สวัสดีคะ ครั้งแรกที่ได้เขียนเรื่องตัวเองเลย ^^" ปกติจะอ่านแต่เรื่องของคนอื่น ถ้าเขียนผิดยังไงต้องขอโทษด้วยนะคะ
เข้าเรื่องเลยละกันคะ...อาจจะยาวไปหน่อยนะคะ
เรากับแฟนคบกันเมื่อตอนอยู่มหาลัย ปี 1 จนตอนนี้ก็คบกันมานานได้เกือบ 8 ปีแล้วคะ เรา2คนเรียนที่เดียวกัน จบมาทำงานก็ทำงานที่เดียวกัน
เรา2คนคบกัน อยู่ด้วยกันตั้งแต่เรียนแล้วคะ ตอนที่ทำงานก็ซื้อบ้านอยู่ด้วยกัน(แต่ชื่อเป็นชื่อเรา) เรียกได้ว่าอยู่ด้วยกัน ตัวติดกันตลอดคะ
เรา2คนคบกัน ทางพ่อแม่ทั้ง2ฝ่ายก็รับรู้ทุกอย่างตั้งแต่สมัยเรียนแล้วคะ เราจะไปมาหาสู่ทางบ้านแฟนบ่อยในช่วงสมัยเรียน พ่อแม่แฟนเขาก็ใจดีไม่ดุอย่างที่เราคิด แต่จะมีแม่แฟนที่จะเป็นคนนิ่งๆทำให้เราไม่กล้าคุยด้วยก่อน (เหมือนเคมีไม่ตรงกัน..ทั้งๆที่เราเป็นคนเข้ากับผู้ใหญ่ง่าย)
ที่ผ่านมาเรา2คนได้คุยเรื่องงานแต่งงานกันมาตลอด แม่เราก็อยากให้เรารีบแต่งงานได้แล้ว คบกันมาก็นานมากแล้ว เราเป็นลูกคนเล็ก พี่ๆเขาแต่งกันหมดแล้ว เหลือเราคนเดียว

ส่วนแม่แฟนเราก็เคยมาคุยกับเราส่วนตัวว่าให้เริ่มเก็บเงินแต่งงานกันได้แล้วนะ..^^ เราก็รู้สึกว่าแม่คงเห็นเราเป็นคนในครอบครัวเขาแล้ว เลยรู้สึกดีมากคะ
แต่เรื่องมันไม่ได้ง่ายอย่างที่พูดเลยคะ T^T
การแต่งงานมันต้องมี เงิน ถึงจะแต่งได้คะ เรา2คนกับแฟนเลยตกลงกันไว้ว่าจะเริ่มเก็บเงินก้อนหลังจากที่ซื้อบ้านหลังนี้ด้วยกัน แบบว่าพอโบนัสออกก็เอาเงินที่เราจะเก็บแยกออกมา คิดไว้ว่า 2-3 ปีน่าจะมีเงินเก็บครบมากกว่า 2 แสน
แต่เอาเข้าจริง พอถึงเวลาที่เงินเดือนออก ทุกคนคงจะเป็นเหมือนกัน ต้องจ่ายหนี้สินที่เราต่างคนต่างมีให้มันหมด ไหนจะค่าประกันรถ ค่าจิปาถะที่เราอยากได้ บางเดือนก็พยายามเลี่ยง
จนเราพอมีเงินเก็บอยู่บ้างได้มา แสนกว่า ^^
แต่แฟนนี่สิ เงินเก็บแทบไม่มีเลย ทั้งที่ไม่ได้เอาไปเที่ยวหรือใช้อะไรไร้สาระ คือเงินหมดเดือนชนเดือนตลอด
พอเราพูดถึงเรื่องสัญญาที่คุยกันไว้เรื่องแต่งงานขึ้นมา แฟนเราก็จะบอกแต่ว่า เงินมันไม่มีให้ทำยังไงละ ก็รู้กันอยู่ว่ามีรายจ่ายอะไรบ้างทั้งบ้าน+รถ+บัตรเครดิต+ช่วยที่บ้าน..
