สวัสดีครับ นี่เป็นกระทู้แรกก่อนอื่นบอกว่าผมเป็นนักศึกษามหาลัยย่านจตุจักรครับ
ก่อนอื่นเลย ผมมีปัญหากับการรับน้องครับ ถึงแม้ว่าปีนี้จะเริ่มมีการเอาจริงเอาจังเกี่ยวกับความรุนแรงในการรับน้องมหาวิทยาลัยมากขึ้น ในมหาวิทยาลัยของผม บางคณะก็ปรับให้มันซอฟท์จนถึงขั้นที่สามารถยอมรับได้ แต่บางคณะในมหาลัยก็ยังเหมือนเดิมครับ
แต่ส่วนที่ผมอยากจะพูดถึงไม่ใช่คณะครับ ผมอยากจะพูดถึง การรับน้องของหอในของมหาวิยาลัยผม สำหรับคนที่อยู่หอในต้องเจอเรื่องพวกนี้เป็นเวลา 24 ชมเพราะวันๆนึงต้องอยู่ที่ม.ตลอด แถมตอนกลางคืนก็มีการเรียกประชุมเชียร์ และทำกิจกรรมบ่อยมากทั้งยังมีการให้ท่องชื่อเล่นชื่อจริง รร.เก่าของเพื่อน ภูมิลำเนาของเพื่อน คือ ตัวผมคิดว่าผมกลับมาก็ควรจะได้พักได้อ่านหนังสือ ไม่ใช่เรียกมาทำโทษเรียกมาประชุมแบบนี้ ส่วนที่แย่ที่สุดคือ การประชุมเชียร์นี้จัดขึ้นเพื่อร้องเพลงของมหาวิทยาลัย และการทำความรู้จักเพื่อนๆใช่ไหมครับ
แต่ยังมีการลงโทษเพราะน้องทำได้ไม่เท่ากับที่พี่พอใจ(ไม่ใช่ทำไม่ได้นะครับ)
ผมคิดว่า เรื่องแค่นี้? ต้องลงโทษและกดดันกันขนาดนี้เลยหรอครับ ทั้งการดันพื้น ซิทอัพ แคงการู และการว้ากใส่ตัวในระยะประชิด(เป็นเวลานาน)
มันก็จริงนะครับที่เค้าจะมีการสอบถามว่าเราจะเข้าร่วมหรือไม่ แต่นั่นเป็นแค่การจัดฉากตบตาเท่านั้นครับ
เพราะถ้าใครไม่เข้าร่วมหรือไม่เอารุ่นก็จะโดนแบนครับ
และคุณอาจจะคิดว่าการแบนจากคนอื่นเราต้องซีเรียสขนาดนั้นเลยหรอ ผมขอตอบว่าใช่ครับ
เพราะการที่เราอยู่หอในนั้นเราต้องอยู่ร่วมกับเพื่อนภายในห้องและภายในตึก แต่ถ้าไม่มีใครช่วยเหลือหรือพูดคุยกะเราเลยแถมยังทำท่าทางไม่พอใจเหมือนเราเป็นตัวสเนียดที่อยู่ในหอคงจะไม่โอเคใช่ไหมครับ เหมือนกับการที่เราอยู่ในบ้านที่มีแต่คนเกลียดเราทั้งบ้านแหละครับ และส่วนมากนะครับการที่เรามาอยู่หอในนั่นเพราะว่าหอนอกมันแพงครับ เดือนละ 3,000-4,000 แต่หอใน 1 เทอม 2,000-3000บาท
เราจึงไม่สามารถย้ายออกไปอยู่หอนอกได้ครับ
บ้านผมก็ไกลจะกลับบ้านก็ไม่ได้
แล้วช่วงนี้ก็ใกล้สอบแล้วครับ เด็กหอในบางคนถึงขนาดที่คิดว่าจะติดfก็ช่างมันขอให้ได้ทำกิจกรรมในหอให้ครบก็พออ่ะครับ
เด็กส่วนมากไม่มีเวลาในการอ่านหนังสือครับ ถ้าคนไหนที่มีเรียนแค่4-5ตัวก็ยังพอถูไถนะครับ แต่บางคนนี่ต้องเรียนถึง 7 ตัว แถมยังเป็นวิชาอย่าง ชีวะ เคมี ไรประมาณนั้นมันก็ลำบากนะครับไหนจะกิจกรรมคณะ แรงกดดันจากพี่ในหอ และกิจกรรมหอในอีก ผมว่ามันมากเกินไปนะครับ
