วันที่ 5
มาเที่ยวเลห์กัน เหมือนนั่งรถเมล์ จะไปหาเลห์ แม่ขนตางอน
วันนี้เรา จะพาเที่ยวในเมืองเลห์ค่ะ สามสถานที่ยอดฮิต Sunti stupa Namgyal Tsemo Monastery แล Leh Palace เป็นที่ที่ทุกคนมาเลห์ต้องไปเชคให้ครบค่ะ
กระทู้นี้เป็นส่วนหนึ่ง ของ ซีรีส์ เดินทางโดยรถจาก เดลี ไปถึง เลห์ ผ่าน Manali-Leh Highway
ของตุ๊ดตัวเล็กๆและผู้ชายทั้งสี่ของนาง
สามารถติดตามกระทู้หลักได้ที่ข้างล่างนี้เลยค่ะ เกร๋ๆ
http://pantip.com/topic/34208002
อ้อฝากเพจใหม่ของอิชั้นด้วยนะคะ
https://www.facebook.com/armmiethegypsyprincess/
ยอมรับนะคะว่าเมื่อวาน กับการนั่งรถ 12 ชม. ผ่านหมื่นกว่าโค้ง ผ่านเขาอีกพันลูก กว่าจะมาถึงเลห์ได้ แทบดาดิ้น
วันนี้พวกเราเลย วางแผนให้ว่างตอนเช้า ไม่รีบค่ะ ไม่รีบ เพราะสภาพแต่ละคนหลังกรำศึก หมื่นโค้งปรภพมาเสร็จสิ้น ร่างกายพังสุดกำลัง พลังชีวิต กับมานาลดลงจนต้องหยุดเกมไว้ก่อน พวกเราตื่นไปกินอาหารเช้า โรงแรม ซึ่งเป็นอาหารอินเดียรสชาติแปลกๆเค็ม อินเตอร์เนตไม่มี ได้แต่นอนพักผ่อนดูทีวี ให้หนุ่มๆของอิชั้นได้พักร่าง
ตอนสายๆชวนกันไปขึ้น Sunti Stupa ที่อยู่ข้างๆโรงแรม สันติสถูปนั้น สร้างขึ้นเพื่อ มีคาวมสำคัญคือ และเป็นจุดที่นักท่องเที่ยวขึ้นไปถ่ายรูปกัน เพราะจะเห็นเมืองเลห์ทั้งเมือง รวมถึงเป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกด้วย เริ่ดจุง แต่จะขึ้นไปน่ะเหรอ ต้องผ่านอุปสรรคยิ่งใหญ่ของมวลมนุษย์ก่อน นั่นคือบันได
เคยขึ้นบันไดที่ดอยสุเทพที่ดอยสุเทพไหมคะ พวกเรากัดใจขึ้นก็เพื่อสุขภาพหรือเพื่อได้บุญ นี่ก็เหตุผลเดียวกันค่ะ กัดใจขึ้นเพราะคิดว่า คงเหมือนที่ดอยสุเทพ แต่ที่มันไม่เหมือนก็คือความลาดชัดค่ะ นี่ชันและสูงกว่าดอยสุเทพมาก และเพชรฒาตอีกตัวคือ ความเบาบางของออกซิเจน ที่แค่ขมิบตูดจะรู้สึกเหนื่อย แต่นี่ปีนเขา
พวกเราค่อยๆไต่บันไดทีละขึ้นๆ ภาวนาไปด้วย ยก ย่าง หนอ ยก ย่าง หนอ พยายามอยู่กับปัจจุบัน เพราะเงยหน้าขึ้นไปจะทรมานถ้ารู้ว่ามันเหลือกี่ขั้น ยก ย่าง หนอ หอบหนอ หอบหนอ เราแวะพักหอบเป็นพักๆ เรียกได้ว่าบันไดของสันติสถูป เป็นสิ่งที่ทรมานที่สุดในทริปแล้ว
