ใครเป็นแฟนหนังสือคงดีใจ เราคือหนึ่งในนั้น แอบกรี้ดเบาๆ ได้เรื่องสนุกล่ะ อย่าปรับเยอะน๊า
เห็นว่า เตรียมจะทำช่อง3ตั้งแต่ปี52แต่ช่องไม่อนุมัติ(เคยได้ยินว่าเสนอ สมาท์ เชอรี่เลยแล้วข่าวก็เงียบไปหลายปี)
ตอนนี้ช่องone ซื้อต่อ เตรียมรอดูเลยจ้า (ขอตัวเอกดีๆ ปรับบทพองาม อย่าลืมฉากระเบิดสถานีรถไฟน๊า)
จากเฟสบุ๊ค Wannawat Chantarodjana
เพิ่มเติม
เรื่องย่อจากปกหลังนิยายเล่มหนึ่ง
ตำนานเล่าว่าการวางศาลหลักเมือง มีการกำหนดฤกษ์
เพื่อบรรจุ 'ผู้รักษาคุ้มครองเมือง' อันศักดิ์สิทธิ์
เสาหลักเมืองสลักขึ้นจากไม้ชัยพฤกษ์
ช่องใต้ดินต้องรองรับด้วยสี่ชีวิตผู้คุ้มครองเมือง
ด้วยชายชื่อที่เป็นมงคล อยู่-ยัง-มั่นและคง เพื่อเป็นเคล็ด
ในการทำพิธีวางเสาหลักเมืองตามศาตร์โบราณ
หากต่อมาบังเกิดตำรา 'แก้เคล็ดดวงเมือง' เพื่อทอนความศักดิ์สิทธิ์ของดวงเมือง
คือใช้ชีวิตของสาวผู้ครองธาตุตามทิศประเมืองทั้งสี่
'สี่คนสี่ธาตุ บูชาปสานเทวา
เสริมราศีชะตา ผู้ประกอบพิธีบำเพ็ญ
หลังเหตุอาเพศธานี
ผู้เสริมชาตะเสวยสุขาวดีเล็งเห็น
กระทำบัดพลีมิเว้น ธรณิน คงคา วายุ เตโช'
ผู้ใด กระทำการสำเร็จดังว่า ดวงชะตานั้นจะกุมทั้งหมดเหนือดวงเมือง
หากต้องสามารถคำนวณ 'ฤกษ์' ยามอาเพศธานี ภัยพิบัติ ของบ้านเมือง
ไปกำหนดเวลาเสวยสุขาวดี เสพสังวาสกับ 'ผู้ถูกเลือก' สี่คน สี่ธาตุ
เมื่อคำนวณได้วันและเวลาไหน ก็ถือว่านั่นคือ 'ฤกษ์'
ที่พวกมันจะลงมือประกอบพิธีบูชาแก้เคล็ดดวงเมือง
เอา 'ผู้ถูกเลือก' ไปสังหารเพื่อถวายเป็นบัดพลี !
รีวิว
เป็นไงบ้างคะกับคำโปรยปกหลัง แค่ได้อ่านตอนแรกก็อยากหยิบขึ้นมาอ่านทันทีเลยใช่ไหม? ตัวเองหยิบมาอ่านช้าไปล้านปีแสงเพราะนิยายของเจ้าป้าเล่มนี้พิมพ์ครั้งแรกตั้งแต่ปี 48 คนอื่นคงอ่านกันทะลุปรุโปร่งแล้ว พอดีช่วงนั้นเป็นช่วงที่ตัวเองเว้นว่างจากการซื้อนิยายไปนานมากเพราะปัญหาชีวิตรุมเร้า แต่ช่วงนี้เพิ่งตกงานใหม่ๆเลยคิดว่าตอนว่างงาน ไม่อยากทำตัวว่างและจิตฟุ้งซ่าน
ต้องหางานอดิเรกที่ชอบทำนั่นคือการอ่านหนังสือ เลยได้มีโอกาสไปหาซื้อหนังสือที่ ณ บ้านวรรณกรรมสาขาเดอะมอล์ล บางแคเลยได้ซื้อนิยายมาหลายเล่มรวมถึงเรื่องนี้และข้าบดินทร์ (คนขายเชียร์ทรายนี้ยังมีรักแต่ความที่ยังไม่อยากเสพนิยายแนวทะเลทรายเลยต๊ะไว้ก่อน แต่มองๆจันทราอุษคเนย์เอาไว้เป็นลำดับต่อไป)
พอได้อ่านบทนำ บอกกับตัวเองว่านิยายเรื่องนี้ไชยา มิตรชัยค่ะ...
