แชร์ประสบการณ์ หอบความฝัน พาตัวเองไปแข่งเป็นพิธีกรรายการอาหารที่ช่อง Food Network Asia ที่สิงคโปร์ คนเดียว !!

สวัสดีค่ะเพื่อนๆชาวพันทิพ วันนี่อยากจะมาแชร์ประสบการณ์การไปแข่ง Food Hero Asia 2015 ของช่อง Food Network Asia
เมื่อเดือนที่แล้ว วันที่ 1-4 กันยายนนี้เอง ก่อนอื่นขอพูดก่อนเลยว่าจุดประสงค์ของการตั้งกระทู้นี้คือ อยากจะแบ่งปันประสบการณ์การที่ได้

การที่ไปเจออะไรที่เราไม่คุ้นเคย การที่ได้กล้าออกมาจากกรอบของตัวเอง
การที่เป็นวัยรุ่น(ตอนปลาย)สับสนคนหนึ่งได้ลองทำตามความฝันของตัวเองดูสักครั้งนึง
และการที่ได้เรียนรู้ข้อดีข้อด้อยของตัวเองมาปรับปรุงตัวเอง มันก็ดีเหมือนกันนะ

ปล. อาจจะเป็นกระทู้ที่ยาวนิดนึงนะเขียนเพลินมาก55


รูปนี้ไปก้อปปี้ มาจาก instagram AFC เป็นรูปของวันที่ 3 ที่มีทำเมนูอาหารของตัวเอง และก็มีการประกาศผลผู้ชนะด้วยยย
คืนนั้นเราทำ เนื้อ Miyaziki ย่างราดด้วยซอสแจ่ว แซบบเว่อร์55



คือ เราเป็นคนชอบดูช่องรายการอาหารเป็นประจำอยู่แล้ว55 แล้วเราก็เห็นโครงการประกวดแข่ง Food Hero Asia เพื่อค้นหาพิธีกรประจำช่อง Food Network Asia นี้มาตั้งแต่ปีที่แล้ว ตอนนั้นเราเพิ่งเรียนจบปริญญาตรี แล้วก็เพิ่งเริ่มทำงานประจำกับบริษัทที่ดีมากๆที่หนึ่ง ตอนนั้นใจเราคือแบบโอ้ยยยยอยากสมัครมากกก ไม่ได้อยากสมัครเพราะอยากดังอยากเป็นพิธีกรนะ แต่อยากสมัครเพราะเราชอบทำอาหาร เราชอบท่องเที่ยว เราชอบงานที่เราได้ออกไปเจออะไรแปลก แล้วทุกอย่างมันใช่เลย แต่ตอนนั้นเราก็แบบ คำเดียวเลย “กลัว”  กลัวที่ต้องพูดภาษาอังกฤษ กลัวคนอื่นจะมองว่าเราพูดไม่ดี กลัวคนอื่นจะดูไม่รู้เรื่อง กลัวว่าใครเค้าจะมาชอบจะมาดูเราอ้วนอืดออกทีวีขนาดนั้น กลัวจะอายขายหน้าคนอื่น สารพัดจะกลัว55 ก็เลยปล่อยโอกาสลอยหลุดมือไป แล้วเราก็มานั่งเสียดายโอกาสกับตัวเองมาตลอด เสียดายว่าทำไมเรารู้สิ่งที่เราชอบ สิ่งที่เราอยากทำมันอยู่ตรงหน้าแล้วอ่ะ แต่ทำไมไม่ลองทำ มัวแต่นั่งเพ้อฝันกลางวันอยู่นั่นแหละ( เริ่มอินด่าตัวเองตอนนั้นอยู่55) ทีนี่ ปีนี้2015 ช่องก็มีโครงการ Food Hero อีก เราแบบเหร่ยยย ดีใจมากกงวดนี้จะไม่ปล่อยให้โอกาสหลุดมือแน่นอนอย่างน้อยมีฝันแล้ว ต้องได้ลองทำก่อนได้ไม่ได้ยังไงเดี๋ยวค่อยว่ากันเริ่มลงมือก่อน
แล้ววว แท๊นแท้นนน

