ก็ไม่มีอะไรมาก วันนี้อยากจะเขียนแชร์เรื่องการใช้ชีวิตให้กับน้องๆ สาว ๆทั้งหลาย แต่บอกก่อนว่าตัวเองก็ไม่ได้ดีเลิศอะไรหรอกนะ แต่ก็ผ่านประสบการณ์มาพอประมาณ มีทั้งดีและไม่ดี แต่สิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นมันทำให้เราได้มีวันนี้ วันที่ตั้งตัวได้ พร้อมที่จะสร้างชีวิตที่ดีให้กับตัวเอง ครอบครัว และอาจจะมีเจ้าตัวน้อยเกิดมา ใครจะรู้

ด้วยว่าตัวดิฉันเองก็มีน้องสาว พึ่งจะ 23 ปีนิด ๆ อายุห่างกัน 12 ปี ก็คำนวณเอาหละกันว่าเราอายุเท่าไหร่ บางทีน้องสาวก็จะคอยถามการใช้ชีวิตกับเรา เพราะอาจจะด้วยเป็นน้องคนเล็กและก็สนิทกัน เราเลยคอยบอก คอยสอน บางทีก็ด่านะ ช่างเป็นพี่สาวที่ไม่ค่อยจะฟรุ้งฟริ้งเท่าไหร ก็เลยคิดว่า สาวๆ ทั้งหลายที่รุ่นเดียวกับน้องเรา แล้วไม่มีใครให้คำปรึกษาเหมือนตอนเรายังละอ่อน แล้วต้องเจอเรื่องที่ไม่ดี เป็นประสบการณ์ที่แย่ๆ มาเยอะ มันทั้งเสียใจ เสียความรู้สึก เสียเงินก็มีนะ เลยอยากจะมาแชร์น้องๆ ว่าถ้าเจอแบบนี้ ควรจะทำไง หรือเลิกมโนหลอกตัวเอง หรือว่าถ้าไม่เคยเจอก็ถือว่าเป็นบุญของพวกเธอแล้วหละ
เรื่องของสาวๆ แรกแย้ม อายุ 20 นิดๆ ไปถึง 30 ต้น ๆ ก็คงไม่พ้น เรื่องความรัก เรื่องผู้ชาย เรื่องการงาน หรือเรื่องจะเอาไงต่อกับชีวิตตัวเอง มันก็ปรกติแหละค่ะ น้องๆ ไม่ได้ผิดแผกหรือเป็นเรื่องหนักอก อะไร ทุกคนต้องเจอเหมือนกันแต่จะมากหรือน้อย อยู่ที่ความดื้อรั้นและชอบเสี่ยงของแต่หละคน ถ้าคนนิ่ม ๆ หัวอ่อน ก็อาจจะไม่ได้เจออะไรโชกโชนมากหนัก แต่ถ้าพวกชอบเสี่ยง ชอบความท้าทายก็จะเจอเรื่องที่มีความตื่นเต้นเป็นรสชาติของชีวิต
ดังนั้น กระทู้นี้ก็เหมือนมาพูดคุยแลกเปลี่ยน เม้าท์มอยกันไป มีสาระบ้างไม่มีบ้างก็อ่านๆ กันนะ ไม่ต้องคิดว่าสิ่งที่บอกจะต้องเอาไปทำตาม เหมือนรู้ไว้ ถ้าเจอเหตุการณ์คล้ายๆ กัน ก็จะได้รู้ว่าเออ มันเป็นแบบนี้ ผลลัพธ์มันเป็นยังไงอาจจะเหมือนแบบเราหรืออาจจะแตกต่าง คิดซะว่ามีพี่สาวมาแชร์เรื่องต่างๆ ให้ฟังหละกัน
เรื่องความรัก , แฟน , ผู้ชาย