.
.
.
.
ก็ไม่ธรรมดาซะแล้วไง อิอิ ปรกติเป็นคนชอบแนวสืบสวนสอบสวนเป็นทุนเดิม (จริงๆอ่านได้ทุกแนวยกเว้นรักหวานแหววกุ๊กกิ๊กเพราะเลยวัยไป) ก็เลยออกอาการโดนนิยายทำร้ายจนต้องอ่านยาวๆจนวางไม่ลง ยอมรับว่าค่อนข้างไม่ค่อยแฮปปี้กับนิยายแนวสืบสวนสอบนวนแบบไทยเท่าไร รู้สึกว่าแต่งแล้วไม่ "ถึงใจ" ตัวเองเท่าที่ควร แต่เรื่องนี้ยกขึ้นหิ้งให้เลย สนุกมาก... ที่สุด
ถึงแม้เนื้อเรื่องจะอัดแน่นไปด้วยหลักการคำนวนวณทางโหราศาตร์แน่นเอี๊ยดแทบทุกบท ดังที่เจ้าป้าระบุไว้ท้ายเล่มว่าอยากให้คนอ่านได้ "อะไร"บ้างนอกจากความบันเทิง อยากจะบอกว่าอันนี้ตัวเองคงไม่ได้อะไรเลยเพราะอ่านแล้วมึน ไม่เข้าใจอย่างแรงด้วยความอ่อนคำนวณมาก่อน เรื่องเลขผานาทีอย่ามาคุยด้วย แค่บวกเลขธรรมดายังไม่ได้แล้วเลขแบบโหราศาสตร์จะเข้าใจได้ฉันใด
ยอมรับว่าช่วงท้ายที่เป็นไคลแม็กซ์ที่มหากะทิงจะเฉลยเรื่องปฏิทินให้นายอุทธิกับ ฯพณฯ รวี ได้รับรู้ เล่นเอาตัวเองมึนไปหมด สุดท้ายเลยอ่านผ่านๆแต่ไม่ได้ตีความ ตอนนี้เลยยังนั่งมึนอยู่ว่านายอุทธิคำนวณผิดไปได้อย่างไร เอาเถอะแค่รู้ว่ามหากะทิงเก่งและฉลาดก็พอแล้ว ถ้าให้อ่านช่วงนั้นอีกรอบก็คงไม่เข้าใจอยู่ดีว่าทำไมหมอดูอุทธิจึงพลาดมหาศาล
แต่ถือได้ว่าเจ้าป้าวางพล็อตมาดีตั้งแต่ต้น คีย์เวิร์ดตอนท้ายแต่ละบทกระชากวิญญาณสุดฤทธิ์ ชนิดที่เรียกว่าถ้าลงในนิตยสารแบบสมัยก่อน คนอ่านคงนอนกันไม่หลับ เฝ้านับวันคอยกันเลยว่าเมื่อไรตอนต่อไปจะมาซะที เจ้าป้าวางคีย์เวิร์ดได้เยี่ยมยอดและดำเนินเรื่องได้รวบรัด เข้าใจง่าย ส่วนตัวละครมีที่มาที่ไป มีมิติ มีดีและเลวในตัวไม่เว้นแม้แต่ตัวพระเอกเองที่ใครๆก็มองว่าดีชนิดหมดจด แต่ในจิตใจของพระเอกก็มีอำนาจใฝ่ร้ายอยู่เช่นกัน
สำหรับตัวละคร นางเอกเป็นคนสวย แบบใครเห็นใครก็รัก บางทีอ่อนหวาน บางทีก็เข้มแข็งและเป็นตัวของตัวเอง แต่มาติดใจตรงที่ตอนอุทธิเข้ามาในชีวิตในเมื่อตัวเองไม่ชอบเขาแต่ทำไมรันหณ์ทำเหมือนให้โอกาสอุทธิอยู่บ่อยๆ ยังลุ้นว่าถ้านางเอกถูกลักพาตัวไปเข้าพิธีได้ก็เพราะจะโดนอุทธิหลอกหรือเปล่าหนอ? โชคดีที่ไม่ใช่... ไม่งั้นคงเสียเซลฟ์