ถึงตรงนี้อาจจะมีคนคิดว่าให้ลองไปแจ้งมหาลัยดู
ผมก็ได้พยายามทำเรื่องติดต่อกับทางมหาวิยาลัยแล้วครับ แล้วผมก็พบว่าก่อนหน้านี้ได้มีการลงมติให้ยกเลิกกิจกรรมรับน้องของหอในไปแล้ว แต่มีการคัดค้านจากนักศึกษารุ่นพี่โดยอ้างว่ามันเป็นกิจกรรมที่ทำสืบต่อกันมาเป็นประเพณีจะยกเลิกได้อย่างไร
ก็ใช่ครับ มันไม่ควรยกเลิกแต่ควรจะไปทำอะไรที่มันสร้างสรรค์และไม่มีมีผลกระทบในเชิงลบต่อตัวนักศึกษามากเกินไปจะดีไหมครับ ควรไปทำอะไรที่สร้างสรรค์ไม่ใช่แต่จะมาจับผิดรุ่นน้องแล้วมีแต่การลงโทษ ที่ใช้ความรุนแรง และการบังคับแบบนี้นะครับ
ถึงคุณจะบอกว่าได้สอบถามความสมัครใจแล้ว แต่คุณควรจะถามใจคุณจริงๆว่าที่ถามความสมัครใจเนี่ยเป็นการถามอย่างนั้นจริงๆหรือเปล่าหรือแค่ถามไปตามพิธี
ผมตั้งกระทู้นี้ขึ้นมาก็หวังว่าจะช่วยทำให้พวกพี่ๆเค้ามีการเปลี่ยนหรือปรับทัศนคติของเขาที่มีต่อการรับน้องแบบเดิมๆว่ามันควรจะพัฒนาไปเป็นการรับน้องที่เป็นการรับน้องเพื่อ "น้อง" จริงๆครับไม่ใช่การทำเพื่อตามรอยอดีตอย่างไม่มีการคิดว่าจุดประสงค์ของคุณที่ตั้งไว้นั้น ได้สำเร็จตามจุดประสงค์ของคุณจริงๆหรือไม่ ?
ผมอยากจะถามว่านี่เรียกว่าการทำความรู้จักกันจริงๆหรอครับ ? และผมสามารถแก้ปัญหาตรงนี้ได้อย่างไรบ้าง?
การรับน้องในปัจจุบันนั้นเหมาะสมแล้วหรือไม่?
ก่อนอื่นเลย ผมมีปัญหากับการรับน้องครับ ถึงแม้ว่าปีนี้จะเริ่มมีการเอาจริงเอาจังเกี่ยวกับความรุนแรงในการรับน้องมหาวิทยาลัยมากขึ้น ในมหาวิทยาลัยของผม บางคณะก็ปรับให้มันซอฟท์จนถึงขั้นที่สามารถยอมรับได้ แต่บางคณะในมหาลัยก็ยังเหมือนเดิมครับ
แต่ส่วนที่ผมอยากจะพูดถึงไม่ใช่คณะครับ ผมอยากจะพูดถึง การรับน้องของหอในของมหาวิยาลัยผม สำหรับคนที่อยู่หอในต้องเจอเรื่องพวกนี้เป็นเวลา 24 ชมเพราะวันๆนึงต้องอยู่ที่ม.ตลอด แถมตอนกลางคืนก็มีการเรียกประชุมเชียร์ และทำกิจกรรมบ่อยมากทั้งยังมีการให้ท่องชื่อเล่นชื่อจริง รร.เก่าของเพื่อน ภูมิลำเนาของเพื่อน คือ ตัวผมคิดว่าผมกลับมาก็ควรจะได้พักได้อ่านหนังสือ ไม่ใช่เรียกมาทำโทษเรียกมาประชุมแบบนี้ ส่วนที่แย่ที่สุดคือ การประชุมเชียร์นี้จัดขึ้นเพื่อร้องเพลงของมหาวิทยาลัย และการทำความรู้จักเพื่อนๆใช่ไหมครับ
แต่ยังมีการลงโทษเพราะน้องทำได้ไม่เท่ากับที่พี่พอใจ(ไม่ใช่ทำไม่ได้นะครับ)
ผมคิดว่า เรื่องแค่นี้? ต้องลงโทษและกดดันกันขนาดนี้เลยหรอครับ ทั้งการดันพื้น ซิทอัพ แคงการู และการว้ากใส่ตัวในระยะประชิด(เป็นเวลานาน)
