เยอรมันยอดมากเลย นับถือ นับถือ ใจกว้างดั่งแม่น้ำ

กระทู้คำถาม
อยู่ลำบาก!! “พลเมืองเยอรมัน” ถูกรบ.แมร์เคิลไล่ จากแฟลตอาศัยนาน 23 ปี ให้ผู้อพยพซีเรียใช้ – ฮัมบูร์กไม่น้อยหน้า ออกกม.ยึดตึกร้างหาที่เพิ่ม หลังผู้อพยพต่อยกันเองในศูนย์


โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์          
3 ตุลาคม 2558 16:58 น.

อยู่ลำบาก!! “พลเมืองเยอรมัน” ถูกรบ.แมร์เคิลไล่ จากแฟลตอาศัยนาน 23 ปี ให้ผู้อพยพซีเรียใช้ – ฮัมบูร์กไม่น้อยหน้า ออกกม.ยึดตึกร้างหาที่เพิ่ม หลังผู้อพยพต่อยกันเองในศูนย์

        เอเจนซีส์ – วิกฤตคลื่นผู้ลี้ภัยจากซีเรียหนีเข้าสู่ยุโรปเริ่มทำให้ประชาชนในเยอรมันเริ่มประสบปัญหาการใช้ชีวิตเมื่อ กาเบรียล เคลเลอร์ (Gabrielle Keller)วัย 56ปีได้รับคำสั่งให้ย้ายออกจากแฟลตในเมือง Eschbach ทางใต้ ที่อาศัยอยู่ไม่ต่ำกว่า 23 ปี เพื่อเปิดทางให้เมืองนำแฟลตแห่งนี้เตรียมให้ผู้อพยพอาศัย ซึ่งขณะนี้รัฐบาลเยอรมันประสบปัญหาหาพื้นที่ให้ผู้อพยพซีเรียอยู่ ซึ่งทำให้มีการก่อเหตุวิวาทระหว่างผู้อพยพในศูนย์ลี้ภัยที่เมือง Hamburg-Bergedorf ในวันพฤหัสบดี(1) และก่อนหน้านั้นในเมืองKassel ทำให้มีผู้บาดเจ็บ 14 ราย ล่าสุดบีบีซีรายงาน ฮัมบูร์กเป็นเมืองแรกในเยอรมัน ออกกฎหมายอนุญาตให้สามารถยึดตึกร้างเอกชนเพื่อเปลี่ยนเป็นศูนย์ลี้ภัยได้
      
       บีบีซี สื่ออังฤษรายงานเมื่อวานนี้(2)ว่า ฮัมบูร์กกลายเป็นเมืองแรกในเยอรมันที่สามารถใช้ตึกร้างเอกชนเพื่อให้เป็นศูนย์ลี้ภัยรับคลื่นผู้อพยพ หลังมีการออกกฎหมายมาบังคับใช้ และจะมีผลภายในสัปดาห์หน้าที่จะถึงนี้
      
       หลังจากที่ทางฮัมบูร์กประสบปัญหาจัดการผู้อพยพจนทำให้มีผู้อพยพบางส่วนต้องนอนภายนอกตัวอาคารในสภาพอากาศที่ไม่เอื้ออำนวย
      
       ทั้งนี้กฎหมายใหม่ที่จะบังคับใช้นี้ เป็นมาตรการชั่วคราว และเจ้าของอาคารร้างเหล่านี้จะได้รับเงินตอบแทนในการที่รัฐขอเข้าใช้ แต่ทว่ากฎหมายยึดอาคารของฮัมบูร์กยังไม่รวมไปถึงตึกอาคารที่อยู่อาศัยทั่วไป
      
       ซึ่งต่างจากเมือง Eschbach ทางใต้ของเยอรมันที่ได้ยื่นจดหมายสั่งให้ผู้เช่าแฟลตชาวเยอรมันย้ายออกภายในสิ้นปีนี้ เพื่อเมืองจะปรับเปลี่ยนอพาทเมนต์แห่งนี้ให้กลายเป็นศูนย์พักพิงผู้อพยพซีเรีย
      