หัวข้อนี้มันเป็นเรื่องสากลโลกเลยนะ คือทุกคนเกิดมาก็ต้องอยากมีความรักกันทุกคน พอเริ่มเป็นสาวใครหละไม่อยากมีแฟน คือ โตมาขนาดนี้ ไม่เคยมีใครบอกว่าฉันจะไม่มีแฟน (จริงๆนะ ใครจะไม่อยากลองว่ามีความรักแล้วรู้สึกยังไง มันไม่เหมือนแบบความรักที่เราให้ครอบครัว เพื่อนหรือหมาแมวนะ ต่างกันสิ้นเชิง) ให้ตายเหอะ มันอยู่ที่ว่าจะบอกหรือว่าจะเก็บไว้เงียบๆ ดังนั้นไม่ผิดที่พวกเราพอเป็นสาวแล้วอยากมีแฟน ไม่ต้องคิดว่าหนู แฮดมาก อยากมีแฟนจนตัวสั่น มันปกติมากค่ะ แต่อยู่ที่ว่าจะมีแฟนแบบไหน แบบเจอกันที่ทำงาน ที่เรียน ในผับ บาร์ หรือไปแย่งเค้ามา เรามาพูดกันว่าถ้าอยากมีแฟน แต่ไม่เคยเลยตั้งแต่เกิดมาทำไงดี วันๆ ตื่นมา ไปทำงาน กลับบ้าน นอน วันหยุดก็อยู่บ้านหรือไม่ก็ไปไหนกับครอบครัว จริงๆ มีนะ เห็นหลายคนเลย พออายุมากขึ้นก็มาบ่นว่า อยากลองมีความรักสักครั้ง อยากรู้ว่ามันเป็นไง คนเราก็เหมือนต้นไม้นั้นแหละ มีคนมารดน้ำให้ทุกวัน ก็อยู่ได้นะ แต่ความรักก็เหมือนปุ๋ยนั้นแหละ ไม่ใส่ต้นไม้ก็ไม่ตายหรอก แต่ปุ๋ยมันทำให้ต้นไม้ต้นนั้นเจริญงอกงามออกดอกสวยงาม ความรักก็เหมือนกันมันทำให้หัวใจเราชุ่มชื้นขึ้นนะ จริงๆ ไม่อยากจะโม้ อยู่ที่ว่าปุ๋ยนั้นมัน ดีหรือไม่ดีด้วย ใส่มากไปก็อาจจะทำให้ต้นไม้ตายได้ ใส่น้อยไปก็อาจจะไม่เจริญเติบโต แคระแกนได้
แล้วเราจะหาความรักจากไหนหละ เอางี้ถ้าน้องๆ ยังเด็กๆ พี่ก็ไม่อยากให้คบมั่วๆ หรอกนะ แต่คนเราไม่ลองไม่รู้ แต่ก็เลือกหน่อยนะ แต่ถ้าเลือกมากเกิน เรื่องเยอะ ถ้าน้องไม่สวยระดับ ชายใดเห็นแล้วต้องเหลียวหลังมอง พี่ว่าก็เอาพอดีๆ คบไว้ให้รู้ว่าเออการมีแฟนมันเป็นยังไง
วิธีการหาแฟน
ที่เขียนไม่ได้แนะแนว ให้น้อง ไปอ่อยใคร วันๆ คิดแต่เรื่องจะหาผู้ชายนะ แต่ถ้าคุณน้องอยู่ในวัยทำงาน เรียนจบแล้ว มันก็ไม่เห็นแปลกที่จะมีแฟนเป็นของตัวเอง เรามาพูดถึงคนที่ไม่เคยมีแฟนเลย ขี้อายเวอร์เจอผู้ชายแล้วปากสั่น ตัวสั่น อยากจะเข้าไปกอด (ไม่ใช่ หมายถึง แค่จะคุยยังไม่กล้า) พี่แนะนำง่ายๆ เวลาเจอผู้ชายก็คิดว่าเค้าคือเพื่อนมนุษย์เหมือนเรานี้แหละ ไม่ได้แตกต่างพิสดาร แต่ถ้าคนนั้นแบบว่าถูกใจใช่เลย และอยากจะรู้จัก แบบกลับบ้านไปแล้วคิดถึง จินตนาการว่าถ้าได้คุยด้วย แล้วเป็นไง มโนแจ่มทุกวันว่าอยากคบเค้า พี่แนะนำแบบนี้ ลองลดความเขินอายลง