สมัครPantipไว้นานแล้วครับ ไม่เคยคิดว่าจะได้ตั้งกระทู้กับเขาบ้าง
ต้องบอกก่อนว่าไม่ได้ยืมLOGINใครมานะครับ เป็นของผมเอง(ผมเห็นประโยคทำนองนี้ยอดฮิตเลยอยากตามกระแสบ้าง 555)
และรับรองได้ว่าการเล่าหรือถามจะไม่มีพักเบรค ป้อนข้าวลูก อาบน้ำหมา ง่วง อ่านหนังสือ ไปตลาด จั่วไพ่ ตีไก่ บีบสิวให้แฟน มาขัดจังหวะอย่างแน่นอน
เริ่มเรื่องกันเลย ผมรู้จัก+ชอบ+รักน้องคนหนึ่งมาระยะเวลา 6 ปีกว่าครับ วันแรกที่พบกันผมก็เดินเข้าไปบอกเลยว่าชอบ
และรู้สึกดีด้วย ขอคุยด้วยได้ไหม น้องก็บอกผมว่าน้องมีแฟนแล้วเป็นพี่เป็นน้องกันแหละดีแล้ว พอน้องพูดอย่างนั้นผมก็เหมือนไม่รับรู้
ในคำพูดของน้อง หรือเรียกว่า "หูทวนลม" ผมยังเดินหน้าแบบด้านๆครับจีบครับ ตีมึน โทรคุย ข้อความหา ชวนน้องไปทำอาสาบ้าง เนียนๆชวนไปเที่ยวเป็นกลุ่มอยู่เป็นประจำ แต่คนรอบตัวไม่มีใครทราบนะครับว่าผมจีบน้องชอบน้องเขา
ผมคิดว่าน้องรู้คนเดียวพอแล้วว่าผมชอบ ผมทำทุกอย่าง ทุกวิธี ที่จะให้เขาชอบและเป็นแฟนกับผมให้ได้ แต่ผมไม่ได้คิดแค่เป็นแฟนนะครับ
ผมคิดไกลไปถึงสร้างครอบครัว ทำธุรกิจด้วยกัน เดินไปด้วยกันจนแก่เฒ่าและตายจากกันไป และผมสัญญาว่าจะดูแลเขาตลอดไป
ไม่ว่าจะสถานะอะไรก็ตาม
ไม่นานครับ น้องก็มีปัญหากับแฟนก็มาปรึกษาผม ผมก็ให้คำปรึกษาแบบให้เขาใจเย็น อดทน ชีวิตรักจะได้ยืนยาว ผมไม่เคยคิดให้เขาเลิกกัน
โดยวิธีสกปรก ยุแยงเลยครับ เพราะผมคิดว่าคนที่เรารักและชอบมีความสุขผมก็เป็นสุขมีความสุขมากแล้ว ตลอดระยะ 1 ปีแรกที่รู้จักกันระหว่างน้อง
กับผมน้องชีวิตดราม่าเรื่องแฟนตลอด สุดท้ายน้องก็ตัดใจเลิกกับแฟน ตอนนั้นครับผมปลอบ ผมอยู่ด้วย ลึกๆแล้วผมคิดในใจเลยว่า โอกาสของข้ามาแล้ว
น้องจะต้องเปิดใจรักเราบ้าง ผมก็เว้นระยะไว้ซักพักหนึ่ง (3 วัน) 555 ผมก็ไปเนียนๆกับน้องว่า "ผมยินดีรักษาแผลใจ ยินดีอยู่ข้างๆกัน ลองศึกษากันไปไหม" คำตอบคือ ..... ตอนนี้ไม่อยากมีใคร ยังรู้สึกเจ็บในความรู้สึกอยู่ ... ผมก็ยิ้มสู้ครับ อย่างน้อยน้องก็ไม่อยากมีใคร ผมบอกเลยครับผมเสมอต้นเสมอปลายมากๆ บ้านผมกับหอพักมหาลัยของน้องห่างกันประมาณ 60 กิโลได้ครับ แต่ผมก็สู้เฝ้ามาหา มาคุย กินข้าว ดูหนัง เดินเล่น เกือบทุกวัน
เว้นแต่วันไหนงานยุ่ง มีงานก็จะโทรคุยโทรบอก แต่ไม่นานครับน้องก็มาบอกผมว่าตอนนี้กลับไปคุยกับแฟนเก่ากว่า(แฟนเก่าคือคนที่เลิกกันไปก่อนหน้าคนนี้หนะครับ) และก็คบหากัน น้องให้เหตุผลว่ารู้สึกผิดที่เคยทิ้งคนเก่า(กว่า)มาคบกับคนเก่าที่เพิ่งเลิกไป ตอนนั้นผมพูดกับน้องว่าอะไรที่ทำแล้วมีความสุข
ก็ทำเถอะพี่ยินดีด้วย แต่ในใจนะครับ "อ้าว...แล้วกูหละ ไม่กี่วันที่แล้วบอกกูว่าไม่อยากมีใคร" ผมก็ได้แต่คิดในใจแหละครับ แต่ผมก็ทำหน้าที่ของผมเหมือนเดิมครับ นอกเสียจากว่าน้องเขาไปกับแฟนเขา ผมอาศัยการตีเนียนชวนไปเป็นกลุ่ม ชวนไปทำธุระด้วยกัน ผมช่วยน้องทำงานเรื่องการเรียนบ้าง (บางครั้งผมก็คิดนะครับ ผมนี่แหละแฟนตัวจริง แม้ไม่ได้มีอะไรกัน แต่ผมจับมือบ้างในสถานการณ์เหมาะสม หอมมือบ้าง จนเลยเถิดหอมแก้ม กอดแน่นๆบ้าง)
