แอบดราม่าขอคำแนะนำ เมื่อบริษัทประภันภัยรถของคู่กรณีจะไม่ยอมจ่ายชดเชยค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถตามจำนวน (ยาวนิดนะคะ)

เข้ามาขอคำแนะนำจากเพื่อนๆ ผู้มีประสบการณ์ค่ะ

เนื่องจากเมื่อวันที่ 7 กันยายนที่ผ่านมารถของเราจอดไว้เฉยๆ  แต่ถูกเฉี่ยวชนโดยรถกระบะที่ขับมาเบียด ทำให้ตัวรถด้านขวาถูกครูดเสียหายเป็นแนวยาว กันโคลนหลังฉีก ประตูหลังมีรอยขูดลึก ซึ่งภายหลังเกิดเหตุทางประกันคู่กรณี ได้ทิ้งใบแจ้งไว้ให้ติดต่อกลับเนื่องช่วงที่เกิดเหตุการณ์เราไม่ได้อยู่ที่รถ
ซึ่งภายหลังกลับมาพบว่ารถเป็นรอยเสียหาย จึงได้ติดต่อไปตามเบอร์ที่เค้าแจ้งไว้ และติดต่อประกันรถของตนเอง (ประกันชั้น 1 ซ่อมอู่)

** โดนขับมาเบียด






** สภาพความเสียหายที่เกิดขึ้น






.

วันรุ่งขึ้น คือวันที่ 8 กันยายน เราได้นำรถเข้าซ่อมสีที่อู่ทันที เนื่องจากช่วงปลายปีจะไม่มีเวลานำรถส่งซ่อมแล้ว และไม่อยากปล่อยให้รถต้องเป็นรอยอยู่นาน เพราะช่วงนี้ฝนตก โดยขั้นต้นอู่บอกว่าน่าจะใช้เวลาซ่อมประมาณ 10 วัน
ระหว่างที่รถซ่อมนั้นเราจึงไม่มีรถใช้ในการเดินทาง ซึ่งต้องทั้งเดินฝ่าสายฝนออกจากซอย (ช่วงนั้นฝนตกเกือบทุกเช้า)
/ ต่อรถมอเตอร์ไซค์ / ต่อรถแทกซี่ เพื่อเดินทางมาทำงานทุกวัน จากแถวจรัญสนิทวงศ์ มาสาทร ไม่นับรวมการเดินทางไปติดต่องานระหว่างวัน

พอใกล้ครบ กำหนด 10 วัน แอบร้องฮูเรอยู่ในใจเนื่องจาก จะได้รถกลับมาใช้งานเสียที่ แต่ปรากฎว่าทางอู่แจ้งว่า เนื่องจากประตูหลังเสียหายค่อนข้างเยอะ จึงจำเป็นต้องเปลียนประตู ต้องรอประตูมาทำให้เสียต้องเลื่อน จากกำหนดเดิม 10 วัน มาอีก 1 อาทิตย์ ถึงแม้จะต้องลำบากขึ้นแต่ก็อดทนเพราะมันเลี่ยงไม่ได้ สรุปรถซ่อมเสร็จ วันที่ 23 กันยายน 2558 พออู่บอกว่าสามารถรับรถได้ปุ๊บเราก็รีบไปรับท้นที รวมระยะเวลาเป็นเวลา 16 วัน ที่รถเข้าอู่ไป

จากนั้นเราจึงดำเนินการตามคำแนะนำที่ได้อ่านจากเพื่อนๆ ในพันทิป ในการเรียกร้องค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถระหว่างซ่อม จากบริษัทประกันของรถคู่กรณี โดยส่งจดหมาย และเอกสารแนบที่จำเป็นต่างๆ เข้าไป โดยเรียกเงินชดเชยการเดินทาง

1.    ค่าขาดผลประโยชน์จากการใช้รถ 480 บาทต่อวัน  เป็นระยะเวลา 16 วัน รวม 7,680 บาท
2.    ค่าเดินทางเอารถไปส่งซ่อมที่อู่ ไป- กลับ 2 เที่ยว รวม 600 บาท