มันไม่ได้เสียหายซะหน่อยที่จะไปแนะนำตัวรู้จักเค้า แต่ก็ดูก่อนนะ เออถ้าเค้ามีแฟนแล้ว เห็นมากลับผุ้หญิงคนเดิมๆ ก็ตัดใจซะ เพราะจากที่จะได้สนุกๆ มีอะไรมาเติมชีวิตที่เหงาๆ จะกลายเป็นดราม่าไป อย่างถ้าเจอกันบ่อยๆ ที่ออฟฟิศที่ทำงาน หรือเดินสวนกันตลอด ไม่เห็นเป็นไรเลยที่จะยิ้มให้ คือแรกๆ มันก็อาจจะได้ผลตอบรับแบบทำเอาเงิบได้ แบบเค้าไม่ยิ้มให้เพราะตกใจ ตั้งรับไม่ทันก็อย่าไปเสียเซลฟ์ วันหลังยิ้มให้อีก ถ้าเค้าทำหน้านิ่งๆ ก็อาจจะเริ่มลองหัดมายิ้มให้ตัวเองที่บ้านหรือยิ้มให้เพื่อน เพราะบางคนยิ้มเหมือนจะร้องไห้ คือยิ้มแบบเป็นมิตรอ้ะ ไปฝึกซะ แล้วลองดูอีกครั้ง คือถ้าแบบเค้าไม่นำพาประมาณว่าไม่อยากรู้จัก ก็ปล่อยเค้าไป ปลาเล็กปลาใหญ่ในมหาสมุทรมีอีกเยอะ คุณน้อง แต่อย่าไปเซ้าซี้ ถึงขึ้นโรคจิตนะ แบบตามเค้าทุกฝีก้าว จากน่ารักจะเป็นน่ากลัวไป (บางทีอาการเงิบมันก็ทำให้เราขำเล็กๆ นะ เวลาเราคิดถึงเรื่องเก่าๆ พี่ว่าฮาดีออก ดีกว่าชีวิตโคตรจะนิ่งยิ่งกว่าน้ำในอ่างอีก
แล้วบางคนก็อาจจะคิดแถวที่ทำงานหรือไม่เห็นจะเจอหล่อๆ เลย เพราะหนูทำงานในห้องแถว อยู่ในซอกหลืบห่างไกลความซิวิไลศ์ พี่แนะนำค่ะ จากการที่จะทิ้งดิ่งกลับบ้านเลยหลังจากเลิกงาน น้องก็ไปหาอะไรอื่นๆ ทำซะ จะเรียนภาษาเพิ่มเติม เรียนโปรแกรมคอม เรียนเย็บปักถักร้อย หรืออะไรก็ตามที่ทำให้เราเจอคนใหม่ๆ มากขึ้น พี่ว่ามีประโยชน์สองเด้งนะ คือ เพิ่มความรู้ให้ตัวเอง และยังเปิดสมองน้อยๆ ของเราให้ได้เจอคนอื่นมากขึ้น นอกจาก ครอบครัวที่รออยู่ที่บ้าน เพื่อนร่วมงาน เพื่อนเก่าสมัยพระเจ้าเหา คือไม่เบื่อหรอที่จะเจอแต่สิ่งเดิม ๆ แต่การเจอเพื่อนใหม่เราก็ต้องรักษาระยะด้วยนะค่ะ ยิ่งเรามาเจอกันตอนโต คนเค้าก็มีความเป็นส่วนตัวกัน อย่าไปเยอะ ต้องใช้มารยาทที่ดีในการรู้จักกัน ให้เกียรติกัน แล้วเราก็จะได้ความเคารพกลับมา มีสังคมใหม่ๆ ที่ดีๆ มันก็ทำให้เราเจอมิตรภาพที่ดีได้ แต่ถ้าน้องๆ คิดว่าจะไปหาเพื่อนตาม ผับ บาร์ อันนั้นอีกเรื่อง คนดีๆ ก็มี แต่คงจะยากค่ะ เอาแบบสังคมปกติที่คนมีสติสัมปัญชัญญะ เค้าเจอกันดีกว่า ไอ้แบบเมาๆ ชวนชนแก้ว โต๊ะข้างๆ พี่ว่าคงไม่โอเคในการสร้างมิตรค่ะ