เราก็ไม่รู้จะทำยังไง คือเราก็พยายามเก็บเงินไปเรื่อยๆ ได้แต่มโนว่าแล้วเมื่อไหร่ชั้นจะมีวันที่ได้ใส่ชุดเจ้าสาวสวยๆ แบบคนอื่นเขาบ้าง
แล้วอีกอย่าง มันมีหลายเหตุการณ์ที่ทำให้เราคิด คือเราชอบคิดมาก..
1. อย่างเรื่องหมอดู มีคนเคยบอกว่าเรากับแฟน ไม่ใช่เนื้อคู่กัน อยู่ด้วยกัน เราจะเหนื่อย เขาจะสร้างแต่ปีญหาให้ >> อันนี้คือเราเคยปรึกษาแม่ แม่บอกว่าพ่อกับแม่ก็ไม่ใช่เนื้อคู่กัน ยังอยู่ด้วยกันจนมีลูกมาตั้งหลายปี ไม่ต้องไปคิดอะไรมากหรอก >> เราก็สบายที่แม่พูดแบบนี้ โอเคมันรู้สึกดีขึ้น
2. แม่เราเคยคุยกับแม่แฟนเราตรงๆว่า อยากให้แต่งงานกันได้แล้ว ทางบ้านเราไม่เรียกร้องอะไรมาก เอาแค่พิธีง่ายๆ ชวนเฉพาะญาติๆสนิทก็พอ
แต่แม่แฟนเรากลับบอกมาว่าทางบ้านแฟนยังไม่พร้อม อยากให้ปล่อยไปก่อนสักระยะแล้วค่อยว่ากันใหม่ >> ตอนนั้นเรานั่งอยู่ในวงสนทนา เรารู้สึกหน้าหงาย เหมือนคนไร้ค่ามาก

คือทั้งๆที่บ้านเราไม่ได้เรียกร้องอะไรเลย เหมือนเอาตัวเราประเคนให้บ้านนั้นแล้ว เขายังบอกว่าไม่พร้อม >> เรารู้สึกแย่มาก
3. แฟนเราไม่เคยเอ่ยปากพูดถึงเรื่องแต่งงานเลย เงินเก็บไม่เคยเห็นว่าจะเพิ่มเรื่อยๆ เงินเดือนออกทีไรก็ต้องช่วยที่บ้านตลอด
เราเคยที่จะเลิกกับเขา แต่ด้วยอะไรหลายอย่างที่ทำให้ตัดไม่ได้
- บ้านที่ซื้อด้วยกัน(กู้ร่วม)
- ทำงานที่เดียวกัน เลิกกัน ก็มีปัญหาเรื่องงานมาเกี่ยวให้ลำบากอีก
เราพยายามคิดมาตลอดว่า คนเราคบกันไม่จำเป็นต้องแต่งงานกันก็ได้
แต่ด้วยความที่ทางบ้านเราจะค่อนข้างหัวโบราณ คือแต่งงานให้เป็นพิธี เพื่อให้พ่อแม่สบายใจว่าเรามีครอบครัวแล้วก็พอ มีคนที่ดูแลเราได้ เขาจะได้ไม่ห่วงเรา
แต่อีกฝั่งนึงทางบ้านแฟนเขาก็ไม่ค่อยจะพูดเรื่องนี้กันสักเท่าไหร่ พ่อกับแม่แฟนเขาก็มีงานที่ต้องทำ ด้วยความที่เป็นคนมีหน้ามีตาของจังหวัด เลยไม่มีเวลามาคิดเรื่องแบบนี้ของเด็กๆ
เลยอยากจะมาปรึกษาว่าถ้ามีคนที่เจอเหตุการณ์แบบเราจะทำยังไงคะ
หรือว่าจริงๆแล้ว เรา2คนรักกัน อยู่ด้วยกัน มีความสุขในทุกๆวันแค่นี้มันก็พอแล้ว
การแต่งงานตามธรรมเนียมไทยมันก็ไม่จำเป็นแล้วหรือเปล่า??