ผมใช้ชีวิตแบบนี้ตลอดระยะเวลา 3-4 ปี น้องก็มีแฟนเลิกและคบผมก็ดูแล ปลอบ ให้ข้อคิดทุกอย่าง ตลอด 7 คนที่ผ่านมา ผมก็ยังอดทนเฝ้ารอครับ
ว่าซักวันจะเป็นวันของเราบ้าง แล้วมันก็มาถึงครับมีข้อความมาประมาณว่า "ไม่อยากเป็นแบบนี้แล้ว"อยากเป็นแฟนกันจะได้ไหม คำตอบผมด้วยความเร็ว
สูง ตอบตกลงทันที แต่ทุกอย่างผมก็ทำเหมือนเดิมนะครับ ไม่ได้เกินเลยกว่าเก่าเลย ไม่ได้บอกใครด้วย ทำตัวตามปกติ แต่แค่ผมดูแลครอบครัวเขามากขึ้นด้วย(ในเรื่องที่ผมทำได้ ช่วยได้) ผมรู้จักครอบครัวน้องเขาทั้งตระกูล สนิทสนมเลยก็ว่าได้ และผมก็คิดว่าทางครอบครัวเขาก็ทราบครับว่าเราเป็นอะไรกัน ซึ่งความจริงการรู้จักครอบครัวของน้องผมก็รู้จักมาซักระยะหนึ่งแล้วรู้จักตั้งแต่น้องคบกับบรรดาแฟนเก่าของน้อง ซึ่งคนที่น้องคบหาไม่มีใครรู้จัก
ครอบครัวน้องเลยครับ
หลังจากที่น้องกับผมเป็นแฟนกันได้ 5 วัน น้องก็เดินทางไปเที่ยวต่างประเทศ ช่วงนั้นผมอยู่กับที่บ้านของน้องเพราะมาช่วยทำธุระใหญ่พอควร
น้องไปต่างประเทศก็ติดต่อไม่ได้ครับ ผมเมลล์ไปก็ไม่ตอบ ระยะเวลา 5-6 วันที่น้องเดินทางได้คุยกันครั้งเดียวโดยคุยรวมกับที่บ้านของน้อง ในใจผม
ตอนนั้นน้อยใจ นอยด์ๆ แต่ก็ได้แค่บอกว่าดูแลตัวเองดีๆนะ เที่ยวให้สนุก ไม่ต้องห่วงที่บ้านช่วยดูให้อยู่ พอน้องกลับจาก ตปท. น้องก็ตึงๆใส่ผม
โดยผมสังเกตและรู้สึกได้ สุดท้ายน้องก็บอกผมว่าเป็นแค่พี่น้องกันเถอะ ยังไม่พร้อมมีใครจริงๆ .... ผมนี่ อ้าววววววว น้ำตาไหลเลยครับ ไหลแบบพูดไม่ออก ซึ่งขณะนั้นผมก็ยังอยู่บ้านน้องเขานะ ผมนอนไม่หลับทั้งคืนเลยคิดหัวจะระเบิด ว่า ทำไม ทำไม เพราะอะไรเราไม่ดีตรงไหน ทำผิดอะไร
แต่ไม่ได้คำตอบครับ เช้ามาผมก็ไปทำธุระกับที่บ้านน้องครับ กลับมาก็เย็นเลย ทีแรก PLAN ว่าจะขับรถกลับหลังจากเสร็จงาน ผมลางานมา 1 อาทิตย์ มาทำธุระให้บ้านน้องเขา แต่ตอนกลับน้องบอกว่าไม่กลับด้วยนะ กลับไปก่อน ผมเลยขับกลับคนเดียวครับ 8 -9 ชั่วโมง ผมขับรถด้วยสติอันน้อยนิด น้ำตาไหล สลับซึมตลอดทาง จนถึง กทม. และผมก็ไปทำงานต่อเลยในสภาพทรุดโทรม แต่ผมยังยิ้มสู้ ผมยังคิดว่าผมจะต้องเอาน้องกลับมาเป็นของผมให้ได้ ผมทำตัวเหมือนเดิมทุกอย่าง โทรหา พาไปกินข้าว ดูหนัง เดินเล่น ซื้อของ แต่ในสถานะเดิมนะครับ "พี่น้อง" กันเท่านั้น อีก 3-4 เดือนต่อมาขณะที่ผมยังทำตัวเหมือนเดิมน้องก็มาบอกผมว่ามีแฟนนะ ผมก็ได้แต่ถอยมา 1 ก้าว ให้เกียรติน้องและแฟนของน้องให้ได้มีเวลาศึกษากัน 1 ปีกว่าน้องก็มีแฟนอีก 3 คน มีคนคุยด้วยอีกหลายคน (ปกติน้องมีคนมาจีบเยอะพอควร_จะว่าไปผมก็มีนะครับแต่ผมเลือกไม่คุยด้วยเพราะผมรักน้องเขาจริงๆ) ทุกเรื่องของแฟนของน้องทุกข์ สุข เลว ดี ร้าย ผมรับรู้หมดเสมือนเป็นผู้ปกครองของน้องครับ (เรื่องบนเตียงผมก็รับรู้ ก็ได้แต่คอยเตือนคอยบอกว่าต้องป้องกัน ต้องรักตัวเองมากๆ อย่าเสี่ยง อย่าให้อารมณ์สร้างปัญหาในอนาคต+++) และเกือบทุกครั้งเช่นกันที่ผมมักจะจับได้ก่อนน้องว่าแฟนของน้องที่คบๆกับน้องมีคนอื่น ผมก็ไม่ได้บอกตรงๆครับ แต่พยายามทำให้เขารู้ว่าให้ไปที่นี่ซิ ดูตรงนี้ แล้วให้น้องเอ่ยปากปรึกษาผมเอง ผมถึงจะบอกถึงชี้แจง ซึ่งเป็นแบบนี้มาเกือบทุกคน
