สวัสดีครับ ทุกท่าน กลับมาเจอผมกันอีกครั้ง กับเรื่องราวของฟุตบอล ทุกวันเสาร์แบบนี้ เรามีนัดเจอกันเหมือนเช่นเคย สบายกันดีนะครับทุกท่าน ไม่เจ็บ ไม่ป่วย ไม่ไข้ กันนะครับ ถ้าป่วยไข้ไม่สบาย ก็ไปหาหมอนะครับ อย่ารอช้า เดี๋ยวอาการจะแย่ไปกว่าเดิม ก่อนอื่นเลยวันนี้ ขอออกตัวก่อนนะครับว่า เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผมล้วนๆ ไม่ดีมีเจตนาอะไรไม่ดีทั้งสิ้นนะครับ ถ้าจะว่ากันง่ายๆ ก็คือ ติเพื่อก่อ ก็ว่าได้นะครับ
เพราะว่าในสัปดาห์หน้า ก็จะเข้าสู่ช่วงฟีฟ่าเดย์ อย่างที่เราท่านๆ ทราบกันดีว่า เมื่อถึงช่วงเวลานี้ เหล่าบรรดาสโมสรเกือบทั่วทั้งโลก ก็จะมีการหยุดการแข่งขัน เพื่อให้เหล่าบรรดานักเตะได้ไปรับใช้ชาติกัน ไม่ว่าจะอุ่นเครื่องก็ดี รวมไปถึงการเตะรอบคัดเลือกรายการต่างๆ เอาแบบเข้าใจง่ายๆ ถ้าเป็นแมตซ์อุ่นเครื่อง สโมสรต้องปล่อยนักเตะมาร่วมทีม ก่อนการแข่งขัน ภายใน 48 ชั่วโมง หรือ 2 วัน ซึ่งมันก็คือเรื่องราวตามหลักเกณฑ์ของสากล เพื่อให้เกมการแข่งขันภายในประเทศ ดำเนินการแข่งขันต่อไปโดยไม่กระทบกระเทือน ซึ่งถ้าเป็นเกมอุ่นเครื่องนั้น สโมสรจะมีสิทธิปล่อยตัวนักเตะหรือไม่ก็ได้ แต่ต้องขึ้นอยู่กับความสมัครใจของนักเตะคนนั้นด้วย
อาจจะมีคนสงสัยว่า แล้วมันเกี่ยวอะไรกับที่ผมจั่วหัวไว้ ก็คงต้องมีอยู่แล้ว เพราะการกระทำของผู้เกี่ยวข้องในครั้งนี้ เหมือนเป็นการกระทำที่ทำลายวงการฟุตบอลไทยโดยรู้ตัว หรือไม่รู้ตัวก็ได้ และเมื่อคุณยิ่งยกคำว่าเพื่อชาติมาเป็นตัวนำด้วยแล้ว ผมบอกได้เลยว่า อาจจะไม่ใช่เสียทีเดียว
ในช่วงที่กระแสฟุตบอลไทยบูมขนาดนี้ ผลพลอยได้ที่ตามมาก็คือ ความแข็งแกร่งของนักเตะ ที่มันส่งผลมาถึงผลงานของทีมชาติโดยตรง นั่นก็คือ ลีกยิ่งแข็งแกร่งเท่าไร เกมระดับชาติ ก็ได้ผลประโยชน์ตามมาด้วย แต่มาถึงตอนนี้ บอลลีกเราก็พัฒนาไปเยอะ แต่ละสโมสรก็มีความเป็นมืออาชีพมากขึ้น มีระบบการจัดการที่ดีขึ้น แต่สิ่งที่ไม่พัฒนาเลยก็คือ “องค์กรที่บริหารจัดการ”
ทุกๆ ครั้ง ที่เราเห็น เมื่อไหร่ก็ตามแต่ที่ทีมชาติไทยต้องลงทำการแข่งขัน สิ่งที่เราเห็นกันอย่างเป็นประจำและก็ชินตานั่นก็คือ การให้ลีกหลัก หยุดหลบทางให้กับทีมชาติอยู่ตลอดเวลา ทั้งซีเกมส์ก็ดี รวมไปถึงรายการอะไรต่อมิอะไรก็ตามแต่ จนล่าสุดมาถึงฟุตบอลโลกรอบคัดเลือกในหนนี้
การเตรียมตัว เตรียมทีมแต่เนิ่นๆ ผมถือว่าเป็นเรื่องดีครับ อันนี้ไม่เคยเถียง เพราะนักเตะจะได้มีความเข้าใจซึ่งกันและกันมากขึ้น แต่ทว่า นักเตะที่ติดทีมมานั้น ก็ไม่ใช่นักเตะที่ใหม่ถอดด้ามเลยซะเมื่อไหร่ ก็เป็นนักเตะหน้าเดิมๆ ที่มีความเข้าใจในระบบของทีมดีอยู่แล้ว เพราะฉะนั้น การเก็บตัวก่อนทำการแข่งขันถึง 2 สัปดาห์ แถมเป็นการเจอกับทีมในอาเซียนด้วยกัน มันสมควรแล้วหรือไม่?
