นิยามของสเปชของเวลา คือ ช่วงการสังเกตที่มีเวลาเป็นของตัวเองครับ โดยปกติจะแยกออกอย่างชัดเจน
ขอยกตัวอย่าง คุณอยู่บนโลกมีเสปชเวลาหนึ่งที่มีแต่ตัวคุณที่รู้ ในขณะอีกคนอยู่ในอวกาศที่เคลื่อนที่ด้วยความเร็วที่มีแต่ตัวเค้าที่รู้ในช่วงเวลา
นั้น สองสเปชนี้ต่างกันครับ แต่เมื่อเข้าใกล้กันจะเกิดการดึงดูดเพื่อปรับเวลาให้คล้องจอง
มิติคือ จำนวนในการบอกตำแหน่งครับ อย่างเส้นตรงหนึ่งเส้น การบอกตำแหน่งคือ x ตัวเดียว
เมื่อมีสองเส้นจะกลายเป็น x y และสามก็คือ x y z
มิติเวลาคือ มิตินั้นอาจมี xyz xy แต่รวมเสปชเวลาเข้าไปด้วย คือ มิติที่ใช้การบอกตำแหน่ง x y z บวกกับเวลาการรับรู้ในมิตินั้นๆ
งั้นก็ฝากพี่ๆในห้องชี้แนะด้วยครับ ทฤษฏีคือ แต่เดิมที่ทุกที่คือความว่างเปล่าของพลังงาน
แต่เมื่อมีเส้นหนึ่งเส้นลากลงมา
จะเกิดช่วงเวลาขึ้นในทุกๆช่วงของเส้น
ซึ่งช่วงเวลาคือเสปชเวลานั้นๆที่จะดึงดูดสิ่งรอบข้างและชนกันในที่สุดถ้าไม่มีแรงอื่นมากระทำ
หรือก็คือมิติทุกมิติที่เกิดมาล้วนต้องมีเสปชเวลาเกิดขึ้นมาเสมอ
แต่เส้นไม่ได้มีเส้นเดียว เมื่อเส้นสองเส้นตัดกันก็จะเกิดมิติเวลาสองมิติ
ที่ทำให้เกิดช่วงเวลาอีกช่วงและซ้อนทับที่มีแรงมากระทำ ทำให้ของสองเสปชยากขึ้นที่จะมาชนกันและหลอมรวม และในแกน z เองก็มีเช่น
กัน รูปแบบของแรงจึงประกอบไปด้วยตัวมันเอง ที่มีดึงดูด ผลัก และสั่นในตัวเองกับอนุภาคที่มันจับคู่ด้วย
แต่ถ้าไม่มีอนุภาคที่จับคู่ด้วย เส้นที่เต็มไปspace เวลานี้จะดึงดูดตัวเอง ก่อนขดตัว กลายเป็นรูปแบบที่คล้ายกับทฤษฏีสตริง ซึ่งจะไม่มีสเถียร
ภาพมากเพราะมีแรงสั่นในตัวจากมิติที่ซ่อนทับอย่างมหาศาล ทำให้มันเคลื่อนที่ได้รวดเร็ว และมีความสามารถปลดปล่อยพลังงานเพื่อข้ามมิติ
ได้ และมันจะแตกกระจายออกเมื่อประทะกับอนุภาคอื่นก่อนรวมตัว
หรือก็คือ อนุภาคจะมีแรงสั่นเสมอ มิติใดๆไม่สามารถเกิดขึ้นมาได้ถ้าไม่มีการเกิดเสปชเวลาพร้อมๆกัน
ตัวตนของอนุภาคคือเส้นที่ลากผ่านพลังงาน เกิดมิติ เวลา แรงสั่นมหาศาล และท้ายที่สุดขดตัวตามทฤษฏีสตริงก่อนโดดข้ามมิติไปมาเพื่อแตก
สลายออกในการรวมตัว
เส้นที่ลากคืออะไร
คาดเดาว่าคือ ปฏิสสารของพลัง ที่ดูดพลังงานเข้าหาเป็นศูนย์กลาง
เส้นพลังงานเพื่อปะทะกับปฏิสสารพลังงานตามสมมุติฐานจะไม่หายไป แต่
จะคายพลังงานออก ดังเช่นหลุมดำที่ดูดแสงเข้าหาก็น่าจะมีทางออกเช่นกัน เพราะ e^2=m^2c^4 ทำให้คาดเดาไปได้ครับ