พักหลังน้องมีแฟนคนล่าสุด ผมก็อยู่ในที่ของผมแต่เหมือนก้าวออกมา 3 ก้าวครับ ผมไม่ได้ทำตัวเหมือนก่อน ผมมีปัญหาที่บ้านนิดหน่อย ทั้งธุรกิจที่บ้าน คุณแม่ไม่สบาย บางครั้งอาทิตย์นึงได้เจอน้อง 1 ครั้ง แต่ผมยังคุย ยังแสดงความเป็นห่วงทุกวันครับ กับที่บ้านน้องผมยังเสมือนเป็นลูกของที่บ้านของน้องผมโทรคุย ส่งของไปให้ตามปกติ แต่กับน้องไม่ค่อยได้คุย เป็นอย่างนี้เกือบ 1 ปี น้องก็มาบ่นน้อยใจบ้างที่ผมไม่มีเวลาให้ ไม่มาคุยด้วย แต่น้องก็มาให้กำลังใจผมบ้าง แต่ที่ผมเงียบจากน้องผมไม่ได้รักน้องเขาน้อยลงเลยนะครับ ผมยังเป็นห่วง แต่เพราะว่าน้องเขาก็มีแฟน ผมมีภารกิจที่ต้องทำให้ที่บ้าน ประจวบกับเปลี่ยนงานใหม่ ตำแหน่งงานสูงกว่าเดิมมากกก ผมเลยยุ่งรัดตัวมีคนที่ทำงานเข้ามาคุยกับผมแต่ผมไม่ได้สนใจเพราะผมรักน้องเขาจริงๆครับ รักแบบไม่เคยคิดรักใครได้อีกเลย มีอยู่ครั้งหนึ่งได้มีโอกาสคุยกับทางบ้านน้อง พ่อแม่น้องพูดกับผมว่า "เมื่อไหร่จะมาขอน้องซักทีหละ" ผมนี่อึ้งเลย แต่ผมก็ตอบพ่อแม่น้องเขาไปว่าน้องเขาไม่ได้รักผม น้องเขามีแฟนแล้วผมกับน้องไม่ได้เป็นแฟนกัน ก่อนที่ผมจะไปขอน้องคงต้องรอให้น้องหันมามองและรักผมก่อน
จนเมื่อสองเดือนที่แล้วทุกอย่างลงตัวหมดแล้วงานผมเข้าที่เข้าทางปัญหาที่บ้านคลี่คลาย ทางน้องเองก็เลิกกับแฟนเรียบร้อย ผมก็เดินเข้าหาน้องเลยครับ 4 ก้าว(ประชิดตัวจู่โจม) ผมก็ทำเหมือนที่เคยทำดูแล ใส่ใจ เวลาทำงานก็คุยกันบ้าง เช้า กลางวัน เย็น น้องก็บ่นๆ(ออกตัว)ว่าไม่อยากมีแฟน เริ่มปลงกับชีวิตคู่ แต่ผมก็ไม่หยุดครับ ที่ผ่านมาหน้าด้าน ตีลูกมึนมาตลอดจะยอมเหรอ ประจวบเหมาะผมก็เลยบอกน้องไปว่า "มาสร้างครอบครัวกันเถอะ พี่อยากมีคนเดินไปด้วยกัน พี่อยากมีสถานะในการดูแลน้อง ดูแลครอบครัวน้อง พี่ไม่อยากอยู่ในสถานะที่ไม่มีตัวตนแบบนี้ พี่อยากมีครอบครัวมีแฟนมีคนรักมีชีวิตคู่" สุดท้ายน้องก็ตกลงครับ ผมไม่ได้ดีใจอะไรเลยนะครับผมเฉยๆได้แต่บอกว่าขอบคุณมากๆที่ยังไว้ใจกัน ........ เรื่องราวทั้งหมด ปัญหามันมีอยู่ว่า ผมรักน้องเขามากๆอยู่แล้ว ไม่น้อยลงเลยครับ ไม่เคยคิดในเรื่องอดีตของน้องว่าจะมีแฟนกี่คน ทำร้ายผมมามากขนาดไหน(บางเรื่องที่ผมโดนกระทำแบบหดหู่ แบบเจียนตายผมไม่ได้เล่าให้ทราบนะครับ) บางครั้งก็ตอบไม่ได้ด้วยว่ารักชอบตรงไหน สรุปว่าชอบและรักอยากสร้างครอบครัวด้วยละกันครับ แหะ แหะ แต่ตลอดระยะเวลาที่เป็นแฟนกัน ผมไปนอนที่คอนโดกับน้องบ้าง นอนที่บ้านผมบ้างสลับกันไป แต่ผมรู้สึกว่าผมเหงามากๆครับ เหมือนผมไม่มีแฟน เหมือนน้องไม่ได้รักผมทั้งที่ไม่เคยทะเลาะกันเลย ทำไมผมถึงคิดแบบนั้นเพราะว่า ผมถามน้องแทบทุกวันว่ารักผมบ้างไหมน้องก็ไม่เคยตอบ บางครั้งหงุดหงิดใส่ อยู่ด้วยกันก็ตัวใครตัวมันเลยครับผมพยายามไม่เอางานกลับมาทำเพื่ออยากเจ๊าะแจ๊ะ(อ้อน+หยอก+เล่น)น้องเขาบ้าง แต่น้องอยู่กับโทรศัพท์ โทรทัศน์ เตียงนอน ตู้เย็น