย์หรือเชื้อโรคติดต่อมาก่อน จนกระทั้งถึงศตวรรษที่18 และในขณะจามจะมีน้ำกระเซนออกมาจากปากและจมูกของผู้จาม ซึ่งผู้จามอาจแพร่โรคติดต่อในกับคนที่อยู่รอบข้างได้ ดังนั้นสมควรแก่ผู้จามที่จะปิดปากและจมูกด้วยมือหรือผ้าเช็ดหน้าเพื่อไม่ให้น้ำกระเซนไปในอากาศรอบ ๆ ตัวเขา และผู้อยู่รอบ ๆ ข้าง เพราะได้มีรายงานมาจากท่านอบีฮูรอยเราะฮฺ (รอฏิฯ) ว่า
“แท้จริงท่านร่อซูลุ้ลลอฮฺ (ศ็อลฯ) เมื่อท่านจาม ท่านจะปิดหน้าของท่านด้วยมือ หรือด้วยผ้า และท่านร่อซู้ลก็ลดเสียงการจามของท่าน” (บันทึกโดยติรมีซีย์)
แปลจากนิติยาสาร อัลฮัยอะห์ อัลอาละมียะห์ ลิ้ลเอี๊ยะญาร อัลอิลมี่ ฟี้ลกุรอาน วัสสุนนะห์