นี่คือสิ่งที่คิดครับ แต่ผมไม่ปัญญาคิดคณิตศาสตร์ระดับสูงได้ แต่ก่อนหน้านั่นก็ลองให้พี่ๆตีให้ล่วงก่อน
นี่เป็นไฟล์ข้อมูล dox พร้อมรูปประกอบ
https://drive.google.com/file/d/0B6bQlP5x1i0lTTdrVG5aT0J3cFU/view?usp=sharing
เราไม่สามารถสังเกตเสปชเวลาอื่นได้จากเสปชเวลาที่เราอยู่
เพราะอยู่กันคนละห้วงซึ่งจะทำให้เกิดการหลอกตาของพลังงานโดยรอบ
แล้วอะไรจะเกิดขึ้นเมื่อเราเครื่องที่เข้าใกล้แสงสังเกตในวัตถุที่ช้ากว่ามากๆ
หนึ่ง คือ จะเกิดภาพลวงจากแสงในสเปชเวลาที่ต่างกันจึงไม่สามารถสังเกตสภาพที่แท้จริงได้
สอง คือ ในกรณีที่สเปชทั้งสองสัมผัสกัน ความเร็วของผู้สังเกตที่มากกว่ามากๆ
จะทำให้เกิดการดึงกันของเสปชเวลา
และระบบของดาวที่ช้าจะถูกท่ายทอดพลังงาน
ถ้าพลังงานไม่ลดลงและดาวที่รับไม่อาจปรับตัวต่อเสปชเวลาได้จะเกิดช่องว่องของ
เสปชทั้งสองในระยะที่ใกล้ขึ้น และทำให้วัตถุบิดเบี้ยวไปจากเดิม
ก่อนในที่สุดถ้าพลังงานมหาศาลเกินไปจะเกิดช่องว่างขึ้น
และดูดทุกสิ่งเข้าไปรวมถึงผู้สังเกตด้วย
สาม คือ ผู้สังเกตถูกดูดเข้าสู่อีกสเปชก่อนชะลอความเร็วลงเพื่อเข้าสู่เสปชเวลา
ทฤษฏีสมคบคิด ว่าด้วยเส้น มิติและเวลาที่เป็นตัวกำเนิดของสรรพสิ่ง
ขอยกตัวอย่าง คุณอยู่บนโลกมีเสปชเวลาหนึ่งที่มีแต่ตัวคุณที่รู้ ในขณะอีกคนอยู่ในอวกาศที่เคลื่อนที่ด้วยความเร็วที่มีแต่ตัวเค้าที่รู้ในช่วงเวลา
นั้น สองสเปชนี้ต่างกันครับ แต่เมื่อเข้าใกล้กันจะเกิดการดึงดูดเพื่อปรับเวลาให้คล้องจอง
มิติคือ จำนวนในการบอกตำแหน่งครับ อย่างเส้นตรงหนึ่งเส้น การบอกตำแหน่งคือ x ตัวเดียว
เมื่อมีสองเส้นจะกลายเป็น x y และสามก็คือ x y z
มิติเวลาคือ มิตินั้นอาจมี xyz xy แต่รวมเสปชเวลาเข้าไปด้วย คือ มิติที่ใช้การบอกตำแหน่ง x y z บวกกับเวลาการรับรู้ในมิตินั้นๆ
งั้นก็ฝากพี่ๆในห้องชี้แนะด้วยครับ ทฤษฏีคือ แต่เดิมที่ทุกที่คือความว่างเปล่าของพลังงาน
แต่เมื่อมีเส้นหนึ่งเส้นลากลงมา
จะเกิดช่วงเวลาขึ้นในทุกๆช่วงของเส้น
ซึ่งช่วงเวลาคือเสปชเวลานั้นๆที่จะดึงดูดสิ่งรอบข้างและชนกันในที่สุดถ้าไม่มีแรงอื่นมากระทำ
หรือก็คือมิติทุกมิติที่เกิดมาล้วนต้องมีเสปชเวลาเกิดขึ้นมาเสมอ
แต่เส้นไม่ได้มีเส้นเดียว เมื่อเส้นสองเส้นตัดกันก็จะเกิดมิติเวลาสองมิติ