ยิ่งเวลานอนผมจะไม่กวนเลยเพราะผมอยากให้พักเยอะๆทำงานมาเหนื่อยๆเครียดๆ ผมก็ได้แต่หอมแต่กอดให้รู้สึกว่าตัวเองอบอุ่น+มีความสุขก็เท่านั้นครับ(แต่ 2 นาทีน้องก็เอาตัวออก) ซึ่งน้องไม่เคยกอดผมหากผมไม่เอามือน้องมากอดผมเอง น้องไม่เคยหอมผม น้องไม่เคยป้อนอะไรใส่ปากให้ผม น้องไม่เคยบอกห่วงผมหรือแสดงอาการแคร์ผม ไม่มีเซอร์ไพร์ทอะไรทั้งสิ้น(แต่กับแฟนน้องทุกคนที่ผ่านมาน้องทำเซอร์ไพร์ทตลอดและผมจะมีส่วนช่วยให้เซอร์ไพร์ทประสบผลสำเร็จ) น้องไม่มีอาการดีใจในการซื้อของมาให้ของผม ทั้งที่สิ่งที่ซื้อมาคือสิ่งที่น้องเขาต้องการ ราคาสูง อาทิเช่น กระเป๋า รถยนต์ป้ายแดง น้องไม่ให้บอกที่บ้านไม่ให้บอกคนรอบข้าง รอบตัว ว่าเป็นอะไรกัน ผมจึงมีความรู้สึกว่าผมเป็นแฟนน้องแค่ในคอนโดส่วนตัว ในห้องนอนผม ในกล่องข้อความ ในไลน์ ผมห้ามแสดงตัวต่อหน้าคนที่น้องเขารู้จักทั้งที่ทำงานและเพื่อนเก่า ถ้าบังเอิญให้บอกว่าพี่ชาย สิ่งสำคัญก็คือห้ามหวาดระแวง เวลาน้องเขาคุยกับบรรดาแฟนเก่าๆ (น้องบอกผมว่าให้เชื่อใจเขาแฟนเก่าก็คือแฟนเก่าคุยกันก็เพราะว่าเคยรู้จักกันไม่มีอะไร) ผมไม่มีสิทธิ์ในโทรศัพท์ของน้องเขา ห้ามหยิบมาอ่านมาเปิดดูและห้ามรับเด็ดขาดเพราะจะทำให้รู้ว่าอยู่ด้วยกัน แต่โทรศัพท์ผม น้องสามารถทำได้ทุกอย่างลบเพื่อนได้ ตอบข้อความได้(ยกเว้นเรื่องงาน) บัญชีธนาคารน้องรู้รหัสทั้งหมดทั้งบัตร และไอแบงก์กิ้ง
ตวามจริงผมรู้ทั้งหมดในตัวน้องนะครับ แต่น้องแค่ไม่รู้ครับว่าผมรู้ถ้าไม่คลางแคลงใจจริงๆผมจะไม่เข้าไปดูไปอ่านอะไรทั้งสิ้น เพราะผมถือคติว่าทุกคนต้องมีพื้นที่ส่วนตัวและลดปัญหาอะไรที่รับรู้แล้วเป็นทุกข์ก็อย่าไปรู้มันเลย(แม้บางทีจะเหมือนคนโง่บ้างก็ตาม) และแน่นอนครับจวบจนทุกวันนี้แม้อยู่ด้วยกันเกือบทุกคืนผมก็ยังไม่ได้อธิปไตยน้องเขาเลย (ใช่ว่าผมไม่มีอารมณ์นะครับ ผมชักธงพร้อมรบทุกวันแต่น้องไม่ยอมเสียเอกราชเลยครับ) บางครั้งผมบุกกำลังจะผ่านด่านเจดีย์สามองค์เข้าไปเอาเอกราชแล้วแต่น้องเขาตีผมเบา 3 ทีเป็นการเตือนให้หยุด ผมก็ไม่ฝืนครับ ผมก็ได้แต่นอนปวดธงรบที่ไม่ได้เอาไปปักทั้งคืนตามระเบียบไป แต่ผมก็ไม่ได้ซีเรียสเรื่องบนเตียงเท่าไหร่ถือซะว่ารอให้พร้อม รอให้มีความสุขทั้งคู่ละกัน ..... !!!
สาเหตุที่ผมมาตั้งกระทู้เพราะอยากทราบว่าใครเคยเจอเหตุการณ์แบบผมบ้างไหมครับ เป็นแฟนกันใช้ชีวิตร่วมกัน แต่ทำไมผมรู้สึกว่าอีกฝ่ายไม่ได้รัก ไม่ได้อยากมีชีวิตคู่กับผม ไม่ได้อยากเดินไปด้วยกันเลย หรือว่าผมคิดมากไปเอง มันอาจเป็นปกติกับชีวิตคู่ (แต่นี่เพิ่งตกลงเป็นแฟน+เดินไปด้วยกันเอง ถ้าแบบอยู่กันนานมากๆอาจมีเบื่อบ้าง) ผมอ่อนโลกเรื่องความรักมากครับ ไม่ค่อยได้รักใครด้วยครับ(หลายคนบอกว่าไม่รักตัวเองด้วย) หรือว่าผมควรทำเช่นไร หรือว่าผมตาบอดหูหนวกสิ่งไหนในโลกไปบ้างก็ขอได้โปรดเสนอแนะให้ผมได้กลับไปคิดด้วยครับ
ขอบพระคุณมา ณ โอกาสนี้ครับ
"ขอให้ทุกท่านพบเจอในรักดังที่ปรารถนาและมีความสุขตลอดไปครับ"
มีสถานะเป็นแฟนกัน แต่ทำไมรู้สึกเหมือนเขาไม่ได้รักเราตั้งแต่แรก เคยเป็นหรือรู้สึกแบบเดียวกันไหมครับ!!!
