สวัสดีค่ะ เพื่อนๆ ชาวพันทิปทุกท่าน กระทู้นี่เป็นกระทู้แรกของเราเลยค่ะ เป็นเรื่องราวผจญภัยในต่างแดน ที่ประเทศลาวค่ะ เมืองเล็กๆ ในหุบเขาอย่าง วังเวียง นั่นเองค่ะ อันที่จริง ไปตั้งแต่ ต้นเดือนกรกฎา ค่ะ วันที่ 2-5 เพิ่งจะมีเวลา มาร้อยเรียงเรื่องราว ค่ะ บอกไว้ก่อนเลยนะคะ รูปเยอะค่ะ ใครไม่ชอบดูรูปข้ามไปเลยนะคะ
เริ่มจากการที่ได้แรงบันดาลมาในจากในนี้แหละค่ะ อันที่จริงกระทู้เกี่ยวกับวังเวียงมีคนเคยเขียนไว้เยอะเลยค่ะ เราก็เปิดๆ ไป เห้ย เมืองนี้ น่าไปอ่ะ เมืองเล็ก ๆ มีแม่น้ำไหลผ่าน โอบล้อมด้วยภูเขา ไม่ได้การล่ะ จองตั๋วด่วน .... ห่ะ แต่จะไปคนเดียวเหรอ ผู้หญิงตัวเล็กๆ อย่างเรา ชวนเพื่อนสิคะ ชวนเลย ก็ถามเพื่อนอยู่ 2-3 คน แต่ทุกคน ติดงานลาไมได้ มีนางคนนี้แหละค่ะ ตกปากรับคำอย่างไว เออ ไปดิ ไปก็ไป ( สรุปว่าแกรอยากไปไหม ไปก็ไปเนี่ย ไอเราก็แอบคิด ) งั้นรีบจองตั๋วสิคะ รออะไร เดี๋ยวนางเปลี่ยนใจ อิอิ ได้ตั๋วของ สิงโตค่ะ จองตอนเดือน พฤษภาคม ได้ไปกลับราคา 1090 บาท กรุงเทพ - อุดร บินไฟล์ทเช้าเลยค่ะ ประมาณตี 5 คุณเพื่อนก็มานอนด้วยค่ะ จะได้ไปพร้อมกัน ( ประเด็นคือจะได้ปลุกกัน เดี๋ยวไม่ตื่น...

) ตื่น ตี 3 ค่ะ อาบน้ำแต่งตัว นั่งแท็กซี่ไปจากพัฒนาการไปดอนเมือง ค่าเสียหาย 340 บาท เครื่อง ตี 5 .55 ค่ะ
Ready... go ..go ...go
ถึงที่นั่นประมาณ 6.55 ใช้เวลาเดินทาง 1 ชั่วโมงเป๊ะ แล้วก็ไปรอโหลดกระเป๋า ประมาณ 15 นาทีได้ค่ะ หลังจากนั้นก็เดินไปหาช่องขายตั๋ว รถตุ้ไป บขส อุดร ค่ะ เราต้องขึ้นรถบัสไปวังเวียงจากที่นั่น ตรงนั้น มีรถไปเวียงจันทร์ เลยนะคะ ถ้าใครจะไปซื้อตั๋วจากตรงนั้นได้ แต่ หน่อย ซื้อตั่ว ไป บขส อุดรค่ะ ราคาตั๋ว 80 บาท ต่อคนค่ะ ถ้าคนเต็มรถก็ออกเลยค่ะ ไปถึงบขส อุดร ก็เดินไปหาเจ้าหน้าที่ถามหาตั๋ว ไป วังเวียงค่ะ จะมีแค่วันละเที่ยวนะคะ รอบ 8 โมงครึ่ง ถึงวังเวียง บ่าย 3 ค่ะ แต่ คุณคะ ตั๋ว เต็มค่ะ อะไรกัน นี่ 7 โมงนิดๆ ตั๋วเต็มแล้ว ทำไงดีล่ะทีนี้ เจ้าหน้าที่ แนะนำให้ไปลง เวียงจันทร์แล้วต่อรถไป แต่จะเสียเวลามากเลยค่ะ เราก็ ลังเล คุยกะเพื่อนเอาไงดี ตกลงกันว่า ไปคันนี้แหละ เก้าอี้เสริมก็เอา ออ ลืมบอกไป ตั๋ว อุดร- หนองคาย - วังเวียง 320 บาท ต่อคนค่ะ เรา ได้มาในราคา 300 แหมๆ ลด 20 บาท เพราะ เก้าอี้เสริม เอาไงก็เอากัน แต่เราไม่นั่งเก้าอี้เสริมนะ เพื่อนเรานั่ง เรานั่งข้างคนขับข้างหน้าเลยกะพื้น
พอถึงด่านรสบัสจะจอดให้เราเค้าไป ตม. ไทย ค่ะ ยืนต่อแถวเข้าคิวตรวจ หลังจากเสร็จ ก็ขึ้นรถข้ามสะพานมิตรภาพ ไทย- ลาว ไปฝั่ง ตม. ลาว ค่ะ เสร็จจากด่านก็ไปซื้อ One way ticket บัตรผ่านแดน ไว้ ตึ๊ดออก ประมาณ 5 บาทต่อคนค่ะ วันธรรมดา จ่ายเงินไทยได้ค่ะ ช่วงระหว่างนี้ เพื่อนเราก้ไปแลกเงินค่ะ แลกตรงด่านเลย เรทวันนั้น ของเราเป็น 1 บาท เท่ากับ 241.3 กีบค่ะ ได้มาประมาณ ล้านสองแสนกว่ากีบ เงินเป็นกอบเป็นกำ อิอิ....