ที่ทำให้เกิดช่วงเวลาอีกช่วงและซ้อนทับที่มีแรงมากระทำ ทำให้ของสองเสปชยากขึ้นที่จะมาชนกันและหลอมรวม และในแกน z เองก็มีเช่น
กัน รูปแบบของแรงจึงประกอบไปด้วยตัวมันเอง ที่มีดึงดูด ผลัก และสั่นในตัวเองกับอนุภาคที่มันจับคู่ด้วย
แต่ถ้าไม่มีอนุภาคที่จับคู่ด้วย เส้นที่เต็มไปspace เวลานี้จะดึงดูดตัวเอง ก่อนขดตัว กลายเป็นรูปแบบที่คล้ายกับทฤษฏีสตริง ซึ่งจะไม่มีสเถียร
ภาพมากเพราะมีแรงสั่นในตัวจากมิติที่ซ่อนทับอย่างมหาศาล ทำให้มันเคลื่อนที่ได้รวดเร็ว และมีความสามารถปลดปล่อยพลังงานเพื่อข้ามมิติ
ได้ และมันจะแตกกระจายออกเมื่อประทะกับอนุภาคอื่นก่อนรวมตัว
หรือก็คือ อนุภาคจะมีแรงสั่นเสมอ มิติใดๆไม่สามารถเกิดขึ้นมาได้ถ้าไม่มีการเกิดเสปชเวลาพร้อมๆกัน
ตัวตนของอนุภาคคือเส้นที่ลากผ่านพลังงาน เกิดมิติ เวลา แรงสั่นมหาศาล และท้ายที่สุดขดตัวตามทฤษฏีสตริงก่อนโดดข้ามมิติไปมาเพื่อแตก
สลายออกในการรวมตัว
เส้นที่ลากคืออะไร
คาดเดาว่าคือ ปฏิสสารของพลัง ที่ดูดพลังงานเข้าหาเป็นศูนย์กลาง
เส้นพลังงานเพื่อปะทะกับปฏิสสารพลังงานตามสมมุติฐานจะไม่หายไป แต่
จะคายพลังงานออก ดังเช่นหลุมดำที่ดูดแสงเข้าหาก็น่าจะมีทางออกเช่นกัน เพราะ e^2=m^2c^4 ทำให้คาดเดาไปได้ครับ
นี่คือสิ่งที่คิดครับ แต่ผมไม่ปัญญาคิดคณิตศาสตร์ระดับสูงได้ แต่ก่อนหน้านั่นก็ลองให้พี่ๆตีให้ล่วงก่อน
นี่เป็นไฟล์ข้อมูล dox พร้อมรูปประกอบ
https://drive.google.com/file/d/0B6bQlP5x1i0lTTdrVG5aT0J3cFU/view?usp=sharing
เราไม่สามารถสังเกตเสปชเวลาอื่นได้จากเสปชเวลาที่เราอยู่
เพราะอยู่กันคนละห้วงซึ่งจะทำให้เกิดการหลอกตาของพลังงานโดยรอบ
แล้วอะไรจะเกิดขึ้นเมื่อเราเครื่องที่เข้าใกล้แสงสังเกตในวัตถุที่ช้ากว่ามากๆ
หนึ่ง คือ จะเกิดภาพลวงจากแสงในสเปชเวลาที่ต่างกันจึงไม่สามารถสังเกตสภาพที่แท้จริงได้
สอง คือ ในกรณีที่สเปชทั้งสองสัมผัสกัน ความเร็วของผู้สังเกตที่มากกว่ามากๆ
จะทำให้เกิดการดึงกันของเสปชเวลา
และระบบของดาวที่ช้าจะถูกท่ายทอดพลังงาน
ถ้าพลังงานไม่ลดลงและดาวที่รับไม่อาจปรับตัวต่อเสปชเวลาได้จะเกิดช่องว่องของ
เสปชทั้งสองในระยะที่ใกล้ขึ้น และทำให้วัตถุบิดเบี้ยวไปจากเดิม
ก่อนในที่สุดถ้าพลังงานมหาศาลเกินไปจะเกิดช่องว่างขึ้น
และดูดทุกสิ่งเข้าไปรวมถึงผู้สังเกตด้วย
สาม คือ ผู้สังเกตถูกดูดเข้าสู่อีกสเปชก่อนชะลอความเร็วลงเพื่อเข้าสู่เสปชเวลา