มหากะทิง รูปหล่อ รูปร่างดี มารยาทงาม (ไม่รู้เป็นไงอ่านเรื่องนี้ไปเห็นแต่หน้าน้องโฬมลอยมา จิ้นขึ้นมาอยู่คนเดียวนี่ล่ะ) เป็นนักพยากรณ์ที่หนุ่มมาก หากมีตัวตนจริง สาวๆคงเฮไปดูดวงจนเรือนไทยสะเทือน พระเอกนุ่มนวล ละมุนละไมและรักนางเอกมาก อย่างที่ใครๆก็พากันวิจารณ์ว่ารักง่ายไปหน่อยไหม เพราะเหมือนจะเจอนางเอกไม่นาน แค่ดูดวงว่าเป็นเนื้อคู่ก็รักเสียแล้ว สำหรับตัวเองคิดว่าอาจจะเป็นเพราะบุญสร้างกรรมบันดาลกันมาแต่ชาติปางก่อน ทั้งสองเลยรักกันเร็วเหมือนเจอกันมาตั้งแต่ชาติที่แล้ว
เรื่องไม่ค่อยมีฉากหวานๆของพระนาง สำหรับตัวเองไม่ติดใจกับฉากหวานที่มีอยู่น้อยเพราะฉากการไล่ล่า สืบสวนสอบสวน ชิงไหวชิงพริบทำให้ยึดตัวเองไว้กับนิยายได้อยู่หมัด มากกว่ารอเสพความหวานแหววของคู่รัก แต่ว่าฉากของสารวัตรศรีลกับคุณหมอชิงดวง รู้สึกว่าน้อยเกินไป โดยเฉพาะคุณหมอชิงดวงออกมาน้อยมากจนน่าสงสาร น่าจะมีบทสำคัญๆให้เธอมากกว่านี้หน่อย
โดยส่วนตัวชอบบทสารวัตรศรีลมากที่สุด เป็นตำรวจที่เถรตรง บุ่มบ่ามและห่ามเกินคนจริงๆ แต่เกือบมาตกม้าตายตอนจบตอนที่ถูกจับไปนั่นแหล่ะ ดูบทเด่นๆของสารวัตรศรีลลดลงไปเลย ผิดกับตอนต้นเหมือนเป็นคนละคน แต่อย่างว่าละครก็ต้องอิงความจริงบ้าง คนเจ็บขนาดนั้นให้ลุกขึ้นมาพะบู๊ก็เก่งเกินไปแล้ว และสรุปพระเอกขี่ม้าขาวของเรื่องก็ดันเป็นสารวัตรสืบวงศ์ไปซะได้ ขโมยซีนกันเห็นๆ
อีกประเด็นที่ข้องใจคือในเมื่อมหากะทิงก็รู้ว่าใครเป็นคนขโมยตำราเล่มนั้นไป ทำไมถึงไม่เอะใจตั้งแต่ตอนแรกว่าต้องเป็นคนๆนั้นที่ทำการครั้งนี้ ทั้งๆที่ตลอดเรื่องก็ปูมาตลอดว่าตำรานั้นหายไปได้อย่างไรและเพราะใครเป็นสาเหตุ กว่าท่านมหาจะถึงบางอ้อว่าเป็นคนคุ้นเคยก็ปาเข้าไปเกือบท้ายเล่มแล้ว
ตอนจบเหมือนจะบอกเป็นนัยๆว่าฤกษ์สังหารอาจจะมีภาคต่อหรือเปล่า? หรือจบแบบให้คนอ่านไปจิ้นกันต่อว่าจะเป็นยังไงต่อไป? อีกอย่างได้อ่านตอนจบแบบ tell no one ที่คาเฟ่ของเจ้าป้าตั้งแต่ยังไม่ได้ซื้อนิยายเล่มนี้ บอกได้เลยว่าขนลุกเกรียว เป็นการทำร้ายนักอ่านอย่างสาหัสมาก ดีแล้วที่ไม่จบแบบนั้น
เคดิตรีวิว
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้http://my.dek-d.com/Sherbet_Pink/blog/?blog_id=10104329
ปล.ตอนเราอ่านเมื่อนานมาแล้วอ่านเราคิดมหากระทิงคือพี่ติ๊ก กับ รันณห์ คือเชอรรี่
คุณป้อง นิพนธ์ ช่อง one ที่จะนำ "ฤกษ์สังหาร" เข้าสู่จอโทรทัศน์ค่ะ