ทางขึ้น sunti stupa ค่ะ เห็นแค่นี้แต่ว่า พอเดินขึ้นจริงๆนี่ โอ เอ็ม จี ถ้าทางแห่งศรัทธามันยากขนาดนี้ ไม่แปลกใจเลยที่โลกนี้มีคนเลวมากกว่าคนดี นี่อิชั้นก็พูดเกินไป
ขึ้นมาถึงตรงนี้ ยอมรับว่า หัวใจนี่ เต้นเท้าไหม้ ภายในทรวงอก เหงื่อแตก แม้อากกาศ 16 องศา
นั่นค่ะสภาพของอิชั้น ตอนขึ้นไปครึ่งทาง นี่ไปขึ้นดอยหลวงเชียงดาวยังไม่สภาพเป็นหมาเท่านี้ อย่าลืมว่าที่นี่สูงกว่า 3800 เมตร ออกซิเจนน้อย แค่เดินเร็วก็เหนื่อยแล้วค่ะ ภาพโดย Mai Wa
ถึงข้างบนเราจะเห็นโบถส์ ข้างในมีพระประทานให้สักการะ อิชั้นก็กราบแบบทิเบตเลยค่ะ ที่ใช้ทุกส่วนของร่างกาย กราบไปหมด ดูๆไปก็เหมือนไปแพลงกิ้งหน้าพระซะมากกว่า ซึ่งมารู้ทีหลังว่าทำผิดจ่ะ อายมาก เพราะมั่นใจว่าทำถูก สอนเพื่อนให้ทำด้วยแต่ไม่มีใครบ้าทำ ฝรั่งก็มองอึ้งๆ
ภายในโบสถ์ค่ะ
บนสุดมีสถูปและลานกว้าง มีบ้านบอกให้ เดินวนขึ้นตามเข็มนาฬิกา ก็เหมือนเวียนเทียนบ้านเรา อิชั้นนี่ทำตามอย่างไม่สงสัย เพราะเคยแห่นาคงานบวชมาหลายงาน แถมเห็นฝรั่งเดินสวนนี่รีบไปอธิบายเลย ว่ายูจะโชคร้ายนะ ฝรั่งทำหน้างงแล้วเดินต่ะเดินต่อ คงเป็นป้าที่คนเห็นอิชั้นกราบแบบทั้งไถตัวเมื่อกี้
Sunti Stupa ค่ะกว่าจะถ่ายได้ เพราะคนเยอะมว๊าก ที่นี่ยอดนิยมค่ะ
ถึงแล้วอิชั้นก็ต้องสักการะเสียหน่อย เพื่อเป็นเกียรติเป็นศรี ขอเท้อออออสามีดีดี หล่อๆรวยๆ ถูกหวยสิบงวด สาธุ (เกลียดกล้ามขาเตะคนตายของอิชั้นจัง) ภาพโดย Mai Wa
ที่นี่Sunti Stupa จะเป็นจุดยอดนิยมชมวิวเลห์ทั้งเมืองค่ะ แถมจะเห็นเมืองบริวารอื่นๆด้วย โดยวิวเลห์ภาพรวมเห็นแบ่งออกเป็นสองส่วนอย่างชัดเจน ส่วนสีเขียว เป็นบ้านที่มีแปลงเกษตรกับสวนสวย กับส่วนสีนำตาลทะเลทราย เราขอเรียกฝรั่งสีเขียวว่า โซนนาบู ส่วนฝั่งทะเลทรายเรียก ฝั่งทาทูอิน
วิวเมืองเลห์ที่เห็นจาก Sunti Stupa ค่ะ
บ่ายๆเรามาเดินสำรวจเมืองค่ะ เรามากินข้าวต่อที่ร้าน all day breakfast ร้านนี้แนะนำ มีไวไฟ แถมยังมีเมนูอาหารเช้าเปิดตลอดทั้งวัน ใครเบื่ออาหารอินเดีย มากินไข่ดาว ไส้หรอก ขนมปัง ได้ที่นี่ แถมยังเอาขวดน้ำมาเติมได้สะอาดได้ 10 รูปี ราคาขายขวดข้างนอก 20 รูปี เหนือสิ่งอื่นใดเค้าให้นั่งแช่ได้ โซเชียลกันเพลินเลย