เสร็จจากการข้ามแดนเรียบร้อย ก็ไปขึ้นรถบัสค่ะ จะจอดรอเราอยู่ ระหว่างนี้ มีบางคนยังไม่เสร็จ เราก็ไปหาซื้ออะไรไว้กินรองท้องได้ค่ะ ตรงด่านมีขายเพียบเพราะเดี๋ยวรถ จะวิ่งไปยาวๆ เลยค่ะ จอดพักอีกที ประมาณบ่ายโมง เลย ตรงจุดจอดพัก ก็มีของขาย เราแนะนำ กล้วยย่างผ่ายัดไส้มะพร้าว อร่อยค่ะ 5000 กีบ เอง มาม่า ของเค้าก็อร่อยค่ะ ชามละ 15,000 กีบ เหมือนมาม่าบ้านเรา แต่เค้าปรุงรส ทำเหมือนก๋วยเตี๋ยวมีลูกชิ้น มีหมู สามชั้นใส่มาให้
ต่อจากนี้ รถก็ ไปต่อค่ะเริ่มเป็นเส้นทางโค้ง เลี้ยวเลาะ ตลอดทางเราไม่ได้หลับเลย เพราะอยากดูทิวทัศน์ สองข้างทาง หมู่บ้านเล็กในเขา เด็กๆ วิ่งเล่น
น่ารักดี คนขับมีความชำนาญทางมากๆ เพราะถนนแคบ เวลามีรถสวนมาแอบหวาดเสียวตลอดเลย ..... พอสักประมาณ บ่ายสองกว่า ก็เริ่มเข้าใกล้วังเวียง อุ้ย.... ตื่นเต้น คือ อยากลงแล้วนั่งแบบนั้นข้างคนขับเมื่อยอยู่เหมือนกันแต่ก็ทน ศรีทนได้ ......
พอบ่ายสามโมง ก็ถึงวังเวียงค่ะ รถจะไปจอดในโรงแรม จำชื่อไม่ได้แฮะ เหมือนเค้าเป็น partner กัน แล้ว ก็ลงไปเอาของ เตรียมไปที่พัก เค้าจะมีรถรับส่งฟรีจากตรงนั้นเข้าไปในเมืองวังเวียง จริงๆ ไม่ไกล แต่เดินก็เหนื่อยอยู่ มีของด้วย จะลงตรงไหนก็บอกพี่เค้าค่ะ พี่เค้าใจดี
สำหรับที่พัก เราจองจาก อโกด้ามาค่ะ เวียงธารา วิลล่า ดูจากรีวิวแล้วสวยมาก ช่วงนั้น เป็น low season คืนละ THB 1,551.87 (USD 46.08) ก็เลยเอา เพราะราคาปกติแพงอยู่ค่ะ ส่วนคืนที่ 2 เราพักอีกทีค่ะ ถูกกว่านี้ค่ะ
แล้วรถที่มาส่ง ก็มาจอดปากทางเข้าโรงแรมเวียงธารา เราเดินไปต่อ จะต้องข้ามสะพานไปค่ะ เสียค่าข้ามด้วยค่ะ เสียรอบเดียวไปกลับ ประมาณ 2000 กีบ พักเวียงธาราก็ต้องเสียค่ะ รู้สึกจะเป็นของเอกชน คือเดินไม่ไกล แต่อากาศร้อน ค่ะ จ่ายเงินค่าผ่านสะพาน เห็นวิวแล้วหายเหนื่อยเลยค่ะ
ก็ไป เช็คอิน อย่าลืมปริ้นใบ booking ไปด้วยนะคะ เจ้าหน้าที่ที่นี่น่ารักค่ะ ยิ้มแย้ม มี ผ้าเย็น กับ welcome drink มาให้ แล้วก็ ลิส รายการอาหารเช้าค่ะ เป็น buffet นะคะ จะเลือกกี่อย่างก็ได้ คือ อยากจะ เลือกหมดเลย ตะกละมาก 555 แต่กลัวกินไม่หมด แล้วก็ ฟรี drink 2 อย่าง ก็ ต่อห้องค่ะ ตอนนั้นยังไม่สั่ง อยากเข้าห้องพักจะแย่แล้ว
เอาภาพบรรยากาศ เวียงธารามาฝากค่ะ อันนี้ผ่านภาพถ่ายนะคะ ลอง จินตนาการกันดูเองนะคะว่าไปอยู่ตรงนั้น มันฟินมากค่ะคู๊ณณ....