เห็นว่า เตรียมจะทำช่อง3ตั้งแต่ปี52แต่ช่องไม่อนุมัติ(เคยได้ยินว่าเสนอ สมาท์ เชอรี่เลยแล้วข่าวก็เงียบไปหลายปี)
ตอนนี้ช่องone ซื้อต่อ เตรียมรอดูเลยจ้า (ขอตัวเอกดีๆ ปรับบทพองาม อย่าลืมฉากระเบิดสถานีรถไฟน๊า)
จากเฟสบุ๊ค Wannawat Chantarodjana
เพิ่มเติม
ตำนานเล่าว่าการวางศาลหลักเมือง มีการกำหนดฤกษ์
เพื่อบรรจุ 'ผู้รักษาคุ้มครองเมือง' อันศักดิ์สิทธิ์
เสาหลักเมืองสลักขึ้นจากไม้ชัยพฤกษ์
ช่องใต้ดินต้องรองรับด้วยสี่ชีวิตผู้คุ้มครองเมือง
ด้วยชายชื่อที่เป็นมงคล อยู่-ยัง-มั่นและคง เพื่อเป็นเคล็ด
ในการทำพิธีวางเสาหลักเมืองตามศาตร์โบราณ
หากต่อมาบังเกิดตำรา 'แก้เคล็ดดวงเมือง' เพื่อทอนความศักดิ์สิทธิ์ของดวงเมือง
คือใช้ชีวิตของสาวผู้ครองธาตุตามทิศประเมืองทั้งสี่
'สี่คนสี่ธาตุ บูชาปสานเทวา
เสริมราศีชะตา ผู้ประกอบพิธีบำเพ็ญ
หลังเหตุอาเพศธานี
ผู้เสริมชาตะเสวยสุขาวดีเล็งเห็น
กระทำบัดพลีมิเว้น ธรณิน คงคา วายุ เตโช'
ผู้ใด กระทำการสำเร็จดังว่า ดวงชะตานั้นจะกุมทั้งหมดเหนือดวงเมือง
หากต้องสามารถคำนวณ 'ฤกษ์' ยามอาเพศธานี ภัยพิบัติ ของบ้านเมือง
ไปกำหนดเวลาเสวยสุขาวดี เสพสังวาสกับ 'ผู้ถูกเลือก' สี่คน สี่ธาตุ
เมื่อคำนวณได้วันและเวลาไหน ก็ถือว่านั่นคือ 'ฤกษ์'
ที่พวกมันจะลงมือประกอบพิธีบูชาแก้เคล็ดดวงเมือง
เอา 'ผู้ถูกเลือก' ไปสังหารเพื่อถวายเป็นบัดพลี !
รีวิว
เป็นไงบ้างคะกับคำโปรยปกหลัง แค่ได้อ่านตอนแรกก็อยากหยิบขึ้นมาอ่านทันทีเลยใช่ไหม? ตัวเองหยิบมาอ่านช้าไปล้านปีแสงเพราะนิยายของเจ้าป้าเล่มนี้พิมพ์ครั้งแรกตั้งแต่ปี 48 คนอื่นคงอ่านกันทะลุปรุโปร่งแล้ว พอดีช่วงนั้นเป็นช่วงที่ตัวเองเว้นว่างจากการซื้อนิยายไปนานมากเพราะปัญหาชีวิตรุมเร้า แต่ช่วงนี้เพิ่งตกงานใหม่ๆเลยคิดว่าตอนว่างงาน ไม่อยากทำตัวว่างและจิตฟุ้งซ่าน
ต้องหางานอดิเรกที่ชอบทำนั่นคือการอ่านหนังสือ เลยได้มีโอกาสไปหาซื้อหนังสือที่ ณ บ้านวรรณกรรมสาขาเดอะมอล์ล บางแคเลยได้ซื้อนิยายมาหลายเล่มรวมถึงเรื่องนี้และข้าบดินทร์ (คนขายเชียร์ทรายนี้ยังมีรักแต่ความที่ยังไม่อยากเสพนิยายแนวทะเลทรายเลยต๊ะไว้ก่อน แต่มองๆจันทราอุษคเนย์เอาไว้เป็นลำดับต่อไป)
พอได้อ่านบทนำ บอกกับตัวเองว่านิยายเรื่องนี้ไชยา มิตรชัยค่ะ...