เดินเล่นชิวๆในเมือง เมืองนี้นักท่องเที่ยวเยอะมาก ให้อารมณ์เชียงใหม่ ร้านอาหาร บริษัทนำเที่ยว treking guild ของที่ระลึก เต็มจน รู้สึกมันเยอะไป
เมืองนี้จะมีกงล้อมนต์ใหญ่ๆอยู่หลายที่ค่ะ อันนี้จะอยู่ตรงข้ามร้านอาหารประจำของเรา คือร้าน all day breakfast เห็นคนที่นี่เดินผ่านก็จะแวะหมุนกงล้อและยืนพนมมือขอพรก่อน ภาพโดย Pao Suwanumpai
ตรงกลางเมืองเลห์จะเห็น Leh Palace อีกแหล่งท่องเที่ยวของเมืองอีกแหล่ง
ตรงจุรัสกลางเมือง มีมัสยิดสวยๆ กำลังถูกบูรณะให้เป็นถนนเส้นที่งดงาม เสียดาย คนที่อ่านกระทู้นี้ตามไป คงเห็นตอนเสร็จแล้ว
บ่ายๆเรานัดคนรถเราพาเที่ยวเมืองเลห์ ที่แรกที่เราไปคือ Namgyal Tsemo Monastery ค่าเข้าคนละ 30 ถ้าขึ้นไปบนยอดอีก จะต้องจ่ายเพิ่ม อีก 20 ถือว่าโอนะ ที่นี่ถือ้ป็นจุดนึงที่สูงในเลห์ อยู่อีกฝากจากสันติสถูป จะได้วิวเลห์มุมสูงอีกฝั่งนึง ณ จุดนี้จะเห็น เมืองแบ่งออกเป็นสองโซนชัดเจน
Namgyal Tsemo Monastery จากมุมด้านล่างค่ะ ภาพโดย Mai Wa
นี่คือบนยอดที่เสียเพิ่ม 20 เป็นทางเดิน ที่มีหน้าต่างระแนงไม้ กั้น ให้แอบส่องดูเมืองแบบ วับๆแวมๆ แหมะ คุ้มเชียะ
จากที่นี่จะเห็นเมืองแบ่งออกเป็นสองส่วนชัดเจน จะเห็นฝรั่งเดิน Treking ขึ้นมาค่ะ
บริเวณรอบๆจะมีเนินเขาสูงๆข้างๆ สามารถเดินไปถ่ายวิวอีกมุมได้ นั่นอิชั้นแอ่นตัวนะคะ ไม่ได้อ้วน ภาพโดย Pao Suwamumpai
จุดนี้เหมาะแก่การภายรูปเพื่อเป็น cover photoบนเฟส มาก พูดเล่อะ ภาพโดย Pao Suwanumpai
นี่ถ้าเดินไปสุดเนินก็จะได้วิวนี้
นั้น โรงเรียนไฮสคูลของเค้าค่ะ เด็กๆโรงเรียนนี้คงมีสนามที่กว้างมาก แถมมีเนินเขาเป็นของตัวเองด้วย
ที่ต่อไปเราไป Leh Palace เป็นเหมือนพระราชวัง ถายในมีหลายชั้นมาก ห้องหับต่างๆค่อนข้างเล็ก ทางเดินซับซ้อนมีหลายชั้น ได้แต่สงสัยว่าคนสมัยก่อนคง ตัวเล็กมากถึงผ่านช่องเล็กๆไปไหนมาไหนได้ ตัวพระราชวังมีห้องหับ อับๆต่างๆมากมาย ซึ่งทางสถานที่กลัวจะมีห้องเปล่าๆ ก็จัดเป็นนิทรรศการแหล่งท่องเที่ยวต่างๆทั่วอินเดีย และที่ห้องโถงใหญ่จัดเป็นนิรรศการภาพถ่ายเก่าๆของเมืองเลห์ และ แบบแปลนของพระราชวัง สายประวัติศาสตร์น่าจะชอบเสพย์