หลังจากนั้นก็เอาของไปเก็บ ที่ห้อง เตรียมออกไปถ่ายรูป ข้างนอก เยเย้........
อันนี้เป็นห้องพักของเรา ค่ะ วิว จาก ด้านหลัง ทิวเขา และด้านหน้าวิวแม่น้ำซองค่ะ

พอมาถึงห้อง สักพัก ไอที่เยเย้ เมื่อกี้ ตัดไปเลยนะคะ..

หลับค่ะ ทั้งคู่เลย ตื่นมาอีกที มืดเลยค่ะ หกโมงเย็น
ก็เลยล้างหน้าล้างตา กะไปเดินเล่น ชิวๆ ในวังเวียง ไหนดูสิ ชิวแค่ไหนกัน ป่ะๆ
อย่างที่บอกค่ะ วังเวียงเป็นเมืองเล็กๆ มันน่ารักอะค่ะ ดูอบอุ่น เดินเล่นได้ สบายๆ เราว่า ผู้หญิงมาคนเดียวยังได้เลยค่ะ ร้านขายของ ข้างทาง ส่วนมากจะเป็น ขนมปัง บาแก็ต เค้าทำสดๆ ใหม่ๆ เลยค่ะ ไส้ ตามที่เราเลือก มี น้ำผลไม้ สมูตตี้ ปั่น น่าทานมาก เราเดินเล่นกันมาเรื่อยๆ จนถึงย่านที่เค้าเรียกว่าเมือง ผู้คนจะเริ่มพลุกพล่าน สำหรับใครที่ชอบโอปป้านะคะ ท่านจะไม่ผิดหวัง วังเวียง นี่เป็นเมืองแห่งโอปป้าจริงๆ คนเกาหลีเยอะมากค่ะ อ่ะๆ แต่ติ่งฝรังอย่าเพิ่งเซ็ง หนุ่มๆ ตาน้ำข้าวเค้าก็พากันมาเที่ยวค่ะ เราก็ได้เพื่อน มานะคะ 2 คน ชื่อ โบอัซ กับ ริชาร์ต เจอกันตรงร้านบาแก็ตตรงหัวมุม นาง say hi มาค่ะ ชะนี อย่างเราไม่มีเขินอายค่ะ ทักทายกลับไปอย่างไวว่อง แล้วเราก็ยืนคุยกับ 2 หนุ่มตรงนั้นแหละค่ะ รอ บาแก๊ตเบคอน แฮม ชี๊ท ที่สั่งไป ด้วย ราคา 20000 กีบค่ะ
หลังจากนั้น เราก็ยืนกินคุยเพลินๆ กัน เพื่อนเราหิวข้าวค่ะ ต้องพานางไป นางเริ่มโมโหหิว เราก็ถาม ว่าเราจะไปกินข้าวกะเพื่อนนะ ไปด้วยกันไหม ชวนตามมารยาท เพราะ คิดว่าคงไม่ไปหรอกมั้ง ปรากฎว่า หนุ่มๆ เค้าไปค่ะคุณ เราไปนั่งร้าน Other Side Restaurant ร้านอยู่ริมแม่น้ำซอง เพื่อนเราสั่งข้าว หนุ่มๆ สั่งเบียร์ อาหารอร่อยนะคะ ร้านนี้ ถูกด้วย เพื่อนเราสั่งข้าวผัดจานใหญ่ หมูสะเต๊ะ 160 กว่าบาทเอง ไม่ได้ถ่ายรูปไว้ ยืมรูปจากเวปมาค่ะ

กลางคืนจะมืดๆ มองไม่เห็นวิว แนะนำให้มากลางวันค่ะ
ส่วนคนที่อยากเชฟค่ากิน ไม่ต้องกลัวค่ะ ที่นี่มี mini mart มีร้านขายของชำ ขายบุหรี่หลากหลายยี่ห้อมาก มี ชายสี่หมี่เกี๊ยว มีตื่มซำ มีไก่ย่าง 5 ดาว ด้วยจ้าาา ....... กินเสร้จก็กลับ ค่ะ หนุ่มๆ เค้าชวนไปต่อ แต่เราไม่ไปค่ะ ( จริงๆ ก็อยาก แต่สะพานข้ามกลับเวียงธาราปิดเที่ยงคืนค่ะ ) เค้าเดินไปส่งเรากลับด้วยนะ ส่งถึงสะพานเลย น่ารักอ่ะ แล้วเราก็แลกเฟสกันค่ะ แล้วคืนนั้นก็หลับสบายเชียว เพลียนั่งรถ
มาต่อกันวันที่ 2 ตื่นประมาณ 8 โมงค่ะ เพราะนัดอาหารเช้า ไว้ 9 โมง อาหารมาตรงเวลามากค่ะ พอเสริฟเสร็จเค้าก็ขึ้นมาเคาะ เรายังแต่งตัวไม่เสร็จ เลยบอกเดี๋ยวลงไปค่ะ พอลงไปน้องเค้ายังยืนรอค่ะ เฝ้าอาหารให้ กลัวมดแมลงมา เลยให้ทิปไปค่ะ ให้เป็นเงินไทยนี่แหละค่ะ ถือว่าเป็นน้ำใจเนอะ

