๏ ปลายฝนต้นหนาวเมื่อคราวนี้ ฝนตกทุกวันที่ตะวันหาย
ไม่มีชิงพลบหลบเมฆไป
ด้วยฝนไล่ตามหาเวลาเย็น
โอ้อกเอ๋ยมองฝนอยู่คนเดียว ไม่มีใครหันเหลียวมาให้เห็น
ยืนมองฟ้ามืดอย่างลำเค็ญ
ไร้จันทร์งามเด่นมาหลายครา
มันซึมซบเศร้าราวกับโศก
ใจวิบวับขับโลกเคยหรรษา
อันความสุขเคยรุกบุกเข้ามา
ใยหนีหน้าห่างหายใจรอนรอน๚ ๛
๏ ฝนตกเหมือนท่วมท้น ชลนัยน์
น้ำท่วมเหนือหัวใจ ลดเลี้ยว
จะหลบหลีกทางไหน ยังยาก
ฝนหากตกเพียงเสี้ยว เท่าน้ำตานอง ฯ
๏ ลมเอยพัดยอกย้อน เหหวน
เสียงคร่ำดั่งใครครวญ หม่นไหม้
ทะเลซัดแรงรวน คลื่นกระหน่ำ
ใครเล่าทำซ้ำไว้ บดขยี้ที่แผล ฯ
๏เสียงฟ้าดังลั่นเปรี้ยง ราวปืน
ยืนอยู่ยังต้องฝืน เก่งกล้า
ลมพัดแรงทนยืน ให้อยู่
ไหล่ลู่ด้วยเหนื่อยล้า ทดท้อทนไหว ฯ
๏ ยามเรี่ยวแรงอ่อนล้า พลังใจ
มีมั่งไหมมีใคร ช่วยอุ้ม
จะทรงทรุดไม่ไหว ล้มคว่ำ
พึ่งพ่อแก้วช่วยคุ้ม ลูกนี้สักครา ๚ ๛
ไม่ได้ทดท้อดังโคลงนะคะ ว่างมากก็เลยร่ายซะหน่อย เลียนแบบดาราคุณ ส่องแสงตะวันฉาย ที่เขียนได้ทั้งโคลง กลอน และนิยายค่ะ
๐๐๐ ลมเอยพัดยอกย้อน........เหหวน ๐๐๐
ไม่มีชิงพลบหลบเมฆไป
ด้วยฝนไล่ตามหาเวลาเย็น
โอ้อกเอ๋ยมองฝนอยู่คนเดียว ไม่มีใครหันเหลียวมาให้เห็น
ยืนมองฟ้ามืดอย่างลำเค็ญ
ไร้จันทร์งามเด่นมาหลายครา
มันซึมซบเศร้าราวกับโศก
ใจวิบวับขับโลกเคยหรรษา
อันความสุขเคยรุกบุกเข้ามา
ใยหนีหน้าห่างหายใจรอนรอน๚ ๛
๏ ฝนตกเหมือนท่วมท้น ชลนัยน์
น้ำท่วมเหนือหัวใจ ลดเลี้ยว
จะหลบหลีกทางไหน ยังยาก
ฝนหากตกเพียงเสี้ยว เท่าน้ำตานอง ฯ
๏ ลมเอยพัดยอกย้อน เหหวน
เสียงคร่ำดั่งใครครวญ หม่นไหม้
ทะเลซัดแรงรวน คลื่นกระหน่ำ
ใครเล่าทำซ้ำไว้ บดขยี้ที่แผล ฯ
๏เสียงฟ้าดังลั่นเปรี้ยง ราวปืน
ยืนอยู่ยังต้องฝืน เก่งกล้า
ลมพัดแรงทนยืน ให้อยู่
ไหล่ลู่ด้วยเหนื่อยล้า ทดท้อทนไหว ฯ
๏ ยามเรี่ยวแรงอ่อนล้า พลังใจ
มีมั่งไหมมีใคร ช่วยอุ้ม
จะทรงทรุดไม่ไหว ล้มคว่ำ
พึ่งพ่อแก้วช่วยคุ้ม ลูกนี้สักครา ๚ ๛
ไม่ได้ทดท้อดังโคลงนะคะ ว่างมากก็เลยร่ายซะหน่อย เลียนแบบดาราคุณ ส่องแสงตะวันฉาย ที่เขียนได้ทั้งโคลง กลอน และนิยายค่ะ