.
.
.
.
ก็ไม่ธรรมดาซะแล้วไง อิอิ ปรกติเป็นคนชอบแนวสืบสวนสอบสวนเป็นทุนเดิม (จริงๆอ่านได้ทุกแนวยกเว้นรักหวานแหววกุ๊กกิ๊กเพราะเลยวัยไป) ก็เลยออกอาการโดนนิยายทำร้ายจนต้องอ่านยาวๆจนวางไม่ลง ยอมรับว่าค่อนข้างไม่ค่อยแฮปปี้กับนิยายแนวสืบสวนสอบนวนแบบไทยเท่าไร รู้สึกว่าแต่งแล้วไม่ "ถึงใจ" ตัวเองเท่าที่ควร แต่เรื่องนี้ยกขึ้นหิ้งให้เลย สนุกมาก... ที่สุด
ถึงแม้เนื้อเรื่องจะอัดแน่นไปด้วยหลักการคำนวนวณทางโหราศาตร์แน่นเอี๊ยดแทบทุกบท ดังที่เจ้าป้าระบุไว้ท้ายเล่มว่าอยากให้คนอ่านได้ "อะไร"บ้างนอกจากความบันเทิง อยากจะบอกว่าอันนี้ตัวเองคงไม่ได้อะไรเลยเพราะอ่านแล้วมึน ไม่เข้าใจอย่างแรงด้วยความอ่อนคำนวณมาก่อน เรื่องเลขผานาทีอย่ามาคุยด้วย แค่บวกเลขธรรมดายังไม่ได้แล้วเลขแบบโหราศาสตร์จะเข้าใจได้ฉันใด
ยอมรับว่าช่วงท้ายที่เป็นไคลแม็กซ์ที่มหากะทิงจะเฉลยเรื่องปฏิทินให้นายอุทธิกับ ฯพณฯ รวี ได้รับรู้ เล่นเอาตัวเองมึนไปหมด สุดท้ายเลยอ่านผ่านๆแต่ไม่ได้ตีความ ตอนนี้เลยยังนั่งมึนอยู่ว่านายอุทธิคำนวณผิดไปได้อย่างไร เอาเถอะแค่รู้ว่ามหากะทิงเก่งและฉลาดก็พอแล้ว ถ้าให้อ่านช่วงนั้นอีกรอบก็คงไม่เข้าใจอยู่ดีว่าทำไมหมอดูอุทธิจึงพลาดมหาศาล
แต่ถือได้ว่าเจ้าป้าวางพล็อตมาดีตั้งแต่ต้น คีย์เวิร์ดตอนท้ายแต่ละบทกระชากวิญญาณสุดฤทธิ์ ชนิดที่เรียกว่าถ้าลงในนิตยสารแบบสมัยก่อน คนอ่านคงนอนกันไม่หลับ เฝ้านับวันคอยกันเลยว่าเมื่อไรตอนต่อไปจะมาซะที เจ้าป้าวางคีย์เวิร์ดได้เยี่ยมยอดและดำเนินเรื่องได้รวบรัด เข้าใจง่าย ส่วนตัวละครมีที่มาที่ไป มีมิติ มีดีและเลวในตัวไม่เว้นแม้แต่ตัวพระเอกเองที่ใครๆก็มองว่าดีชนิดหมดจด แต่ในจิตใจของพระเอกก็มีอำนาจใฝ่ร้ายอยู่เช่นกัน
สำหรับตัวละคร นางเอกเป็นคนสวย แบบใครเห็นใครก็รัก บางทีอ่อนหวาน บางทีก็เข้มแข็งและเป็นตัวของตัวเอง แต่มาติดใจตรงที่ตอนอุทธิเข้ามาในชีวิตในเมื่อตัวเองไม่ชอบเขาแต่ทำไมรันหณ์ทำเหมือนให้โอกาสอุทธิอยู่บ่อยๆ ยังลุ้นว่าถ้านางเอกถูกลักพาตัวไปเข้าพิธีได้ก็เพราะจะโดนอุทธิหลอกหรือเปล่าหนอ? โชคดีที่ไม่ใช่... ไม่งั้นคงเสียเซลฟ์