       เดลีเมล สื่ออังกฤษรายงานในเรื่องนี้วันที่ 1 ตค.ว่าเมื่อ กาเบรียล เคลเลอร์ (Gabrielle Keller)วัย 56ปี ถือเป็นพลเมืองชาวเยอรมันรายที่ 2 ที่ได้รับจดหมายสั่งย้ายออกจากห้องเช่าที่เธอใช้ชีวิตนานไม่ต่ำกว่า 23 ปีออกภายในสิ้นปี 2015
      
       ด้าน มาริโอ ชลาฟเค (Mario Schlafke)นายกเทศมนตรีเมือง Eschbach กล่าวยืนยันว่า เจ้าหน้าที่ไม่มีทางเลือก ต้องปฎิบัติตามคำสั่ง “ทางสภาได้ตัดสินด้วยความรอบคอบ” ชลาฟเคให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์เยอรมัน Welt ผ่านการรายงานของเดลีเทเลกราฟ สื่ออังกฤษ
      
       และนายกเทศมนตรีเมือง Eschbach กล่าวต่อว่า “ทางเลือกอื่นคือต้องใช้โรงยิมเป็นศูนย์ผู้ลี้ภัย ตั้งเตียงนอนและสิ่งต่างๆขึ้นที่นั่น”
      
       สื่ออังกฤษรายงานเพิ่มเติมว่า ก่อนหน้านี้ เบ็ตตินา ฮาลเบย์ (Bettina Halbey วัย 51 ปี เป็นพลเมืองเยอรมันรายแรกได้รับจดหมายจากเจ้าของอพาทเมนต์ ในเมือง Nieheim ที่เธอได้เช่าอาศัยนานถึง 16 ปีทำการย้ายออก เพื่อปรับเปลี่ยนให้อพาทเมนต์แห่งนี้เป็นสถานพักพิงของผู้อพยพ
      
       โดยในขณะนั้น ฮาลเมย์มีเวลาจนถึงเดือนพฤษภาคมที่จะเก็บข้าวเก็บของออกจากแฟลตไป
      
       อย่างไรก็ตามปัญหาคลื่นผู้อพยพเข้าสู่เยอรมันได้กลายเป็นวิกฤตที่รัฐบาลภายใต้การบริหารของนายกรัฐมนตรี อังเกลา แมร์เคิล ต้องเผชิญ โดยบีบีซีชี้ว่า ผู้เชี่ยวชาญเยอรมันวิเคราะห์ว่า จะมีผู้อพยพไหลเข้าเยอรมันตลอดทั้งปีไม่ต่ำกว่า 800,000 คน หรือคิดเป็น สูงกว่า 4 เท่าของปีที่ผ่านมา
      
       และนโยบายเปิดประเทศรับผู้อพยพของแมร์เคิล ได้ทำให้เยอรมันแตกออกเป็น 2 ส่วน ต้อนรับผู้อพยพ และประกาศต่อต้าน
      
       ซึ่งล่าสุดในวันพฤหัสบดี(1)ที่ผ่านมา เยอรมันต้องประสบปัญหาเมื่อเกิดเหตุจลาจลร่วม 200 คนภายในศูนย์พักพิงผู้อพยพ Hamburg-Bergedorf เพราะจากปัญหาความขัดแย้งระหว่างกลุ่มผู้อพยพซีเรียและอัฟกัน
      
       และก่อนหน้านี้ในสิ้นเดือนกันยายน เกิดจลจลภายในศูนย์พักพิงในเมือง Kassel ทำให้มีผู้บาดเจ็บ 14 ราย เพราะจากปัญหาความขัดแย้งระหว่างกลุ่มผู้อพยพอัลแบเนียซีเรียและปากีสถาน ซึ่งเริ่มต้นมาตั้งแต่บ่ายวันเสาร์(27 กย.) และกลายเป็นความขัดแย้งลุกลามใหญ่โต
      
       แต่ทว่าในเหตุครั้งนี้ตำรวจเยอรมันในพื้นที่ไม่ได้จับกุมผู้อพยพคนใด
      
       ทั้งนี้หนังสือพิมพ์อังกฤษ ดิเอ็กเพรสรายงานเมื่อวานนี้(2)ว่า ศูนย์ผู้อพยพในเมือง Kasselแห่งนี้ที่ประกอบไปด้วยเต็นต์สีขาวรับผู้อพยพเข้าอาศัยราว 1,500 คนจาก 20 ประเทศ
      