ต้องบอกก่อนว่าไม่ได้ยืมLOGINใครมานะครับ เป็นของผมเอง(ผมเห็นประโยคทำนองนี้ยอดฮิตเลยอยากตามกระแสบ้าง 555)
และรับรองได้ว่าการเล่าหรือถามจะไม่มีพักเบรค ป้อนข้าวลูก อาบน้ำหมา ง่วง อ่านหนังสือ ไปตลาด จั่วไพ่ ตีไก่ บีบสิวให้แฟน มาขัดจังหวะอย่างแน่นอน
เริ่มเรื่องกันเลย ผมรู้จัก+ชอบ+รักน้องคนหนึ่งมาระยะเวลา 6 ปีกว่าครับ วันแรกที่พบกันผมก็เดินเข้าไปบอกเลยว่าชอบ
และรู้สึกดีด้วย ขอคุยด้วยได้ไหม น้องก็บอกผมว่าน้องมีแฟนแล้วเป็นพี่เป็นน้องกันแหละดีแล้ว พอน้องพูดอย่างนั้นผมก็เหมือนไม่รับรู้
ในคำพูดของน้อง หรือเรียกว่า "หูทวนลม" ผมยังเดินหน้าแบบด้านๆครับจีบครับ ตีมึน โทรคุย ข้อความหา ชวนน้องไปทำอาสาบ้าง เนียนๆชวนไปเที่ยวเป็นกลุ่มอยู่เป็นประจำ แต่คนรอบตัวไม่มีใครทราบนะครับว่าผมจีบน้องชอบน้องเขา
ผมคิดว่าน้องรู้คนเดียวพอแล้วว่าผมชอบ ผมทำทุกอย่าง ทุกวิธี ที่จะให้เขาชอบและเป็นแฟนกับผมให้ได้ แต่ผมไม่ได้คิดแค่เป็นแฟนนะครับ
ผมคิดไกลไปถึงสร้างครอบครัว ทำธุรกิจด้วยกัน เดินไปด้วยกันจนแก่เฒ่าและตายจากกันไป และผมสัญญาว่าจะดูแลเขาตลอดไป
ไม่ว่าจะสถานะอะไรก็ตาม
ไม่นานครับ น้องก็มีปัญหากับแฟนก็มาปรึกษาผม ผมก็ให้คำปรึกษาแบบให้เขาใจเย็น อดทน ชีวิตรักจะได้ยืนยาว ผมไม่เคยคิดให้เขาเลิกกัน
โดยวิธีสกปรก ยุแยงเลยครับ เพราะผมคิดว่าคนที่เรารักและชอบมีความสุขผมก็เป็นสุขมีความสุขมากแล้ว ตลอดระยะ 1 ปีแรกที่รู้จักกันระหว่างน้อง
กับผมน้องชีวิตดราม่าเรื่องแฟนตลอด สุดท้ายน้องก็ตัดใจเลิกกับแฟน ตอนนั้นครับผมปลอบ ผมอยู่ด้วย ลึกๆแล้วผมคิดในใจเลยว่า โอกาสของข้ามาแล้ว
น้องจะต้องเปิดใจรักเราบ้าง ผมก็เว้นระยะไว้ซักพักหนึ่ง (3 วัน) 555 ผมก็ไปเนียนๆกับน้องว่า "ผมยินดีรักษาแผลใจ ยินดีอยู่ข้างๆกัน ลองศึกษากันไปไหม" คำตอบคือ ..... ตอนนี้ไม่อยากมีใคร ยังรู้สึกเจ็บในความรู้สึกอยู่ ... ผมก็ยิ้มสู้ครับ อย่างน้อยน้องก็ไม่อยากมีใคร ผมบอกเลยครับผมเสมอต้นเสมอปลายมากๆ บ้านผมกับหอพักมหาลัยของน้องห่างกันประมาณ 60 กิโลได้ครับ แต่ผมก็สู้เฝ้ามาหา มาคุย กินข้าว ดูหนัง เดินเล่น เกือบทุกวัน
เว้นแต่วันไหนงานยุ่ง มีงานก็จะโทรคุยโทรบอก แต่ไม่นานครับน้องก็มาบอกผมว่าตอนนี้กลับไปคุยกับแฟนเก่ากว่า(แฟนเก่าคือคนที่เลิกกันไปก่อนหน้าคนนี้หนะครับ) และก็คบหากัน น้องให้เหตุผลว่ารู้สึกผิดที่เคยทิ้งคนเก่า(กว่า)มาคบกับคนเก่าที่เพิ่งเลิกไป ตอนนั้นผมพูดกับน้องว่าอะไรที่ทำแล้วมีความสุข
ก็ทำเถอะพี่ยินดีด้วย แต่ในใจนะครับ "อ้าว...แล้วกูหละ ไม่กี่วันที่แล้วบอกกูว่าไม่อยากมีใคร" ผมก็ได้แต่คิดในใจแหละครับ แต่ผมก็ทำหน้าที่ของผมเหมือนเดิมครับ นอกเสียจากว่าน้องเขาไปกับแฟนเขา ผมอาศัยการตีเนียนชวนไปเป็นกลุ่ม ชวนไปทำธุระด้วยกัน ผมช่วยน้องทำงานเรื่องการเรียนบ้าง (บางครั้งผมก็คิดนะครับ ผมนี่แหละแฟนตัวจริง แม้ไม่ได้มีอะไรกัน แต่ผมจับมือบ้างในสถานการณ์เหมาะสม หอมมือบ้าง จนเลยเถิดหอมแก้ม กอดแน่นๆบ้าง)