เดินเข้าไป Leh Palace ดูโออ่าอลังการสมเป็น Palace
จากจุดนี้เงยขึ้นไปจะเห็น Namgyal Tsemo Monastery ที่เราพึ่งไปเมื่อกี้ มีทางเดินขึ้นไปจากตรงนี้นะคะ ฝรั่งเดินขึ้นเต็ม แอชั้นชวนหนุ่มเดินขึ้นไปอีกรอบ พวกเค้าเดินหนีอิชั้นเลยค่ะ หรือพวกเค้าไม่รักอิชั้นแล้ว
ทางเข้าเลห์พาเลจ กับ อิชั้นและผู้ชายทั้ง 4 ของนาง ภาพจาก Pao Sawamwupai โดยสาวชาวเวียตนามถ่ายให้ (นั่นขาหรือไม้พะยูง)
ที่ Palaceแบ่งเป็น 9 ชั้นค่ะ แต่ปิดตังแต่ชั้น 8 เพราะมีห้องน้ำกลิ่นแรงอยู่ ชั้นเจ็ตจะเป็นเหมือนดาดฟ้า ถ่ายวิวเมืองอีกที่นึง นี่วิวฝั่งทาทูอิน
นี่ฝั่งนาบู
บนชั้นเจ็ดนี้ จะเห็น sunti stupa ลิบๆด้วยนะ
ปิดท้ายเราไปที่ Sunti Stupa อีกรอบ เพื่อดูพระอาทิตย์ตก แต่ดูเหมือนนางจะอายเกิดกว่าที่จะให้เราเห็น ว้า น่าเสียดาย ไว้มาถ่ายใหม่วันหลัง
ถ่าย sunset ไม่ทันเลยมาถ่ายห้องน้ำแทน ห้องน้ำสาธารณะนี้ ตั้งโดดเดี่ยวเคว้งคว้างกลางภูเขา ให้ความรู้สึก หว้าเหว่แปลกๆ คงจะสื่อว่า หากจะมีความสุขบนที่สูง ก็ต้องยอมที่จะโดดเดี่ยว (เกี่ยวไหม)
สรุป
1.ที่เราไปวันคือ Sunti stupa Namgyal Tsemo Monastery แล Leh Palace สามที่นี้อยู่ในเมือง ยังไงมาแล้วก็ต้องไปเนาะ ไม่ปังเท่าไร แต่ได้ check list เผื่อเอาไปมอยกับคนเคยไปเลห์ แล้วต้องพูดสถานที่เหล่านี้ขึ้นมา
2.ห้องน้ำสาธารณที่สถานที่ท่องเที่ยว อย่าให้พูด ถ่ายเบาน่ะพออดทนได้อยู่ ถ่ายหนักน่ะไม่มีครทนไหวหรอก เห็นเขามาถ่ายหนักข้างนอกกันลึ่ม หลักฐานระเกะระกะไปหมด จะบอกว่าถ้าปวดให้กลับโรงแรม เตรียมตัวให้ดี ออกมาให้เรียบร้อยสบายตัว เพราะถ้าปวดขึ้นมามันลำบากจริงๆ
3.มีร้านอาหารและน้ำปั่นอยู่หน้า Leh palace นะ ลองสั่งเมนูแปลกๆที่เขาเขียนในเมนูดู มันมีคำอธิบายภาษาปะกิดอยู่ เริ่ดพอสมควร บริการก็ดีนะ รสชาติใช้ได้
4.จะดูพระทิตย์ตกที่ sunti stupa เชคเวลาตกให้ดี แต่ละเดือนตกไม่เท่ากัน และควรไปก่อนเวลาตกสอง ชม.เพราะมันจะสวยแต่ละเวลาคนละจุดกัน เช่นห้าโมงถ่ายตรงนี้สวย หกโมงถ่ายอีกตรงสวย รับรองมีเวลาเหลือดีกว่าไปไม่ทันนะ และจะได้เลือกจุดตั้งกล้องเกร๋ๆ เพราะนักท่องเที่ยวเยอะทีเดียว แต่ละคนก็จะมาถ่ายรูปทิตย์ตกเหมือนกันนั่นแหละ