เราก็ส่งคลิปแรกของเราเข้าประกวด เราอยากทำอาหารที่เป็นอาหารทั่วไปที่ใครๆชาติไหนก็ทำได้ แต่ต้องมีความเป็นไทยผสมเข้าไปหน่อย เราเลยทำ เบอร์เกอร์กับซอสต้มยำแฮมเบอร์เกอร์

อันนี้เป็นคลิปที่เราส่งรอบแรก ถ่ายกันเองกับเพื่อนแบบบ้านๆเลย55
https://www.youtube.com/watch?v=W3OFw9zAq_4


ตอนที่ถ่ายคลิปนี้คือแบบสนุกมาก รู้สึกโอเคละ ผลเป็นไงไม่รู้อ่ะแค่ได้เริ่มทำก็มีความสุขละ ปรากฏ 2 อาทิตย์ผ่านไป ได้เมลล์จ้า ว่าเราติดรอบ30คนสุดท้ายอยากนัดสัมพาษณ์ผ่านสไกป์ เราก็แบบกรี้ดดดดดด กรี้ดดดลั่นบ้านไปกอดแม่ใหญ่เลย55
เพราะเราไม่คิดมาก่อนว่าเราจะติดสักรอบด้วยซ้ำ55 พอสัมพาษณ์สไกป์เสร็จก็ทำให้รู้ว่ามีคนส่งคลิปมาทั้งหมด 200 กว่าคนจะคัดรอบนี้ให้เหลือ 30 คนแล้วก็เป็น 15 คน แล้วก็ 5 คนจากนั้นเป็น 4 คนไปแข่งที่ประเทศสิงคโปร์ เพราะว่าสถานีเค้าอยู่ที่นั้นเน้อะ

ผ่านไป2วัน.... (เร็วมั้ย55) ทางทีมงานก็ส่งเมลล์มาว่าเราติด 15 คนสุดท้ายโอ้ยยยยยยย จุดนี้คือแบบจะเป็นลม
ที่นี้เค้ามีโจทย์ให้ถ่ายคลิป20นาที เป็นเราทำอาหารทำอะไรก็ได้แต่เรามีเวลาคิดบท คิดเมนูอาหาร เลือกร้าน เลือกชุด55 ถ่ายทำ ตัดต่อ แค่อาทิตย์เดียว
เราก็เลยตัดสินใจทำเป็นปาร์ตี้ซีฟู๊ด ทะเลอบหม้อดิน กับน้ำจิ้มซีฟู๊ด กินกับขนมปังกระเทียม ส่วนของหวานเป็นพายแอปเปิ้ล
แล้วชวนเพื่อนๆเรามาเป็นหน้าม้าให้55

อันนี้เป็นพายแอปเปิ้ลกุหลาบที่เราทำ


แต่ครั้งนี้รอผลนานมากก เกือบ3 อาทิตย์ ลุ้นนนนมาก คือแบบมันทำอะไรไม่ได้จริงๆนอกจากรอผล

แล้ววว......เค้าเมลล์มาอีกแล้วจ้า ว่าเราติด 5 คนสุดท้าย จุดนี้คือพีคแบบพีคสุดๆ ไม่คิดไม่ฝัน ดีใจมากก จากนี้ 5 คนจะคัดเหลือ 4 คน
เค้าให้โจทย์เราในการทำรายการแบบ Food War เหมือนกับว่า เอาอาหารท้องถิ่นชนิดเดียวกัน แล้วหาร้านอาหาร2ร้านที่มีชื่อเรื่องอาหารจานนี้ให้เราไปชิมแล้วคอมเม้นว่าแต่ละร้านเป็นแบบไหน เราก็คิดหนักมาว่าจะเอาอาหารอะไรดีทะเลาะกับแม่บ้างทะเลาะกับพ่อบ้าง สุดท้ายก็ตัดสินได้ว่าจะชิม
“ไข่เจียวปู” ที่ร้านครัวอัปสร และร้านกาลิค