ส่วนการจะได้ผู้ชายมาเป็นแฟน มันขึ้นกลับความคลิ๊กด้วยค่ะ อันนี้เป็นเรื่องส่วนบุคคล คือแต่ละคนไม่เหมือนกัน อีกอย่างแล้วแต่บุญพาวาสนาส่งด้วยนะ บางคนมีแฟนคนแรกได้แต่งงานกันเลย ชีวิตคู่ดีด๊าก็มี บางคนเปลี่ยนแฟน เร็วกว่าเปลี่ยนโปรโมชั่นโทรศัพท์ ตอนนี้ยังหาถูกใจก็ยังไม่มี บางคนเจอมาว่าผู้ชายคนนี้ดีประเสริฐสุดแล้ว คบไปแต่งงานไป ชีวิตคู่จบก็มี บางคนเจอแต่เรื่องแย่ๆ เจอแต่แฟนไม่ดี มาเจอคนดีทีหลังก็เยอะ ดังนั้นความรักมันเหมือนส่วนหนึ่งของประสบการณ์ชีวิต รีบร้อนไม่ได้ของแบบนี้ต้องดูยาวๆ ค่ะ แต่พี่แค่อยากบอกว่าคบใครก็ต้องใช้สตินะ จะดีจะไม่ดี สุดท้ายคนที่จะสุขหรือทุกข์คือตัวเรา
ดังนั้นการมีแฟนเยอะหรือน้อยมันก็ไม่ได้วัดว่าเรามีความสุขมากหรือน้อยกว่ากัน แต่การมีคนรักหรือแฟนหรือผู้ชายคนสนิท ถ้ามีมากก็เหมือนนักรบแหละค่ะ ออกรบมากก็มีบาดแผลมากก็แค่นั้น แล้วอาจจะสร้างภูมิคุ้มกันเรื่องความรัก ไม่เป็นคนโลกสวยแบ๊ว ๆ แต่ก็ไม่อยากให้ถึงขั้นหมดศรัทธาในความรัก หรือเลิกนับถือตัวเอง คิดแต่ว่าตัวเองโง่มากที่ไม่มีเซ้นส์ในการเรื่องคบผู้ชาย (เคยผ่านจุดนี้มาค่ะ แบบคบแล้วเฟลถึงขั้นคิดว่าจะเจอไหมคนที่ไม่ต้องดีมากแต่ก็ไม่เห็นแก่ตัวกับเรามาก ที่คบกันไปช่วยเหลือกัน อยู่ตรงไหนฟะ เมื่อไหร่จะเกิดสักที ฮาๆ)
แชร์ประสบการณ์ เพื่อนสาวถึงเพื่อนสาว
ด้วยว่าตัวดิฉันเองก็มีน้องสาว พึ่งจะ 23 ปีนิด ๆ อายุห่างกัน 12 ปี ก็คำนวณเอาหละกันว่าเราอายุเท่าไหร่ บางทีน้องสาวก็จะคอยถามการใช้ชีวิตกับเรา เพราะอาจจะด้วยเป็นน้องคนเล็กและก็สนิทกัน เราเลยคอยบอก คอยสอน บางทีก็ด่านะ ช่างเป็นพี่สาวที่ไม่ค่อยจะฟรุ้งฟริ้งเท่าไหร ก็เลยคิดว่า สาวๆ ทั้งหลายที่รุ่นเดียวกับน้องเรา แล้วไม่มีใครให้คำปรึกษาเหมือนตอนเรายังละอ่อน แล้วต้องเจอเรื่องที่ไม่ดี เป็นประสบการณ์ที่แย่ๆ มาเยอะ มันทั้งเสียใจ เสียความรู้สึก เสียเงินก็มีนะ เลยอยากจะมาแชร์น้องๆ ว่าถ้าเจอแบบนี้ ควรจะทำไง หรือเลิกมโนหลอกตัวเอง หรือว่าถ้าไม่เคยเจอก็ถือว่าเป็นบุญของพวกเธอแล้วหละ