มันก็จริงนะครับที่เค้าจะมีการสอบถามว่าเราจะเข้าร่วมหรือไม่ แต่นั่นเป็นแค่การจัดฉากตบตาเท่านั้นครับ
เพราะถ้าใครไม่เข้าร่วมหรือไม่เอารุ่นก็จะโดนแบนครับ
และคุณอาจจะคิดว่าการแบนจากคนอื่นเราต้องซีเรียสขนาดนั้นเลยหรอ ผมขอตอบว่าใช่ครับ
เพราะการที่เราอยู่หอในนั้นเราต้องอยู่ร่วมกับเพื่อนภายในห้องและภายในตึก แต่ถ้าไม่มีใครช่วยเหลือหรือพูดคุยกะเราเลยแถมยังทำท่าทางไม่พอใจเหมือนเราเป็นตัวสเนียดที่อยู่ในหอคงจะไม่โอเคใช่ไหมครับ เหมือนกับการที่เราอยู่ในบ้านที่มีแต่คนเกลียดเราทั้งบ้านแหละครับ และส่วนมากนะครับการที่เรามาอยู่หอในนั่นเพราะว่าหอนอกมันแพงครับ เดือนละ 3,000-4,000 แต่หอใน 1 เทอม 2,000-3000บาท
เราจึงไม่สามารถย้ายออกไปอยู่หอนอกได้ครับ
บ้านผมก็ไกลจะกลับบ้านก็ไม่ได้
แล้วช่วงนี้ก็ใกล้สอบแล้วครับ เด็กหอในบางคนถึงขนาดที่คิดว่าจะติดfก็ช่างมันขอให้ได้ทำกิจกรรมในหอให้ครบก็พออ่ะครับ
เด็กส่วนมากไม่มีเวลาในการอ่านหนังสือครับ ถ้าคนไหนที่มีเรียนแค่4-5ตัวก็ยังพอถูไถนะครับ แต่บางคนนี่ต้องเรียนถึง 7 ตัว แถมยังเป็นวิชาอย่าง ชีวะ เคมี ไรประมาณนั้นมันก็ลำบากนะครับไหนจะกิจกรรมคณะ แรงกดดันจากพี่ในหอ และกิจกรรมหอในอีก ผมว่ามันมากเกินไปนะครับ
ถึงตรงนี้อาจจะมีคนคิดว่าให้ลองไปแจ้งมหาลัยดู
ผมก็ได้พยายามทำเรื่องติดต่อกับทางมหาวิยาลัยแล้วครับ แล้วผมก็พบว่าก่อนหน้านี้ได้มีการลงมติให้ยกเลิกกิจกรรมรับน้องของหอในไปแล้ว แต่มีการคัดค้านจากนักศึกษารุ่นพี่โดยอ้างว่ามันเป็นกิจกรรมที่ทำสืบต่อกันมาเป็นประเพณีจะยกเลิกได้อย่างไร
ก็ใช่ครับ มันไม่ควรยกเลิกแต่ควรจะไปทำอะไรที่มันสร้างสรรค์และไม่มีมีผลกระทบในเชิงลบต่อตัวนักศึกษามากเกินไปจะดีไหมครับ ควรไปทำอะไรที่สร้างสรรค์ไม่ใช่แต่จะมาจับผิดรุ่นน้องแล้วมีแต่การลงโทษ ที่ใช้ความรุนแรง และการบังคับแบบนี้นะครับ
ถึงคุณจะบอกว่าได้สอบถามความสมัครใจแล้ว แต่คุณควรจะถามใจคุณจริงๆว่าที่ถามความสมัครใจเนี่ยเป็นการถามอย่างนั้นจริงๆหรือเปล่าหรือแค่ถามไปตามพิธี
ผมตั้งกระทู้นี้ขึ้นมาก็หวังว่าจะช่วยทำให้พวกพี่ๆเค้ามีการเปลี่ยนหรือปรับทัศนคติของเขาที่มีต่อการรับน้องแบบเดิมๆว่ามันควรจะพัฒนาไปเป็นการรับน้องที่เป็นการรับน้องเพื่อ "น้อง" จริงๆครับไม่ใช่การทำเพื่อตามรอยอดีตอย่างไม่มีการคิดว่าจุดประสงค์ของคุณที่ตั้งไว้นั้น ได้สำเร็จตามจุดประสงค์ของคุณจริงๆหรือไม่ ?
ผมอยากจะถามว่านี่เรียกว่าการทำความรู้จักกันจริงๆหรอครับ ? และผมสามารถแก้ปัญหาตรงนี้ได้อย่างไรบ้าง?