อาหารอร่อยค่ะ นั่งกิน ชมธรรมชาติ ใต้ถุนห้อง ได้ฟิล มากค่ะ อาหารมื้อนั้น อร่อยมาก มีความสุขมากค่ะ
....... วันนี้เราต้องเตรียม check out ค่ะ กินข้าวเสร็จก็เก็บกระเป๋าออกมาค่ะ มาถ่ายรูปเก็บบรรยากาศ
ถ่ายรูปคุ้มอ่ะ พูดเลย
ที่พัก คืนที่ 2 ของเรา ก็จองมาค่ะ ภูมิใจ Guesthouse 17 USD 575 บาทค่ะ รถจากเวียงธารา มาส่งฟรีค่ะ
เจอคุณลุงเจ้าของ น่ารักมาก แกฮา เรียกเรา ลูกๆ ตลอดเลย แกบอกอยู่ต่ออีกคืนไหม คิดถูก 200 กว่าบาท เอง เราบอกขอคิดดูก่อน เพราะราคา walk-in รู้สึกจะ 380ต่อคืน ค่ะ พอดีมี น้อง 2คนมาจากกรุงเทพ หาห้องพักพอดี เลย add line กันไว้ เพราะเรามีแพลนค่ะ วันนี้จะไป blue lagoon หาเพื่อนหาร พอดี ตอนแรก จะเช่ามอไซค์แต่ไม่ไหว ทางโหดเหมือนกัน เลยกะจะเช่ารถไป พอเอาของไปเก็บห้องพัก ก็เจอเพื่อนข้างห้องค่ะ มาจากฝรั่งเศส เป็นแฟนกันเลยชวนไปบลุลากูนด้วย คือรถอะค่ะ เค้าจะคิดราคาเหมา 200000 กีบ 800 บาทค่ะ ไปหลายคนก็หารกัน จะถูกลง ต่อรองเอานะคะ ของเรา 6 คน ก็คนละร้อยกว่าบาท ไปที่ไหนบ้าง จริงๆอยากไปถ้ำจัง แต่ก็บ่าย 3 กว่าแล้ว เลยไปแค่บลูลากูนค่ะ ที่บลุลากูนมีถ้ำด้วยนะคะ พร้อมแล้วออกเดินทางกันค่ะ
ระยะทางไม่ไกลนะคะ แต่เป็นทางลูกรังค่ะ ไปทางเวียงธาราค่ะ ข้ามสะพานไป เราต้องจ่ายค่าข้ามเอง แต่บางคันเค้าจ่ายให้นะคะ ระหว่างทางไปบางคันก็จอดให้ถ่ายรูปนะคะ ตกลงกันตอนแรกดีๆ
ในที่สุดก็มาถึง บลูลากูน น้ำใส สวยงาม สมดั่งคำร่ำลือ

โดดเลยนะคะ ใครว่ายน้ำเป็น แต่เค้าว่ายไม่เป็น เลยไปเช่าชูชีพมาค่ะ 10000 กีบ 40 บาท
คือ อยากอยู่ที่นี่นานๆ เลย โอปป้าถอดเสื้อ แขนล่ำๆ อยากจะกระโดดกัด (นึกว่าตัวเองเป็นซอมบี้ขึ้นมาทันที ) ลืมบอกไป เพื่อน หนุ่มตาน้ำข้าวชาวดัชที่เราเจอกันเมื่อคืนเค้าก็มานะคะ เค้าถามว่าเราใน FB ว่าไปไหนวันนี้ เลยบอกว่าไปบลูลากูน แล้วก็อย่างที่เห็นค่ะ มาเจอกัน อิอิ ...... ถอดเสื้อด้วย ฟินไปอีก
เราเจอเพื่อนคนไทยที่นั่นด้วยนะคะ ก็เลยนัดกันไป ซากุระบาร์ค่ะ เห็นเค้าบอกว่ามาวังเวียงต้องซากุระบาร์ จัดไปสิคะ เราชวน 2 หนุ่มนั่นไปด้วยนะคะ
คืนนั้นเป็นคืนวันศุกร์ ผู้คนพลุกพล่าน วัยรุ่นหนุ่มสาว ทั้งไทยและเทศ รวมถึงหนุ่มสาวชาวลาวด้วยค่ะ เรากับเพื่อนอาบน้ำแต่งตัวกันค่ะเสร็จก็เดินไปซากุระบาร์ ไม่ไกลจากที่เราพัก ครั้งแรกเลยนะเนี่ย เดินไปผับไปบาร์ เกร๋ไปอีก เดินชิวๆ แปบเดียวถึง
เล่าไป เล่ามา จะครบ 10000 อักษรแล้วค่ะ เดี๋ยวมาต่อ ภาค 2 นะคะ