อยากรู้การแต่งงานมันจำเป็นมั้ยคะ คบกันมานานแต่มีปัญหาให้แต่งกันไม่ได้ซะที
เข้าเรื่องเลยละกันคะ...อาจจะยาวไปหน่อยนะคะ
เรากับแฟนคบกันเมื่อตอนอยู่มหาลัย ปี 1 จนตอนนี้ก็คบกันมานานได้เกือบ 8 ปีแล้วคะ เรา2คนเรียนที่เดียวกัน จบมาทำงานก็ทำงานที่เดียวกัน
เรา2คนคบกัน อยู่ด้วยกันตั้งแต่เรียนแล้วคะ ตอนที่ทำงานก็ซื้อบ้านอยู่ด้วยกัน(แต่ชื่อเป็นชื่อเรา) เรียกได้ว่าอยู่ด้วยกัน ตัวติดกันตลอดคะ
เรา2คนคบกัน ทางพ่อแม่ทั้ง2ฝ่ายก็รับรู้ทุกอย่างตั้งแต่สมัยเรียนแล้วคะ เราจะไปมาหาสู่ทางบ้านแฟนบ่อยในช่วงสมัยเรียน พ่อแม่แฟนเขาก็ใจดีไม่ดุอย่างที่เราคิด แต่จะมีแม่แฟนที่จะเป็นคนนิ่งๆทำให้เราไม่กล้าคุยด้วยก่อน (เหมือนเคมีไม่ตรงกัน..ทั้งๆที่เราเป็นคนเข้ากับผู้ใหญ่ง่าย)
ที่ผ่านมาเรา2คนได้คุยเรื่องงานแต่งงานกันมาตลอด แม่เราก็อยากให้เรารีบแต่งงานได้แล้ว คบกันมาก็นานมากแล้ว เราเป็นลูกคนเล็ก พี่ๆเขาแต่งกันหมดแล้ว เหลือเราคนเดียว
ส่วนแม่แฟนเราก็เคยมาคุยกับเราส่วนตัวว่าให้เริ่มเก็บเงินแต่งงานกันได้แล้วนะ..^^ เราก็รู้สึกว่าแม่คงเห็นเราเป็นคนในครอบครัวเขาแล้ว เลยรู้สึกดีมากคะ
แต่เรื่องมันไม่ได้ง่ายอย่างที่พูดเลยคะ T^T
การแต่งงานมันต้องมี เงิน ถึงจะแต่งได้คะ เรา2คนกับแฟนเลยตกลงกันไว้ว่าจะเริ่มเก็บเงินก้อนหลังจากที่ซื้อบ้านหลังนี้ด้วยกัน แบบว่าพอโบนัสออกก็เอาเงินที่เราจะเก็บแยกออกมา คิดไว้ว่า 2-3 ปีน่าจะมีเงินเก็บครบมากกว่า 2 แสน
แต่เอาเข้าจริง พอถึงเวลาที่เงินเดือนออก ทุกคนคงจะเป็นเหมือนกัน ต้องจ่ายหนี้สินที่เราต่างคนต่างมีให้มันหมด ไหนจะค่าประกันรถ ค่าจิปาถะที่เราอยากได้ บางเดือนก็พยายามเลี่ยง
จนเราพอมีเงินเก็บอยู่บ้างได้มา แสนกว่า ^^
แต่แฟนนี่สิ เงินเก็บแทบไม่มีเลย ทั้งที่ไม่ได้เอาไปเที่ยวหรือใช้อะไรไร้สาระ คือเงินหมดเดือนชนเดือนตลอด
พอเราพูดถึงเรื่องสัญญาที่คุยกันไว้เรื่องแต่งงานขึ้นมา แฟนเราก็จะบอกแต่ว่า เงินมันไม่มีให้ทำยังไงละ ก็รู้กันอยู่ว่ามีรายจ่ายอะไรบ้างทั้งบ้าน+รถ+บัตรเครดิต+ช่วยที่บ้าน..