ผมใช้ชีวิตแบบนี้ตลอดระยะเวลา 3-4 ปี น้องก็มีแฟนเลิกและคบผมก็ดูแล ปลอบ ให้ข้อคิดทุกอย่าง ตลอด 7 คนที่ผ่านมา ผมก็ยังอดทนเฝ้ารอครับ
ว่าซักวันจะเป็นวันของเราบ้าง แล้วมันก็มาถึงครับมีข้อความมาประมาณว่า "ไม่อยากเป็นแบบนี้แล้ว"อยากเป็นแฟนกันจะได้ไหม คำตอบผมด้วยความเร็ว
สูง ตอบตกลงทันที แต่ทุกอย่างผมก็ทำเหมือนเดิมนะครับ ไม่ได้เกินเลยกว่าเก่าเลย ไม่ได้บอกใครด้วย ทำตัวตามปกติ แต่แค่ผมดูแลครอบครัวเขามากขึ้นด้วย(ในเรื่องที่ผมทำได้ ช่วยได้) ผมรู้จักครอบครัวน้องเขาทั้งตระกูล สนิทสนมเลยก็ว่าได้ และผมก็คิดว่าทางครอบครัวเขาก็ทราบครับว่าเราเป็นอะไรกัน ซึ่งความจริงการรู้จักครอบครัวของน้องผมก็รู้จักมาซักระยะหนึ่งแล้วรู้จักตั้งแต่น้องคบกับบรรดาแฟนเก่าของน้อง ซึ่งคนที่น้องคบหาไม่มีใครรู้จัก
ครอบครัวน้องเลยครับ
หลังจากที่น้องกับผมเป็นแฟนกันได้ 5 วัน น้องก็เดินทางไปเที่ยวต่างประเทศ ช่วงนั้นผมอยู่กับที่บ้านของน้องเพราะมาช่วยทำธุระใหญ่พอควร
น้องไปต่างประเทศก็ติดต่อไม่ได้ครับ ผมเมลล์ไปก็ไม่ตอบ ระยะเวลา 5-6 วันที่น้องเดินทางได้คุยกันครั้งเดียวโดยคุยรวมกับที่บ้านของน้อง ในใจผม
ตอนนั้นน้อยใจ นอยด์ๆ แต่ก็ได้แค่บอกว่าดูแลตัวเองดีๆนะ เที่ยวให้สนุก ไม่ต้องห่วงที่บ้านช่วยดูให้อยู่ พอน้องกลับจาก ตปท. น้องก็ตึงๆใส่ผม
โดยผมสังเกตและรู้สึกได้ สุดท้ายน้องก็บอกผมว่าเป็นแค่พี่น้องกันเถอะ ยังไม่พร้อมมีใครจริงๆ .... ผมนี่ อ้าววววววว น้ำตาไหลเลยครับ ไหลแบบพูดไม่ออก ซึ่งขณะนั้นผมก็ยังอยู่บ้านน้องเขานะ ผมนอนไม่หลับทั้งคืนเลยคิดหัวจะระเบิด ว่า ทำไม ทำไม เพราะอะไรเราไม่ดีตรงไหน ทำผิดอะไร
แต่ไม่ได้คำตอบครับ เช้ามาผมก็ไปทำธุระกับที่บ้านน้องครับ กลับมาก็เย็นเลย ทีแรก PLAN ว่าจะขับรถกลับหลังจากเสร็จงาน ผมลางานมา 1 อาทิตย์ มาทำธุระให้บ้านน้องเขา แต่ตอนกลับน้องบอกว่าไม่กลับด้วยนะ กลับไปก่อน ผมเลยขับกลับคนเดียวครับ 8 -9 ชั่วโมง ผมขับรถด้วยสติอันน้อยนิด น้ำตาไหล สลับซึมตลอดทาง จนถึง กทม. และผมก็ไปทำงานต่อเลยในสภาพทรุดโทรม แต่ผมยังยิ้มสู้ ผมยังคิดว่าผมจะต้องเอาน้องกลับมาเป็นของผมให้ได้ ผมทำตัวเหมือนเดิมทุกอย่าง โทรหา พาไปกินข้าว ดูหนัง เดินเล่น ซื้อของ แต่ในสถานะเดิมนะครับ "พี่น้อง" กันเท่านั้น อีก 3-4 เดือนต่อมาขณะที่ผมยังทำตัวเหมือนเดิมน้องก็มาบอกผมว่ามีแฟนนะ ผมก็ได้แต่ถอยมา 1 ก้าว ให้เกียรติน้องและแฟนของน้องให้ได้มีเวลาศึกษากัน 1 ปีกว่าน้องก็มีแฟนอีก 3 คน มีคนคุยด้วยอีกหลายคน (ปกติน้องมีคนมาจีบเยอะพอควร_จะว่าไปผมก็มีนะครับแต่ผมเลือกไม่คุยด้วยเพราะผมรักน้องเขาจริงๆ) ทุกเรื่องของแฟนของน้องทุกข์ สุข เลว ดี ร้าย ผมรับรู้หมดเสมือนเป็นผู้ปกครองของน้องครับ (เรื่องบนเตียงผมก็รับรู้ ก็ได้แต่คอยเตือนคอยบอกว่าต้องป้องกัน ต้องรักตัวเองมากๆ อย่าเสี่ยง อย่าให้อารมณ์สร้างปัญหาในอนาคต+++) และเกือบทุกครั้งเช่นกันที่ผมมักจะจับได้ก่อนน้องว่าแฟนของน้องที่คบๆกับน้องมีคนอื่น ผมก็ไม่ได้บอกตรงๆครับ แต่พยายามทำให้เขารู้ว่าให้ไปที่นี่ซิ ดูตรงนี้ แล้วให้น้องเอ่ยปากปรึกษาผมเอง ผมถึงจะบอกถึงชี้แจง ซึ่งเป็นแบบนี้มาเกือบทุกคน