       สื่อท้องถิ่นรายงานว่า ระยะเวลาเหตุไม่สงบกินเวลาหลายชั่วโมง และมีตำรวจเยอรมัน 3 นาย รวมอยู่ในจำนวนผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ
      
http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9580000111237
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 7
ยิว มีความเคร่งในศาสนายูดาย มากแค่ไหน มุสลิม ก็มีความเคร่งในศาสนาอิสลาม มากแค่นั้น เช่นเดียวกัน

แต่ว่า ยิว และมุสลิม ถูกสร้างขึ้นมาให้เหมาะกับงานที่ไม่เหมือนกัน ... ยิว ถูกสร้างมาเป็นพ่อค้า นักคิด นักอุตสาหกรรม แต่อิสลามสร้างมุสลิมมาให้เป็นนักรบที่พลีชีพเพื่อศาสนา ทั้ง ๆ ที่ยิวและอิสลามนั้น ก็เป็นศาสนาอับบราฮัม เหมือนกัน

ยิว ถูกสอนและหล่อหลอมตั้งแต่โบราณมาเป็นพันปีแล้วให้ มาเป็นพ่อค้า นักการเงิน นักอุตสาหกรรมพาณิชย์กรรม นักคิด นักวิทยาศาสตร์ สร้างนวัตกรรม เป็นผลให้คนยิวเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจในประเทศที่ตนเองเข้าไปอยู่ ตลอดประวัติศาสตร์ของชนชาติยิว นั้นส่วนใหญ่เป็นทาส ที่อยู่ภายใต้การปกครองของชนเผ่าอื่นและดำรงชีวิตอยู่โดยไม่เคยรู้สึกปลอดภัยมาตั้งแต่โบราณแล้ว ทำให้ยิวต้องสะสมความมั่งคั่งให้มากที่สุด และเป็นความมั่งคั่งที่สามารถโยกย้ายตามตัวคนยิวได้ หากจำเป็นต้องอพยพเร่ร่อน ไปหาถิ่นที่อยู่ใหม่

อิสลาม สอน มุสลิม มาให้เป็นนักรบทำสงครามศาสนา หรือจิฮัด เพื่อให้มุสลิมกลายเป็นผู้ปกครองดินแดน และชนเผ่าอื่น ๆ ต้องอยู่ภายใต้การปกครองของมุสลิม อิสลามไม่ได้สอนคนให้มาเป็นแรงงานในภาคอุตสาหกรรม แต่สอนมาให้เป็นนักรบพลีชีพ เหมือนเช่นกับที่ นักรบญิฮัด ของ ไอเอส กำลังทำอยู่ทุกวันนี้ มุสลิมอพยพ(ฮิจเราะห์)ไปอยู่ที่ไหน เขาจะไม่มีทางเปลี่ยนตัวเองให้เข้ากับท้องถิ่นใหม่ แต่จะทำสงครามศาสนาเปลี่ยนท้องถิ่นนั้นให้กลายเป็นอิสลาม และอิสลามต้องเป็นผู้ปกครองเท่านั้น เขาไม่ยอมให้กาเฟรปกครองตนเองหรอก
...
...
เยอรมัน มีปัญหาเรื่องอัตราการเกิดต่ำ แต่ว่าเศรษกิจดี ทำให้มีปัญหาการขาดแคลนแรงงาน ทำให้ค่าแรงคนเยอรมันสูงขึ้นเรื่อย ๆ จนกดดันต้นทุนการผลิตของอุตสาหกรรมของเยอรมัน ภาคอุตสาหกรรมจึงกดดันผู้บริหารประเทศให้หาทางแก้ปัญหานี้ซึ่งหนึ่งในวิธีแก้ปัญหานี้คือรับผู้อพยพมาทำงาน เหมือนดั่งเช่นที่เยอรมันเคยรับชาวตุรกีมาทำงานหลังสงครามสงครามโลกครั้งที่สองตั้งแต่ปี 1960