เราก็ไม่รู้จะทำยังไง คือเราก็พยายามเก็บเงินไปเรื่อยๆ ได้แต่มโนว่าแล้วเมื่อไหร่ชั้นจะมีวันที่ได้ใส่ชุดเจ้าสาวสวยๆ แบบคนอื่นเขาบ้าง
แล้วอีกอย่าง มันมีหลายเหตุการณ์ที่ทำให้เราคิด คือเราชอบคิดมาก..
1. อย่างเรื่องหมอดู มีคนเคยบอกว่าเรากับแฟน ไม่ใช่เนื้อคู่กัน อยู่ด้วยกัน เราจะเหนื่อย เขาจะสร้างแต่ปีญหาให้ >> อันนี้คือเราเคยปรึกษาแม่ แม่บอกว่าพ่อกับแม่ก็ไม่ใช่เนื้อคู่กัน ยังอยู่ด้วยกันจนมีลูกมาตั้งหลายปี ไม่ต้องไปคิดอะไรมากหรอก >> เราก็สบายที่แม่พูดแบบนี้ โอเคมันรู้สึกดีขึ้น
2. แม่เราเคยคุยกับแม่แฟนเราตรงๆว่า อยากให้แต่งงานกันได้แล้ว ทางบ้านเราไม่เรียกร้องอะไรมาก เอาแค่พิธีง่ายๆ ชวนเฉพาะญาติๆสนิทก็พอ
แต่แม่แฟนเรากลับบอกมาว่าทางบ้านแฟนยังไม่พร้อม อยากให้ปล่อยไปก่อนสักระยะแล้วค่อยว่ากันใหม่ >> ตอนนั้นเรานั่งอยู่ในวงสนทนา เรารู้สึกหน้าหงาย เหมือนคนไร้ค่ามาก
3. แฟนเราไม่เคยเอ่ยปากพูดถึงเรื่องแต่งงานเลย เงินเก็บไม่เคยเห็นว่าจะเพิ่มเรื่อยๆ เงินเดือนออกทีไรก็ต้องช่วยที่บ้านตลอด
เราเคยที่จะเลิกกับเขา แต่ด้วยอะไรหลายอย่างที่ทำให้ตัดไม่ได้
- บ้านที่ซื้อด้วยกัน(กู้ร่วม)
- ทำงานที่เดียวกัน เลิกกัน ก็มีปัญหาเรื่องงานมาเกี่ยวให้ลำบากอีก
เราพยายามคิดมาตลอดว่า คนเราคบกันไม่จำเป็นต้องแต่งงานกันก็ได้
แต่ด้วยความที่ทางบ้านเราจะค่อนข้างหัวโบราณ คือแต่งงานให้เป็นพิธี เพื่อให้พ่อแม่สบายใจว่าเรามีครอบครัวแล้วก็พอ มีคนที่ดูแลเราได้ เขาจะได้ไม่ห่วงเรา
แต่อีกฝั่งนึงทางบ้านแฟนเขาก็ไม่ค่อยจะพูดเรื่องนี้กันสักเท่าไหร่ พ่อกับแม่แฟนเขาก็มีงานที่ต้องทำ ด้วยความที่เป็นคนมีหน้ามีตาของจังหวัด เลยไม่มีเวลามาคิดเรื่องแบบนี้ของเด็กๆ
เลยอยากจะมาปรึกษาว่าถ้ามีคนที่เจอเหตุการณ์แบบเราจะทำยังไงคะ
หรือว่าจริงๆแล้ว เรา2คนรักกัน อยู่ด้วยกัน มีความสุขในทุกๆวันแค่นี้มันก็พอแล้ว
การแต่งงานตามธรรมเนียมไทยมันก็ไม่จำเป็นแล้วหรือเปล่า??