5.คนไทยไปเที่ยวเยอะนะยะ ถ้าจะคิดว่าเหมือนหนังกวนมึนโฮ แล้วจะพูดจา กรือห่ามๆเป็นภาษาไทยแล้วไม่มีคนรู้ล่ะก็ อาจเห็นดราม่าและคลิปให้พันธิปวันต่อไปก็ได้ เป็นนักท่องเที่ยวทีดีหน่อยนะจ๊ะ เพราะเห็นหลายกลุ่มเลย ปล่อยสัตว์กันเต็มสถานที่ศักดิ์สิทธิ อยากเข้าไปเตือนแต่กลัวมันต่อย
วันที่5 Leh วันเดียวก็เที่ยวได้
วันนี้เรา จะพาเที่ยวในเมืองเลห์ค่ะ สามสถานที่ยอดฮิต Sunti stupa Namgyal Tsemo Monastery แล Leh Palace เป็นที่ที่ทุกคนมาเลห์ต้องไปเชคให้ครบค่ะ
กระทู้นี้เป็นส่วนหนึ่ง ของ ซีรีส์ เดินทางโดยรถจาก เดลี ไปถึง เลห์ ผ่าน Manali-Leh Highway
ของตุ๊ดตัวเล็กๆและผู้ชายทั้งสี่ของนาง
สามารถติดตามกระทู้หลักได้ที่ข้างล่างนี้เลยค่ะ เกร๋ๆ
http://pantip.com/topic/34208002
อ้อฝากเพจใหม่ของอิชั้นด้วยนะคะ https://www.facebook.com/armmiethegypsyprincess/
ยอมรับนะคะว่าเมื่อวาน กับการนั่งรถ 12 ชม. ผ่านหมื่นกว่าโค้ง ผ่านเขาอีกพันลูก กว่าจะมาถึงเลห์ได้ แทบดาดิ้น
วันนี้พวกเราเลย วางแผนให้ว่างตอนเช้า ไม่รีบค่ะ ไม่รีบ เพราะสภาพแต่ละคนหลังกรำศึก หมื่นโค้งปรภพมาเสร็จสิ้น ร่างกายพังสุดกำลัง พลังชีวิต กับมานาลดลงจนต้องหยุดเกมไว้ก่อน พวกเราตื่นไปกินอาหารเช้า โรงแรม ซึ่งเป็นอาหารอินเดียรสชาติแปลกๆเค็ม อินเตอร์เนตไม่มี ได้แต่นอนพักผ่อนดูทีวี ให้หนุ่มๆของอิชั้นได้พักร่าง
ตอนสายๆชวนกันไปขึ้น Sunti Stupa ที่อยู่ข้างๆโรงแรม สันติสถูปนั้น สร้างขึ้นเพื่อ มีคาวมสำคัญคือ และเป็นจุดที่นักท่องเที่ยวขึ้นไปถ่ายรูปกัน เพราะจะเห็นเมืองเลห์ทั้งเมือง รวมถึงเป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกด้วย เริ่ดจุง แต่จะขึ้นไปน่ะเหรอ ต้องผ่านอุปสรรคยิ่งใหญ่ของมวลมนุษย์ก่อน นั่นคือบันได
เคยขึ้นบันไดที่ดอยสุเทพที่ดอยสุเทพไหมคะ พวกเรากัดใจขึ้นก็เพื่อสุขภาพหรือเพื่อได้บุญ นี่ก็เหตุผลเดียวกันค่ะ กัดใจขึ้นเพราะคิดว่า คงเหมือนที่ดอยสุเทพ แต่ที่มันไม่เหมือนก็คือความลาดชัดค่ะ นี่ชันและสูงกว่าดอยสุเทพมาก และเพชรฒาตอีกตัวคือ ความเบาบางของออกซิเจน ที่แค่ขมิบตูดจะรู้สึกเหนื่อย แต่นี่ปีนเขา