ผมเข้าใจว่า มันเป็นรายการสำคัญ ต้องเน้นต้องทำให้ได้ เพื่อที่จะผ่านเข้ารอบต่อไปให้ได้ หลังจากที่ห่างหายความสุขแบบนี้มาอย่างยาวนาน
แต่พอมองย้อนกลับมาแล้วเราจะต้องหยุดลีกแบบนี้อีกกี่ครั้งละครับ เพื่อให้ทีมชาติไทยทำผลงานได้ดี ได้เป็นที่น่าพอใจ เพื่อที่ใครบางคนจะได้เชิดหน้าชูตาต่อไป จนสุดท้ายแล้วมันจะกลับมาย้อนทำลายระบบลีกที่กำลังจะดีขึ้นในอีกไม่ช้าแน่นอน
หยุดทำแบบนี้เถอะครับ หันมาใช้ความเป็นมืออาชีพให้มากขึ้น ยึดตามหลักสากลมากขึ้น อะไรๆ ทุกอย่างมันก็จะดีขึ้นเป็นเงาตามตัว อย่าเอาชาติมาเป็นตัวประกัน จนลืมรากฐานที่แท้จริง น้ำพึ่งเรือ เสือพึ่งป่าฉันใด ทีมชาติก็ต้องพึ่งสโมสรฉันนั้น
ที่มา :
http://www.thairath.co.th/content/529257 
ป๋อง กพล ถามเก็บตัว 2 สัปดาห์เจอทีมในอาเซียน มันสมควรแล้วหรอ?? อย่าอ้างว่าเพื่อชาติมาทำลายวงการฟุตบอล
เพราะว่าในสัปดาห์หน้า ก็จะเข้าสู่ช่วงฟีฟ่าเดย์ อย่างที่เราท่านๆ ทราบกันดีว่า เมื่อถึงช่วงเวลานี้ เหล่าบรรดาสโมสรเกือบทั่วทั้งโลก ก็จะมีการหยุดการแข่งขัน เพื่อให้เหล่าบรรดานักเตะได้ไปรับใช้ชาติกัน ไม่ว่าจะอุ่นเครื่องก็ดี รวมไปถึงการเตะรอบคัดเลือกรายการต่างๆ เอาแบบเข้าใจง่ายๆ ถ้าเป็นแมตซ์อุ่นเครื่อง สโมสรต้องปล่อยนักเตะมาร่วมทีม ก่อนการแข่งขัน ภายใน 48 ชั่วโมง หรือ 2 วัน ซึ่งมันก็คือเรื่องราวตามหลักเกณฑ์ของสากล เพื่อให้เกมการแข่งขันภายในประเทศ ดำเนินการแข่งขันต่อไปโดยไม่กระทบกระเทือน ซึ่งถ้าเป็นเกมอุ่นเครื่องนั้น สโมสรจะมีสิทธิปล่อยตัวนักเตะหรือไม่ก็ได้ แต่ต้องขึ้นอยู่กับความสมัครใจของนักเตะคนนั้นด้วย
อาจจะมีคนสงสัยว่า แล้วมันเกี่ยวอะไรกับที่ผมจั่วหัวไว้ ก็คงต้องมีอยู่แล้ว เพราะการกระทำของผู้เกี่ยวข้องในครั้งนี้ เหมือนเป็นการกระทำที่ทำลายวงการฟุตบอลไทยโดยรู้ตัว หรือไม่รู้ตัวก็ได้ และเมื่อคุณยิ่งยกคำว่าเพื่อชาติมาเป็นตัวนำด้วยแล้ว ผมบอกได้เลยว่า อาจจะไม่ใช่เสียทีเดียว