เรื่องของสาวๆ แรกแย้ม อายุ 20 นิดๆ ไปถึง 30 ต้น ๆ ก็คงไม่พ้น เรื่องความรัก เรื่องผู้ชาย เรื่องการงาน หรือเรื่องจะเอาไงต่อกับชีวิตตัวเอง มันก็ปรกติแหละค่ะ น้องๆ ไม่ได้ผิดแผกหรือเป็นเรื่องหนักอก อะไร ทุกคนต้องเจอเหมือนกันแต่จะมากหรือน้อย อยู่ที่ความดื้อรั้นและชอบเสี่ยงของแต่หละคน ถ้าคนนิ่ม ๆ หัวอ่อน ก็อาจจะไม่ได้เจออะไรโชกโชนมากหนัก แต่ถ้าพวกชอบเสี่ยง ชอบความท้าทายก็จะเจอเรื่องที่มีความตื่นเต้นเป็นรสชาติของชีวิต
ดังนั้น กระทู้นี้ก็เหมือนมาพูดคุยแลกเปลี่ยน เม้าท์มอยกันไป มีสาระบ้างไม่มีบ้างก็อ่านๆ กันนะ ไม่ต้องคิดว่าสิ่งที่บอกจะต้องเอาไปทำตาม เหมือนรู้ไว้ ถ้าเจอเหตุการณ์คล้ายๆ กัน ก็จะได้รู้ว่าเออ มันเป็นแบบนี้ ผลลัพธ์มันเป็นยังไงอาจจะเหมือนแบบเราหรืออาจจะแตกต่าง คิดซะว่ามีพี่สาวมาแชร์เรื่องต่างๆ ให้ฟังหละกัน
เรื่องความรัก , แฟน , ผู้ชาย
หัวข้อนี้มันเป็นเรื่องสากลโลกเลยนะ คือทุกคนเกิดมาก็ต้องอยากมีความรักกันทุกคน พอเริ่มเป็นสาวใครหละไม่อยากมีแฟน คือ โตมาขนาดนี้ ไม่เคยมีใครบอกว่าฉันจะไม่มีแฟน (จริงๆนะ ใครจะไม่อยากลองว่ามีความรักแล้วรู้สึกยังไง มันไม่เหมือนแบบความรักที่เราให้ครอบครัว เพื่อนหรือหมาแมวนะ ต่างกันสิ้นเชิง) ให้ตายเหอะ มันอยู่ที่ว่าจะบอกหรือว่าจะเก็บไว้เงียบๆ ดังนั้นไม่ผิดที่พวกเราพอเป็นสาวแล้วอยากมีแฟน ไม่ต้องคิดว่าหนู แฮดมาก อยากมีแฟนจนตัวสั่น มันปกติมากค่ะ แต่อยู่ที่ว่าจะมีแฟนแบบไหน แบบเจอกันที่ทำงาน ที่เรียน ในผับ บาร์ หรือไปแย่งเค้ามา เรามาพูดกันว่าถ้าอยากมีแฟน แต่ไม่เคยเลยตั้งแต่เกิดมาทำไงดี วันๆ ตื่นมา ไปทำงาน กลับบ้าน นอน วันหยุดก็อยู่บ้านหรือไม่ก็ไปไหนกับครอบครัว จริงๆ มีนะ เห็นหลายคนเลย พออายุมากขึ้นก็มาบ่นว่า อยากลองมีความรักสักครั้ง อยากรู้ว่ามันเป็นไง คนเราก็เหมือนต้นไม้นั้นแหละ มีคนมารดน้ำให้ทุกวัน ก็อยู่ได้นะ แต่ความรักก็เหมือนปุ๋ยนั้นแหละ ไม่ใส่ต้นไม้ก็ไม่ตายหรอก แต่ปุ๋ยมันทำให้ต้นไม้ต้นนั้นเจริญงอกงามออกดอกสวยงาม ความรักก็เหมือนกันมันทำให้หัวใจเราชุ่มชื้นขึ้นนะ จริงๆ ไม่อยากจะโม้ อยู่ที่ว่าปุ๋ยนั้นมัน ดีหรือไม่ดีด้วย ใส่มากไปก็อาจจะทำให้ต้นไม้ตายได้ ใส่น้อยไปก็อาจจะไม่เจริญเติบโต แคระแกนได้