พวกเราค่อยๆไต่บันไดทีละขึ้นๆ ภาวนาไปด้วย ยก ย่าง หนอ ยก ย่าง หนอ พยายามอยู่กับปัจจุบัน เพราะเงยหน้าขึ้นไปจะทรมานถ้ารู้ว่ามันเหลือกี่ขั้น ยก ย่าง หนอ หอบหนอ หอบหนอ เราแวะพักหอบเป็นพักๆ เรียกได้ว่าบันไดของสันติสถูป เป็นสิ่งที่ทรมานที่สุดในทริปแล้ว
ถึงข้างบนเราจะเห็นโบถส์ ข้างในมีพระประทานให้สักการะ อิชั้นก็กราบแบบทิเบตเลยค่ะ ที่ใช้ทุกส่วนของร่างกาย กราบไปหมด ดูๆไปก็เหมือนไปแพลงกิ้งหน้าพระซะมากกว่า ซึ่งมารู้ทีหลังว่าทำผิดจ่ะ อายมาก เพราะมั่นใจว่าทำถูก สอนเพื่อนให้ทำด้วยแต่ไม่มีใครบ้าทำ ฝรั่งก็มองอึ้งๆ
บนสุดมีสถูปและลานกว้าง มีบ้านบอกให้ เดินวนขึ้นตามเข็มนาฬิกา ก็เหมือนเวียนเทียนบ้านเรา อิชั้นนี่ทำตามอย่างไม่สงสัย เพราะเคยแห่นาคงานบวชมาหลายงาน แถมเห็นฝรั่งเดินสวนนี่รีบไปอธิบายเลย ว่ายูจะโชคร้ายนะ ฝรั่งทำหน้างงแล้วเดินต่ะเดินต่อ คงเป็นป้าที่คนเห็นอิชั้นกราบแบบทั้งไถตัวเมื่อกี้
ที่นี่Sunti Stupa จะเป็นจุดยอดนิยมชมวิวเลห์ทั้งเมืองค่ะ แถมจะเห็นเมืองบริวารอื่นๆด้วย โดยวิวเลห์ภาพรวมเห็นแบ่งออกเป็นสองส่วนอย่างชัดเจน ส่วนสีเขียว เป็นบ้านที่มีแปลงเกษตรกับสวนสวย กับส่วนสีนำตาลทะเลทราย เราขอเรียกฝรั่งสีเขียวว่า โซนนาบู ส่วนฝั่งทะเลทรายเรียก ฝั่งทาทูอิน
บ่ายๆเรามาเดินสำรวจเมืองค่ะ เรามากินข้าวต่อที่ร้าน all day breakfast ร้านนี้แนะนำ มีไวไฟ แถมยังมีเมนูอาหารเช้าเปิดตลอดทั้งวัน ใครเบื่ออาหารอินเดีย มากินไข่ดาว ไส้หรอก ขนมปัง ได้ที่นี่ แถมยังเอาขวดน้ำมาเติมได้สะอาดได้ 10 รูปี ราคาขายขวดข้างนอก 20 รูปี เหนือสิ่งอื่นใดเค้าให้นั่งแช่ได้ โซเชียลกันเพลินเลย
บ่ายๆเรานัดคนรถเราพาเที่ยวเมืองเลห์ ที่แรกที่เราไปคือ Namgyal Tsemo Monastery ค่าเข้าคนละ 30 ถ้าขึ้นไปบนยอดอีก จะต้องจ่ายเพิ่ม อีก 20 ถือว่าโอนะ ที่นี่ถือ้ป็นจุดนึงที่สูงในเลห์ อยู่อีกฝากจากสันติสถูป จะได้วิวเลห์มุมสูงอีกฝั่งนึง ณ จุดนี้จะเห็น เมืองแบ่งออกเป็นสองโซนชัดเจน