มหากะทิง รูปหล่อ รูปร่างดี มารยาทงาม (ไม่รู้เป็นไงอ่านเรื่องนี้ไปเห็นแต่หน้าน้องโฬมลอยมา จิ้นขึ้นมาอยู่คนเดียวนี่ล่ะ) เป็นนักพยากรณ์ที่หนุ่มมาก หากมีตัวตนจริง สาวๆคงเฮไปดูดวงจนเรือนไทยสะเทือน พระเอกนุ่มนวล ละมุนละไมและรักนางเอกมาก อย่างที่ใครๆก็พากันวิจารณ์ว่ารักง่ายไปหน่อยไหม เพราะเหมือนจะเจอนางเอกไม่นาน แค่ดูดวงว่าเป็นเนื้อคู่ก็รักเสียแล้ว สำหรับตัวเองคิดว่าอาจจะเป็นเพราะบุญสร้างกรรมบันดาลกันมาแต่ชาติปางก่อน ทั้งสองเลยรักกันเร็วเหมือนเจอกันมาตั้งแต่ชาติที่แล้ว
เรื่องไม่ค่อยมีฉากหวานๆของพระนาง สำหรับตัวเองไม่ติดใจกับฉากหวานที่มีอยู่น้อยเพราะฉากการไล่ล่า สืบสวนสอบสวน ชิงไหวชิงพริบทำให้ยึดตัวเองไว้กับนิยายได้อยู่หมัด มากกว่ารอเสพความหวานแหววของคู่รัก แต่ว่าฉากของสารวัตรศรีลกับคุณหมอชิงดวง รู้สึกว่าน้อยเกินไป โดยเฉพาะคุณหมอชิงดวงออกมาน้อยมากจนน่าสงสาร น่าจะมีบทสำคัญๆให้เธอมากกว่านี้หน่อย
โดยส่วนตัวชอบบทสารวัตรศรีลมากที่สุด เป็นตำรวจที่เถรตรง บุ่มบ่ามและห่ามเกินคนจริงๆ แต่เกือบมาตกม้าตายตอนจบตอนที่ถูกจับไปนั่นแหล่ะ ดูบทเด่นๆของสารวัตรศรีลลดลงไปเลย ผิดกับตอนต้นเหมือนเป็นคนละคน แต่อย่างว่าละครก็ต้องอิงความจริงบ้าง คนเจ็บขนาดนั้นให้ลุกขึ้นมาพะบู๊ก็เก่งเกินไปแล้ว และสรุปพระเอกขี่ม้าขาวของเรื่องก็ดันเป็นสารวัตรสืบวงศ์ไปซะได้ ขโมยซีนกันเห็นๆ
อีกประเด็นที่ข้องใจคือในเมื่อมหากะทิงก็รู้ว่าใครเป็นคนขโมยตำราเล่มนั้นไป ทำไมถึงไม่เอะใจตั้งแต่ตอนแรกว่าต้องเป็นคนๆนั้นที่ทำการครั้งนี้ ทั้งๆที่ตลอดเรื่องก็ปูมาตลอดว่าตำรานั้นหายไปได้อย่างไรและเพราะใครเป็นสาเหตุ กว่าท่านมหาจะถึงบางอ้อว่าเป็นคนคุ้นเคยก็ปาเข้าไปเกือบท้ายเล่มแล้ว
ตอนจบเหมือนจะบอกเป็นนัยๆว่าฤกษ์สังหารอาจจะมีภาคต่อหรือเปล่า? หรือจบแบบให้คนอ่านไปจิ้นกันต่อว่าจะเป็นยังไงต่อไป? อีกอย่างได้อ่านตอนจบแบบ tell no one ที่คาเฟ่ของเจ้าป้าตั้งแต่ยังไม่ได้ซื้อนิยายเล่มนี้ บอกได้เลยว่าขนลุกเกรียว เป็นการทำร้ายนักอ่านอย่างสาหัสมาก ดีแล้วที่ไม่จบแบบนั้น
เคดิตรีวิว
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ปล.ตอนเราอ่านเมื่อนานมาแล้วอ่านเราคิดมหากระทิงคือพี่ติ๊ก กับ รันณห์ คือเชอรรี่