ส่วนตัวแล้วชอบแมตต์ เดม่อน ครับ เล่นเรื่องไหนก็จะพยายามตามไปดูให้ได้ซะทุกเรื่องเลย แถมคราวนี้มาแสดงในหนังของลุงริดลีย์ สก็อตต์ อีกต่างหาก ผกก.คนนี้ก็ฝากหนังดีๆระดับตำนานไว้หลายเรื่องอยู่นะครับ พูดชื่อไปใครๆก็น่าจะคุ้นหูแน่ๆ อย่างเช่น Alien(ดูไปสะดุ้งไป) Gladiator ,ฺBlack Hawk Down (ดูเกินสิบรอบแล้วมั้ง) แทบไม่พลาดซักกะเรื่อง มีดีสุดๆบ้าง เฉยๆบ้าง แต่เมื่อสองคนนี้รวมตัวกัน ผมไม่รอช้าที่จะตีตั๋ว เพื่อขึ้นยานไปร่วมด้วยช่วยพี่แมตต์ กลับโลกละครับ
เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับกลุ่มมนุษย์ระดับชั้นหัวกะทิที่นาซ่าเลือกไปปฎิบัติภารกิจบนดาวอังคาร แต่เกิดพายุบนดาวอังคาร ทำให้ทั้งทีมตัดสินใจยกเลิกภารกิจแล้วขึ้นยานบินกลับโลก แต่แมตต์ เกิดอุบัติเหตุ ทำให้ทีมคิดว่าเสียชีวิตแล้วจึงขึ้นยานออกไป แมตต์ ฟื้นขึ้นมาพร้อมกับรู้ว่าตัวเองโดนทิ้งเอาไว้ เค้าต้องพยายามติดต่อกับโลกให้มาช่วย และต้องเอาตัวให้รอดเพื่ออยู่รอจนถึงวันนั้น ภายใต้สถานการณ์ต่างๆที่เหนือการคาดเดาได้บนดาวอังคาร "เพียงคนเดียว" ....รอดไม่รอด ไปลุ้นกันนะแจ๊ะ
หนังเล่าเรื่องได้รวดเร็ว และไม่รู้สึกยืดยาดอะไร อาจจะมีตัดฉากไปนู้นไปนี่บ้าง ตัวละครเหมือนจะเยอะบ้าง แต่ดูไปซักพักจะเริ่มเข้าใจว่าใครเป็นใครเอง ใช้การเล่าเรื่องชัดเจน ตรงไปตรงมา ง่ายต่อการทำความเข้าใจ ใครไม่ค่อยถนัดหนังแนวไซฟาย ก็ดูได้สนุกและทันเรื่องอยู่นะ
บทหนังเรื่องนี้เขียนออกมาได้ดีมากเลย ใส่เหตุการณ์ ปัญหาต่างๆที่แมตต์ ต้องเผชิญและแก้ไข เข้ามาได้แทบตลอดเวลา และทุกครั้งก็จะมี ข้อแม้และเงื่อนไข ที่ฟังแล้วก็น่าท้อใจแทน แต่ก็เป็นอีกครั้งที่หนังแนวนี้นำเสนอให้รู้สึกว่า "มนุษย์ปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมเพื่อความอยู่รอดได้เสมอ"
แมตต์ เดม่อน แสดงเรื่องนี้ได้ดีมากๆ ไม่รู้สึกติดภาพจากหนังเรือ่งก่อนๆแม้แต่นิด เชื่อสนิทใจว่าเป็นนักบินอวกาศที่มีความฉลาดและไหวพริบเอาตัวรอดเป็นเยี่ยม ไม่ว่าจะอารมณ์ไหนพี่แกเล่นซะเชื่อจริงๆเลยว่ามันผ่านเวลามาหลายวัน(ตามในหนัง)แล้ว
หนังไม่ได้ดราม่าจัด หรือว่าความรู้ทางอวกาศเต็มไปหมด จะออกแนวตลกบ้าง ดราม่าบ้าง แต่พอถึงฉาก กดดันหรือต้องลุ้นนะคุณเอ๋ยยยย โคตรจะลุ้น ดีแล้วที่ไม่มีมาบ่อยๆ ดูจบรู้สึกเหนื่อยนิดๆ
จากเรื่อง Prometheus ที่มีฉากสวยๆกับมุมกล้องสวยๆ มาเรื่อง The Martian ก็ไม่แพ้กันเลยครับ สวยจริงๆ สวยแบบว้าเหว่ อ้างว้าง ไรทำนองนั้น
ข้อแนะนำอย่างยิ่งเลย คือ ถ้าดูเรื่อง Gravity และ Interstella มาก่อน จะยิ่งทำให้ดูเรื่องนี้เข้าถึงอารมณ์มากยิ่งขึ้น (ขอการันตี) คุณจะเข้าใจความเสี่ยงในหนังมากขึ้น และคุณจะเข้าใจความนานของช่วงเวลาที่ตัวละครต้องพบเจอมากยิ่งขึ้น "แต่" ไม่เคยดู 2 เรื่องนั้นมาก่อน ก็สนุกมากอยู่ดีนะ 555+