[CR] สองเกลอ เจออะไร .... ผจญภัย ณ วังเวียง - เวียงจันทร์ 4 วัน 3 คืน // ล้านกีบ ยังเอาไหว ( รูปเยอะมากกกกก )
เริ่มจากการที่ได้แรงบันดาลมาในจากในนี้แหละค่ะ อันที่จริงกระทู้เกี่ยวกับวังเวียงมีคนเคยเขียนไว้เยอะเลยค่ะ เราก็เปิดๆ ไป เห้ย เมืองนี้ น่าไปอ่ะ เมืองเล็ก ๆ มีแม่น้ำไหลผ่าน โอบล้อมด้วยภูเขา ไม่ได้การล่ะ จองตั๋วด่วน .... ห่ะ แต่จะไปคนเดียวเหรอ ผู้หญิงตัวเล็กๆ อย่างเรา ชวนเพื่อนสิคะ ชวนเลย ก็ถามเพื่อนอยู่ 2-3 คน แต่ทุกคน ติดงานลาไมได้ มีนางคนนี้แหละค่ะ ตกปากรับคำอย่างไว เออ ไปดิ ไปก็ไป ( สรุปว่าแกรอยากไปไหม ไปก็ไปเนี่ย ไอเราก็แอบคิด ) งั้นรีบจองตั๋วสิคะ รออะไร เดี๋ยวนางเปลี่ยนใจ อิอิ ได้ตั๋วของ สิงโตค่ะ จองตอนเดือน พฤษภาคม ได้ไปกลับราคา 1090 บาท กรุงเทพ - อุดร บินไฟล์ทเช้าเลยค่ะ ประมาณตี 5 คุณเพื่อนก็มานอนด้วยค่ะ จะได้ไปพร้อมกัน ( ประเด็นคือจะได้ปลุกกัน เดี๋ยวไม่ตื่น...
Ready... go ..go ...go
ถึงที่นั่นประมาณ 6.55 ใช้เวลาเดินทาง 1 ชั่วโมงเป๊ะ แล้วก็ไปรอโหลดกระเป๋า ประมาณ 15 นาทีได้ค่ะ หลังจากนั้นก็เดินไปหาช่องขายตั๋ว รถตุ้ไป บขส อุดร ค่ะ เราต้องขึ้นรถบัสไปวังเวียงจากที่นั่น ตรงนั้น มีรถไปเวียงจันทร์ เลยนะคะ ถ้าใครจะไปซื้อตั๋วจากตรงนั้นได้ แต่ หน่อย ซื้อตั่ว ไป บขส อุดรค่ะ ราคาตั๋ว 80 บาท ต่อคนค่ะ ถ้าคนเต็มรถก็ออกเลยค่ะ ไปถึงบขส อุดร ก็เดินไปหาเจ้าหน้าที่ถามหาตั๋ว ไป วังเวียงค่ะ จะมีแค่วันละเที่ยวนะคะ รอบ 8 โมงครึ่ง ถึงวังเวียง บ่าย 3 ค่ะ แต่ คุณคะ ตั๋ว เต็มค่ะ อะไรกัน นี่ 7 โมงนิดๆ ตั๋วเต็มแล้ว ทำไงดีล่ะทีนี้ เจ้าหน้าที่ แนะนำให้ไปลง เวียงจันทร์แล้วต่อรถไป แต่จะเสียเวลามากเลยค่ะ เราก็ ลังเล คุยกะเพื่อนเอาไงดี ตกลงกันว่า ไปคันนี้แหละ เก้าอี้เสริมก็เอา ออ ลืมบอกไป ตั๋ว อุดร- หนองคาย - วังเวียง 320 บาท ต่อคนค่ะ เรา ได้มาในราคา 300 แหมๆ ลด 20 บาท เพราะ เก้าอี้เสริม เอาไงก็เอากัน แต่เราไม่นั่งเก้าอี้เสริมนะ เพื่อนเรานั่ง เรานั่งข้างคนขับข้างหน้าเลยกะพื้น
พอถึงด่านรสบัสจะจอดให้เราเค้าไป ตม. ไทย ค่ะ ยืนต่อแถวเข้าคิวตรวจ หลังจากเสร็จ ก็ขึ้นรถข้ามสะพานมิตรภาพ ไทย- ลาว ไปฝั่ง ตม. ลาว ค่ะ เสร็จจากด่านก็ไปซื้อ One way ticket บัตรผ่านแดน ไว้ ตึ๊ดออก ประมาณ 5 บาทต่อคนค่ะ วันธรรมดา จ่ายเงินไทยได้ค่ะ ช่วงระหว่างนี้ เพื่อนเราก้ไปแลกเงินค่ะ แลกตรงด่านเลย เรทวันนั้น ของเราเป็น 1 บาท เท่ากับ 241.3 กีบค่ะ ได้มาประมาณ ล้านสองแสนกว่ากีบ เงินเป็นกอบเป็นกำ อิอิ....