ปล.ต้องขอขอบพระคุณร้านอาหารทั้ง2มากจริงๆค่ะ ทางเจ้าของร้านของทั้ง2ร้านน่ารักมากและมีพระคุณต่อเบลล์มากจริงๆ อาหารก็อร่อยมากด้วย อิอิ

Final 5 โอ้ยยไม่อยากจะเชื่อ


สุดท้ายลุ้นสิค่ะงานลุ้นแบบสุดๆ แม่เรานี้เตรียมจองตั๋วแล้ว55 คือแม่ดูจะลุ้นกว่าลูกอีก แต่เราก้อยากเผื่อใจไว้นิดนึงเผื่อไม่ได้จะได้ไม่เสียใจมาก

และแล้วก็มีอีเมลล์มาจ้าาาาาา

สุดท้ายยยส่งเมลล์มาจ้า ว่าเค้าตัดสินใจคัดใครออกไม่ได้ เลยได้เข้ารอบสุดท้ายไปสิงคโปร์ด้วยกันหมดเลย 5 คน กรี้ดดดดด ลั่นบ้านๆๆ อีกแล้วว จากคนที่แค่ส่งคลิปไปเล่นเพราะอยากได้ลองทำตามฝันตอนนี่ได้ไปแข่งที่สิงคโปร์แล้ว ที่นี้เค้าให้โจทย์มาอีกว่ามีเนื้อ Miyazaki Rybeye เนื้อพรีเมียมคุณภาพสูงเกรด A4 ราคาโลละหลายหมื่นบาทให้ทำเมนูอาหารง่ายๆไว้เสริฟแขกในงานคืนที่ 3 ตายละหว่าเกิดมายังไม่เคยกินเนื้อดีขนาดนั้นเลย55 แต่ด้วยความที่เราไม่อยากให้ตัวตนของความเป็นคนไทยและชอบกินอาหารไทยมันหายไป เราเลยทำ เนื้อ Miyazaki ย่างแบบmedium rare แล้วจิ้มกับซอสแจ่วของบ้านเรา แต่ว่าเปลี่ยนจากน้ำปลาเป็นซอยโชยุของญี่ปุ่นเพื่อจะได้มีกลิ่นอายของญี่ปุ่นนิดนึง

จากนี้จะเป็นรูปกิจกรรมที่ได้ไปที่สิงคโปร์เมื่อวันที่ 1 – 4 กันยายน ที่ผ่านมาจ้า





อย่างแรกพอเราเห็นผู้เข้าแข่งขันคนอื่นเราแบบอึ่งกิมกี่ อึ่งมากกกกว่าเรามาอยู่จุดนี้ได้ยังไง ทุกคนคือแบบโพรไฟล์ดีมาก จบนอก ไม่ก็เด็กโตเมืองนอกเป็น10ๆปี เป็น food blogger  เป็นดีเจ เป็นพิธีกรรายการอาหารอยู่แล้ว เป็นเชฟมีร้านอาหารของตัวเอง เป็น food catering แล้วเราแบบ แล้วเราเป็นใคร เด็กจากประเทศไทย อายุ23 ปี เพิ่งเรียนจบจากคณะบริหารการเงิน(ไม่เกี่ยวกันเล้ยยยยย) ไม่มีบล็อกของตัวเองด้วย ไม่ได้เป็นเนตไอดอลไม่มีคนมาฟอลโล่เป็นพันๆหมื่นๆ ไม่เคยทำรีวิวอาหารตัวเองลงพันทิพด้วยซ้ำ555 (เวลาเราทำเราลืมจะถ่ายรูปทุกทีมันเพลินอ่ะ55) เคยแค่เอารูปอาหารลงเฟสตัวเอง55 เราแบบ เห่ยยเรามาถึงจุดนี้ได้ไงเนี่ย ร้องไห้ ยอมเลยตอนแรกบอกตรงไม่คิดว่าชนะอะไรหรอกเพราะ เรามาถึงรอบนี้ได้คือแบบเกินความคาดหมายของเราไปเยอะมากๆแล้ว ก็ถือซะว่ามาเก็บเกี่ยวประสบการณ์พบเจอเพื่อนใหม่ๆ และได้ทำตามฝันแล้ว