แล้วเราจะหาความรักจากไหนหละ เอางี้ถ้าน้องๆ ยังเด็กๆ พี่ก็ไม่อยากให้คบมั่วๆ หรอกนะ แต่คนเราไม่ลองไม่รู้ แต่ก็เลือกหน่อยนะ แต่ถ้าเลือกมากเกิน เรื่องเยอะ ถ้าน้องไม่สวยระดับ ชายใดเห็นแล้วต้องเหลียวหลังมอง พี่ว่าก็เอาพอดีๆ คบไว้ให้รู้ว่าเออการมีแฟนมันเป็นยังไง
วิธีการหาแฟน
ที่เขียนไม่ได้แนะแนว ให้น้อง ไปอ่อยใคร วันๆ คิดแต่เรื่องจะหาผู้ชายนะ แต่ถ้าคุณน้องอยู่ในวัยทำงาน เรียนจบแล้ว มันก็ไม่เห็นแปลกที่จะมีแฟนเป็นของตัวเอง เรามาพูดถึงคนที่ไม่เคยมีแฟนเลย ขี้อายเวอร์เจอผู้ชายแล้วปากสั่น ตัวสั่น อยากจะเข้าไปกอด (ไม่ใช่ หมายถึง แค่จะคุยยังไม่กล้า) พี่แนะนำง่ายๆ เวลาเจอผู้ชายก็คิดว่าเค้าคือเพื่อนมนุษย์เหมือนเรานี้แหละ ไม่ได้แตกต่างพิสดาร แต่ถ้าคนนั้นแบบว่าถูกใจใช่เลย และอยากจะรู้จัก แบบกลับบ้านไปแล้วคิดถึง จินตนาการว่าถ้าได้คุยด้วย แล้วเป็นไง มโนแจ่มทุกวันว่าอยากคบเค้า พี่แนะนำแบบนี้ ลองลดความเขินอายลง มันไม่ได้เสียหายซะหน่อยที่จะไปแนะนำตัวรู้จักเค้า แต่ก็ดูก่อนนะ เออถ้าเค้ามีแฟนแล้ว เห็นมากลับผุ้หญิงคนเดิมๆ ก็ตัดใจซะ เพราะจากที่จะได้สนุกๆ มีอะไรมาเติมชีวิตที่เหงาๆ จะกลายเป็นดราม่าไป อย่างถ้าเจอกันบ่อยๆ ที่ออฟฟิศที่ทำงาน หรือเดินสวนกันตลอด ไม่เห็นเป็นไรเลยที่จะยิ้มให้ คือแรกๆ มันก็อาจจะได้ผลตอบรับแบบทำเอาเงิบได้ แบบเค้าไม่ยิ้มให้เพราะตกใจ ตั้งรับไม่ทันก็อย่าไปเสียเซลฟ์ วันหลังยิ้มให้อีก ถ้าเค้าทำหน้านิ่งๆ ก็อาจจะเริ่มลองหัดมายิ้มให้ตัวเองที่บ้านหรือยิ้มให้เพื่อน เพราะบางคนยิ้มเหมือนจะร้องไห้ คือยิ้มแบบเป็นมิตรอ้ะ ไปฝึกซะ แล้วลองดูอีกครั้ง คือถ้าแบบเค้าไม่นำพาประมาณว่าไม่อยากรู้จัก ก็ปล่อยเค้าไป ปลาเล็กปลาใหญ่ในมหาสมุทรมีอีกเยอะ คุณน้อง แต่อย่าไปเซ้าซี้ ถึงขึ้นโรคจิตนะ แบบตามเค้าทุกฝีก้าว จากน่ารักจะเป็นน่ากลัวไป (บางทีอาการเงิบมันก็ทำให้เราขำเล็กๆ นะ เวลาเราคิดถึงเรื่องเก่าๆ พี่ว่าฮาดีออก ดีกว่าชีวิตโคตรจะนิ่งยิ่งกว่าน้ำในอ่างอีก