ในช่วงที่กระแสฟุตบอลไทยบูมขนาดนี้ ผลพลอยได้ที่ตามมาก็คือ ความแข็งแกร่งของนักเตะ ที่มันส่งผลมาถึงผลงานของทีมชาติโดยตรง นั่นก็คือ ลีกยิ่งแข็งแกร่งเท่าไร เกมระดับชาติ ก็ได้ผลประโยชน์ตามมาด้วย แต่มาถึงตอนนี้ บอลลีกเราก็พัฒนาไปเยอะ แต่ละสโมสรก็มีความเป็นมืออาชีพมากขึ้น มีระบบการจัดการที่ดีขึ้น แต่สิ่งที่ไม่พัฒนาเลยก็คือ “องค์กรที่บริหารจัดการ”
ทุกๆ ครั้ง ที่เราเห็น เมื่อไหร่ก็ตามแต่ที่ทีมชาติไทยต้องลงทำการแข่งขัน สิ่งที่เราเห็นกันอย่างเป็นประจำและก็ชินตานั่นก็คือ การให้ลีกหลัก หยุดหลบทางให้กับทีมชาติอยู่ตลอดเวลา ทั้งซีเกมส์ก็ดี รวมไปถึงรายการอะไรต่อมิอะไรก็ตามแต่ จนล่าสุดมาถึงฟุตบอลโลกรอบคัดเลือกในหนนี้
การเตรียมตัว เตรียมทีมแต่เนิ่นๆ ผมถือว่าเป็นเรื่องดีครับ อันนี้ไม่เคยเถียง เพราะนักเตะจะได้มีความเข้าใจซึ่งกันและกันมากขึ้น แต่ทว่า นักเตะที่ติดทีมมานั้น ก็ไม่ใช่นักเตะที่ใหม่ถอดด้ามเลยซะเมื่อไหร่ ก็เป็นนักเตะหน้าเดิมๆ ที่มีความเข้าใจในระบบของทีมดีอยู่แล้ว เพราะฉะนั้น การเก็บตัวก่อนทำการแข่งขันถึง 2 สัปดาห์ แถมเป็นการเจอกับทีมในอาเซียนด้วยกัน มันสมควรแล้วหรือไม่?
ผมเข้าใจว่า มันเป็นรายการสำคัญ ต้องเน้นต้องทำให้ได้ เพื่อที่จะผ่านเข้ารอบต่อไปให้ได้ หลังจากที่ห่างหายความสุขแบบนี้มาอย่างยาวนาน
แต่พอมองย้อนกลับมาแล้วเราจะต้องหยุดลีกแบบนี้อีกกี่ครั้งละครับ เพื่อให้ทีมชาติไทยทำผลงานได้ดี ได้เป็นที่น่าพอใจ เพื่อที่ใครบางคนจะได้เชิดหน้าชูตาต่อไป จนสุดท้ายแล้วมันจะกลับมาย้อนทำลายระบบลีกที่กำลังจะดีขึ้นในอีกไม่ช้าแน่นอน
หยุดทำแบบนี้เถอะครับ หันมาใช้ความเป็นมืออาชีพให้มากขึ้น ยึดตามหลักสากลมากขึ้น อะไรๆ ทุกอย่างมันก็จะดีขึ้นเป็นเงาตามตัว อย่าเอาชาติมาเป็นตัวประกัน จนลืมรากฐานที่แท้จริง น้ำพึ่งเรือ เสือพึ่งป่าฉันใด ทีมชาติก็ต้องพึ่งสโมสรฉันนั้น
ที่มา : http://www.thairath.co.th/content/529257