เสร็จจากการข้ามแดนเรียบร้อย ก็ไปขึ้นรถบัสค่ะ จะจอดรอเราอยู่ ระหว่างนี้ มีบางคนยังไม่เสร็จ เราก็ไปหาซื้ออะไรไว้กินรองท้องได้ค่ะ ตรงด่านมีขายเพียบเพราะเดี๋ยวรถ จะวิ่งไปยาวๆ เลยค่ะ จอดพักอีกที ประมาณบ่ายโมง เลย ตรงจุดจอดพัก ก็มีของขาย เราแนะนำ กล้วยย่างผ่ายัดไส้มะพร้าว อร่อยค่ะ 5000 กีบ เอง มาม่า ของเค้าก็อร่อยค่ะ ชามละ 15,000 กีบ เหมือนมาม่าบ้านเรา แต่เค้าปรุงรส ทำเหมือนก๋วยเตี๋ยวมีลูกชิ้น มีหมู สามชั้นใส่มาให้
ต่อจากนี้ รถก็ ไปต่อค่ะเริ่มเป็นเส้นทางโค้ง เลี้ยวเลาะ ตลอดทางเราไม่ได้หลับเลย เพราะอยากดูทิวทัศน์ สองข้างทาง หมู่บ้านเล็กในเขา เด็กๆ วิ่งเล่น
น่ารักดี คนขับมีความชำนาญทางมากๆ เพราะถนนแคบ เวลามีรถสวนมาแอบหวาดเสียวตลอดเลย ..... พอสักประมาณ บ่ายสองกว่า ก็เริ่มเข้าใกล้วังเวียง อุ้ย.... ตื่นเต้น คือ อยากลงแล้วนั่งแบบนั้นข้างคนขับเมื่อยอยู่เหมือนกันแต่ก็ทน ศรีทนได้ ......
พอบ่ายสามโมง ก็ถึงวังเวียงค่ะ รถจะไปจอดในโรงแรม จำชื่อไม่ได้แฮะ เหมือนเค้าเป็น partner กัน แล้ว ก็ลงไปเอาของ เตรียมไปที่พัก เค้าจะมีรถรับส่งฟรีจากตรงนั้นเข้าไปในเมืองวังเวียง จริงๆ ไม่ไกล แต่เดินก็เหนื่อยอยู่ มีของด้วย จะลงตรงไหนก็บอกพี่เค้าค่ะ พี่เค้าใจดี
สำหรับที่พัก เราจองจาก อโกด้ามาค่ะ เวียงธารา วิลล่า ดูจากรีวิวแล้วสวยมาก ช่วงนั้น เป็น low season คืนละ THB 1,551.87 (USD 46.08) ก็เลยเอา เพราะราคาปกติแพงอยู่ค่ะ ส่วนคืนที่ 2 เราพักอีกทีค่ะ ถูกกว่านี้ค่ะ
แล้วรถที่มาส่ง ก็มาจอดปากทางเข้าโรงแรมเวียงธารา เราเดินไปต่อ จะต้องข้ามสะพานไปค่ะ เสียค่าข้ามด้วยค่ะ เสียรอบเดียวไปกลับ ประมาณ 2000 กีบ พักเวียงธาราก็ต้องเสียค่ะ รู้สึกจะเป็นของเอกชน คือเดินไม่ไกล แต่อากาศร้อน ค่ะ จ่ายเงินค่าผ่านสะพาน เห็นวิวแล้วหายเหนื่อยเลยค่ะ
ก็ไป เช็คอิน อย่าลืมปริ้นใบ booking ไปด้วยนะคะ เจ้าหน้าที่ที่นี่น่ารักค่ะ ยิ้มแย้ม มี ผ้าเย็น กับ welcome drink มาให้ แล้วก็ ลิส รายการอาหารเช้าค่ะ เป็น buffet นะคะ จะเลือกกี่อย่างก็ได้ คือ อยากจะ เลือกหมดเลย ตะกละมาก 555 แต่กลัวกินไม่หมด แล้วก็ ฟรี drink 2 อย่าง ก็ ต่อห้องค่ะ ตอนนั้นยังไม่สั่ง อยากเข้าห้องพักจะแย่แล้ว
เอาภาพบรรยากาศ เวียงธารามาฝากค่ะ อันนี้ผ่านภาพถ่ายนะคะ ลอง จินตนาการกันดูเองนะคะว่าไปอยู่ตรงนั้น มันฟินมากค่ะคู๊ณณ....