โดยสรุปแล้ว เรื่องนี้เป็นอีกเรื่องของลุงริดลีย์ สก๊อต ที่เข้าข่ายหนังสนุกมากตั้งแต่ต้นเรื่องยันจบเรื่อง บิ๊วอารมณ์ให้คนดูลุ้นจนเหนื่อย ใครอยากหาหนังไซฟาย แอดเวนเจอร์ สนุกๆแบบไม่หนักดราม่า ขอเรียนเชิญเลยนะครับ ไม่ผิดหวังแน่ๆ
[CR] The Martian = ไปช่วยพี่แมตต์ เดม่อน จากดาวอังคารกันเถอะครับ
เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับกลุ่มมนุษย์ระดับชั้นหัวกะทิที่นาซ่าเลือกไปปฎิบัติภารกิจบนดาวอังคาร แต่เกิดพายุบนดาวอังคาร ทำให้ทั้งทีมตัดสินใจยกเลิกภารกิจแล้วขึ้นยานบินกลับโลก แต่แมตต์ เกิดอุบัติเหตุ ทำให้ทีมคิดว่าเสียชีวิตแล้วจึงขึ้นยานออกไป แมตต์ ฟื้นขึ้นมาพร้อมกับรู้ว่าตัวเองโดนทิ้งเอาไว้ เค้าต้องพยายามติดต่อกับโลกให้มาช่วย และต้องเอาตัวให้รอดเพื่ออยู่รอจนถึงวันนั้น ภายใต้สถานการณ์ต่างๆที่เหนือการคาดเดาได้บนดาวอังคาร "เพียงคนเดียว" ....รอดไม่รอด ไปลุ้นกันนะแจ๊ะ
หนังเล่าเรื่องได้รวดเร็ว และไม่รู้สึกยืดยาดอะไร อาจจะมีตัดฉากไปนู้นไปนี่บ้าง ตัวละครเหมือนจะเยอะบ้าง แต่ดูไปซักพักจะเริ่มเข้าใจว่าใครเป็นใครเอง ใช้การเล่าเรื่องชัดเจน ตรงไปตรงมา ง่ายต่อการทำความเข้าใจ ใครไม่ค่อยถนัดหนังแนวไซฟาย ก็ดูได้สนุกและทันเรื่องอยู่นะ
บทหนังเรื่องนี้เขียนออกมาได้ดีมากเลย ใส่เหตุการณ์ ปัญหาต่างๆที่แมตต์ ต้องเผชิญและแก้ไข เข้ามาได้แทบตลอดเวลา และทุกครั้งก็จะมี ข้อแม้และเงื่อนไข ที่ฟังแล้วก็น่าท้อใจแทน แต่ก็เป็นอีกครั้งที่หนังแนวนี้นำเสนอให้รู้สึกว่า "มนุษย์ปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมเพื่อความอยู่รอดได้เสมอ"
แมตต์ เดม่อน แสดงเรื่องนี้ได้ดีมากๆ ไม่รู้สึกติดภาพจากหนังเรือ่งก่อนๆแม้แต่นิด เชื่อสนิทใจว่าเป็นนักบินอวกาศที่มีความฉลาดและไหวพริบเอาตัวรอดเป็นเยี่ยม ไม่ว่าจะอารมณ์ไหนพี่แกเล่นซะเชื่อจริงๆเลยว่ามันผ่านเวลามาหลายวัน(ตามในหนัง)แล้ว
หนังไม่ได้ดราม่าจัด หรือว่าความรู้ทางอวกาศเต็มไปหมด จะออกแนวตลกบ้าง ดราม่าบ้าง แต่พอถึงฉาก กดดันหรือต้องลุ้นนะคุณเอ๋ยยยย โคตรจะลุ้น ดีแล้วที่ไม่มีมาบ่อยๆ ดูจบรู้สึกเหนื่อยนิดๆ
จากเรื่อง Prometheus ที่มีฉากสวยๆกับมุมกล้องสวยๆ มาเรื่อง The Martian ก็ไม่แพ้กันเลยครับ สวยจริงๆ สวยแบบว้าเหว่ อ้างว้าง ไรทำนองนั้น
ข้อแนะนำอย่างยิ่งเลย คือ ถ้าดูเรื่อง Gravity และ Interstella มาก่อน จะยิ่งทำให้ดูเรื่องนี้เข้าถึงอารมณ์มากยิ่งขึ้น (ขอการันตี) คุณจะเข้าใจความเสี่ยงในหนังมากขึ้น และคุณจะเข้าใจความนานของช่วงเวลาที่ตัวละครต้องพบเจอมากยิ่งขึ้น "แต่" ไม่เคยดู 2 เรื่องนั้นมาก่อน ก็สนุกมากอยู่ดีนะ 555+
โดยสรุปแล้ว เรื่องนี้เป็นอีกเรื่องของลุงริดลีย์ สก๊อต ที่เข้าข่ายหนังสนุกมากตั้งแต่ต้นเรื่องยันจบเรื่อง บิ๊วอารมณ์ให้คนดูลุ้นจนเหนื่อย ใครอยากหาหนังไซฟาย แอดเวนเจอร์ สนุกๆแบบไม่หนักดราม่า ขอเรียนเชิญเลยนะครับ ไม่ผิดหวังแน่ๆ