นางเองเจล่า เมเคิล จึงรับลูกจากฝ่ายอุตสาหกรรม โดยมีนโยบายเปิดกว้างรับผู้อพยพเพื่อหวังว่าจะมาเป็นแรงงานราคาถูกในภาคอุตสาหกรรม แต่ว่าคุณภาพของแรงงานจากตุรกีที่มาก่อนนั้น มันเทียบไม่ได้กับผู้อพยพมุสลิมสุหนี่เคร่งศาสนา ซึ่งส่วนใหญ่ไร้การศึกษา ซึ่งลี้ภัยมาจากประเทศที่เกิดสงครามในเอเซีย ตะวันออกกลาง และอัฟริกา เพราะชาวตุรกี นั้นไม่ใช่พวกที่เคร่งศาสนาอะไรมากมายทำให้การปรับตัวให้เข้ากับชาวเยอรมันจึงไม่ใช่เป็นเรื่องยากมากนัก แต่ผู้อพยพรอบนี้ มาจากประเทศที่เคร่งศาสนา และรบกันเพราะแข่งกันว่าใครเคร่งกว่ากัน ณ ขณะนี้เยอรมันเป็นประเทศที่มีมุสลิมเยอะที่สุดในยุโรปแล้วมากกว่าฝรั่งเศสอีก
...
...
มุสลิม ขึ้นชื่อเรื่องการไม่สามารถปรับตัวให้เข้ากับท้องถิ่นที่อยู่ใหม่ของตนเองอยุ่แล้ว อังกฤษ ฝรั่งเศส เนเทอร์แลนด์ เบลเยี่ยม เดนมาร์คออสเตรเลีย แคนาดา หรือประเทศต่าง ๆ ที่รับมุสลิมเข้าไปอยู่ในประเทศตั้งแต่หลังสงครามโลกครั้งที่สองรู้ฤทธิ์พวกนี้ดี พวกนักรบญิฮัดจากยุโรปที่เข้าไปร่วมรบกับไอเอสในซีเรียเพื่อสร้างรัฐอิสลามบริสุทธิ์ ก็เป็นลูกหลานผู้อพยพของมุสลิมที่มารุ่นแรก ๆ นั่นแหละ แต่ปรับตัวเข้ากับสังคมใหม่ไม่ได้
...
...
ในที่สุดแล้ว ผมคาดการณ์ว่า พวกนาซิเยอรมัน จะทำกับมุสลิม เหมือนกับที่ทำกับยิว นั่นแหละ แต่ความนองเลือดจะมากกว่า อันเนื่องจากมาจากนักรบญิฮัด ทำสงครามก่อการร้ายและสู้จนตัวตายเพื่อหวังขึ้นสวรรค์ บางทีอาจจะมีประเทศมุสลิมใหม่แยกออกมาจากเยอรมันเพราะมุสลิมแพร่พันธ์เร็วมาก นาซีคงฆ่าไม่หมด ต่างกับยิวแม้ว่าจะเก่งด้านเศรษฐกิจ แต่ว่าอ่อนด้อยด้านการทหารมาตั้งแต่โบราณกาลแล้ว

ในสวีเดน แม้ว่าจะรับผู้อพยพมุสลิม เข้าไปอยู่แล้วเป็นจำนวนมากแต่ทุกวันนี้ รัฐบาล ก็เป็นผู้รับภาระในการเลี้ยงดูผู้อพยพ เพราะผู้อพยพไม่สามารถหางานทำได้ ผู้จ้างงานเขาแค่ดูชื่อว่าไม่ใช่ชื่อชาวสวีดิช เขาก็โยนใบสมัครทิ้งถังขยะแล้ว อีกอย่างแม้ว่าเขาจะมีคอร์สให้เรียนภาษาฟรี แต่มุสลิมก็ไม่ตั้งใจเรียนภาษา ให้สำเร็จ แล้วเป็นหนทางให้ตัวเองหางานทำเพื่อพึ่งตัวเองในที่สุดแต่อย่างไร เพราะว่ามุสลิมอยู่เฉย ๆ ก็มีเงินให้ ลูกเกิดมาก็มีเงินให้อีก ฉะนั้น ที่มุสลิมไปอยู่ไม่ว่าประเทศไหน ๆ ที่มีรัฐสวัสดิการดี ๆ ... มุสลิมก็ไม่ต้องทำอะไร นอกจากผลิตลูก ขยายประชากร อย่างเดียว แล้วก็สร้างเมืองของมุสลิมขึ้นมา เป็นรัฐอิสระในประเทศนั้น ซึ่งคนชาตินั้นเข้าไปในโซนนั้นไม่ได้
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่