ปรากฎว่า ทางบริษัทประกันของคู่กรณี มีพนักงานที่ดูแลรับเรื่องโทรมาแจ้งว่า
"จากการประเมินของหน่วยงานภายในของบริษัท ระยะเวลาส่งซ่อมไม่ควรถึง 16 วันตามที่แจ้งมา แต่จะตัดออกไป 7 วัน ด้วยเหตุผลคือ การนำรถเข้าไปซ่อมจะต้องมีระยะเวลารอซ่อมในอู่ จึงไม่นับรวมเป็นการซ่อม"

เราจึงโต้แย้งไปว่า เราเป็นผู้เสียหายและการส่งซ่อมด้วยความเดือนร้อนเราจึงส่งซ่อมทันที และคงไม่มีใครจะอยากส่งไปซ่อมนานขนาดนั้น โดยที่ไม่มีรถใช้ แต่ทางพนักงานก็ไม่สนใจ ถึงแม้เราจะยืนยันว่าเราได้รับความเดือนร้อนจากการไม่มีรถใช้จริง"

พนักงานบอกว่า ให้ไปขอใบที่แจ้งระยะเวลาและขั้นตอนการซ่อมจากอู่มา ซึ่งเราก็พยายามถามว่า แล้วปกติบริษัทของประกันคู่กรณี ควรมีรายละเอียดเหล่านี้อยู่แล้วหรือไม่ในขั้นตอนการเคลมค่าใช้จ่ายต่างๆ เพราะบริษัทคู่กรณี เป็นบริษัทที่รับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการซ่อมอยู่แล้ว และกรณีนี้เรามีการเปลี่ยนประตูหลังทำให้ต้องมีระยะเวลารออะไหล่อีกด้วย
ผลคือ >> พนักงานไม่ฟัง ยังคงยืนยันให้ไปเอาเอกสารจากอู่มา (ขอถามว่าแต่ละอู่มีรถรอซ่อมสีเป็น 100 คัน จะมีที่ไหนมานั่งเขียนขั้นตอนงานซ่อมของแต่ละวัน เหมือนเขียนไดอารี่ไม่ทราบ)

เราจึงพยายามดั้นด้นกลับไปที่อู่อีกครั้ง ซึ่งเป็นไปตามคาด ทางอู่ไม่มีรายละเอียดขั้นตอนงานซ่อมขนาดนั้น แต่ทางอู่ก็ยังใจดี ให้รูปประกอบในขั้นตอนการทำสีแต่ละขั้น รวมทั้งภาพการเปลี่ยนประตูรถ เพื่อมาเป็นเอกสารแนบมายืนยันว่ามีการเปลี่ยนประตูรถจริง

เราจึงส่งภาพถ่ายเป็นเอกสารแนบเพื่อประกอบการพิจารณาอีกครั้งว่า เราสมควรได้รับการชดเชย 16 วันตามที่ร้องขอไป หรือหากจะลดจำนวนวันลง เต็มที่ก็ไม่ควรเกิน 2 วัน
ผลคือ >> พนักงานยังคง ยืนยันว่า ไม่สามารถชดเชยได้ 16 วันตามที่ขอ อย่างมากให้ได้คือ 12 วัน
เราเลยบอกว่าถ้าอย่างนั้น จะแจ้ง คปภ. พนักงานเลยบอกว่า ถ้าแจ้ง คปภ. ก็จะลดจำนวนเงินชดเชยลงอีก อาจจะได้แค่ 7 วัน!!

จึงอยากจะขอปรึกษาว่า กรณีนี้เราควรทำอย่างไรต่อดีค่ะ
หรือควรร้องเรียนทาง คปภ.  ขอคำแนะนำจากเพื่อนๆ เพื่อจะได้เป็นแนวทางในการสู้ต่อไปค่ะ


ปล. แอบเคืองอีกนิด จากวันที่เกิดเหตุจนถึงวันนี้ เรายังไม่เคยได้รับคำขอโทษจากคู่กรณีเลยซักคำเดียวค่ะ
กลายเป็นว่าคนที่เดือดร้อนคือคนที่โดนเฉี่ยวชน ทรัพย์สินเสียหาย เสียเวลา และเสียสุขภาพจิตอีกด้วย แต่ฝ่ายที่กระทำก็ลอยตัวไป T T
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่