ที่ต่อไปเราไป Leh Palace เป็นเหมือนพระราชวัง ถายในมีหลายชั้นมาก ห้องหับต่างๆค่อนข้างเล็ก ทางเดินซับซ้อนมีหลายชั้น ได้แต่สงสัยว่าคนสมัยก่อนคง ตัวเล็กมากถึงผ่านช่องเล็กๆไปไหนมาไหนได้ ตัวพระราชวังมีห้องหับ อับๆต่างๆมากมาย ซึ่งทางสถานที่กลัวจะมีห้องเปล่าๆ ก็จัดเป็นนิทรรศการแหล่งท่องเที่ยวต่างๆทั่วอินเดีย และที่ห้องโถงใหญ่จัดเป็นนิรรศการภาพถ่ายเก่าๆของเมืองเลห์ และ แบบแปลนของพระราชวัง สายประวัติศาสตร์น่าจะชอบเสพย์
ปิดท้ายเราไปที่ Sunti Stupa อีกรอบ เพื่อดูพระอาทิตย์ตก แต่ดูเหมือนนางจะอายเกิดกว่าที่จะให้เราเห็น ว้า น่าเสียดาย ไว้มาถ่ายใหม่วันหลัง
สรุป
1.ที่เราไปวันคือ Sunti stupa Namgyal Tsemo Monastery แล Leh Palace สามที่นี้อยู่ในเมือง ยังไงมาแล้วก็ต้องไปเนาะ ไม่ปังเท่าไร แต่ได้ check list เผื่อเอาไปมอยกับคนเคยไปเลห์ แล้วต้องพูดสถานที่เหล่านี้ขึ้นมา
2.ห้องน้ำสาธารณที่สถานที่ท่องเที่ยว อย่าให้พูด ถ่ายเบาน่ะพออดทนได้อยู่ ถ่ายหนักน่ะไม่มีครทนไหวหรอก เห็นเขามาถ่ายหนักข้างนอกกันลึ่ม หลักฐานระเกะระกะไปหมด จะบอกว่าถ้าปวดให้กลับโรงแรม เตรียมตัวให้ดี ออกมาให้เรียบร้อยสบายตัว เพราะถ้าปวดขึ้นมามันลำบากจริงๆ
3.มีร้านอาหารและน้ำปั่นอยู่หน้า Leh palace นะ ลองสั่งเมนูแปลกๆที่เขาเขียนในเมนูดู มันมีคำอธิบายภาษาปะกิดอยู่ เริ่ดพอสมควร บริการก็ดีนะ รสชาติใช้ได้
4.จะดูพระทิตย์ตกที่ sunti stupa เชคเวลาตกให้ดี แต่ละเดือนตกไม่เท่ากัน และควรไปก่อนเวลาตกสอง ชม.เพราะมันจะสวยแต่ละเวลาคนละจุดกัน เช่นห้าโมงถ่ายตรงนี้สวย หกโมงถ่ายอีกตรงสวย รับรองมีเวลาเหลือดีกว่าไปไม่ทันนะ และจะได้เลือกจุดตั้งกล้องเกร๋ๆ เพราะนักท่องเที่ยวเยอะทีเดียว แต่ละคนก็จะมาถ่ายรูปทิตย์ตกเหมือนกันนั่นแหละ
5.คนไทยไปเที่ยวเยอะนะยะ ถ้าจะคิดว่าเหมือนหนังกวนมึนโฮ แล้วจะพูดจา กรือห่ามๆเป็นภาษาไทยแล้วไม่มีคนรู้ล่ะก็ อาจเห็นดราม่าและคลิปให้พันธิปวันต่อไปก็ได้ เป็นนักท่องเที่ยวทีดีหน่อยนะจ๊ะ เพราะเห็นหลายกลุ่มเลย ปล่อยสัตว์กันเต็มสถานที่ศักดิ์สิทธิ อยากเข้าไปเตือนแต่กลัวมันต่อย