หลังจากนั้นก็เอาของไปเก็บ ที่ห้อง เตรียมออกไปถ่ายรูป ข้างนอก เยเย้........
อันนี้เป็นห้องพักของเรา ค่ะ วิว จาก ด้านหลัง ทิวเขา และด้านหน้าวิวแม่น้ำซองค่ะ
ก็เลยล้างหน้าล้างตา กะไปเดินเล่น ชิวๆ ในวังเวียง ไหนดูสิ ชิวแค่ไหนกัน ป่ะๆ
อย่างที่บอกค่ะ วังเวียงเป็นเมืองเล็กๆ มันน่ารักอะค่ะ ดูอบอุ่น เดินเล่นได้ สบายๆ เราว่า ผู้หญิงมาคนเดียวยังได้เลยค่ะ ร้านขายของ ข้างทาง ส่วนมากจะเป็น ขนมปัง บาแก็ต เค้าทำสดๆ ใหม่ๆ เลยค่ะ ไส้ ตามที่เราเลือก มี น้ำผลไม้ สมูตตี้ ปั่น น่าทานมาก เราเดินเล่นกันมาเรื่อยๆ จนถึงย่านที่เค้าเรียกว่าเมือง ผู้คนจะเริ่มพลุกพล่าน สำหรับใครที่ชอบโอปป้านะคะ ท่านจะไม่ผิดหวัง วังเวียง นี่เป็นเมืองแห่งโอปป้าจริงๆ คนเกาหลีเยอะมากค่ะ อ่ะๆ แต่ติ่งฝรังอย่าเพิ่งเซ็ง หนุ่มๆ ตาน้ำข้าวเค้าก็พากันมาเที่ยวค่ะ เราก็ได้เพื่อน มานะคะ 2 คน ชื่อ โบอัซ กับ ริชาร์ต เจอกันตรงร้านบาแก็ตตรงหัวมุม นาง say hi มาค่ะ ชะนี อย่างเราไม่มีเขินอายค่ะ ทักทายกลับไปอย่างไวว่อง แล้วเราก็ยืนคุยกับ 2 หนุ่มตรงนั้นแหละค่ะ รอ บาแก๊ตเบคอน แฮม ชี๊ท ที่สั่งไป ด้วย ราคา 20000 กีบค่ะ
หลังจากนั้น เราก็ยืนกินคุยเพลินๆ กัน เพื่อนเราหิวข้าวค่ะ ต้องพานางไป นางเริ่มโมโหหิว เราก็ถาม ว่าเราจะไปกินข้าวกะเพื่อนนะ ไปด้วยกันไหม ชวนตามมารยาท เพราะ คิดว่าคงไม่ไปหรอกมั้ง ปรากฎว่า หนุ่มๆ เค้าไปค่ะคุณ เราไปนั่งร้าน Other Side Restaurant ร้านอยู่ริมแม่น้ำซอง เพื่อนเราสั่งข้าว หนุ่มๆ สั่งเบียร์ อาหารอร่อยนะคะ ร้านนี้ ถูกด้วย เพื่อนเราสั่งข้าวผัดจานใหญ่ หมูสะเต๊ะ 160 กว่าบาทเอง ไม่ได้ถ่ายรูปไว้ ยืมรูปจากเวปมาค่ะ
ส่วนคนที่อยากเชฟค่ากิน ไม่ต้องกลัวค่ะ ที่นี่มี mini mart มีร้านขายของชำ ขายบุหรี่หลากหลายยี่ห้อมาก มี ชายสี่หมี่เกี๊ยว มีตื่มซำ มีไก่ย่าง 5 ดาว ด้วยจ้าาา ....... กินเสร้จก็กลับ ค่ะ หนุ่มๆ เค้าชวนไปต่อ แต่เราไม่ไปค่ะ ( จริงๆ ก็อยาก แต่สะพานข้ามกลับเวียงธาราปิดเที่ยงคืนค่ะ ) เค้าเดินไปส่งเรากลับด้วยนะ ส่งถึงสะพานเลย น่ารักอ่ะ แล้วเราก็แลกเฟสกันค่ะ แล้วคืนนั้นก็หลับสบายเชียว เพลียนั่งรถ
มาต่อกันวันที่ 2 ตื่นประมาณ 8 โมงค่ะ เพราะนัดอาหารเช้า ไว้ 9 โมง อาหารมาตรงเวลามากค่ะ พอเสริฟเสร็จเค้าก็ขึ้นมาเคาะ เรายังแต่งตัวไม่เสร็จ เลยบอกเดี๋ยวลงไปค่ะ พอลงไปน้องเค้ายังยืนรอค่ะ เฝ้าอาหารให้ กลัวมดแมลงมา เลยให้ทิปไปค่ะ ให้เป็นเงินไทยนี่แหละค่ะ ถือว่าเป็นน้ำใจเนอะ