อันนี่บรรยากาศวันที่2 ไปโปรโมตที่สถานีวิทยุคลื่น kiss และ one FM จากนั้นก็ไปถ่ายรูปทำรายการแล้วก็ไปอัดเทปสัมพาษณ์




รูปนี้ถ่ายกับพี่ช่างแต่งหน้า น่ารักมาก แต่งเราจากอิป้าหน้าแป้นจนดูเป็นผู้เป็นคนขึ้นมา55



วันที่ 3 วันสำคัญค่า ลืมบอกไปเลยว่าการตัดสินเค้าดูจากผลงานทั้งหมดที่ผ่านมารวมถึงดูความเหมาะสมโดยรวมของผู้เข้าแข่งขันว่าใครควรชนะ เค้าจะเอาผู้ชนะ 2 คนเน้อะเพื่อใช้เป็นพิธีกร 2 รายการ บอกตรง ณ จุดนั้นเริ่มแบบหึ๊ยอยากชนะอ่ะ เรามาถึงนี้แล้วต้องทำเต็มที่สิ เรามาถึงนี้แสดงว่าเค้าคงเห็นอะไรสักอย่างในตัวเราละมั้ง55



ตอนเช้าเริ่มจากการไปเรียนการทำอาหารจาก chef Chris Millar ประจำห้องอาหาร 1 Altitude เชฟน่ารักมากเป็นกันเองสุดๆแล้วอาหารที่เชฟทำก็อร่อยมากเช่นกัน

มันก็คือ ทูน่ากริล กับซอสเห็ดทรัฟเฟล โอ้ยย เกิดมาไม่เคยกินอะไรจะอร่อยขนาดนี้ เป็นบุญปากมากค่ะบอกเลย55


ตอนบ่ายก็เป็นแนววแบบเข้าครัวเตรียมของสำหรับปารตี้คนนี้ แล้วก็ตกเย็นเวลาที่ตื่นเต้นมากก็มาถึง เรารู้สึกแบบเห่ยมันสมจริงมากเลย สิ่งที่จากจุดเริ่มต้นเล็กๆมันพาเรามาถึงจุดนี้แล้ว ต้องขึ้นเวที พูดภาษอังกฤษต่อหน้าคนแปลกหน้าเป็นร้อย พรีเซนตัวเอง พรีเซนอาหารของเรา พรีเซนความเป็นชาติเราและความเป็นตัวเรา โอ้ยยยมันตื่นเต้นมาก เกิดมาอย่างมากสุดก็แค่พูดต่อหน้าคนในคณะเพื่อนๆกันเวลาจัดงานเล็กใต้ตึก อันนี่มันใหญ่มากจริงๆ




ทุกอย่างไปเร็วมากจ้า แปบเดียวก็ประกาศผลผู้ชนะ แบบถ้าเป็นเมืองไทยคงแบบลากยาวไปถึง4ทุ่มเพลงบิ๊วแล้วบิ๊วอีก55 อันนี่เพิ่ง3ทุ่มเอง ประกาศแล้วววววว คนที่  5 คือ Darren เป็นคนที่น่ารักมาก ตลกมากนิสัยดีมากๆ

ต่อไปคนที่4 พอเค้าจะประกาศชื่อ ปรากฎเป็นชื่อเราขึ้นมา!!