แล้วบางคนก็อาจจะคิดแถวที่ทำงานหรือไม่เห็นจะเจอหล่อๆ เลย เพราะหนูทำงานในห้องแถว อยู่ในซอกหลืบห่างไกลความซิวิไลศ์ พี่แนะนำค่ะ จากการที่จะทิ้งดิ่งกลับบ้านเลยหลังจากเลิกงาน น้องก็ไปหาอะไรอื่นๆ ทำซะ จะเรียนภาษาเพิ่มเติม เรียนโปรแกรมคอม เรียนเย็บปักถักร้อย หรืออะไรก็ตามที่ทำให้เราเจอคนใหม่ๆ มากขึ้น พี่ว่ามีประโยชน์สองเด้งนะ คือ เพิ่มความรู้ให้ตัวเอง และยังเปิดสมองน้อยๆ ของเราให้ได้เจอคนอื่นมากขึ้น นอกจาก ครอบครัวที่รออยู่ที่บ้าน เพื่อนร่วมงาน เพื่อนเก่าสมัยพระเจ้าเหา คือไม่เบื่อหรอที่จะเจอแต่สิ่งเดิม ๆ แต่การเจอเพื่อนใหม่เราก็ต้องรักษาระยะด้วยนะค่ะ ยิ่งเรามาเจอกันตอนโต คนเค้าก็มีความเป็นส่วนตัวกัน อย่าไปเยอะ ต้องใช้มารยาทที่ดีในการรู้จักกัน ให้เกียรติกัน แล้วเราก็จะได้ความเคารพกลับมา มีสังคมใหม่ๆ ที่ดีๆ มันก็ทำให้เราเจอมิตรภาพที่ดีได้ แต่ถ้าน้องๆ คิดว่าจะไปหาเพื่อนตาม ผับ บาร์ อันนั้นอีกเรื่อง คนดีๆ ก็มี แต่คงจะยากค่ะ เอาแบบสังคมปกติที่คนมีสติสัมปัญชัญญะ เค้าเจอกันดีกว่า ไอ้แบบเมาๆ ชวนชนแก้ว โต๊ะข้างๆ พี่ว่าคงไม่โอเคในการสร้างมิตรค่ะ
ส่วนการจะได้ผู้ชายมาเป็นแฟน มันขึ้นกลับความคลิ๊กด้วยค่ะ อันนี้เป็นเรื่องส่วนบุคคล คือแต่ละคนไม่เหมือนกัน อีกอย่างแล้วแต่บุญพาวาสนาส่งด้วยนะ บางคนมีแฟนคนแรกได้แต่งงานกันเลย ชีวิตคู่ดีด๊าก็มี บางคนเปลี่ยนแฟน เร็วกว่าเปลี่ยนโปรโมชั่นโทรศัพท์ ตอนนี้ยังหาถูกใจก็ยังไม่มี บางคนเจอมาว่าผู้ชายคนนี้ดีประเสริฐสุดแล้ว คบไปแต่งงานไป ชีวิตคู่จบก็มี บางคนเจอแต่เรื่องแย่ๆ เจอแต่แฟนไม่ดี มาเจอคนดีทีหลังก็เยอะ ดังนั้นความรักมันเหมือนส่วนหนึ่งของประสบการณ์ชีวิต รีบร้อนไม่ได้ของแบบนี้ต้องดูยาวๆ ค่ะ แต่พี่แค่อยากบอกว่าคบใครก็ต้องใช้สตินะ จะดีจะไม่ดี สุดท้ายคนที่จะสุขหรือทุกข์คือตัวเรา
ดังนั้นการมีแฟนเยอะหรือน้อยมันก็ไม่ได้วัดว่าเรามีความสุขมากหรือน้อยกว่ากัน แต่การมีคนรักหรือแฟนหรือผู้ชายคนสนิท ถ้ามีมากก็เหมือนนักรบแหละค่ะ ออกรบมากก็มีบาดแผลมากก็แค่นั้น แล้วอาจจะสร้างภูมิคุ้มกันเรื่องความรัก ไม่เป็นคนโลกสวยแบ๊ว ๆ แต่ก็ไม่อยากให้ถึงขั้นหมดศรัทธาในความรัก หรือเลิกนับถือตัวเอง คิดแต่ว่าตัวเองโง่มากที่ไม่มีเซ้นส์ในการเรื่องคบผู้ชาย (เคยผ่านจุดนี้มาค่ะ แบบคบแล้วเฟลถึงขั้นคิดว่าจะเจอไหมคนที่ไม่ต้องดีมากแต่ก็ไม่เห็นแก่ตัวกับเรามาก ที่คบกันไปช่วยเหลือกัน อยู่ตรงไหนฟะ เมื่อไหร่จะเกิดสักที ฮาๆ)