อาหารอร่อยค่ะ นั่งกิน ชมธรรมชาติ ใต้ถุนห้อง ได้ฟิล มากค่ะ อาหารมื้อนั้น อร่อยมาก มีความสุขมากค่ะ
....... วันนี้เราต้องเตรียม check out ค่ะ กินข้าวเสร็จก็เก็บกระเป๋าออกมาค่ะ มาถ่ายรูปเก็บบรรยากาศ
ถ่ายรูปคุ้มอ่ะ พูดเลย
ที่พัก คืนที่ 2 ของเรา ก็จองมาค่ะ ภูมิใจ Guesthouse 17 USD 575 บาทค่ะ รถจากเวียงธารา มาส่งฟรีค่ะ
เจอคุณลุงเจ้าของ น่ารักมาก แกฮา เรียกเรา ลูกๆ ตลอดเลย แกบอกอยู่ต่ออีกคืนไหม คิดถูก 200 กว่าบาท เอง เราบอกขอคิดดูก่อน เพราะราคา walk-in รู้สึกจะ 380ต่อคืน ค่ะ พอดีมี น้อง 2คนมาจากกรุงเทพ หาห้องพักพอดี เลย add line กันไว้ เพราะเรามีแพลนค่ะ วันนี้จะไป blue lagoon หาเพื่อนหาร พอดี ตอนแรก จะเช่ามอไซค์แต่ไม่ไหว ทางโหดเหมือนกัน เลยกะจะเช่ารถไป พอเอาของไปเก็บห้องพัก ก็เจอเพื่อนข้างห้องค่ะ มาจากฝรั่งเศส เป็นแฟนกันเลยชวนไปบลุลากูนด้วย คือรถอะค่ะ เค้าจะคิดราคาเหมา 200000 กีบ 800 บาทค่ะ ไปหลายคนก็หารกัน จะถูกลง ต่อรองเอานะคะ ของเรา 6 คน ก็คนละร้อยกว่าบาท ไปที่ไหนบ้าง จริงๆอยากไปถ้ำจัง แต่ก็บ่าย 3 กว่าแล้ว เลยไปแค่บลูลากูนค่ะ ที่บลุลากูนมีถ้ำด้วยนะคะ พร้อมแล้วออกเดินทางกันค่ะ
ระยะทางไม่ไกลนะคะ แต่เป็นทางลูกรังค่ะ ไปทางเวียงธาราค่ะ ข้ามสะพานไป เราต้องจ่ายค่าข้ามเอง แต่บางคันเค้าจ่ายให้นะคะ ระหว่างทางไปบางคันก็จอดให้ถ่ายรูปนะคะ ตกลงกันตอนแรกดีๆ
ในที่สุดก็มาถึง บลูลากูน น้ำใส สวยงาม สมดั่งคำร่ำลือ
โดดเลยนะคะ ใครว่ายน้ำเป็น แต่เค้าว่ายไม่เป็น เลยไปเช่าชูชีพมาค่ะ 10000 กีบ 40 บาท
คือ อยากอยู่ที่นี่นานๆ เลย โอปป้าถอดเสื้อ แขนล่ำๆ อยากจะกระโดดกัด (นึกว่าตัวเองเป็นซอมบี้ขึ้นมาทันที ) ลืมบอกไป เพื่อน หนุ่มตาน้ำข้าวชาวดัชที่เราเจอกันเมื่อคืนเค้าก็มานะคะ เค้าถามว่าเราใน FB ว่าไปไหนวันนี้ เลยบอกว่าไปบลูลากูน แล้วก็อย่างที่เห็นค่ะ มาเจอกัน อิอิ ...... ถอดเสื้อด้วย ฟินไปอีก
เราเจอเพื่อนคนไทยที่นั่นด้วยนะคะ ก็เลยนัดกันไป ซากุระบาร์ค่ะ เห็นเค้าบอกว่ามาวังเวียงต้องซากุระบาร์ จัดไปสิคะ เราชวน 2 หนุ่มนั่นไปด้วยนะคะ
คืนนั้นเป็นคืนวันศุกร์ ผู้คนพลุกพล่าน วัยรุ่นหนุ่มสาว ทั้งไทยและเทศ รวมถึงหนุ่มสาวชาวลาวด้วยค่ะ เรากับเพื่อนอาบน้ำแต่งตัวกันค่ะเสร็จก็เดินไปซากุระบาร์ ไม่ไกลจากที่เราพัก ครั้งแรกเลยนะเนี่ย เดินไปผับไปบาร์ เกร๋ไปอีก เดินชิวๆ แปบเดียวถึง
เล่าไป เล่ามา จะครบ 10000 อักษรแล้วค่ะ เดี๋ยวมาต่อ ภาค 2 นะคะ