ใช่แล้ววทุกคนเราไม่ได้ชนะการแข่งขันครั้งนี้ ส่วนคนที่ชนะคือ Debbie และ Ili
2 คนนี้สมควรแล้วที่ชนะเพราะเก่งและมีความสามารถมากจริงๆ

ถึงเราจะไม่ชนะ แต่แบบมันเป็นประสบการณ์ที่สุดยอดมากเลยๆนะ เราได้เรียนรู้อะไรเยอะมาก ได้เจอเพื่อนใหม่ทั้ง 4 คนที่เป็นที่ดีมาก และทีมงานทุกคนที่สิงคโปร์ก็น่ารักมากๆเช่นกัน( เดี๋ยวเราจะสรูปข้อดี ข้อด้อยของเราเป็นข้อๆตอนท้ายเน้อะ) แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับเราคือ เราได้เริ่มทำตามความฝันเราแล้วล่ะวันนี่ ถึงมันจะเป็นก้าวเล็กๆก้าวแรก แต่มันจะไม่ใช่ก้าวสุดท้ายของเราแน่นอน ขอแคปประโยคที่ได้ยินบ่อยๆว่า
“ this is not the end, it’s just a  beginning ”



มาถึงสิ่งที่เราคิดว่าเรายังด้อยอยู่มาก คือ

เราขอสรุป 3 ข้อหลักๆที่เราคิดว่ามันอาจจะเป็นประโยชน์ต่อทุกคนนะค้ะ

1. ภาษาๆๆๆๆๆๆๆๆ ภาษาอังกฤษนั่นสำคัญมากๆเลยนะ เพราะทุกวันนี้คนจะสื่อสารด้วยภาษาอังกฤษ ยิ่งเดี๋ยวเราเป็นสมาคมอาเซียนกันแล้ว ภาษาอังกฤษเป็นอะไรที่ต้องสื่อสารให้ได้ เพื่อนบ้านเราเค้าพูดกันคล่องปรื้อ หยั่งกะคน native ไปแล้วจ้า เพราะฉะนั้นอย่าหยุดพัฒนาตัวเอง ฝึกฝนๆเยอะ คนที่พูดได้คล่องที่สุด คนที่พูดได้native ที่สุดจะดีที่สุด

2. ถ้าเรามีความฝันมีต้องการจะทำอะไรสักอย่าง ก็ลงมือทำไปเลย(ถ้าไม่ได้เดือดร้อนใครนะ) อย่าไปฟังเสียงคำว่า “กลัว”ในหัวตัวเอง หรือเสียงใครก็ตาม คนที่ผลักดันเราให้ไปได้ไกลที่สุด หรือว่าจะฉุดรั้งเราไว้ ก็คือ ตัวเราเองนี่แหละ อย่าให้เสียงเล็กๆของความไม่มั่นใจมาบั่นทอนการที่เราจะกล้าลองทำตามความฝันดู เริ่มก้าวเล็กๆแค่ได้เริ่มก็ถือว่าสำเร็จแล้ว ชีวิตคนเราเกิดมาแค่ครั้งเดียวนะ ถ้าเราไม่ลงมือทำตอนนี่แล้วเราจะได้ทำตอนไหน จริงมั้ยค้ะ

3. หาความรู้เยอะๆ ยิ่งถ้าเป็นเรื่องที่ชอบด้วยแล้วเนี่ยเราควรจะหาความรู้ในเรื่องนั้นๆให้ลึกเลย เพราะพอเราไปคุยกับคนอื่นอาหารบางอย่างหรือร้านอาหารที่ดังมากๆในเมืองไทยเรายังไม่รู้จักเลยจ้า


มาถึงจุดนี้ขอบคุณทุกคนมากๆที่คอยอ่านจนจบ บอกแล้วว่ามันยาว55 ขอบคุณ คุณพ่อ คุณแม่ ญาติๆที่ให้การสนับสนุน ขอบคุณเพื่อนดีๆทุกคนมากๆจริงๆที่คอยช่วยเหลือและคอยให้กำลังใจมาตลอดๆ วันนี่ถึงเราไม่ได้ชนะ แต่เรามีความสุขมากแล้วที่ได้ลองทำในสิ่งที่คิดที่ฝันไว้ว่าอยากทำ ขอบคุณน้า
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่