พักหลังน้องมีแฟนคนล่าสุด ผมก็อยู่ในที่ของผมแต่เหมือนก้าวออกมา 3 ก้าวครับ ผมไม่ได้ทำตัวเหมือนก่อน ผมมีปัญหาที่บ้านนิดหน่อย ทั้งธุรกิจที่บ้าน คุณแม่ไม่สบาย บางครั้งอาทิตย์นึงได้เจอน้อง 1 ครั้ง แต่ผมยังคุย ยังแสดงความเป็นห่วงทุกวันครับ กับที่บ้านน้องผมยังเสมือนเป็นลูกของที่บ้านของน้องผมโทรคุย ส่งของไปให้ตามปกติ แต่กับน้องไม่ค่อยได้คุย เป็นอย่างนี้เกือบ 1 ปี น้องก็มาบ่นน้อยใจบ้างที่ผมไม่มีเวลาให้ ไม่มาคุยด้วย แต่น้องก็มาให้กำลังใจผมบ้าง แต่ที่ผมเงียบจากน้องผมไม่ได้รักน้องเขาน้อยลงเลยนะครับ ผมยังเป็นห่วง แต่เพราะว่าน้องเขาก็มีแฟน ผมมีภารกิจที่ต้องทำให้ที่บ้าน ประจวบกับเปลี่ยนงานใหม่ ตำแหน่งงานสูงกว่าเดิมมากกก ผมเลยยุ่งรัดตัวมีคนที่ทำงานเข้ามาคุยกับผมแต่ผมไม่ได้สนใจเพราะผมรักน้องเขาจริงๆครับ รักแบบไม่เคยคิดรักใครได้อีกเลย มีอยู่ครั้งหนึ่งได้มีโอกาสคุยกับทางบ้านน้อง พ่อแม่น้องพูดกับผมว่า "เมื่อไหร่จะมาขอน้องซักทีหละ" ผมนี่อึ้งเลย แต่ผมก็ตอบพ่อแม่น้องเขาไปว่าน้องเขาไม่ได้รักผม น้องเขามีแฟนแล้วผมกับน้องไม่ได้เป็นแฟนกัน ก่อนที่ผมจะไปขอน้องคงต้องรอให้น้องหันมามองและรักผมก่อน
จนเมื่อสองเดือนที่แล้วทุกอย่างลงตัวหมดแล้วงานผมเข้าที่เข้าทางปัญหาที่บ้านคลี่คลาย ทางน้องเองก็เลิกกับแฟนเรียบร้อย ผมก็เดินเข้าหาน้องเลยครับ 4 ก้าว(ประชิดตัวจู่โจม) ผมก็ทำเหมือนที่เคยทำดูแล ใส่ใจ เวลาทำงานก็คุยกันบ้าง เช้า กลางวัน เย็น น้องก็บ่นๆ(ออกตัว)ว่าไม่อยากมีแฟน เริ่มปลงกับชีวิตคู่ แต่ผมก็ไม่หยุดครับ ที่ผ่านมาหน้าด้าน ตีลูกมึนมาตลอดจะยอมเหรอ ประจวบเหมาะผมก็เลยบอกน้องไปว่า "มาสร้างครอบครัวกันเถอะ พี่อยากมีคนเดินไปด้วยกัน พี่อยากมีสถานะในการดูแลน้อง ดูแลครอบครัวน้อง พี่ไม่อยากอยู่ในสถานะที่ไม่มีตัวตนแบบนี้ พี่อยากมีครอบครัวมีแฟนมีคนรักมีชีวิตคู่" สุดท้ายน้องก็ตกลงครับ ผมไม่ได้ดีใจอะไรเลยนะครับผมเฉยๆได้แต่บอกว่าขอบคุณมากๆที่ยังไว้ใจกัน ........ เรื่องราวทั้งหมด ปัญหามันมีอยู่ว่า ผมรักน้องเขามากๆอยู่แล้ว ไม่น้อยลงเลยครับ ไม่เคยคิดในเรื่องอดีตของน้องว่าจะมีแฟนกี่คน ทำร้ายผมมามากขนาดไหน(บางเรื่องที่ผมโดนกระทำแบบหดหู่ แบบเจียนตายผมไม่ได้เล่าให้ทราบนะครับ) บางครั้งก็ตอบไม่ได้ด้วยว่ารักชอบตรงไหน สรุปว่าชอบและรักอยากสร้างครอบครัวด้วยละกันครับ แหะ แหะ แต่ตลอดระยะเวลาที่เป็นแฟนกัน ผมไปนอนที่คอนโดกับน้องบ้าง นอนที่บ้านผมบ้างสลับกันไป แต่ผมรู้สึกว่าผมเหงามากๆครับ เหมือนผมไม่มีแฟน เหมือนน้องไม่ได้รักผมทั้งที่ไม่เคยทะเลาะกันเลย ทำไมผมถึงคิดแบบนั้นเพราะว่า ผมถามน้องแทบทุกวันว่ารักผมบ้างไหมน้องก็ไม่เคยตอบ บางครั้งหงุดหงิดใส่ อยู่ด้วยกันก็ตัวใครตัวมันเลยครับผมพยายามไม่เอางานกลับมาทำเพื่ออยากเจ๊าะแจ๊ะ(อ้อน+หยอก+เล่น)น้องเขาบ้าง แต่น้องอยู่กับโทรศัพท์ โทรทัศน์ เตียงนอน ตู้เย็น ยิ่งเวลานอนผมจะไม่กวนเลยเพราะผมอยากให้พักเยอะๆทำงานมาเหนื่อยๆเครียดๆ ผมก็ได้แต่หอมแต่กอดให้รู้สึกว่าตัวเองอบอุ่น+มีความสุขก็เท่านั้นครับ(แต่ 2 นาทีน้องก็เอาตัวออก) ซึ่งน้องไม่เคยกอดผมหากผมไม่เอามือน้องมากอดผมเอง น้องไม่เคยหอมผม น้องไม่เคยป้อนอะไรใส่ปากให้ผม น้องไม่เคยบอกห่วงผมหรือแสดงอาการแคร์ผม ไม่มีเซอร์ไพร์ทอะไรทั้งสิ้น(แต่กับแฟนน้องทุกคนที่ผ่านมาน้องทำเซอร์ไพร์ทตลอดและผมจะมีส่วนช่วยให้เซอร์ไพร์ทประสบผลสำเร็จ) น้องไม่มีอาการดีใจในการซื้อของมาให้ของผม ทั้งที่สิ่งที่ซื้อมาคือสิ่งที่น้องเขาต้องการ ราคาสูง อาทิเช่น กระเป๋า รถยนต์ป้ายแดง น้องไม่ให้บอกที่บ้านไม่ให้บอกคนรอบข้าง รอบตัว ว่าเป็นอะไรกัน ผมจึงมีความรู้สึกว่าผมเป็นแฟนน้องแค่ในคอนโดส่วนตัว ในห้องนอนผม ในกล่องข้อความ ในไลน์ ผมห้ามแสดงตัวต่อหน้าคนที่น้องเขารู้จักทั้งที่ทำงานและเพื่อนเก่า ถ้าบังเอิญให้บอกว่าพี่ชาย สิ่งสำคัญก็คือห้ามหวาดระแวง เวลาน้องเขาคุยกับบรรดาแฟนเก่าๆ (น้องบอกผมว่าให้เชื่อใจเขาแฟนเก่าก็คือแฟนเก่าคุยกันก็เพราะว่าเคยรู้จักกันไม่มีอะไร) ผมไม่มีสิทธิ์ในโทรศัพท์ของน้องเขา ห้ามหยิบมาอ่านมาเปิดดูและห้ามรับเด็ดขาดเพราะจะทำให้รู้ว่าอยู่ด้วยกัน แต่โทรศัพท์ผม น้องสามารถทำได้ทุกอย่างลบเพื่อนได้ ตอบข้อความได้(ยกเว้นเรื่องงาน) บัญชีธนาคารน้องรู้รหัสทั้งหมดทั้งบัตร และไอแบงก์กิ้ง
ตวามจริงผมรู้ทั้งหมดในตัวน้องนะครับ แต่น้องแค่ไม่รู้ครับว่าผมรู้ถ้าไม่คลางแคลงใจจริงๆผมจะไม่เข้าไปดูไปอ่านอะไรทั้งสิ้น เพราะผมถือคติว่าทุกคนต้องมีพื้นที่ส่วนตัวและลดปัญหาอะไรที่รับรู้แล้วเป็นทุกข์ก็อย่าไปรู้มันเลย(แม้บางทีจะเหมือนคนโง่บ้างก็ตาม) และแน่นอนครับจวบจนทุกวันนี้แม้อยู่ด้วยกันเกือบทุกคืนผมก็ยังไม่ได้อธิปไตยน้องเขาเลย (ใช่ว่าผมไม่มีอารมณ์นะครับ ผมชักธงพร้อมรบทุกวันแต่น้องไม่ยอมเสียเอกราชเลยครับ) บางครั้งผมบุกกำลังจะผ่านด่านเจดีย์สามองค์เข้าไปเอาเอกราชแล้วแต่น้องเขาตีผมเบา 3 ทีเป็นการเตือนให้หยุด ผมก็ไม่ฝืนครับ ผมก็ได้แต่นอนปวดธงรบที่ไม่ได้เอาไปปักทั้งคืนตามระเบียบไป แต่ผมก็ไม่ได้ซีเรียสเรื่องบนเตียงเท่าไหร่ถือซะว่ารอให้พร้อม รอให้มีความสุขทั้งคู่ละกัน ..... !!!
สาเหตุที่ผมมาตั้งกระทู้เพราะอยากทราบว่าใครเคยเจอเหตุการณ์แบบผมบ้างไหมครับ เป็นแฟนกันใช้ชีวิตร่วมกัน แต่ทำไมผมรู้สึกว่าอีกฝ่ายไม่ได้รัก ไม่ได้อยากมีชีวิตคู่กับผม ไม่ได้อยากเดินไปด้วยกันเลย หรือว่าผมคิดมากไปเอง มันอาจเป็นปกติกับชีวิตคู่ (แต่นี่เพิ่งตกลงเป็นแฟน+เดินไปด้วยกันเอง ถ้าแบบอยู่กันนานมากๆอาจมีเบื่อบ้าง) ผมอ่อนโลกเรื่องความรักมากครับ ไม่ค่อยได้รักใครด้วยครับ(หลายคนบอกว่าไม่รักตัวเองด้วย) หรือว่าผมควรทำเช่นไร หรือว่าผมตาบอดหูหนวกสิ่งไหนในโลกไปบ้างก็ขอได้โปรดเสนอแนะให้ผมได้กลับไปคิดด้วยครับ
ขอบพระคุณมา ณ โอกาสนี้ครับ
"ขอให้ทุกท่านพบเจอในรักดังที่ปรารถนาและมีความสุขตลอดไปครับ"